ปกติเราไม่ค่อยได้ทำรีวิวค่ะ มีทำอยู่บ้างก็จะลงยูทูปไว้ นี่เลยเป็นครั้งแรกที่จะเขียนรีวิวกิจกรรมเด็กๆ ลงกระทู้พันทิปนะคะ ^ ^
ช่วงนี้บางบ้านก็เปิดเทอมกันไปแล้ว แต่บ้านเราเริ่มเปิดอาทิตย์หน้า เลยจัดกิจกรรมเบาๆทิ้งท้ายช่วงปิดเทอม ชวนเด็กๆไปเล่นกับกระต่ายกันค่ะ ก่อนไปนี่ตื่นเต้นกันนะคะ เพราะปกติเคยเห็นแต่อยู่ในกรงตามสวนสัตว์ แต่พอบอกว่าจะพาไปเล่นไปจับกระต่ายจริงๆ ดูเด็กๆจะสนใจ โดยเฉพาะลูกสาวนี่อยากไปเจอกระต่ายมากค่ะ
ออกตัวก่อนนะคะว่า เราเป็นคนไม่มีความรู้เรื่องกระต่ายเลยค่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลค่ะว่าจะไปที่ไหนดี สรุปแล้วเราเลือกไปร้านชื่อ Lucky bunny cafe BKK ค่ะ คาเฟ่กระต่ายร้านนี้ เคยมีคนรีวิวไว้ว่าน่ารักมากแต่ร้านอยู่เชียงใหม่ แล้วก็โชคดีมากๆค่ะ ที่เค้าเพิ่งขยายเปิดสาขาใหม่ที่กรุงเทพ ก็เลยตกลงว่าเลือกร้านนี้ค่ะ
ก่อนมาโทรมาสอบถามทางร้านแล้วค่ะ ว่าเด็กเล็กจะมาเล่นได้มั้ย เพราะลูกคนเล็กเพิ่งจะขวบครึ่ง
คือถ้าเล่นไม่ได้ก็กะว่า เรากับลูกคนเล็กจะนั่งรอที่โซนทานอาหาร แต่ทางร้านบอกว่าเด็กตั้งแต่หนึ่งขวบขึ้นไปก็เล่นได้ แต่ต้องมีผู้ปกครองดูแลตลอดเวลา เราก็โอเคเลยค่ะ ลองพาไปดู ว่าแล้วก็จองรอบนัดเวลากับทางร้านไว้ เพราะเค้าจะเปิดเป็นรอบๆให้เล่นค่ะ
แต่เราก็แอบกังวลเล็กๆ ว่าคนเล็กจะไหวมั้ย เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านบอกว่าขนมันจะเยอะมั้ย เดี๋ยวตัวเล็กจะแพ้มั้ย เราก็เลยถามที่ร้านไปตรงๆเลยค่ะ ทางร้านบอกว่า ก็มีขนฟุ้งปลิวๆบ้าง หากใครเป็นภูมิแพ้สามารถใส่ผ้าปิดปากได้ เค้าบอกว่ามีเด็กๆมาเล่นกระต่ายกันบ่อยๆ ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็เลยคิดว่างั้นจองไปก่อน แล้วค่อยไปดูตอนนั้นอีกทีค่ะ
เราไปถึงร้านช่วงเที่ยงๆค่ะ ร้านก็หาไม่ยาก อยู่ในหมู่บ้านกลางเมือง ตรงเลียบทางด่วนรามอินทราค่ะ จอดรถได้ฟรี 3 ชั่วโมงค่ะ
บรรยากาศร้านน่ารักมากๆ แต่งร้านเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้านเลย
ลูกสาวแปลงร่างเป็นกระต่ายไปแล้วค่ะ
รอบที่เรานัดไว้ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย เพราะเรานัดวันธรรมดา บางโรงเรียนก็เปิดเทอมแล้ว เลยเหมือนจองรอบเหมาร้าน สบายเลยค่ะ ^ ^
ร้านเค้าจะแบ่งโซนทานอาหารกับโซนเล่นกระต่ายแยกจากกันค่ะ ค่าเล่นกระต่าย 200 บาท สามารถเอามาหักเป็นส่วนลดค่าอาหารได้ 50 บาท
ว่าแล้วก็มาเพิ่มพลังให้เด็กๆเตรียมพร้อมก่อนเข้าห้องเล่นกระต่ายกันค่ะ โซนทานอาหารจะอยู่ชั้นล่างนะคะ สำหรับเราว่ามันสะดวกดีค่ะ ดูแลเด็กๆง่ายดี แล้วแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ก็ดูสะอาดด้วยค่ะ
อาหารรอนานไปนิด แต่พอมาเสริฟนี่ เด็กๆตาโตกันเลยค่ะ เพราะมันน่ารักมากจริงๆ เรายังชอบเลยค่ะ แล้วขอบอกว่าอร่อยมากๆๆ สมราคาค่ะ เด็กๆชอบกันมาก แนะนำว่าต้องลองจริงๆค่ะ
ทานอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาที่เด็กๆรอคอยแล้วค่ะ จะสนุกสมกับความตั้งใจมั้ยไปดูกันเลยค่ะ
ห้องเล่นกระต่ายจะอยู่ชั้น 2 ค่ะ ทางขึ้นจะมีป้ายบอกว่าต้องปฏิบัติยังไงเวลาเล่นกับเจ้ากระต่ายด้วยค่ะ
พอขึ้นมาถึงชั้นบนเด็กๆตื่นเต้นมากค่ะ รีบวิ่งไปดูกระต่าย เราก็มัวแต่วุ่นวายจับเด็กๆ เลยลืมเก็บภาพบรรยากาศห้องเล่นกระต่ายมาค่ะ T T
ไม่เป็นไรๆ เอาเป็นว่าสไตล์โดยรวมก็ยังคงบรรยากาศอบอุ่นน่ารักๆไว้เหมือนเดิมค่ะ ด้านในห้องเลี้ยงจะเป็นกรงกระต่ายแต่ละตัวที่เลี้ยงไว้ มีประมาณ 20 กว่าตัว อยู่ในกรงแยกกันค่ะ ยืนมองจากด้านนอกห้องกระจกเห็นแล้วก็น่ารักดีค่ะ
เจ้าของร้านชื่อคุณเบลใจดีมากค่ะ เด็กๆได้เล่นกับกระต่ายในโซนที่จัดไว้ มีผ้ากันเปื้อน และอาหารกระต่ายจัดเตรียมไว้ให้ เตรียมตัวพร้อมแล้วคุณเบลจะอุ้มกระต่ายมาให้เด็กๆเล่นทีละตัวค่ะ เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปกระต่ายได้แต่ห้ามใช้แฟลตค่ะ
มีการแนะนำวิธีการเล่นกับกระต่าย วิธีการจับที่ถูกต้อง การให้อาหารกระต่าย ทำยังไงให้กระต่ายไว้ใจ ยอมที่จะให้เราอุ้ม ท่าทางแบบไหนที่บอกว่ากระต่ายกำลังกลัว และอีกเยอะแยะเลยค่ะ เด็กๆก็ตื่นเต้น และชอบกันมาก ได้จับสัมผัสกระต่ายแบบใกล้ชิด แล้วที่ชอบมากคือ กระต่ายดูสะอาดน่าอุ้มมากค่ะ คุณเบลบอกว่าบางตัวเป็นสายพันธุ์หายาก บางตัวนำเข้าจากต่างประเทศ ทางร้านเลยต้องมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านกระต่ายมาดูแลสุขภาพกระต่ายที่ร้านทุกเดือน
เรามัวแต่คอยระวังลูกชายกลัวจะไปจับกระต่ายแรง ก็ฟังพอคร่าวๆค่ะ เจ้ากระต่ายแต่ละตัวก็จะมีชื่อเล่น คุณเบลจะคอยบอกว่ากระต่ายแต่ละตัวมีนิสัยยังไง บางตัวขี้กลัว บางตัวขี้เล่น เค้าจะดูลูกเราแล้วคอยแนะนำว่าจะลองเล่นกับตัวไหนที่น่าจะเข้ากับลูกเราได้ค่ะ ปรากฎว่าคนที่เข้ากับกระต่ายได้ดี และกระต่ายเข้าหามากที่สุดคือลูกชายคนเล็กสุด ขวบครึ่งเองค่ะ
ส่วนลูกสาวที่ตั้งตารอคอย บอกว่าอยากมาเจอกระต่ายมากๆๆ แต่พอเอาเข้าจริง ก็ไม่กล้าอุ้มค่ะ ได้แต่ให้อาหาร แล้วก็คุยถามความรู้กับคุณเบลเยอะแยะเลยค่ะ
คนโตก็ได้อุ้มกระต่ายในช่วงหลังๆ เพราะปล่อยให้ตัวเล็กสนุกไปก่อนค่ะ แต่พิเศษเลยค่ะ คุณเบลให้ลองเล่นกับเจ้ากระต่ายสายพันธุ์หายาก ที่ไม่ค่อยมีในไทยด้วยค่ะ เจ้าตัวใหญ่ๆ สีแทน หูยาวๆในรูปค่ะ ตัวใหญ่จริงๆค่ะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าคุ้มค่ะ เด็กๆสนุกมาก อาหารอร่อยใช้ได้เลยค่ะ กระต่ายสะอาด และบรรยากาศร้านก็ดูดี มีเวลาให้เด็กๆได้เล่นเต็มที่ จริงๆรอบนึงเค้าให้เล่นได้ชั่วโมงครึ่ง แต่เราเล่นไม่ถึงนั้นค่ะ เพราะช่วงหลังๆเด็กๆเริ่มป่วนกันแล้วค่ะ เด็กๆได้รู้จักกระต่ายพันธุ์ต่างๆ การจับ การสัมผัส การเลี้ยงดู อาหารที่ให้ได้และให้ไม่ได้ กระต่ายเป็นสัตว์ที่บอบบางตกใจง่าย แต่ถ้าเราเลี้ยงเค้าอย่างถูกวิธีนี่อายุยืนเป็น 10 ปีเลยนะคะ
บอกเรื่องขนกระต่ายนิดนึงค่ะ เผื่อบ้านไหนพาเด็กเล็กๆไปจะได้ทราบค่ะ ตอนเล่นก็มีขนฟุ้งปลิวๆบ้างแต่ไม่มาก เพราะกระต่ายอยู่ในช่วงผลัดขนค่ะ เรากังวลเรื่องนี้เหมือนกัน เลยตกลงกับลูกไว้แล้วว่ากลับมาต้องล้างจมูกด้วยนะ เจ้าตัวเล็กเราก็จับล้างจมูกด้วยค่ะ ตั่งแต่วันที่เราไปเที่ยว ตอนนี้ผ่านมา 3 วันแล้ว ลูกเราทุกคนยังแข็งแรงดีค่ะ สรุปว่าลูกเราไม่แพ้ขนกระต่ายเลยค่ะ ^ ^
ขอจบรีวิวเที่ยวปิดเทอมเบาๆ ที่คาเฟ่กระต่าย ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ตามอ่านค่ะ
[CR] รีวิว พาเด็กๆ เที่ยวคาเฟ่กระต่าย Lucky bunny cafe BKK กิจกรรมเบาๆช่วงปิดเทอม
ช่วงนี้บางบ้านก็เปิดเทอมกันไปแล้ว แต่บ้านเราเริ่มเปิดอาทิตย์หน้า เลยจัดกิจกรรมเบาๆทิ้งท้ายช่วงปิดเทอม ชวนเด็กๆไปเล่นกับกระต่ายกันค่ะ ก่อนไปนี่ตื่นเต้นกันนะคะ เพราะปกติเคยเห็นแต่อยู่ในกรงตามสวนสัตว์ แต่พอบอกว่าจะพาไปเล่นไปจับกระต่ายจริงๆ ดูเด็กๆจะสนใจ โดยเฉพาะลูกสาวนี่อยากไปเจอกระต่ายมากค่ะ
ออกตัวก่อนนะคะว่า เราเป็นคนไม่มีความรู้เรื่องกระต่ายเลยค่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลค่ะว่าจะไปที่ไหนดี สรุปแล้วเราเลือกไปร้านชื่อ Lucky bunny cafe BKK ค่ะ คาเฟ่กระต่ายร้านนี้ เคยมีคนรีวิวไว้ว่าน่ารักมากแต่ร้านอยู่เชียงใหม่ แล้วก็โชคดีมากๆค่ะ ที่เค้าเพิ่งขยายเปิดสาขาใหม่ที่กรุงเทพ ก็เลยตกลงว่าเลือกร้านนี้ค่ะ
ก่อนมาโทรมาสอบถามทางร้านแล้วค่ะ ว่าเด็กเล็กจะมาเล่นได้มั้ย เพราะลูกคนเล็กเพิ่งจะขวบครึ่ง
คือถ้าเล่นไม่ได้ก็กะว่า เรากับลูกคนเล็กจะนั่งรอที่โซนทานอาหาร แต่ทางร้านบอกว่าเด็กตั้งแต่หนึ่งขวบขึ้นไปก็เล่นได้ แต่ต้องมีผู้ปกครองดูแลตลอดเวลา เราก็โอเคเลยค่ะ ลองพาไปดู ว่าแล้วก็จองรอบนัดเวลากับทางร้านไว้ เพราะเค้าจะเปิดเป็นรอบๆให้เล่นค่ะ
แต่เราก็แอบกังวลเล็กๆ ว่าคนเล็กจะไหวมั้ย เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านบอกว่าขนมันจะเยอะมั้ย เดี๋ยวตัวเล็กจะแพ้มั้ย เราก็เลยถามที่ร้านไปตรงๆเลยค่ะ ทางร้านบอกว่า ก็มีขนฟุ้งปลิวๆบ้าง หากใครเป็นภูมิแพ้สามารถใส่ผ้าปิดปากได้ เค้าบอกว่ามีเด็กๆมาเล่นกระต่ายกันบ่อยๆ ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็เลยคิดว่างั้นจองไปก่อน แล้วค่อยไปดูตอนนั้นอีกทีค่ะ
เราไปถึงร้านช่วงเที่ยงๆค่ะ ร้านก็หาไม่ยาก อยู่ในหมู่บ้านกลางเมือง ตรงเลียบทางด่วนรามอินทราค่ะ จอดรถได้ฟรี 3 ชั่วโมงค่ะ
บรรยากาศร้านน่ารักมากๆ แต่งร้านเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้านเลย
ลูกสาวแปลงร่างเป็นกระต่ายไปแล้วค่ะ
รอบที่เรานัดไว้ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย เพราะเรานัดวันธรรมดา บางโรงเรียนก็เปิดเทอมแล้ว เลยเหมือนจองรอบเหมาร้าน สบายเลยค่ะ ^ ^
ร้านเค้าจะแบ่งโซนทานอาหารกับโซนเล่นกระต่ายแยกจากกันค่ะ ค่าเล่นกระต่าย 200 บาท สามารถเอามาหักเป็นส่วนลดค่าอาหารได้ 50 บาท
ว่าแล้วก็มาเพิ่มพลังให้เด็กๆเตรียมพร้อมก่อนเข้าห้องเล่นกระต่ายกันค่ะ โซนทานอาหารจะอยู่ชั้นล่างนะคะ สำหรับเราว่ามันสะดวกดีค่ะ ดูแลเด็กๆง่ายดี แล้วแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ก็ดูสะอาดด้วยค่ะ
อาหารรอนานไปนิด แต่พอมาเสริฟนี่ เด็กๆตาโตกันเลยค่ะ เพราะมันน่ารักมากจริงๆ เรายังชอบเลยค่ะ แล้วขอบอกว่าอร่อยมากๆๆ สมราคาค่ะ เด็กๆชอบกันมาก แนะนำว่าต้องลองจริงๆค่ะ
ทานอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาที่เด็กๆรอคอยแล้วค่ะ จะสนุกสมกับความตั้งใจมั้ยไปดูกันเลยค่ะ
ห้องเล่นกระต่ายจะอยู่ชั้น 2 ค่ะ ทางขึ้นจะมีป้ายบอกว่าต้องปฏิบัติยังไงเวลาเล่นกับเจ้ากระต่ายด้วยค่ะ
พอขึ้นมาถึงชั้นบนเด็กๆตื่นเต้นมากค่ะ รีบวิ่งไปดูกระต่าย เราก็มัวแต่วุ่นวายจับเด็กๆ เลยลืมเก็บภาพบรรยากาศห้องเล่นกระต่ายมาค่ะ T T
ไม่เป็นไรๆ เอาเป็นว่าสไตล์โดยรวมก็ยังคงบรรยากาศอบอุ่นน่ารักๆไว้เหมือนเดิมค่ะ ด้านในห้องเลี้ยงจะเป็นกรงกระต่ายแต่ละตัวที่เลี้ยงไว้ มีประมาณ 20 กว่าตัว อยู่ในกรงแยกกันค่ะ ยืนมองจากด้านนอกห้องกระจกเห็นแล้วก็น่ารักดีค่ะ
เจ้าของร้านชื่อคุณเบลใจดีมากค่ะ เด็กๆได้เล่นกับกระต่ายในโซนที่จัดไว้ มีผ้ากันเปื้อน และอาหารกระต่ายจัดเตรียมไว้ให้ เตรียมตัวพร้อมแล้วคุณเบลจะอุ้มกระต่ายมาให้เด็กๆเล่นทีละตัวค่ะ เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปกระต่ายได้แต่ห้ามใช้แฟลตค่ะ
มีการแนะนำวิธีการเล่นกับกระต่าย วิธีการจับที่ถูกต้อง การให้อาหารกระต่าย ทำยังไงให้กระต่ายไว้ใจ ยอมที่จะให้เราอุ้ม ท่าทางแบบไหนที่บอกว่ากระต่ายกำลังกลัว และอีกเยอะแยะเลยค่ะ เด็กๆก็ตื่นเต้น และชอบกันมาก ได้จับสัมผัสกระต่ายแบบใกล้ชิด แล้วที่ชอบมากคือ กระต่ายดูสะอาดน่าอุ้มมากค่ะ คุณเบลบอกว่าบางตัวเป็นสายพันธุ์หายาก บางตัวนำเข้าจากต่างประเทศ ทางร้านเลยต้องมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านกระต่ายมาดูแลสุขภาพกระต่ายที่ร้านทุกเดือน
เรามัวแต่คอยระวังลูกชายกลัวจะไปจับกระต่ายแรง ก็ฟังพอคร่าวๆค่ะ เจ้ากระต่ายแต่ละตัวก็จะมีชื่อเล่น คุณเบลจะคอยบอกว่ากระต่ายแต่ละตัวมีนิสัยยังไง บางตัวขี้กลัว บางตัวขี้เล่น เค้าจะดูลูกเราแล้วคอยแนะนำว่าจะลองเล่นกับตัวไหนที่น่าจะเข้ากับลูกเราได้ค่ะ ปรากฎว่าคนที่เข้ากับกระต่ายได้ดี และกระต่ายเข้าหามากที่สุดคือลูกชายคนเล็กสุด ขวบครึ่งเองค่ะ
ส่วนลูกสาวที่ตั้งตารอคอย บอกว่าอยากมาเจอกระต่ายมากๆๆ แต่พอเอาเข้าจริง ก็ไม่กล้าอุ้มค่ะ ได้แต่ให้อาหาร แล้วก็คุยถามความรู้กับคุณเบลเยอะแยะเลยค่ะ
คนโตก็ได้อุ้มกระต่ายในช่วงหลังๆ เพราะปล่อยให้ตัวเล็กสนุกไปก่อนค่ะ แต่พิเศษเลยค่ะ คุณเบลให้ลองเล่นกับเจ้ากระต่ายสายพันธุ์หายาก ที่ไม่ค่อยมีในไทยด้วยค่ะ เจ้าตัวใหญ่ๆ สีแทน หูยาวๆในรูปค่ะ ตัวใหญ่จริงๆค่ะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าคุ้มค่ะ เด็กๆสนุกมาก อาหารอร่อยใช้ได้เลยค่ะ กระต่ายสะอาด และบรรยากาศร้านก็ดูดี มีเวลาให้เด็กๆได้เล่นเต็มที่ จริงๆรอบนึงเค้าให้เล่นได้ชั่วโมงครึ่ง แต่เราเล่นไม่ถึงนั้นค่ะ เพราะช่วงหลังๆเด็กๆเริ่มป่วนกันแล้วค่ะ เด็กๆได้รู้จักกระต่ายพันธุ์ต่างๆ การจับ การสัมผัส การเลี้ยงดู อาหารที่ให้ได้และให้ไม่ได้ กระต่ายเป็นสัตว์ที่บอบบางตกใจง่าย แต่ถ้าเราเลี้ยงเค้าอย่างถูกวิธีนี่อายุยืนเป็น 10 ปีเลยนะคะ
บอกเรื่องขนกระต่ายนิดนึงค่ะ เผื่อบ้านไหนพาเด็กเล็กๆไปจะได้ทราบค่ะ ตอนเล่นก็มีขนฟุ้งปลิวๆบ้างแต่ไม่มาก เพราะกระต่ายอยู่ในช่วงผลัดขนค่ะ เรากังวลเรื่องนี้เหมือนกัน เลยตกลงกับลูกไว้แล้วว่ากลับมาต้องล้างจมูกด้วยนะ เจ้าตัวเล็กเราก็จับล้างจมูกด้วยค่ะ ตั่งแต่วันที่เราไปเที่ยว ตอนนี้ผ่านมา 3 วันแล้ว ลูกเราทุกคนยังแข็งแรงดีค่ะ สรุปว่าลูกเราไม่แพ้ขนกระต่ายเลยค่ะ ^ ^
ขอจบรีวิวเที่ยวปิดเทอมเบาๆ ที่คาเฟ่กระต่าย ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ตามอ่านค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น