@@ เรื่องเล่าจากเมือง St. Wolfgang, ออสเตรีย เมื่อเราอยู่ในลิฟแล้วค้าง @@

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่า

เมื่อช่วงวันปิยะ ได้มีโอกาสไปออสเตรียมา
เส้นทางคือ เวียนนา - นั่งรถไฟไป Semmering แล้วต่อไปเมือง กราซ (Graz) - Hallstatt - St. Wolfgang - Salzburg แล้วจบที่ Munich

ช่วงนั้น ถือว่าโชคดีมาก ที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งสุด ๆ ฟ้าใสแจ๋วเกือบทุกวัน มีแค่วันแรกที่ถึงเวียนนาแล้วครึ้ม ๆ อึมครึมไปหน่อย

แต่ที่จะเล่าคือประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่เคยเจอเหมือนกัน

คือการไปติดลิฟค้างอยู่ที่โรงแรมที่พักที่เมือง St. Wolfgang (รูปในลิฟไม่มี มีแต่รูปวิวๆๆ)

เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนนั้น ช่วงค่ำ ถึงเวลาทานข้าวเย็นที่ห้องอาหารโรงแรม ทุกคนลงไปหมดแล้ว เหลือเราคนเดียว เพราะนั่งรถน้องอีกคนอยู่ แต่ส่งไลน์ถามไป เห็นว่าไปถึงแล้ว ก็เลยเดินตามไปคนสุดท้าย นั่นคือเหตุที่ทำให้ต้องลงลิฟคนเดียว

จริงๆ จากชั้นล้อบบี้ ไปชั้นร้านอาหารมันก็แค่ชั้นเดียวนะ แต่ตอนนั้นหาทางลงบันไดไม่เจอ เนื่องจากตึกโรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างซับซ้อน โรงแรมจะมีตึกเก่า ตึกใหม่ต่อกัน ใช้ลิฟทั้งหมด 3 อัน สำหรับ 3 ตึก

ตึกที่ต้องไปทานอาหารค่ำ เป็นตึกเก่าสุดด้านใน เราก็เดินไปกดลิฟปกติ ลิฟมาเข้าไป กดชั้นที่จะไป...ซึ่งก็แค่ชั้นเดียวนั่นแหละ

แต่ด้วยมืออันไว พอกดชั้นปุ๊บ ก็กดปุ่มปิด....แต่มันไม่ใช่ ปุ่มเปิดปิดที่ลิฟนี้ไม่มี ปุ่มด้านล่างสุดดันเป็นปุ่มที่มีรูปกระดิ่งปุ่มเดียวโดด ๆ ขนาดเท่าปุ่มชั้นนี่แหล่ะ กดปุ๊บก็ดังปี๊บ

เราก็ชิ...หาย แระ เป็นไรป่าวเนี่ย พอประตูปิด ลิฟก็เลื่อนลงปกตินะ แต่มีอาการสั่นกึ่กๆ นิดหน่อย แต่ไม่ได้สงสัย เนื่องด้วยลิฟเก่า

แต่ประเด็นคือ....ถึงชั้นแล้ว ลิฟไม่เปิด 555+  เราก็ เอ ลิฟเก่า คิดนานรึป่าวกว่าจะเปิด ก็รอซักพัก ไม่เปิดอีก เลยกดปุ่มกริ้งนั่นอีกรอบ เผื่อว่าเมื่อกี้เรากดไป ทำให้ลิฟเกิดเป็นอะไรขึ้นมา  สรุปมันก็เหมือนเดิม ไม่เปิด   เอ้า เลยกดชั้นที่เราจะออกใหม่ ย้ำๆๆ เผื่อกระตุ้นการทำงานลิฟ  ก็ไม่เปิด....ความซวยเริ่มมาเยือน

เมื่อลิฟไม่เปิด ทำไงล่ะ....กดปุ่ม Call ไง 55+  เป็นปุ่มไม่ใหญ่ แต่คำอธิบายการใช้ตัวใหญ่มาก เสมือนว่า ลิฟอาจจะติดได้ทุกเวลา มองเห็นได้อย่างชัดเจน

ปุ่ม Call จะอยู่บนสุดของแป้นกด และมีลำโพงอยู่ด้วย มองเห็นได้ง่าย

กดไป...ก็มีเสียง Hello ตอบกลับมา......และนี่คือการใช้ภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ จากที่ได้เรียนมาได้เป็นประโยชน์ที่สุดเลยก็ว่าได้มั้งเนี่ย

เมื่อเค้า "Hello" เราก็ "Hello" กลับ แล้วก็บอกว่า "ลิฟค้างค่าาาาาาาา"

เจ้าหน้าที่ืทำเสียงตกใจ..."ลิฟค้าง!"  เพราะตอนแรกอาจจะคิดว่ามีคนกดเล่นมั้ง แต่อันนี้ไม่เล่น

เราก็เลยย้ำว่า "ใช่ ลิฟค้าง"

เค้าถามว่า "คุณกดอะไรไป"

เราก็ตอบว่า "กดจากชั้น reception จะไปชั้น resturant แล้วมือก็เผอิญไปกดปุ่มที่เป็นรูปกริ่งด้วย แล้วอยู่ๆ ลิฟก็ค้าง"

เค้าก็ตอบว่า "โอเค ชั้นคิดว่าคุณกดปุ่ม stop นะ.......ในใจคิดเลย ปุ่ม stop เป็นคันโยกน้อย ๆ อยู่ด้านบนจ้า ใครจะไปบ้าโยกมันลงให้ตัวเองติดลิฟ ถ้าไอ้
ปุ่มรูปกริ่งนี่มันทำให้ลิฟค้างง่ายขนาดนี้ เอามันไว้บน ๆ ดีกว่าไว้ล่างสุดดีมั้ย"

เราก็ตอบ "ไม่ได้กดปุ่ม stop นะ"

เค้าก็บอกว่า "ไม่เป็นไร อย่าตกใจ ไม่ต้องกลัว เรากำลังจะช่วยเหลือคุณเต็มที่"

เราก็ "โอเค รออยู่ (แต่ในใจคือ ตรูหิวค่าาา)"

ตอนกำลังรอ เราก็นั่งคิดอยู่ว่า จะทำยังไงดีให้คนรู้ว่าเราติดลิฟ ดู wifi เงียบกริบ ไม่มีซักขีด เอาวะ จำใจเปิดโรมมิ่ง เอาโหมด airplane ออก แล้วส่งข้อความบอกว่าติดลิฟอยู่น้าาาาา...แค่ภาวนาว่า ขอให้เปิดอ่านข้อความด้วย แต่โรมมิ่งน่าจะเปิดอยู่แล้ว

ระหว่างที่รอผลการส่งข้อความว่าจะมีการตอบรับมั้ย เจ้าหน้าที่ก็ call กลับมา แล้วบอกว่าจะรีบไปช่วยแล้ว แล้วก็ได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆ หน้าลิฟ กะเสียงพี่ที่เราส่งข้อความไปหา ถามกลับมาว่า เป็นไงบ้าง....ฮ้าาา มีคนรับรู้แล้วว่าเราติดลิฟ 55+

สรุปที่ก๊อกๆแก๊กๆ คือเอากุญแจมาไขลิฟ แต่ไขไม่ออก T-T  เค้า call บอกอีกทีว่า อาจจะรอนานนิดนึงนะ ....โอเค้ ไม่รอจะให้ทำไงเล่า

ซักพักนึง ประมาณ 10 นาที ก็มีเสียงก๊อกแก๊กอีก ทีนี้....ลิฟก็เปิดออกด้วยเหล็กง้างงงงง สวรรค์!  เราได้กินข้าวแล้ว
คือจริง ๆ ประตูลิฟตอนติดนี่ เราลองง้างแล้วนะ แต่ไม่ออกเลย กำลังนึกถึงหนังฝรั่งที่ดูไง เห็นว่าง้างกันไม่ยาก เผื่อเราจะทำได้ ที่ไหนได้ แข็งมาก ไม่ออก อิอิ

ตอนออกไป ก็เจอช่างหนุ่มรูปงาม ที่ง้างประตูให้เรา กะสาวน้อยเจ้าหน้าที่ เราก็รีบขอโทษเลย เพราะไม่รู้ว่าที่ลิฟติดเพราะเรารึป่าว แล้วก็บอกว่า เราไม่ได้ตั้งใจกดปุ่มนั้นนะ มือมันไปอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าใช่เพราะสาเหตุนี้มั้ย  เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรๆ แล้วชี้ทางห้องอาหารที่เราจะไปทานให้

พอมาถึงห้องอาหารพี่เค้าก็เล่าว่า พอรู้ว่าลิฟติดก็ไปดู พนักงานเค้าก็เล่าว่า เค้าวิ่งขึ้นวิ่งลงดูว่า น่าจะติดชั้นไหน เพราะว่าเลขชั้นหน้าลิฟ มันไม่ตรงกับเลขชั้นในลิฟ เลยไม่แน่ใจว่าจะติดชั้นไหนแน่ เลยทำให้นานหน่อย รวม ๆ ก็ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ได้น่ะ

ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่โอเคนะ ขนาดวันนั้นคือวันอาทิตย์ และวันต่อไปคือวันชาติออสเตรีย ยังคิดเลยว่า เค้าจะหยุดทำงานกันมั้ยเนี่ย แต่ก็น่าจะมีคน support อยู่ล่ะมั้ง เรื่องแบบนี้  และเราก็โชคดีออกมาได้ในเวลาอันไม่นาน อิอิ

ตอนนั้น บอกตรงๆ ว่าภาษาที่งู ๆ ปลา ๆ มันช่างไหลลื่น ด้วยจะเอาตัวรอด ทุกอย่างมันก็ต้องได้อ่ะนะ  55+


เพิ่มเรื่องอีกเล็กน้อยพอขำ ๆ
เมือง St. Wolfgang เค้าจะเป็นเมืองที่ไม่มีแอร์ในที่พัก เนื่องจากอากาศเย็นสบายตลอด แต่ถ้าหน้าร้อน โรงแรมจะมีพัดลมให้ (พี่เค้าเล่ามา) เพราะงั้น จะนอนให้สบายขึ้น ก็อาจจะต้องเปิดหน้าต่างรับลมเย็นแทนแอร์กันแบบนี้

ทีนี้ตอนเช้า เราก็เดินไปชมเมืองตามปกติ เป็นวันจันทร์ ซึ่งตรงกับวันชาติออสเตรีย ทุกคนหยุดหมด สงบเงียบ แทบยังไม่เจอผู้คน

พอเดินไปได้นิดหน่อย ในซอกซอย เราก็ได้ยินเสียง........โอ้ว อ้า..5555+ ยังกะออกมาจากหนังเอวีเลยนะเนี่ย ดังมาก แล้วตอนนั้นคือเมืองมันเงียบมากไง เราก็หยุดเดิน เนื่องจากมีผู้ชายคนนึง มาเดินเล่นพร้อมสุนัขของเค้า ได้หยุดอยู่ตรงต้นกำเนิดเสียง แล้วมองหาว่ามาจากห้องไหน ครั้นที่เราจะเดินเป็นทำเฉย เหมือนไม่ได้ยินอะไรก็แปลกไป เพราะเสียงดังมาก  เค้าและเราก็หยุดเดิน ซักพัก เสียงหายไป ก็เดินกันใหม่ต่อ พอผู้ชายคนนั้นไป เราก็เดินถ่ายรูปเพลิน ๆ เสียงมาอีกล่ะ....แม่คู้นนนนนนนนน ไม่รู้จะพูดไรต่อ ปล่อยเค้าไป 55+

ขำ ๆ กันนะ อิอิ

มาดูรูปเมือง St. Wolfgang อันแสนโรแมนติคและเงียบสงบกันดีกว่า

ค่ำคืนที่ St. Wolfgang









เช้าตรู่วิวทะเลสาบจากระเบียงห้องพัก


เช้าตรู่ในเมือง St. Wolfgang
























วิวทะเลสาบจากจุดชมวิวก่อนเดินทางต่อ จุดชมวิวนี้ไม่ได้อยู่ในเมือง

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวต่างประเทศ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่