คำแนะนำ : รีวิวผมเป็นรีวิวกาก ๆ ที่ไม่ได้ใส่รายละเอียดข้อมูลแนะนำต่าง ๆ ไว้ให้มากมายนะครับ
เพียงแค่อยากเล่าให้ฟังกับประสบการณ์ที่ได้เดินทางไป ได้พบ ได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ
แล้วก็อยากแชร์ภาพถ่ายให้ดู คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ยามว่างแล้วกันนะครับ
ภาษาอาจมีความรุนแรง กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับลม...เอ่ย..รับชม ด้วยครับ
เข้าใกล้เดือนธันวาคมไปทุกที ความหนาวกำลังจะมาเยือน หลาย ๆ คนคงจะมีแพลนไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นมรดกโลก
ที่ชื่อ ชิราคาวะโกะ กันแน่ ๆ ผมเลยขอถือโอกาสนี้ แชร์ภาพ กับเรื่องราว ที่ได้ไปสัมผัสมาให้ทุกคนได้รับรู้แล้วกันครับ
ผมไปมาเมื่อช่วงปีใหม่ ปีที่แล้ว ธันวาคม 2557
จริง ๆ แล้วผมเคยไปมาแล้วครั้งนึง ช่วงหน้าร้อน และได้เขียนรีวิวไปแล้ว ในกระทู้ข้างล่างครับ
"จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 3 คานาซาว่า ชิรากาว่าโกะ ทะกะยาม่า"
http://pantip.com/topic/31281923
เป็นการเดินทางโดยรถไฟจากนาโกย่าสู่คานาซาว่า แล้วถึงเดินทางด้วยรถบัสมายังชิราคาวะโกะ แล้วไปต่อทาคายาม่า
แต่รอบนี้เป็นการไปด้วยรถบัสจากนาโกย่าถึงชิราคาวะโกะโดยตรงเลย
แต่ก่อนจะถึงหน้าหนาว ก็จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง สำหรับใครที่กำลังจะไปเยือน ผมเคยทำรีวิวโครังเคไว้
ตามกระทู้ข้างล่างครับ สวยจนอยากจะไปอีกรอบ
"PHOmTOz’s :...เมื่อ...ใบไม้แดง ที่ "โครังเค""
http://pantip.com/topic/32917551
เข้าเรื่องตะลุยหิมะในชิราคาวะโกะกันดีก่าเนอะ โม้นอกเรื่องซะยาวเฟื้อย....
การเดินทางไปชิราคาวะโกะในครั้งนี้ ผมเดินทางโดยรถโดยสารของ Meitetsu bus จากเมืองนาโกย่า ยิงตรงสู่ชิราคาวะโกะเลย
ราคาตกคนละประมาณ 3000กว่าเยน รถออกวันละสองรอบช่วงเช้า 9โมง กับ 11โมงครับ แน่นอน...สถานที่เที่ยวยอดฮิตขนาดนี้
บวกกับเป็นช่วงซูเปอร์ไฮซีซั่นอีก ต้องไปซื้อตั๋วล่วงหน้าครับ แต่ไม่ใช่ล่วงหน้าแค่วันสองวันนะ ผมว่าต้องสองอาทิตย์เป็นอย่างต่ำ
ตอนของผมนี่ ซื้อล่วงหน้าเดือนนึง ขนาดว่าไปซื้อเร็วแล้วนะ รอบเช้ายังเต็มอะ
การจองรู้สึกจะจองทางเว็บไม่ได้นะครับ ต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์เลย คงจะลำบากหากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป
แต่ยังมีการเดินทางอีกหลายแบบหลายทางให้เลือกครับ
นอกจากรถบัสของเมเททซึที่ผมใช้แล้ว ยังมีอีกจ้าว คือ เจอาร์บัส และโนฮิบัส แต่ว่าไม่ได้วิ่งตรงสู่ชิราคาวะโกะ จะต้องไปลงที่ทาคายาม่า
แล้วต่อรถอีกที ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะแพลนไปเที่ยวเมืองทาคายาม่าก่อน แล้ววันถัดไปค่อยไปชิรา..
ส่วนผมจองบ้านโฮมสเตย์ที่ชิราไว้ เลยจะไปที่ชิราก่อน ขากลับออกมาผมจึงจะแวะทาคายาม่าครับ
การเดินทางโดยรถบัสที่ญี่ปุ่น สะดวกสบายฝุดๆ มีประการข้อเตือน ข้อแนะนำตลอดการเดินทาง แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนนะครับ
อาจจะลำบากมากสำหรับคนไม่รู้ แต่ผมว่ามันก็เป็นสีสันดีนะ เดา ๆ กันไป 55
ระหว่างเดินทาง ช่วงแรก ๆ แมร่งเบื่อฝุด ๆ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงได้ แต่หลังจากเริ่มเห็นทางขาวโพลนไปด้วยหิมะเมื่อไหร่นะ
โคตรตื่นเต้นอะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพแบบนี้กับตา ฟินอย่างบอกไม่ถูก จริง ๆ ก่อนหน้ามาเที่ยวช่วงปีใหม่ มีหิมะตกแรงช่วงกลางธันวาไปแล้ว
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะ จำได้ว่าตอนเช้าตื่นมา ดีใจสุด ๆ กระโดดโลดเต้นคนเดียวในห้องอย่างกับคนบ้า ขึ้นรถไฟไปทำงาน
อมยิ้มคนเดียวตลอดทางอะ มีความสุขฉริบหาย ลืมไปเลยว่าอยากกลับไทย
พอมาถึงที่ชิรา มันสุดตรีนมาก ภาพที่เคยเห็นทุ่งเขียวในฤดูร้อนคราวก่อน เปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะสีขาว อยากจะเอาหน้าลงไปมุดใต้หิมะกันเลยทีเดียว
ผมไม่รอช้า รีบตามหาบ้านโฮมสเตย์ที่จองไว้ ชื่อบ้านฟุรุซาโตะ เจ้าของบ้านอัธยาศัยดีมาก ๆ ครับ ตอนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี
(ผมไม่รู้ว่าคุณป้าพูดอังกฤษได้ป่าวนะ เพราะผมใช้แต่ญี่ปุ่น) หลังจากเราเอาของเข้าไปวาง คุณป้ารีบบอกให้ออกไปเล่นข้างนอกเลย
จะได้ใช้เวลามาก ๆ ทางที่พักเค้ามีรองเท้าใส่ลุยหิมะให้ครับ ไม่ต้องกลัวลำบาก
สำหรับใครที่อยากจะไปอยู่บ้านโฮมเตย์ในเมืองมรดกโลกแบบนี้บ้าง ให้จองหาบ้านพักผ่านทางเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยว
ของทางชิราคาวะโกะได้เลยครับ ส่งเมล์แจ้งว่าเราจะจอง เด๋วทางเค้าจะขอรายละเอียดการจองเราอีกที
แล้วเค้าจะแจ้งว่าเราได้อยู่บ้านไหน วันเดินทางไปถึงค่อยไปรับแผนที่ แล้วเค้าจะแนะนำว่าบ้านอยู่ตรงไหนครับ
ไม่มีค่าจอง ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าครับ ค่าใช้จ่ายประมาณ 9000 เยนต่อคนต่อคืน รวมอาหารสองมื้อกับบรรยากาศชาวนาญี่ปุ่น มันเจ๋งสาด....
การจองนี่ผมไม่รู้ว่าต้องจองล่วงหน้านานขนาดไหนนะครับ ถึงจะว่าง เพราะที่พักมันก็ไม่ได้มีเยอะอะไรขนาดนั้น
อีกอย่าง ใคร ๆ ก็อยากไป ส่วนของผมติดต่อไว้ล่วงหน้าประมาณเกือบปีได้
ผมไม่ได้เดินไปจุดสูงสุดเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากกำลังจะค่ำ ไม่ค่อยมีเวลาครับ เลยได้แต่เดินอยู่ข้างล่างในหมู่บ้าน แต่แค่นี้ก็ฟินสุด ๆ ละ
พอดีช่วงนั้น เน็ตไอดอลที่ชื่อพิมฐา ไปเที่ยวฮอกไกโด แล้วมีภาพเอาหน้าแนบหิมะพอดี ไอ้เราเห็น ก็รู้สึกว่ามันฟินดี เลยเอาบ้าง 55+
วิวที่นี้ บอกเลย เจ๋งสาดดดด
อากาศช่วงกลางวัน อยู่ประมาณ 5 องศา ส่วนกลางคืน ใกล้ๆสว่าง น่าจะ -2 ครับ
ตอนเดิน ๆ ไม่รู้ว่าหนาวรึเปล่า เพราะมันสนุกโคตร เห็นได้ชัดว่า ความสนุกเป็นเครื่องปกกันความหนาวที่ดีที่สุด 55+
หลังคาบ้านที่นี้ จะมุงด้วยกิ่งไม้อะไรซักอย่าง ซึ่งอย่าถามผม เพราะไม่รู้
มัดรวมกันหนามาก เป็นหลังคาทรงสูงเพื่อป้องกันหิมะอยู่บนหลังคาหนักกันไป
นี่ขนาดทำแบบนี้แล้วนะ ยังหนาเป็นเมตร
ตอนเย็นเราเข้าบ้านพัก เพื่อไปกินอาหารค่ำ ข้างในบ้านค่อนข้างหนาวครับ แต่ว่าตรงไหนที่มีฮีตเตอร์วางอยู่ ก็อุ่นดี
ส่วนในห้องพักจะมีฮีตเตอร์ให้ตัวนึง เบาะที่นอนที่ป้าปูไว้ให้ จะมีแผ่นร้อนแปะไว้ด้วย ห้องพักเป็นสไตล์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น
ประตูกระดาษเลื่อน ๆ ยังกะการ์ตูน แต่ไม่น่าเชื่อว่าได้กระดาษที่ทำประตูนี่ มันเก็บความร้อนโคตรดีอะ
อาหารค่ำจะเป็นประมาณนี้ครับ ดูหน้าพวกเราซะก่อน ไม่บอกก็รู้ว่าฟินอยู่
คนที่พักในบ้านทั้งหมดจะมารับประทานพร้อมกันครับ ตอนผมไป มีอีกสามครอบครัว ทั้งหมดที่พักในบ้าน น่าจะสิบคนได้
ช่วงเช้าพวกเราตื่นมา แน่นอนครับ ไม่อาบน้ำชัวร์อยู่แล้ว ใครไปแล้วอาบ ผมนับถืออะ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เตรียมเช็คเอ้าท์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผมเคยคุยกับป้าว่า พวกเราเนี่ย เป็นกระเหรี่ยงจากไทย
ไม่เคยเห็นหิมะตก เช้านี้ก่อนเราเดินออกจากบ้าน ป้าเดินมาบอกว่า “จะตกใจกันรึเปล่าน๊า” ไอ้เราก็นึก ตกใจไรเชี่ยไรแว๊
แต่พอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละครัช อยากจะกรี๊ดเป็นแต๋วอะ หิมะตกแรงมว้าก สนุกกันใหญ่เลยทีนี้
ข้าวของก็ต้องหอบ ร่มก็ต้องกาง อยากเล่นหิมะก็อยาก รองเท้าก็จะเปียก รูปก็อยากถ่าย วุ่นวายดีอะ
วันนี้ผมจะเดินทางเข้าโตเกียว แต่ก่อนจะถึง ผมจะไปแวะที่ทากายาม่า กับ มัสซึโมโตะก่อน แน่นอนการเดินทางหลักของผมคือรถบัส
ผมมีเวลาประมาณสามชั่วโมงเพื่อที่จะเดินเล่นในทากายาม่า ก่อนที่จะมาขึ้นรถไปยังเมืองมัสซึโมโต
ที่ทากายาม่าลูกทีมผม โคตรชอบเมืองนี้กันมากอะ ผมแอบเสียใจนะเนี่ย ที่ไม่ได้แพลนไว้ให้อยู่เมืองนี้นาน ๆ
เพราะคิดว่ามันไม่มีอะไรไง คราวก่อนที่เคยมาตอนหน้าร้อน มันก็เฉย ๆ อะนะ แต่พอมีหิมะเท่านั้นแหละ เมืองดูดีขึ้นมาทันตาเลยทีเดียว
ระหว่างทางบนรถไปมัสซึโมโต้ เราจะเห็นหิมะสองข้างทางเต็มไปหมด ทั่วทั้งภูเขา แล้วก็จะเห็นลานสกีหลายที่มาก
(ซึ่งเดือนกุมภา ผมก็ได้มาเล่นแถว ๆ นี้) อยากจะบอกว่าเวลาเห็นวิวแบบนี้ ตื่นเต้นทุกครั้งอะ มันคงแปลกตาคนเมืองร้อนแบบเรา
ทุกคนที่ไปพากันถ่ายทั้งรูป ทั้งวิดิโอ เก็บไว้ราวกับหลุดมาจากโลกไหน คนญี่ปุ่นคงจะคิดนะ
พวกเมริงนี่ไม่เคยเห็นกันจริง ๆ ใช่ไม๊ 55 ก็ไม่เคยดิวะ กรูถึงตื่นเต้น.....
หลังจากถึงมัสซึโมโต ก็ยิงตรงไปที่ปราสาทประจำเมืองเลย แต่น่าเสียดาย อุตสาห์วาดภาพไว้ว่า ต้องมีหิมะตกขาวโพลนที่ตัวปราสาท
แต่มันผิดคาดอะ ที่นี้หิมะยังไม่ตก กว่าปราสาทจะขาวโพลน คงต้องรอกลางเดือนมกราโน้นละม้าง...เซ็งเบย
หลังจากนั้ นเราก็ขึ้นรถบัสไปโตเกียวต่อไป...
หลังจากเขียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาหลายครั้ง จบครั้งนี้คงจะเว้นไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปอีก
คงไม่ได้กลับไปอยู่แน่ ๆ และก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปเที่ยวเช่นกัน
แต่ยังไง ก็จะต้องมีสักวันที่ผมจะไปตะลุยจากโตเกียว ถึงฮอกไกโดให้จงได้...โปรดติดต่อตอนต่อไป..
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
[CR] PHOmTOz : ทริปหนาว หนาว กับหิมะข๊าว ขาว ที่ " Shirakawago"
เพียงแค่อยากเล่าให้ฟังกับประสบการณ์ที่ได้เดินทางไป ได้พบ ได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ
แล้วก็อยากแชร์ภาพถ่ายให้ดู คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ยามว่างแล้วกันนะครับ
ภาษาอาจมีความรุนแรง กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับลม...เอ่ย..รับชม ด้วยครับ
เข้าใกล้เดือนธันวาคมไปทุกที ความหนาวกำลังจะมาเยือน หลาย ๆ คนคงจะมีแพลนไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นมรดกโลก
ที่ชื่อ ชิราคาวะโกะ กันแน่ ๆ ผมเลยขอถือโอกาสนี้ แชร์ภาพ กับเรื่องราว ที่ได้ไปสัมผัสมาให้ทุกคนได้รับรู้แล้วกันครับ
ผมไปมาเมื่อช่วงปีใหม่ ปีที่แล้ว ธันวาคม 2557
จริง ๆ แล้วผมเคยไปมาแล้วครั้งนึง ช่วงหน้าร้อน และได้เขียนรีวิวไปแล้ว ในกระทู้ข้างล่างครับ
"จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 3 คานาซาว่า ชิรากาว่าโกะ ทะกะยาม่า"
http://pantip.com/topic/31281923
เป็นการเดินทางโดยรถไฟจากนาโกย่าสู่คานาซาว่า แล้วถึงเดินทางด้วยรถบัสมายังชิราคาวะโกะ แล้วไปต่อทาคายาม่า
แต่รอบนี้เป็นการไปด้วยรถบัสจากนาโกย่าถึงชิราคาวะโกะโดยตรงเลย
แต่ก่อนจะถึงหน้าหนาว ก็จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง สำหรับใครที่กำลังจะไปเยือน ผมเคยทำรีวิวโครังเคไว้
ตามกระทู้ข้างล่างครับ สวยจนอยากจะไปอีกรอบ
"PHOmTOz’s :...เมื่อ...ใบไม้แดง ที่ "โครังเค""
http://pantip.com/topic/32917551
เข้าเรื่องตะลุยหิมะในชิราคาวะโกะกันดีก่าเนอะ โม้นอกเรื่องซะยาวเฟื้อย....
การเดินทางไปชิราคาวะโกะในครั้งนี้ ผมเดินทางโดยรถโดยสารของ Meitetsu bus จากเมืองนาโกย่า ยิงตรงสู่ชิราคาวะโกะเลย
ราคาตกคนละประมาณ 3000กว่าเยน รถออกวันละสองรอบช่วงเช้า 9โมง กับ 11โมงครับ แน่นอน...สถานที่เที่ยวยอดฮิตขนาดนี้
บวกกับเป็นช่วงซูเปอร์ไฮซีซั่นอีก ต้องไปซื้อตั๋วล่วงหน้าครับ แต่ไม่ใช่ล่วงหน้าแค่วันสองวันนะ ผมว่าต้องสองอาทิตย์เป็นอย่างต่ำ
ตอนของผมนี่ ซื้อล่วงหน้าเดือนนึง ขนาดว่าไปซื้อเร็วแล้วนะ รอบเช้ายังเต็มอะ
การจองรู้สึกจะจองทางเว็บไม่ได้นะครับ ต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์เลย คงจะลำบากหากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป
แต่ยังมีการเดินทางอีกหลายแบบหลายทางให้เลือกครับ
นอกจากรถบัสของเมเททซึที่ผมใช้แล้ว ยังมีอีกจ้าว คือ เจอาร์บัส และโนฮิบัส แต่ว่าไม่ได้วิ่งตรงสู่ชิราคาวะโกะ จะต้องไปลงที่ทาคายาม่า
แล้วต่อรถอีกที ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะแพลนไปเที่ยวเมืองทาคายาม่าก่อน แล้ววันถัดไปค่อยไปชิรา..
ส่วนผมจองบ้านโฮมสเตย์ที่ชิราไว้ เลยจะไปที่ชิราก่อน ขากลับออกมาผมจึงจะแวะทาคายาม่าครับ
การเดินทางโดยรถบัสที่ญี่ปุ่น สะดวกสบายฝุดๆ มีประการข้อเตือน ข้อแนะนำตลอดการเดินทาง แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนนะครับ
อาจจะลำบากมากสำหรับคนไม่รู้ แต่ผมว่ามันก็เป็นสีสันดีนะ เดา ๆ กันไป 55
ระหว่างเดินทาง ช่วงแรก ๆ แมร่งเบื่อฝุด ๆ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงได้ แต่หลังจากเริ่มเห็นทางขาวโพลนไปด้วยหิมะเมื่อไหร่นะ
โคตรตื่นเต้นอะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพแบบนี้กับตา ฟินอย่างบอกไม่ถูก จริง ๆ ก่อนหน้ามาเที่ยวช่วงปีใหม่ มีหิมะตกแรงช่วงกลางธันวาไปแล้ว
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะ จำได้ว่าตอนเช้าตื่นมา ดีใจสุด ๆ กระโดดโลดเต้นคนเดียวในห้องอย่างกับคนบ้า ขึ้นรถไฟไปทำงาน
อมยิ้มคนเดียวตลอดทางอะ มีความสุขฉริบหาย ลืมไปเลยว่าอยากกลับไทย
พอมาถึงที่ชิรา มันสุดตรีนมาก ภาพที่เคยเห็นทุ่งเขียวในฤดูร้อนคราวก่อน เปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะสีขาว อยากจะเอาหน้าลงไปมุดใต้หิมะกันเลยทีเดียว
ผมไม่รอช้า รีบตามหาบ้านโฮมสเตย์ที่จองไว้ ชื่อบ้านฟุรุซาโตะ เจ้าของบ้านอัธยาศัยดีมาก ๆ ครับ ตอนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี
(ผมไม่รู้ว่าคุณป้าพูดอังกฤษได้ป่าวนะ เพราะผมใช้แต่ญี่ปุ่น) หลังจากเราเอาของเข้าไปวาง คุณป้ารีบบอกให้ออกไปเล่นข้างนอกเลย
จะได้ใช้เวลามาก ๆ ทางที่พักเค้ามีรองเท้าใส่ลุยหิมะให้ครับ ไม่ต้องกลัวลำบาก
สำหรับใครที่อยากจะไปอยู่บ้านโฮมเตย์ในเมืองมรดกโลกแบบนี้บ้าง ให้จองหาบ้านพักผ่านทางเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยว
ของทางชิราคาวะโกะได้เลยครับ ส่งเมล์แจ้งว่าเราจะจอง เด๋วทางเค้าจะขอรายละเอียดการจองเราอีกที
แล้วเค้าจะแจ้งว่าเราได้อยู่บ้านไหน วันเดินทางไปถึงค่อยไปรับแผนที่ แล้วเค้าจะแนะนำว่าบ้านอยู่ตรงไหนครับ
ไม่มีค่าจอง ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าครับ ค่าใช้จ่ายประมาณ 9000 เยนต่อคนต่อคืน รวมอาหารสองมื้อกับบรรยากาศชาวนาญี่ปุ่น มันเจ๋งสาด....
การจองนี่ผมไม่รู้ว่าต้องจองล่วงหน้านานขนาดไหนนะครับ ถึงจะว่าง เพราะที่พักมันก็ไม่ได้มีเยอะอะไรขนาดนั้น
อีกอย่าง ใคร ๆ ก็อยากไป ส่วนของผมติดต่อไว้ล่วงหน้าประมาณเกือบปีได้
ผมไม่ได้เดินไปจุดสูงสุดเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากกำลังจะค่ำ ไม่ค่อยมีเวลาครับ เลยได้แต่เดินอยู่ข้างล่างในหมู่บ้าน แต่แค่นี้ก็ฟินสุด ๆ ละ
พอดีช่วงนั้น เน็ตไอดอลที่ชื่อพิมฐา ไปเที่ยวฮอกไกโด แล้วมีภาพเอาหน้าแนบหิมะพอดี ไอ้เราเห็น ก็รู้สึกว่ามันฟินดี เลยเอาบ้าง 55+
วิวที่นี้ บอกเลย เจ๋งสาดดดด
อากาศช่วงกลางวัน อยู่ประมาณ 5 องศา ส่วนกลางคืน ใกล้ๆสว่าง น่าจะ -2 ครับ
ตอนเดิน ๆ ไม่รู้ว่าหนาวรึเปล่า เพราะมันสนุกโคตร เห็นได้ชัดว่า ความสนุกเป็นเครื่องปกกันความหนาวที่ดีที่สุด 55+
หลังคาบ้านที่นี้ จะมุงด้วยกิ่งไม้อะไรซักอย่าง ซึ่งอย่าถามผม เพราะไม่รู้
มัดรวมกันหนามาก เป็นหลังคาทรงสูงเพื่อป้องกันหิมะอยู่บนหลังคาหนักกันไป
นี่ขนาดทำแบบนี้แล้วนะ ยังหนาเป็นเมตร
ตอนเย็นเราเข้าบ้านพัก เพื่อไปกินอาหารค่ำ ข้างในบ้านค่อนข้างหนาวครับ แต่ว่าตรงไหนที่มีฮีตเตอร์วางอยู่ ก็อุ่นดี
ส่วนในห้องพักจะมีฮีตเตอร์ให้ตัวนึง เบาะที่นอนที่ป้าปูไว้ให้ จะมีแผ่นร้อนแปะไว้ด้วย ห้องพักเป็นสไตล์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น
ประตูกระดาษเลื่อน ๆ ยังกะการ์ตูน แต่ไม่น่าเชื่อว่าได้กระดาษที่ทำประตูนี่ มันเก็บความร้อนโคตรดีอะ
อาหารค่ำจะเป็นประมาณนี้ครับ ดูหน้าพวกเราซะก่อน ไม่บอกก็รู้ว่าฟินอยู่
คนที่พักในบ้านทั้งหมดจะมารับประทานพร้อมกันครับ ตอนผมไป มีอีกสามครอบครัว ทั้งหมดที่พักในบ้าน น่าจะสิบคนได้
ช่วงเช้าพวกเราตื่นมา แน่นอนครับ ไม่อาบน้ำชัวร์อยู่แล้ว ใครไปแล้วอาบ ผมนับถืออะ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เตรียมเช็คเอ้าท์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผมเคยคุยกับป้าว่า พวกเราเนี่ย เป็นกระเหรี่ยงจากไทย
ไม่เคยเห็นหิมะตก เช้านี้ก่อนเราเดินออกจากบ้าน ป้าเดินมาบอกว่า “จะตกใจกันรึเปล่าน๊า” ไอ้เราก็นึก ตกใจไรเชี่ยไรแว๊
แต่พอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละครัช อยากจะกรี๊ดเป็นแต๋วอะ หิมะตกแรงมว้าก สนุกกันใหญ่เลยทีนี้
ข้าวของก็ต้องหอบ ร่มก็ต้องกาง อยากเล่นหิมะก็อยาก รองเท้าก็จะเปียก รูปก็อยากถ่าย วุ่นวายดีอะ
วันนี้ผมจะเดินทางเข้าโตเกียว แต่ก่อนจะถึง ผมจะไปแวะที่ทากายาม่า กับ มัสซึโมโตะก่อน แน่นอนการเดินทางหลักของผมคือรถบัส
ผมมีเวลาประมาณสามชั่วโมงเพื่อที่จะเดินเล่นในทากายาม่า ก่อนที่จะมาขึ้นรถไปยังเมืองมัสซึโมโต
ที่ทากายาม่าลูกทีมผม โคตรชอบเมืองนี้กันมากอะ ผมแอบเสียใจนะเนี่ย ที่ไม่ได้แพลนไว้ให้อยู่เมืองนี้นาน ๆ
เพราะคิดว่ามันไม่มีอะไรไง คราวก่อนที่เคยมาตอนหน้าร้อน มันก็เฉย ๆ อะนะ แต่พอมีหิมะเท่านั้นแหละ เมืองดูดีขึ้นมาทันตาเลยทีเดียว
ระหว่างทางบนรถไปมัสซึโมโต้ เราจะเห็นหิมะสองข้างทางเต็มไปหมด ทั่วทั้งภูเขา แล้วก็จะเห็นลานสกีหลายที่มาก
(ซึ่งเดือนกุมภา ผมก็ได้มาเล่นแถว ๆ นี้) อยากจะบอกว่าเวลาเห็นวิวแบบนี้ ตื่นเต้นทุกครั้งอะ มันคงแปลกตาคนเมืองร้อนแบบเรา
ทุกคนที่ไปพากันถ่ายทั้งรูป ทั้งวิดิโอ เก็บไว้ราวกับหลุดมาจากโลกไหน คนญี่ปุ่นคงจะคิดนะ
พวกเมริงนี่ไม่เคยเห็นกันจริง ๆ ใช่ไม๊ 55 ก็ไม่เคยดิวะ กรูถึงตื่นเต้น.....
หลังจากถึงมัสซึโมโต ก็ยิงตรงไปที่ปราสาทประจำเมืองเลย แต่น่าเสียดาย อุตสาห์วาดภาพไว้ว่า ต้องมีหิมะตกขาวโพลนที่ตัวปราสาท
แต่มันผิดคาดอะ ที่นี้หิมะยังไม่ตก กว่าปราสาทจะขาวโพลน คงต้องรอกลางเดือนมกราโน้นละม้าง...เซ็งเบย
หลังจากนั้ นเราก็ขึ้นรถบัสไปโตเกียวต่อไป...
หลังจากเขียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาหลายครั้ง จบครั้งนี้คงจะเว้นไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปอีก
คงไม่ได้กลับไปอยู่แน่ ๆ และก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปเที่ยวเช่นกัน
แต่ยังไง ก็จะต้องมีสักวันที่ผมจะไปตะลุยจากโตเกียว ถึงฮอกไกโดให้จงได้...โปรดติดต่อตอนต่อไป..
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น