สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีอะไรผิดพลาด ชี้แนะด้วยนะคะ
เนื่องจากเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เรามีโอกาสไปเรียนภาษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ
เลยได้มีโอกาสแวะไปเที่ยว Scotland เพราะเป็นอีกเมืองในฝันที่เราอยากไปมาก
(ไว้มีโอกาสจะมาเขียนรีวิวประเทศอังกฤษนะคะ)
โดยทริปนี้เราจะไป 2 เมืองด้วยกัน คือ Edinburgh กับ Glasgow ค่ะ
เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟ เริ่มจากสถานี King's Cross ค่ะ
โดยเราจะออกเดินทางกันตอนกลางคืน เปลี่ยนรถไฟหนึ่งครั้งที่ Newcastle แล้วจะถึง Edinburgh ตอนเช้าพอดี
ทริปนี้เราเดินทางไปคนเดียว พร้อมแล้วก็ลุยได้เลยค่ะะ
และเนื่องจากเราจะไป Edinburgh เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน Harry Potter ของ J. K. Rowling
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องแวะถ่ายรูปกับชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่กันซักหน่อยย
ชานชาลานี้จะอยู่ที่สถานี King's Cross นะคะ ใครพอมีเวลาก็แวะมาถ่ายรูปเล่นกันได้นะ
ใครที่กลัวว่าเดินทางด้วยรถไฟจะลำบากมั้ย ?
บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวค่ะ รถไฟนั่งสบายมาก ปลอดภัย มี wifi และมีที่ให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ค่ะ
หากใครจองตั๋ว และบุ๊คที่นั่งไว้ก็จะมีป้ายติดไว้ชัดเจนค่ะ ไม่ต้องกลัวไปแย่งที่กับใครด้วย
(ขอเอารูปตอนขากลับมาลงนะคะ เพราะตอนขาไปลืมถ่ายค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การจองตั๋ว หรือ เช็ครอบก็ง่ายมาก สำหรับคนใช้ไอโฟนสามารถโหลด app Trainline มาไว้ในมือถือได้เลย
app นี้ดีตรงที่ เราสามารถดูได้ตลอดว่าตอนนี้รถไฟที่เราโดยสารนั้นอยู่ถึงเมืองไหนแล้ว แล้วจะถึงเมืองถัดไปในเวลาเท่าไรค่ะ
เมื่อเดินทางกันมาซักพัก (เอาเป็นว่าหลับกันได้หลายตื่นเลยค่ะ ฮ่าๆ)
ก็จะมาถึงเมือง Newcastle ที่เราต้องเปลี่ยนรถไฟกันค่ะ
เมืองนี้ก็เป็นอีกเมืองที่เราอยากมามาก เพราะเราชอบทีมฟุตบอลทีมนี้ค่ะ ฮ่าๆ
แต่โดยรวมๆแล้วตัวเมืองไม่ได้มีอะไรน่าเที่ยวเป็นพิเศษเท่าไร
เรายังพอมีเวลาอยู่บ้างระหว่างรอเปลี่ยนรถไฟ
เราเลยเดินออกมาถ่ายรูปเล่นนอกสถานีค่ะ แต่ไปได้ไม่ไกลมากนะคะ
(ความจริงก็ถ่ายแค่หน้าสถานีนั่นแหละ)
และที่แน่นอนที่สุด คือเรามาถึงเช้าค่ะ ทุกอย่างเลยดูเงียบไปหมด
ขอกระซิบนิดนึงว่าคนอังกฤษส่วนมากจะตื่นค่อนข้างสาย เราเลยสบายตามไปด้วยเลย ฮ่าๆๆ
ข้อดีของการขึ้นรถไฟอีกอย่างคือวิวข้างทางก่อนจะถึง Edinburgh สวยมากๆค่ะ
แต่รอบนี้เราไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง เลยไม่มีรูปมาให้ดู ต้องขอโทษด้วยนะคะ
และเราก็มาถึงสถานีจุดหมายปลายทางของเราค่ะ คือสถานี Edinburgh Waverley นั่นเองค่ะ
เมื่อมาถึง ใครยังไม่สะดวกเข้าโรงแรมที่สถานีก็จะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ
สามารถอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันได้เลยค่ะ ในราคา 5 ปอนด์ ห้องน้ำสะอาดมาก
เมื่อเราเคลียตัวเองเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปโรงแรมกันเลยค่ะ
การเดินทางทั้งหมดในทริปนี้ เราเดินนะคะ โดยมีแผนที่ 1 แผ่น กับ กูเกิ้ลแมปค่ะ
(จำเป็นต้องมีแผนที่ที่เป็นกระดาษติดตัวนะคะ เดี๋ยวจะบอกทีหลังว่าทำไม)
เมื่อเดินมาถึงโรงแรมยังเช็คอินไม่ได้ เนื่องจากเรามาถึงเช้าค่ะ
แต่ที่โรงแรมที่เราพักจะรับฝากกระเป๋า มีตู้เก็บพร้อมกุญแจล็อคให้อย่างดีค่ะ
ความจริงจะเรียกว่าโรงแรมได้มั้ย เนื่องจากเรามาคนเดียว เราเลยพักเป็น hostel ค่ะ
hostel คือ การที่เรานอนรวมห้องกับคนอื่น ใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่น แต่ราคาจะประหยัดกว่าพักโรงแรมค่ะ
เราจองมาเป็นแบบนอนรวมผู้หญิง 6 คนค่ะ ในห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง แต่ไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะ
ห้องน้ำจะใช้รวมชายหญิงค่ะ เป็นห้องน้ำเหมือนเวลาเราไปสระว่ายน้ำ คือจะแบ่งห้องย่อยๆสำหรับอาบน้ำอีกที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้เราจองผ่านเว็บ hostelworld มาค่ะ
ขอลงรูปเป็นตอนกลางคืนนะคะ อย่าพึ่งงง ตอนกลางวันลืมถ่ายค่ะมัวแต่เที่ยว ฮ่าๆ
เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วก็ออกไปลุยกันเลยค่ะ เวลามีน้อยใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ
อันนี้เราเดินผ่านเฉยๆนะคะ คือ Edinburgh's festival centre ค่ะ
อยู่บนถนน Royal Mile ใกล้กับ Castle ค่ะ
ใกล้ๆกันมองไปเจอสัญลักษณ์ของ Scotland คือ ปี่สก็อตนั้นเองค่ะ
วันนี้เราจะเริ่มเที่ยวจากที่ไกลๆกันก่อน แล้วไล่ย้อนกลับมาโรงแรมค่ะ
ที่แรกคือ Our Dynamic Earth อยู่ใกล้ๆกับ Arthur's Seat (อันนี้เดียวต้องเล่ายาว เป็นที่ที่ชอบมาก)
ถัดมาใกล้ๆกันเลย คือ Scottish Parliament Building ค่ะ
สถาปัตยกรรม สวยโดดเด่นสะดุดตามาก เข้าฟรีค่ะ
เมื่อเดินย้อนกลับมาบนถนนสายหลัก ไม่แน่ใจว่าคือ High street รึป่าว
จะเจอกับ Childhood Museum เข้าฟรีค่ะ ข้างในจะมีประมาณ 4 ชั้น โตแล้วก็เข้าได้ค่ะ
หลังจากนั้นเราจะย้อนกลับไปที่ castle ก่อนค่ะ
เนื่องจากเราไปเป็นช่วงที่มี เทศกาล Royal Edinburgh Military Tattoo พอดี
เราเลยตัดสินซื้อตั๋วไว้ค่ะ เป็นโชว์ที่อลังการมาก
Theme ในปีนี้คือ 'East Meets West' มีฉากหลังเป็น Edinburgh Castle
ใครสนใจเทศกาลนี้จะมีปีละครั้งในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมนะคะ
มีตั๋วแล้วก็แนะนำให้ไปก่อนประตูงานเปิดประมาณ 1 ชั่วโมงนะคะ เพราะคิวยาวมาก
เทศกาลนี้คนมาจากทั่วทุกมุมโลกจริงๆค่ะ จากที่ได้คุยกับคนข้างๆระหว่างรอประตูงานเปิด มีทั้งจาก อินโดนีเซีย อเมริกา สเปนค่ะ
ใครดูรอบวันศุกร์ จะมี firework ด้วยนะคะ แต่ของเราดูวันเปิดงานวันแรก เลยพิเศษค่ะ มี firework ทั้งๆที่ไม่ใช่วันศุกร์ โชคดีไปค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] BACKPACK ไป Scotland กันเถอะ
เนื่องจากเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เรามีโอกาสไปเรียนภาษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ
เลยได้มีโอกาสแวะไปเที่ยว Scotland เพราะเป็นอีกเมืองในฝันที่เราอยากไปมาก
(ไว้มีโอกาสจะมาเขียนรีวิวประเทศอังกฤษนะคะ)
โดยทริปนี้เราจะไป 2 เมืองด้วยกัน คือ Edinburgh กับ Glasgow ค่ะ
เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟ เริ่มจากสถานี King's Cross ค่ะ
โดยเราจะออกเดินทางกันตอนกลางคืน เปลี่ยนรถไฟหนึ่งครั้งที่ Newcastle แล้วจะถึง Edinburgh ตอนเช้าพอดี
ทริปนี้เราเดินทางไปคนเดียว พร้อมแล้วก็ลุยได้เลยค่ะะ
และเนื่องจากเราจะไป Edinburgh เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน Harry Potter ของ J. K. Rowling
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องแวะถ่ายรูปกับชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่กันซักหน่อยย
ชานชาลานี้จะอยู่ที่สถานี King's Cross นะคะ ใครพอมีเวลาก็แวะมาถ่ายรูปเล่นกันได้นะ
ใครที่กลัวว่าเดินทางด้วยรถไฟจะลำบากมั้ย ?
บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวค่ะ รถไฟนั่งสบายมาก ปลอดภัย มี wifi และมีที่ให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ค่ะ
หากใครจองตั๋ว และบุ๊คที่นั่งไว้ก็จะมีป้ายติดไว้ชัดเจนค่ะ ไม่ต้องกลัวไปแย่งที่กับใครด้วย
(ขอเอารูปตอนขากลับมาลงนะคะ เพราะตอนขาไปลืมถ่ายค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเดินทางกันมาซักพัก (เอาเป็นว่าหลับกันได้หลายตื่นเลยค่ะ ฮ่าๆ)
ก็จะมาถึงเมือง Newcastle ที่เราต้องเปลี่ยนรถไฟกันค่ะ
เมืองนี้ก็เป็นอีกเมืองที่เราอยากมามาก เพราะเราชอบทีมฟุตบอลทีมนี้ค่ะ ฮ่าๆ
แต่โดยรวมๆแล้วตัวเมืองไม่ได้มีอะไรน่าเที่ยวเป็นพิเศษเท่าไร
เรายังพอมีเวลาอยู่บ้างระหว่างรอเปลี่ยนรถไฟ
เราเลยเดินออกมาถ่ายรูปเล่นนอกสถานีค่ะ แต่ไปได้ไม่ไกลมากนะคะ
(ความจริงก็ถ่ายแค่หน้าสถานีนั่นแหละ)
และที่แน่นอนที่สุด คือเรามาถึงเช้าค่ะ ทุกอย่างเลยดูเงียบไปหมด
ขอกระซิบนิดนึงว่าคนอังกฤษส่วนมากจะตื่นค่อนข้างสาย เราเลยสบายตามไปด้วยเลย ฮ่าๆๆ
ข้อดีของการขึ้นรถไฟอีกอย่างคือวิวข้างทางก่อนจะถึง Edinburgh สวยมากๆค่ะ
แต่รอบนี้เราไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง เลยไม่มีรูปมาให้ดู ต้องขอโทษด้วยนะคะ
และเราก็มาถึงสถานีจุดหมายปลายทางของเราค่ะ คือสถานี Edinburgh Waverley นั่นเองค่ะ
เมื่อมาถึง ใครยังไม่สะดวกเข้าโรงแรมที่สถานีก็จะมีห้องน้ำไว้ให้บริการ
สามารถอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันได้เลยค่ะ ในราคา 5 ปอนด์ ห้องน้ำสะอาดมาก
เมื่อเราเคลียตัวเองเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปโรงแรมกันเลยค่ะ
การเดินทางทั้งหมดในทริปนี้ เราเดินนะคะ โดยมีแผนที่ 1 แผ่น กับ กูเกิ้ลแมปค่ะ
(จำเป็นต้องมีแผนที่ที่เป็นกระดาษติดตัวนะคะ เดี๋ยวจะบอกทีหลังว่าทำไม)
เมื่อเดินมาถึงโรงแรมยังเช็คอินไม่ได้ เนื่องจากเรามาถึงเช้าค่ะ
แต่ที่โรงแรมที่เราพักจะรับฝากกระเป๋า มีตู้เก็บพร้อมกุญแจล็อคให้อย่างดีค่ะ
ความจริงจะเรียกว่าโรงแรมได้มั้ย เนื่องจากเรามาคนเดียว เราเลยพักเป็น hostel ค่ะ
hostel คือ การที่เรานอนรวมห้องกับคนอื่น ใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่น แต่ราคาจะประหยัดกว่าพักโรงแรมค่ะ
เราจองมาเป็นแบบนอนรวมผู้หญิง 6 คนค่ะ ในห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง แต่ไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะ
ห้องน้ำจะใช้รวมชายหญิงค่ะ เป็นห้องน้ำเหมือนเวลาเราไปสระว่ายน้ำ คือจะแบ่งห้องย่อยๆสำหรับอาบน้ำอีกที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอลงรูปเป็นตอนกลางคืนนะคะ อย่าพึ่งงง ตอนกลางวันลืมถ่ายค่ะมัวแต่เที่ยว ฮ่าๆ
เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วก็ออกไปลุยกันเลยค่ะ เวลามีน้อยใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ
อันนี้เราเดินผ่านเฉยๆนะคะ คือ Edinburgh's festival centre ค่ะ
อยู่บนถนน Royal Mile ใกล้กับ Castle ค่ะ
ใกล้ๆกันมองไปเจอสัญลักษณ์ของ Scotland คือ ปี่สก็อตนั้นเองค่ะ
วันนี้เราจะเริ่มเที่ยวจากที่ไกลๆกันก่อน แล้วไล่ย้อนกลับมาโรงแรมค่ะ
ที่แรกคือ Our Dynamic Earth อยู่ใกล้ๆกับ Arthur's Seat (อันนี้เดียวต้องเล่ายาว เป็นที่ที่ชอบมาก)
ถัดมาใกล้ๆกันเลย คือ Scottish Parliament Building ค่ะ
สถาปัตยกรรม สวยโดดเด่นสะดุดตามาก เข้าฟรีค่ะ
เมื่อเดินย้อนกลับมาบนถนนสายหลัก ไม่แน่ใจว่าคือ High street รึป่าว
จะเจอกับ Childhood Museum เข้าฟรีค่ะ ข้างในจะมีประมาณ 4 ชั้น โตแล้วก็เข้าได้ค่ะ
หลังจากนั้นเราจะย้อนกลับไปที่ castle ก่อนค่ะ
เนื่องจากเราไปเป็นช่วงที่มี เทศกาล Royal Edinburgh Military Tattoo พอดี
เราเลยตัดสินซื้อตั๋วไว้ค่ะ เป็นโชว์ที่อลังการมาก
Theme ในปีนี้คือ 'East Meets West' มีฉากหลังเป็น Edinburgh Castle
ใครสนใจเทศกาลนี้จะมีปีละครั้งในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมนะคะ
มีตั๋วแล้วก็แนะนำให้ไปก่อนประตูงานเปิดประมาณ 1 ชั่วโมงนะคะ เพราะคิวยาวมาก
เทศกาลนี้คนมาจากทั่วทุกมุมโลกจริงๆค่ะ จากที่ได้คุยกับคนข้างๆระหว่างรอประตูงานเปิด มีทั้งจาก อินโดนีเซีย อเมริกา สเปนค่ะ
ใครดูรอบวันศุกร์ จะมี firework ด้วยนะคะ แต่ของเราดูวันเปิดงานวันแรก เลยพิเศษค่ะ มี firework ทั้งๆที่ไม่ใช่วันศุกร์ โชคดีไปค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ