เราเป็นคนหนึ่งที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากวัดสระเกศ  ทำให้ได้ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่อค์พระบรมบรรพตภูเขาทองเป็นประจำ  แต่คำถามในใจของเราก็มีมานานนับสิบปีว่า องค์พระบรมสารีริกธาตุที่รัชกาลที่ 5 ได้รับน้อมเกล้าถวายจากรัฐบาลอินเดียนั้น  ประดิษฐานอยู่ที่ใด  





ทีแรกนั้น เราเข้าใจว่าพระบรมสารีริกธาตุนั้น ประดิษฐานที่นี่ค่ะ




แต่นั่นก็เป็นความเข้าใจที่ยังลังเล  ทำให้หลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้น ยังไม่มีการนำตู้บริจาคมาวางตั้งไว้หน้าพระสถูป เรากำลังปิดทองอยู่ แล้วทองคำของเราหลุดมือ ปลิวออก  เราอธิษฐานว่า ถ้าหากพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้านในนี้  ขอให้ทองคำปลิวลงมาแตะองค์พระสถูป  แต่ถ้าไม่ใช่ ขอให้ปลิวลอยออกไปมทและทอวคำเปลวนั้นก็ปลิวออกไป  แต่เราก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดี


จนกระทั่งสัปดาห์ก่อน  ระหว่างที่เรานำพวงมาลัยขึ้นไปไหว้องค์พระเจดีย์   มีโยมกลุ่มหนึ่ง  เดินตามพระวิทยากรรูปหนึ่ง   เรามาถึงจังหวะนั้นพอดี  ที่พระท่านพูดประมาณว่า  "พระบรมาารีริกธาตุทุกวันนี้ อยู่ในตรงกลางที่เป็นฐานสี่เหลี่ยมด้านบนนั่น   แล้วก็เอาปูนมาโบกทับไว้  ถ้าใครจะเอาก็ต้องขึ้นไปทุบ"


ทุกท่านเห็นฐานสี่เหลี่ยมด้านบนไหมคะ  ใจกลาง  มีพระบรมสารีริกธาตุแท้ ๆ ของพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธประดิษฐานอยู่ค่ะ




หลังจากที่ได้รู้  เราปลื้มใจมากเลยค่ะ  เพราะว่าหลังจากที่เราอธิษฐานขอความแน่ใจแล้วได้เค้าลางว่าไม่ใช่  เราก็นำดอกไม้  พวงมาลัย  น้ำอบ  ขึ้นมาไหว้ที่องค์พระเจดีย์ตลอด  ถึงแม้ว่าด้านข้างจะมีห้องกระจกเล็ก ๆ มีพิมพ์ติดไว้ว่เป็นพระบรมสารีริกธาตุ  แต่เราดูจากสัณฐานแล้ว  เห็นเพียงเพียงลูกแก้วกลมเท่านั้น  (เราเคยได้มีโอกาสเห็นพระบรมสารีริกธาตุพระองค์จริงเมื่อปี 2554  ในห้องกระจกนี้เช่นกัน  คาดว่าหลังจากมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระองค์จริงเสด็จขึ้นสู่ยอดพระเจดีย์  อีกครั้ง เมื่อปี 2554 ทางวัดจึงนำลูกแก้วมาวางไว้ที่ฐานแทน) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thairath.co.th/content/169948



เราเลยขอนำความรู้ดืๆ นี้มาฝากท่านที่ไปทำบุญที่ภูเขาทองด้วยนะคะ  จะได้สักการะถูกตำแหน่ง  เพราะเราคิดว่ายังมีหลายท่านที่เข้าใจผิด  ไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่ด้านล่าง ตรงพระสถูป หรือตรงห้องกระจกเล็กด้านบนอยู่ (ที่จริงห้องกระจกนี้ทางวัดน่าจะนำออก  เพราะทำให้คนหันหลังกลับจากพระเจดีย์ ถ้าไหว้ที่ห้องกระจกนี้  พระบรมสารีริกธาตุองค์จริงจะอยู่ด้านหลังทางขวา แทนที่จะได้นำดอกไม้พวมาลัยมาไหว้ที่พระเจดีย์ได้ตรง ๆ อาจได้ไหว้ลูกแก้วแทน)


หากทุกท่าน  มีโอกาส ลองนำดอกไม้  พวงมาลัย  ขึ้นไปไหว้สักการะพระยรมสารีริกธาตุ ณ ที่วัดสระเกศนี้นะคะ  ชีวิตของเรา ตั้งแต่ได้มาที่นี่  ได้นำดอกไม้มาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ  ชีวิตมีความสุขขึ้นตลอดค่ะ  พ้นจากเรื่องร้าย ๆ ได้  และหลายอย่าง ก็สำเร็จตามคำอธิษฐานหลังจากที่นำพวงมาลัยมาไหว้ด้วยค่ะ


ท้ายนี้ ขอนำพระไตรปิฎก  แสดงอานิสงส์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุมาฝากทุกท่านนะคะ  ปัจจุบันนี้  เราโชคดีที่อยู่ในเมืองที่มีพระพุทธศาสนา  มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่  อย่าเสียโอกาสในการสั่งสมบุญใหญ่นะคะ    มีเรื่องของนางเทพธิดาต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง  อ่านแล้ว  นำพวงมาลัยและน้ำอบไปสักการะกันค่ะ



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๙. ปีตวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน



             สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า

             [๔๗]     ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลือง
                          ตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลือง
                          ทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสี
                          เหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลือง
                          รถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์
                          ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผล
                          แห่งกรรมอะไร


             นางเทพธิดาตอบว่า

                          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขม
                          ไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูปตั้งจิตอุทิศต่อพระบรม
                          ธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุ
                          ของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใด
                          นั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป
                          ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่า
                          นี้เป็นแน่


                          ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้น
                          หม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์


                          ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความ
                          นี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้
                          ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์
                          นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผล
                          มาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้า
                          หรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่ชื่อว่ามีผลน้อยเลย มา
                          เถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถา-
                          คตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคต
                          จะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำ
                          เสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลาย
                          ย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใด
                          ไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อ
                          ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.





จบ ปีตวิมานที่ ๙.



ปีตวิมาน
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=1643&Z=1675&pagebreak=0
            
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=47



แนะนำลองฟัง
ความมหัศจรรย์ของพุทธคุณ,ประสบการณ์ ณ สังเวชนียสถาน และข้อมูลของพระยรมสารีริกธาตุ วัดสระเกศ




วิธีวางใจ ให้คลายทุกข์  ฟังแล้วความทุกข์ลดลง