#คำเตือน : กระทู้นี้มีเนื้อหายาวมาก ไม่เหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ 55555+ (ยาวจริงๆนะ)
สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมที่ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวในพันทิปแห่งนี้(จงสัมผัสถึงการก์กระทู้ของข้า) พอดีจะรวบรวมทริปท่องเที่ยวของตัวเองมาแบ่งปันแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เลยขอทำเป็นทริปๆดีกว่า ถูกผิดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ อิอิ
เรื่องมีอยู่ว่า ได้ฤกษ์หนีความวุ่นวายในเมืองหลวงไปพักร่างที่จังหวัดระนองคนเดียว นี่ก็แพลนไว้เป็นเดือนเลย หาวัน เวลา สถานที่พักไว้เรียบร้อย เน้นเงียบสงบ อยู่ใกล้ธรรมชาติ จะได้ทำงานไปด้วยพักผ่อนไปด้วย แต่! ไม่ได้ศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าเลยว่าจะไปไหน ทำอะไรยังไงมั่ง รู้แต่ชื่อสถานที่ เลยกะว่าเดี๋ยวไปตายเอาดาบหน้าละกัน เวลาเรายืดหยุ่นอยู่แล้ว(อย่าทำแบบผมเด็ดขาด)
ผมใช้วิธีเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสายการบินนกแอร์ พอดีได้ราคาโปรโมชั่นด้วย อิอิ
บินไฟลท์เช้า ไปถึงระนองก็สายๆพอดี
(ไม่มีรูปตอนขึ้นเครื่องให้ดูเหมือนรีวิวคนอื่นเลยอ่าา รูปขึ้นเครื่องบินมันปกติไปเลยลืมถ่ายเสียสนิท เหะๆ)
“ระนอง" ในความคิดที่ผุดขึ้นมาแว๊บแรก คงประมาณภูเก็ตล่ะมั้ง ที่มีความคิดแบบนี้เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลของจังหวัดนี้ให้ดีนี่แหละ ปกติขึ้นแต่เหนือกับอีสาน ก็เลยโดนความไม่รู้หลอกเอา แต่พอก้าวเท้าลงจากเครื่องบินเท่านั้นล่ะ
"เห๊ยยยยยยย แก! อากาศดีมากกกกกก....”
อาจจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนหน่อย ฝนปรอยๆเล็กน้อย แต่โดยรวมโอเคเลยล่ะ สมกับเป็นเมือง ฝน 8 แดด 4 จริงๆ
ผมออกจากสนามบินด้วยรถตู้ประจำทางครับ ติดต่อเคาท์เตอร์บริการรถตู้ตรงประตูทางออกอาคารผู้โดยสารได้เลย ค่ารถอยู่ที่คนละ200บาท พี่เค้าขับไปส่งถึงที่ที่เราบอก ในรถก็มีทั้งไทยและชาวต่างชาติครับ ส่วนใหญ่เค้าจะไปเกาะพยามกัน แต่ผมไม่ ผมชอบที่เงียบๆสงบ คนน้อยๆ ผมจะไปปลีกวิเวกอยู่ตามป่าเขา 5555+
หลังจากราชรถพามาเกยถึงที่พัก คุณกอล์ฟเจ้าของโฮมสเตย์บ้านพักก็ออกมาต้อนรับ ซึ่งวันนี้ผมมาพักที่ "
บ้านในหมง โฮมสเตย์ " โฮมสเตย์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากเพราะตัวบ้านที่ผมพักนั้นได้อยู่เป็นหลังแบบไม่มีใครมารบกวนเลย สำหรับใครที่ต้องการพักผ่อนแบบจริงจังหรือหาที่เงียบสงบอยู่ใกล้ๆธรรมชาติแบบส่วนตัวๆ ก็ตามลายแทงไปได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.airbnb.com/rooms/8156181
เดินเข้ามาในพื้นที่โฮมสเตย์ปุ๊บ จะเจอกับทางข้ามธารน้ำก่อนเลย คุณกอล์ฟบอกว่าถ้าช่วงหน้าฝนที่ฝนตกหนักๆ น้ำจะล้นทางข้ามขึ้นมา แต่ไม่ต้องกลัว เพราะมีสะพานข้ามอีกจุดหนึ่งตรงหน้าบ้านหลังที่จะไปพัก
ขอแนะนำสหายสี่ขาของที่นี่
ตัวนี้ชื่อ หมูจิค
และตัวนี้ชื่อ โค่ย

น้องหมาสองตัวนี้น่ารักนิสัยดีมาก โดยเฉพาะเจ้าโค่ย คุณกอล์ฟบอกว่าถ้าเดินไปไหนในบริเวณนี้แล้วมีโค่ยไปด้วยจะรู้สึกปลอดภัยมาก เพราะโค่ยฟัดกับสัตว์มีพิษประเภทงูได้สบายถ้าหากมันเจอ
"ดีเลยโค่ย มาเป็นบอดี้การ์ดให้พี่ที"
บ้านที่ผมจะพักอยู่ตรงโน้นเลย ติดกับธารน้ำที่ไหลผ่านหน้าโฮมสเตย์
ด้านหน้าของตัวบ้านจะติดกับธารน้ำเลย ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา
พอเข้าไปด้านในปุ๊บ โอ้วว้าาวว กว้างนะ พอๆกับคอนโดเลยอ่ะ
บ้านหลังที่พักนี่จะมีห้องนอน ห้องนั่งดูทีวี ห้องครัว และห้องน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเองยังไงยังงั้น 5555+
ส่วนตัวชอบห้องนอนนะ ดูเรียบง่ายดี โดยเฉพาะผนังแบบปูนเปลือยแบบนี้
ซักพักใหญ่ คุณกอล์ฟก็เรียกให้ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน อาหารก็จะเป็นแบบง่ายๆ แม่บ้านเค้าจะเป็นคนทำให้ทาน หรือถ้าเราอยากทานอะไร ก็บอกคุณกอล์ฟได้ เพื่อคุณกอล์ฟจะได้บอกแม่บ้านเตรียมอาหารได้ถูก พืชผักที่นี่จะเน้นไปที่ผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองด้วยนะ ดี๊ดี...
หลังทานข้าวเสร็จ ขอเดินย่อยทัวร์รอบๆพื้นที่หน่อยล่ะกัน เพราะไหนๆวันนี้ก็ยังไม่ได้แพลนว่าจะออกไปไหนละ
ตรงนี้เป็นฝายน้ำล้นหน้าบ้าน คือจะได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา บางทีตอนอยู่ในตัวบ้านยังนึกว่าเสียงฝนตก ที่ไหนได้ เสียงน้ำที่ฝายน้ำล้นนี่เอง
เดินจากฝายน้ำล้นมาไม่กี่เมตรก็เจอธารน้ำที่ดูเป็นธรรมชาติมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจเปลี่ยนชุดล่ะก็นะ คงลงไปนอนแช่น้ำแล้ว
เห็นคุณกอล์ฟบอกว่าบริเวณใกล้ๆนี้คุณกอล์ฟจะสร้างเป็นบ้านต้นไม้ไว้อีกหลังนึง มองออกไปก็จะเจอธารน้ำนี้ และจะทำเป็นออนเซ็นไว้ให้แช่น้ำร้อนด้วย

นี่เรามาก่อนเค้าจะสร้างหรอเนี่ยยย รู้สึกแอบพลาดนิดๆ
ด้วยความสายตาสั้น มองเห็นสีครามๆแบบเบลอๆ เลยเดินไปดูว่ามันมีอะไรตรงนั้น ก็เห็นแบบนี้ล่ะฮะท่านผู้อ่าน

สระมรกต!!! มีตรงนี้ด้วยหรอเนี่ย???
ภูมิทัศน์โดยรวมของที่นี่ผมว่าโอเคเลยนะ รู้สึกได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ สงบ ไม่วุ่นวาย ไม่มีเสียงรถยนต์วิ่งไปมาให้น่ารำคาญ ต้นไม้เยอะ อากาศเย็นสบาย
สักพักคุณกอล์ฟมาถามผมว่าได้แพลนไว้จะไปที่ไหนมั้ย? ผมก็ตอบตามตรงเลยว่า "ยังไม่ทันได้คิด" 55555+
คุณกอล์ฟเลยบอกว่า "เพื่อนคุณกอล์ฟเค้าจะไปเที่ยวน้ำตกกันพรุ่งนี้ ผมจะไปด้วยมั้ยล่ะ เพราะน้ำตกที่นี่สวยเลยล่ะ คุณกอล์ฟเองก็ยังไม่เคยไป” คุณกอล์ฟเอ่ยถามพร้อมกับเอารูปที่เพื่อนคุณกอล์ฟส่งมาให้ดู ผมเห็นก็ตาลุกวาวเลยสิ กล้องก็แบกมา ขาตั้งกล้องก็มี ลองไปถ่ายรูปน้ำตกให้มีสายน้ำพริ้วๆเหมือนช่างภาพมืออาชีพเค้าถ่ายกันดูซิ เราจะถ่ายออกมาสวยหรือห่วยกันแน่
แต่คุณกอล์ฟบอกว่า “ต้องค้างคืนในป่า 1 คืนนะ”
ผมก็เริ่มลังเล เอ๊ะ...ค้างในป่าเลยหรอ มันจะเป็นไงมั่งอ่ะ ยังไม่เคยไปเที่ยวแนวนี้เลย ปกติเคยอ่านแต่ตามอินเตอร์เน็ตเรื่องการเดินป่าค้างแรม ซึ่งมันก็น่าสนุกตื่นเต้นดีนะ เราก็เลยตอบตกลงไป
คุณกอล์ฟก็บอกว่าเราคงต้องไปซื้ออาหารแห้งเตรียมไว้เดินป่า และต้องมีเปลมุ้งไว้กางนอนในป่าด้วยเห็นว่าต้องค้างกัน1คืน แต่คุณกอล์ฟจะไปรับน้องตาต้าก่อน น้องตาต้าเพิ่งเลิกเรียน และน้องตาต้าจะไปด้วย
ผมก็คิดในใจ “มันต้องเดินไกลขนาดนั้นเลยหรอ ถึงขั้นต้องพักแรมในป่า? แล้วน้องตาต้านี่น่าจะโตแล้ว ไม่งั้นคงไม่อยากไปเดินป่าด้วย”
แต่ผิดคาด ตาต้าอายุแค่11 เอง ยังเด็กอยู่เลยยย จะเดินไหวมั้ยลูก 5555+
สรุปบ่ายวันนั้นก็ไปเตรียมของหาซื้อสิ่งจำเป็นแบบเดาๆกันไป เพราะไม่มีใครรู้รายละเอียดทั้งหมดเลยว่าสถานที่ที่จะไปมันเป็นยังไง (นี่จะตายเอาดาบหน้าอีกแล้วแน่ๆ 555+) รู้แค่หลักๆคืออาหาร น้ำดื่ม ถุงกันทาก เปลนอน ฟลายชีทไว้กันฝนแค่นั้น ก็เข้าไปหาซื้อในตัวเมืองระนองได้ มีร้านขายอุปกรณ์เดินป่าด้วย จำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไร ลงท้ายด้วย Kamp นี่แหละ
ระหว่างนั้นก็มีขบวนแห่ม้าทรงพอดี

เอ้อออ...ใช่ วันนี้กินเจวันแรก เสียงประทัดดังสนั่น บรรดาม้าทรงก็แสดงอิทธิฤทธิ์กันเต็มที่ ทั้งเอามีดโกนปาดลิ้น เอาคมดาบคมขวานฟาดฟันตัวเอง รวมทั้งจุดประทัดใส่ตัวเอง แต่ไม่ได้ถึงขั้นเอาดาบแทงกระพุ้งแก้มให้ทะลุเหมือนกับม้าทรงที่ภูเก็ตนะ ผู้คนก็มาร่วมขบวนค่อนข้างเยอะ สองข้างทางก็มีทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติยืนกดชัตเตอร์กันรัวๆ ผมเองก็อยากเข้าไปยืนถ่ายใกล้ๆนะ เผื่อได้มุมสวยๆมั่ง แต่ไม่เอาดีกว่า หวาดเสียวประทัด 5555+
พี่ใจเย็นๆ อย่าทำร้ายตัวเองงงง
หลังจากขบวนม้าทรงผ่านไป คุณกอล์ฟก็ได้พาผมไปกินของหวานขึ้นชื่อเมืองระนอง นั่นก็คือไอติมไข่แข็งที่
ร้านประเสริฐสงค์ไอศกรีมโบราณไข่แข็ง ว่าแต่ไอติมไข่แข็งมันเป็นยังไงอ่ะ (ในใจแอบคิดลึก 5555) ผมไม่เคยชิมมาก่อน ปกติถ้าไม่กินไอติมแท่งก็เป็นไอติมกะทิที่จตุจักรนั่นล่ะที่กินบ่อย
นี่เลย ไอติมไข่แข็งที่ว่า สีเหลืองๆออกแดงๆนั่นคือส่วนที่เป็นไข่ กรรมวิธีทำยังไงก็ไม่ได้ไปยืนดู กลัวจะเกะกะคนขายเค้า รอกินอย่างเดียว 5555
แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยนะ ไม่คาวเลย เลือกเครื่องได้นะว่าจะใส่ลูกชิด ลูกเกด ขนมปัง ฟักทองเชื่อมไรพวกนี้ นี่ก็จัดขนมจีบมาด้วยชุดนึง ฟินมว๊ากกกกก นี่ก็เกือบอิ่มแทนมื้อเย็นเลยล่ะ
และมื้อเย็นวันนั้นจบด้วยอาหารเจ และก่อนกลับเข้าโฮมสเตย์ก็ไม่ลืมแวะเทสโก้เพื่อซื้ออาหารยังชีพสำหรับเข้าป่าในวันรุ่งขึ้น
สิ่งที่ซื้อมาเตรียมไว้ก็ประกอบด้วย
-เปลนอน , ฟลายชีท
-ถุงกันทาก
-มาม่า
-อาหารพร้อมทานชนิดซองของโรซ่าพร้อม(คงง่ายสุดละ) กะไว้สำหรับ5มื้อเลยทีเดียว
-สเปรย์กันยุง
-ขนมขบเคี้ยว
-น้ำดื่ม
-ผงเกลือแร่
-กระดาษชำระ
นี่มาไล่ๆดู ตกลงจะไปเดินป่าหรือว่าไปปิ๊คนิคที่สวนรถไฟเนี่ย? 55555
ก็ไม่รู้นะว่านักเดินป่าคนอื่นๆเค้าจัดเต็มเตรียมพร้อมอะไรกันมั่ง แต่สำหรับผมนี่ครั้งแรกเลยที่ต้องลุยป่าและค้างแรม แถมยังมีเวลาเตรียมตัวเพียง1วันเท่านั้น ที่เตรียมไว้ก็มีเท่านี้จริงๆ พยายามปลอบใจตัวเองนะว่า “ถ้าเราอยู่ง่ายกินง่าย ก็ไม่ต้องแบกไรไปเยอะหรอก มันเป็นภาระตัวเองซะเปล่าๆ”

ถึงโฮมสเตย์ปุ๊บ ก็มายัดทุกสรรพสิ่งลงกระเป๋าเป้ตัวเอง(จังหวะนี้ไม่ทันคิดจะถ่ายรูปไว้เลย ยัดอย่างเดียว เหะๆ)
ใจนึงก็ตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่นะ ใจนึงก็กลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดออกจากป่ามั้ย? คือผมชอบเที่ยวธรรมชาตินะ แต่ไม่เคยต้องเข้าไปนอนในป่าแบบ มันมีความกลัวขึ้นมาหน่อยๆละ แต่ขอเพียงแค่เพื่อนร่วมทริปไม่ทิ้งผมไว้กลางทาง ทุกอย่างก็คงผ่านไปได้ด้วยดี
จัดของเสร็จปุ๊บ ก็เตรียมเข้านอนอย่างไว เดี๋ยวจะไม่มีเรี่ยวแรงสำหรับเดินป่าในเช้าวันพรุ่ง เพราะต้องตื่นเช้ามาก
เสียงธารน้ำตกหน้าบ้านที่ไหลตลอดเวลา อากาศที่โฮมสเตย์เย็นสบายแบบไม่ต้องเปิดแอร์(แค่พัดลมก็เล่นผมห่มผ้าห่มละ) ชวนขับกล่อมให้ผมหลับไวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สงสัยธรรมชาติต้องการให้เราได้พักผ่อนเต็มที่ล่ะมั้ง.....ก่อนจะเจอกับธรรมชาติของจริง
เดี๋ยวมาต่อนะคร้าบบบบ...
[CR] Trip Backpacker : [ Trip 1 ] ไปนอนโฮมสเตย์สัมผัสธรรมชาติที่บ้านในหมงโฮมสเตย์ จ.ระนอง แต่ไหงได้เข้าป่าไปชมน้ำตกด้วยซะงั้น
สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมที่ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวในพันทิปแห่งนี้(จงสัมผัสถึงการก์กระทู้ของข้า) พอดีจะรวบรวมทริปท่องเที่ยวของตัวเองมาแบ่งปันแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เลยขอทำเป็นทริปๆดีกว่า ถูกผิดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ อิอิ
เรื่องมีอยู่ว่า ได้ฤกษ์หนีความวุ่นวายในเมืองหลวงไปพักร่างที่จังหวัดระนองคนเดียว นี่ก็แพลนไว้เป็นเดือนเลย หาวัน เวลา สถานที่พักไว้เรียบร้อย เน้นเงียบสงบ อยู่ใกล้ธรรมชาติ จะได้ทำงานไปด้วยพักผ่อนไปด้วย แต่! ไม่ได้ศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าเลยว่าจะไปไหน ทำอะไรยังไงมั่ง รู้แต่ชื่อสถานที่ เลยกะว่าเดี๋ยวไปตายเอาดาบหน้าละกัน เวลาเรายืดหยุ่นอยู่แล้ว(อย่าทำแบบผมเด็ดขาด)
ผมใช้วิธีเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสายการบินนกแอร์ พอดีได้ราคาโปรโมชั่นด้วย อิอิ
บินไฟลท์เช้า ไปถึงระนองก็สายๆพอดี
(ไม่มีรูปตอนขึ้นเครื่องให้ดูเหมือนรีวิวคนอื่นเลยอ่าา รูปขึ้นเครื่องบินมันปกติไปเลยลืมถ่ายเสียสนิท เหะๆ)
“ระนอง" ในความคิดที่ผุดขึ้นมาแว๊บแรก คงประมาณภูเก็ตล่ะมั้ง ที่มีความคิดแบบนี้เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลของจังหวัดนี้ให้ดีนี่แหละ ปกติขึ้นแต่เหนือกับอีสาน ก็เลยโดนความไม่รู้หลอกเอา แต่พอก้าวเท้าลงจากเครื่องบินเท่านั้นล่ะ
"เห๊ยยยยยยย แก! อากาศดีมากกกกกก....”
อาจจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนหน่อย ฝนปรอยๆเล็กน้อย แต่โดยรวมโอเคเลยล่ะ สมกับเป็นเมือง ฝน 8 แดด 4 จริงๆ
ผมออกจากสนามบินด้วยรถตู้ประจำทางครับ ติดต่อเคาท์เตอร์บริการรถตู้ตรงประตูทางออกอาคารผู้โดยสารได้เลย ค่ารถอยู่ที่คนละ200บาท พี่เค้าขับไปส่งถึงที่ที่เราบอก ในรถก็มีทั้งไทยและชาวต่างชาติครับ ส่วนใหญ่เค้าจะไปเกาะพยามกัน แต่ผมไม่ ผมชอบที่เงียบๆสงบ คนน้อยๆ ผมจะไปปลีกวิเวกอยู่ตามป่าเขา 5555+
หลังจากราชรถพามาเกยถึงที่พัก คุณกอล์ฟเจ้าของโฮมสเตย์บ้านพักก็ออกมาต้อนรับ ซึ่งวันนี้ผมมาพักที่ " บ้านในหมง โฮมสเตย์ " โฮมสเตย์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากเพราะตัวบ้านที่ผมพักนั้นได้อยู่เป็นหลังแบบไม่มีใครมารบกวนเลย สำหรับใครที่ต้องการพักผ่อนแบบจริงจังหรือหาที่เงียบสงบอยู่ใกล้ๆธรรมชาติแบบส่วนตัวๆ ก็ตามลายแทงไปได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินเข้ามาในพื้นที่โฮมสเตย์ปุ๊บ จะเจอกับทางข้ามธารน้ำก่อนเลย คุณกอล์ฟบอกว่าถ้าช่วงหน้าฝนที่ฝนตกหนักๆ น้ำจะล้นทางข้ามขึ้นมา แต่ไม่ต้องกลัว เพราะมีสะพานข้ามอีกจุดหนึ่งตรงหน้าบ้านหลังที่จะไปพัก
ขอแนะนำสหายสี่ขาของที่นี่
ตัวนี้ชื่อ หมูจิค
และตัวนี้ชื่อ โค่ย
น้องหมาสองตัวนี้น่ารักนิสัยดีมาก โดยเฉพาะเจ้าโค่ย คุณกอล์ฟบอกว่าถ้าเดินไปไหนในบริเวณนี้แล้วมีโค่ยไปด้วยจะรู้สึกปลอดภัยมาก เพราะโค่ยฟัดกับสัตว์มีพิษประเภทงูได้สบายถ้าหากมันเจอ
"ดีเลยโค่ย มาเป็นบอดี้การ์ดให้พี่ที"
บ้านที่ผมจะพักอยู่ตรงโน้นเลย ติดกับธารน้ำที่ไหลผ่านหน้าโฮมสเตย์
ด้านหน้าของตัวบ้านจะติดกับธารน้ำเลย ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา
พอเข้าไปด้านในปุ๊บ โอ้วว้าาวว กว้างนะ พอๆกับคอนโดเลยอ่ะ
บ้านหลังที่พักนี่จะมีห้องนอน ห้องนั่งดูทีวี ห้องครัว และห้องน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเองยังไงยังงั้น 5555+
ส่วนตัวชอบห้องนอนนะ ดูเรียบง่ายดี โดยเฉพาะผนังแบบปูนเปลือยแบบนี้
ซักพักใหญ่ คุณกอล์ฟก็เรียกให้ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน อาหารก็จะเป็นแบบง่ายๆ แม่บ้านเค้าจะเป็นคนทำให้ทาน หรือถ้าเราอยากทานอะไร ก็บอกคุณกอล์ฟได้ เพื่อคุณกอล์ฟจะได้บอกแม่บ้านเตรียมอาหารได้ถูก พืชผักที่นี่จะเน้นไปที่ผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองด้วยนะ ดี๊ดี...
หลังทานข้าวเสร็จ ขอเดินย่อยทัวร์รอบๆพื้นที่หน่อยล่ะกัน เพราะไหนๆวันนี้ก็ยังไม่ได้แพลนว่าจะออกไปไหนละ
ตรงนี้เป็นฝายน้ำล้นหน้าบ้าน คือจะได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา บางทีตอนอยู่ในตัวบ้านยังนึกว่าเสียงฝนตก ที่ไหนได้ เสียงน้ำที่ฝายน้ำล้นนี่เอง
เดินจากฝายน้ำล้นมาไม่กี่เมตรก็เจอธารน้ำที่ดูเป็นธรรมชาติมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจเปลี่ยนชุดล่ะก็นะ คงลงไปนอนแช่น้ำแล้ว
เห็นคุณกอล์ฟบอกว่าบริเวณใกล้ๆนี้คุณกอล์ฟจะสร้างเป็นบ้านต้นไม้ไว้อีกหลังนึง มองออกไปก็จะเจอธารน้ำนี้ และจะทำเป็นออนเซ็นไว้ให้แช่น้ำร้อนด้วย
นี่เรามาก่อนเค้าจะสร้างหรอเนี่ยยย รู้สึกแอบพลาดนิดๆ
ด้วยความสายตาสั้น มองเห็นสีครามๆแบบเบลอๆ เลยเดินไปดูว่ามันมีอะไรตรงนั้น ก็เห็นแบบนี้ล่ะฮะท่านผู้อ่าน
สระมรกต!!! มีตรงนี้ด้วยหรอเนี่ย???
ภูมิทัศน์โดยรวมของที่นี่ผมว่าโอเคเลยนะ รู้สึกได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ สงบ ไม่วุ่นวาย ไม่มีเสียงรถยนต์วิ่งไปมาให้น่ารำคาญ ต้นไม้เยอะ อากาศเย็นสบาย
สักพักคุณกอล์ฟมาถามผมว่าได้แพลนไว้จะไปที่ไหนมั้ย? ผมก็ตอบตามตรงเลยว่า "ยังไม่ทันได้คิด" 55555+
คุณกอล์ฟเลยบอกว่า "เพื่อนคุณกอล์ฟเค้าจะไปเที่ยวน้ำตกกันพรุ่งนี้ ผมจะไปด้วยมั้ยล่ะ เพราะน้ำตกที่นี่สวยเลยล่ะ คุณกอล์ฟเองก็ยังไม่เคยไป” คุณกอล์ฟเอ่ยถามพร้อมกับเอารูปที่เพื่อนคุณกอล์ฟส่งมาให้ดู ผมเห็นก็ตาลุกวาวเลยสิ กล้องก็แบกมา ขาตั้งกล้องก็มี ลองไปถ่ายรูปน้ำตกให้มีสายน้ำพริ้วๆเหมือนช่างภาพมืออาชีพเค้าถ่ายกันดูซิ เราจะถ่ายออกมาสวยหรือห่วยกันแน่
แต่คุณกอล์ฟบอกว่า “ต้องค้างคืนในป่า 1 คืนนะ”
ผมก็เริ่มลังเล เอ๊ะ...ค้างในป่าเลยหรอ มันจะเป็นไงมั่งอ่ะ ยังไม่เคยไปเที่ยวแนวนี้เลย ปกติเคยอ่านแต่ตามอินเตอร์เน็ตเรื่องการเดินป่าค้างแรม ซึ่งมันก็น่าสนุกตื่นเต้นดีนะ เราก็เลยตอบตกลงไป
คุณกอล์ฟก็บอกว่าเราคงต้องไปซื้ออาหารแห้งเตรียมไว้เดินป่า และต้องมีเปลมุ้งไว้กางนอนในป่าด้วยเห็นว่าต้องค้างกัน1คืน แต่คุณกอล์ฟจะไปรับน้องตาต้าก่อน น้องตาต้าเพิ่งเลิกเรียน และน้องตาต้าจะไปด้วย
ผมก็คิดในใจ “มันต้องเดินไกลขนาดนั้นเลยหรอ ถึงขั้นต้องพักแรมในป่า? แล้วน้องตาต้านี่น่าจะโตแล้ว ไม่งั้นคงไม่อยากไปเดินป่าด้วย”
แต่ผิดคาด ตาต้าอายุแค่11 เอง ยังเด็กอยู่เลยยย จะเดินไหวมั้ยลูก 5555+
สรุปบ่ายวันนั้นก็ไปเตรียมของหาซื้อสิ่งจำเป็นแบบเดาๆกันไป เพราะไม่มีใครรู้รายละเอียดทั้งหมดเลยว่าสถานที่ที่จะไปมันเป็นยังไง (นี่จะตายเอาดาบหน้าอีกแล้วแน่ๆ 555+) รู้แค่หลักๆคืออาหาร น้ำดื่ม ถุงกันทาก เปลนอน ฟลายชีทไว้กันฝนแค่นั้น ก็เข้าไปหาซื้อในตัวเมืองระนองได้ มีร้านขายอุปกรณ์เดินป่าด้วย จำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไร ลงท้ายด้วย Kamp นี่แหละ
ระหว่างนั้นก็มีขบวนแห่ม้าทรงพอดี
เอ้อออ...ใช่ วันนี้กินเจวันแรก เสียงประทัดดังสนั่น บรรดาม้าทรงก็แสดงอิทธิฤทธิ์กันเต็มที่ ทั้งเอามีดโกนปาดลิ้น เอาคมดาบคมขวานฟาดฟันตัวเอง รวมทั้งจุดประทัดใส่ตัวเอง แต่ไม่ได้ถึงขั้นเอาดาบแทงกระพุ้งแก้มให้ทะลุเหมือนกับม้าทรงที่ภูเก็ตนะ ผู้คนก็มาร่วมขบวนค่อนข้างเยอะ สองข้างทางก็มีทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติยืนกดชัตเตอร์กันรัวๆ ผมเองก็อยากเข้าไปยืนถ่ายใกล้ๆนะ เผื่อได้มุมสวยๆมั่ง แต่ไม่เอาดีกว่า หวาดเสียวประทัด 5555+
พี่ใจเย็นๆ อย่าทำร้ายตัวเองงงง
หลังจากขบวนม้าทรงผ่านไป คุณกอล์ฟก็ได้พาผมไปกินของหวานขึ้นชื่อเมืองระนอง นั่นก็คือไอติมไข่แข็งที่ร้านประเสริฐสงค์ไอศกรีมโบราณไข่แข็ง ว่าแต่ไอติมไข่แข็งมันเป็นยังไงอ่ะ (ในใจแอบคิดลึก 5555) ผมไม่เคยชิมมาก่อน ปกติถ้าไม่กินไอติมแท่งก็เป็นไอติมกะทิที่จตุจักรนั่นล่ะที่กินบ่อย
นี่เลย ไอติมไข่แข็งที่ว่า สีเหลืองๆออกแดงๆนั่นคือส่วนที่เป็นไข่ กรรมวิธีทำยังไงก็ไม่ได้ไปยืนดู กลัวจะเกะกะคนขายเค้า รอกินอย่างเดียว 5555
แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยนะ ไม่คาวเลย เลือกเครื่องได้นะว่าจะใส่ลูกชิด ลูกเกด ขนมปัง ฟักทองเชื่อมไรพวกนี้ นี่ก็จัดขนมจีบมาด้วยชุดนึง ฟินมว๊ากกกกก นี่ก็เกือบอิ่มแทนมื้อเย็นเลยล่ะ
และมื้อเย็นวันนั้นจบด้วยอาหารเจ และก่อนกลับเข้าโฮมสเตย์ก็ไม่ลืมแวะเทสโก้เพื่อซื้ออาหารยังชีพสำหรับเข้าป่าในวันรุ่งขึ้น
สิ่งที่ซื้อมาเตรียมไว้ก็ประกอบด้วย
-เปลนอน , ฟลายชีท
-ถุงกันทาก
-มาม่า
-อาหารพร้อมทานชนิดซองของโรซ่าพร้อม(คงง่ายสุดละ) กะไว้สำหรับ5มื้อเลยทีเดียว
-สเปรย์กันยุง
-ขนมขบเคี้ยว
-น้ำดื่ม
-ผงเกลือแร่
-กระดาษชำระ
นี่มาไล่ๆดู ตกลงจะไปเดินป่าหรือว่าไปปิ๊คนิคที่สวนรถไฟเนี่ย? 55555
ก็ไม่รู้นะว่านักเดินป่าคนอื่นๆเค้าจัดเต็มเตรียมพร้อมอะไรกันมั่ง แต่สำหรับผมนี่ครั้งแรกเลยที่ต้องลุยป่าและค้างแรม แถมยังมีเวลาเตรียมตัวเพียง1วันเท่านั้น ที่เตรียมไว้ก็มีเท่านี้จริงๆ พยายามปลอบใจตัวเองนะว่า “ถ้าเราอยู่ง่ายกินง่าย ก็ไม่ต้องแบกไรไปเยอะหรอก มันเป็นภาระตัวเองซะเปล่าๆ”
ถึงโฮมสเตย์ปุ๊บ ก็มายัดทุกสรรพสิ่งลงกระเป๋าเป้ตัวเอง(จังหวะนี้ไม่ทันคิดจะถ่ายรูปไว้เลย ยัดอย่างเดียว เหะๆ)
ใจนึงก็ตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่นะ ใจนึงก็กลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดออกจากป่ามั้ย? คือผมชอบเที่ยวธรรมชาตินะ แต่ไม่เคยต้องเข้าไปนอนในป่าแบบ มันมีความกลัวขึ้นมาหน่อยๆละ แต่ขอเพียงแค่เพื่อนร่วมทริปไม่ทิ้งผมไว้กลางทาง ทุกอย่างก็คงผ่านไปได้ด้วยดี
จัดของเสร็จปุ๊บ ก็เตรียมเข้านอนอย่างไว เดี๋ยวจะไม่มีเรี่ยวแรงสำหรับเดินป่าในเช้าวันพรุ่ง เพราะต้องตื่นเช้ามาก
เสียงธารน้ำตกหน้าบ้านที่ไหลตลอดเวลา อากาศที่โฮมสเตย์เย็นสบายแบบไม่ต้องเปิดแอร์(แค่พัดลมก็เล่นผมห่มผ้าห่มละ) ชวนขับกล่อมให้ผมหลับไวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สงสัยธรรมชาติต้องการให้เราได้พักผ่อนเต็มที่ล่ะมั้ง.....ก่อนจะเจอกับธรรมชาติของจริง
เดี๋ยวมาต่อนะคร้าบบบบ...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น