สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4

ไม่ได้เข้าห้องนี้สองวัน เพราะไปทำบุญมาครับ กลับไปเยี่ยมถิ่นเก่า ย้อนรอยเรื่องราวของสิ่งดีๆที่เคยทำในชีวิตเมื่อครั้งหนึ่ง กลับไประลึกความทรงจำครั้งแรกที่ได้เริ่มต้นความรักกับผู้หญิงที่เคียงข้างผมมาเสมอ พาลูกออกไปรับรู้สิ่งที่เป็นธรรมชาติจริงๆที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่มีสาปกลิ่นเมืองที่ลูกสาวเคยตัว ไปให้เขาเห็นว่าชีวิตจริงๆมันเป็นเช่นไร
จริงๆนอนอยู่บ้านมากๆเลยเบื่อครับ หลังจากไปตรวจร่างกายเมื่อวันอังคาร แล้วผลออกมาดี คุณหมอพอใจในการฟื้นตัวของผม จึงอนุญาตให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆ เช่นขับรถ เดินเล่น หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ได้ออกแรงมากนักได้ ภรรยาเลยเสนอไอเดียชวนกันไปทำบุญ ผมก็ตอบตกลงทันที แต่มีข้อแม้ว่าผมขอเลือกสถานที่เองและวิธีการทำบุญเอง เธอก็ไม่ปฏิเสธ เราจึงเก็บกระเป๋าออกเดินทางกันในบ่ายวันอังคารนั้นเลย โดยภรรยายังเป็นคนขับให้ก่อน เธอยังไม่อยากให้ผมฝืนออกแรงเร็วเกินไปนัก
ก็เลยเป็นที่มาของการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของผมและภรรยา ที่เหยียบสถานที่ที่เรารู้จักกันครั้งแรกอีกครั้ง และครั้งนี้ผมพาพยานรักของเราสองคนมาด้วย คือ ลูกสาวผมที่อยู่ในช่วงปิดเทมอพอดี ผมและเมียพาลูกมาพักที่ สังขละบุรี เพื่อตั้งใจจะเดินทางไปที่ไล่โว่ ในวันรุ่งขึ้น
หมู่บ้านไล่โว่ เป็นหมูบ้านเล็กๆของชาวกระเหลี่ยง อยู่ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านเล็กในป่าใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรมานานแล้ว คำว่าไล่โว่ เป็นภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า หินแดงหรือผาแดง
ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาสลับซับซ้อน จึงเป็นที่อยู่ของชนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสัญชาติไทย และที่ยังไม่ได้รับสัญชาติอีกจำนวนหนึ่ง(เกินกว่าครึ่ง)ที่ได้อาศัยผืนป่าและลำห้วยก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นแหล่งทำมาหากิน หมู่บ้านโดยทั่วไปเป็นป่าล้อมรอบไปด้วยภูเขา สภาพเป็นที่ดินเนินเขา และที่ราบกลางหุบเขา มีป่าไม้ยืนต้นรวมกับป่าไผ่ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านหล่อเลี้ยงผู้คนในหมู่บ้าน
บ้านไล่โว่มีระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี 40 กิโลเมตร เป็นถนนดินภูเขาประมาณ 20 กิโลเมตร การเดินทางสัญจรเข้าหมู่บ้าน มี 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางสายแรก เป็นถนนลาดยางถึงทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จากน้ำตกตะเคียนทองเป็นทางดิน เมื่อเข้าหน้าฝนการเดินทางจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก หมู่บ้านแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก ซึ่งชาวบ้านจะใช้วิธีการเดิน(ใช้เวลาในการเดินทางเท้าประมาณ 5 ชั่วโมง) เนื่องจากดินภูเขามีความลื่น มีความคดเคี้ยวต้องขึ้นเขาสูงชันและบางครั้งก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งต้องผ่านภูเขา ลำน้ำที่สูงและแรงเชี่ยว ต้องเดินไต่ตามสะพานไม้ไผ่ อีกทั้งต้นไม้หรือกอไผ่ล้มทับขวางทาง รถยนต์จึงไม่สามารถวิ่งสัญจรได้ต้องหมดช่วงฤดูฝน และชาวบ้านต้องมาซ่อมแซมทางเดินก่อนรถยนต์ถึงจะสามารถวิ่งได้ ในตลอดระยะเส้นทางจะได้ยินเสียงน้ำไหลริน เสียงน้ำตก ที่เป็นต้นสายของน้ำตกตะเคียนทองอยู่ตลอดระยะเส้นทางจนถึงหมู่บ้าน
เส้นทางสายที่สอง เป็นเส้นทางที่ต้องเดินทางผ่านที่ทำการบริหารส่วนตำบลไล่โว่ หมู่บ้านสะเน่พ่อง ใช้เวลาในการเดินทางพอๆ กันกับเส้นทางสายแรก แต่เส้นทางเส้นนี้ใช้สำหรับการเดินเท้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รถไม่สามารถใช้วิ่งบนเส้นทางเส้นนี้ได้ เพราะเส้นทางมีลักษณะที่เป็นภูเขา โขดหินและในบางครั้งเส้นทางแคบ หรือต้องเดินทางผ่านน้ำตก เส้นทางนี้ชาวบ้านนิยมใช้เดินทางเพราะสะดวก และภูเขาไม่สูงมากนัก
และด้วยเหตุนี้เองที่สมัย 20 ปีก่อน ไม่มีเด็กๆกระเหลี่ยงตัวน้อยๆคนไหนเลยในหมู่บ้านนี้ ที่จะมีโอกาสได้รับการศึกษา และในช่วงเวลานั้นเอง ผมเป็นครูอาสาชุดแรกๆที่เข้าไปฝั่งตัวสอนหนังสือที่นั้น และช่วยกันบุกเบิกก่อตั้งโรงเรียนขึ้นที่ในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่กว่าทางมูลนิธิเพื่อเด็ก ที่ผมเข้าไปร่วมช่วยงาน จะประสานกับทางราชการให้ยอมรับและจัดส่งครูจริงๆมาประจำที่นี้ได้ ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ก็กลายเป็นว่า ไอ้รองที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆต้องติดแหง่กอยู่ที่นี้ เพื่อทำงานอาสาที่ไม่ได้ค่าตอบแทนสักบาท กลายเป็นคนกรุงผลัดถิ่นอยู่เกือบสองปีที่นี้
ที่แห่งนี้เอง ที่พบได้พบกับนางฟ้าของผม(ซึ่งกลายเป็นนางมารในเวลาต่อมา) คือ ภรรยาของผมเอง เมื่อเธอในตอนนั้นกำลังเรียนพยาบาลและนึกสนุกอยากออกค่ายพัฒนาชนบทกับที่วิทยาลัยของเธอ ผลก็คือ เมื่อมา “ป๊ะ” ไอ้รองเข้า ก็กลายเป็นความสวยงามในชีวิตของกันและกัน

การกลับมาเยือนถิ่นเก่าครั้งนี้ ก็เพื่อมาเลี้ยงอาหารให้กับเด็กๆกระเหลี่ยง ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ วัตถุประสงค์แรกคือมาทำบุญเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆให้กับตนเอง วัตถุประสงค์ที่สองคือต้องการสอนลูกสาว เมื่ออย่างครั้งที่ป้าผมเคยสอนตอนสมัยยังเรียนมหาลัยว่า ผมยังโชคดีกว่าคนอีกมากที่มีโอกาสเพราะมีป้าให้การสนับสนุนให้เรียนหนังสือถึงขั้นนี้ คนบางคนไม่มีโอกาสแม้จะเป็นการศึกษาในระดับประถม และคำที่ป้าสอนผมนั้น ทำให้ผมตัดสินใจอุทิศหยาดเหงื่อแรงกายในทันทีที่เรียนจบ ซึ่งจริงๆผมตั้งใจว่า อาจจะใช้เวลาไม่นานนัก เพราะคิดเอาเองว่า แค่ออกไปสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆที่ด้วยโอกาส คงใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ หรือเต็มที่ก็แค่เดือนเดียว

แต่ผมคิดผิด...อย่างที่เล่าไปตอนต้น ว่าผมต้องอยู่ที่นี้ 1 ปี 11 เดือนกับอีก 6 วัน เพราะอะไรกัน ที่ทำให้ผมยอมอยู่ที่นี้ต่อทั้งๆที่ไม่ได้ค่าตอบแทน คำตอบคือ แววตาของเด็กๆเหล่านั้นครับ ถ้าผมซึ่งเป็นครูอาสาคนสุดท้าย ที่ยอมจะอยู่สอนเด็กๆเหล่านี้ต่อ ทั้งๆที่ครูคนอื่นอีก2 คน เลือกที่จะเดินทางกลับทันทีที่อาคารชั่วคราวหลังแรกของโรงเรียนสร้างเสร็จ ซึ่งหมายความว่า ถ้าผมกลับ เด็กๆพวกนั้นก็จะได้อาคารกันแดดกันฝนที่สร้างอย่างง่ายๆ ใช้ไม้ที่แปรรูปกันอย่างหยาบๆด้วยกบไสมือ เป็นเสาค้ำยัน สิบกว่าต้น มีหลังคามุงแฝกที่สานกันตามประสาชาวบ้านคุ้มหัวกันแดดฝน เป็นสถานที่ๆเราฝึกให้พวกเขาเหล่านั้น(กระเหลี่ยงในหมู่บ้าน) เรียกว่าโรงเรียน
แต่มันจะเป็นโรงเรียนได้อย่างไร ถ้าไม่มีครูสอน และแววตาของเด็กพวกนั้นจะเป็นอย่างไร ที่คนที่เขาเรียกหาด้วยลิ้นชาวป่าว่า คูรอ(ครูรอง) ทิ้งพวกเขาไปทันทีที่สร้างอาคารเสร็จสมดังตั้งใจ
นั้นคือสิ่งที่รั้งผมไว้ และเพื่อจะให้ผมพบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม เมื่อปีต่อมา ภรรยาผมก็มาออกค่ายพัฒนาที่โรงเรียนแห่งนี้ เรื่องราว ณ.จุดนี้ลูกสาวผมไม่เคยมีโอกาสล่วงรู้มาก่อนเลย ว่าพ่อแม่ของตัวเองเริ่มรักกัน ณ.จุดไหน วันนี้เขาได้รู้แล้ว
ผมไม่ได้ตั้งใจให้ลูกสาวต้องตั้งปณิธานว่าจะเอาตามอย่างผม ออกมาเป็นครูอาสาเมื่อเรียนจบ เพราะยังมีวิธีอื่นอีกมากมายที่จะให้ความช่วยเหลือกับผู้ด้อยโอกาสตามสภาพความเหมาะสมกับตนเอง ลูกสาวผมควักเงิน 7200 บาท เพื่อขอเป็นผู้ปกครองอาสา ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายของนักเรียนตัวน้อยๆที่นั้น 3 คนซึ่งเท่ากับคนล่ะ 2400 บาท ต่อ 1 ปีการศึกษาหรือ 2 เทมอ ซึ่งแม้วันนี้ลูกสาวจะให้ผมออกเงินให้บางส่วน เพราะตัวเองมีเงินไม่พอที่จะจ่ายทั้งหมด(ขาดอยู่พันกว่าบาท) แต่เธอก็ยินยอมให้ผมหักเอาจากค่าใช้จ่าย ที่ผมจ่ายลูกเป็นรายเดือน เพื่อชดเชยคืน
ผมกับเมียรู้สึกไม่เสียแรงเลยที่บากบั่นขับรถมาเกือบ 5 ชม.จากกรุงเทพ ตัวผมเองก็ทำบุญตามกำลังของผมและภรรยา แต่คาดคิดไม่ถึงว่าลูกของผม จะทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้ขนาดนี้ เพราะเขาตัดสินใจของเขาเอง โดยที่ผมกับเมียไม่ได้เอ่ยปาก ซึ่งนี้ คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆในการเดินทางมาทำบุญในครั้งนี้ จึงหยิบเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ทันทีที่กลับออกมาที่ตัว อ.สังขละบุรีแล้ว เมื่อวานไม่ได้เข้ามาก็เพราะยังอยู่ที่ไล่โว่และไม่มีสัญญาณที่นั้น (ใครบอกเครือข่ายมือถือแรงชัดทั่วไทย อย่าไปเชื่อครับ)
กะว่าจะอยู่ที่นี้ต่ออีกสัก 2-3 คืน เพื่อพักผ่อนไปในตัวด้วย พรุ่งนี้เช้าจะพาลูกสาวไปใส่บาตรที่สะพานมอญ และเดินเที่ยวตลาดมอญสักหน่อย อาการที่นี้เย็นๆ เหมือนจะเข้าหน้าหนาวในตอนเช้าๆแล้ว เลยทำให้นึกอยากอยู่ต่อกัน เพราะไม่อยากกลับไปร้อนตับแลบที่กรุงเทพ
*ป.ล. ว่างๆจะเล่าให้ฟังว่าชีวิตตอนอยู่กับกระเหลี่ยงเกือบสองปี ว่ามีรสชาติอย่างไรบ้างครับ หมู่บ้านแถวๆนั้นอีก 5 หมู่บ้าน รัศมีการเดินเท้าประมาณ 4 คืน ผมตระเวนเดินจนชินพื้นที่ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรแล้วครับ เสียดายที่คราวนี้ไม่มีโอกาสเข้าไป เพราะยังออกแรงมากไม่ได้ เลยต้องจอดป้ายอยู่แค่ที่ด่านแรกเท่านั้นเอง
*แก้ไข เพิ่มเพลง ว่าแล้วเหมือนลืมอะไร ลืมใส่เพลงนี้เอง 55+

ไม่ได้เข้าห้องนี้สองวัน เพราะไปทำบุญมาครับ กลับไปเยี่ยมถิ่นเก่า ย้อนรอยเรื่องราวของสิ่งดีๆที่เคยทำในชีวิตเมื่อครั้งหนึ่ง กลับไประลึกความทรงจำครั้งแรกที่ได้เริ่มต้นความรักกับผู้หญิงที่เคียงข้างผมมาเสมอ พาลูกออกไปรับรู้สิ่งที่เป็นธรรมชาติจริงๆที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่มีสาปกลิ่นเมืองที่ลูกสาวเคยตัว ไปให้เขาเห็นว่าชีวิตจริงๆมันเป็นเช่นไร
จริงๆนอนอยู่บ้านมากๆเลยเบื่อครับ หลังจากไปตรวจร่างกายเมื่อวันอังคาร แล้วผลออกมาดี คุณหมอพอใจในการฟื้นตัวของผม จึงอนุญาตให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆ เช่นขับรถ เดินเล่น หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ได้ออกแรงมากนักได้ ภรรยาเลยเสนอไอเดียชวนกันไปทำบุญ ผมก็ตอบตกลงทันที แต่มีข้อแม้ว่าผมขอเลือกสถานที่เองและวิธีการทำบุญเอง เธอก็ไม่ปฏิเสธ เราจึงเก็บกระเป๋าออกเดินทางกันในบ่ายวันอังคารนั้นเลย โดยภรรยายังเป็นคนขับให้ก่อน เธอยังไม่อยากให้ผมฝืนออกแรงเร็วเกินไปนัก
ก็เลยเป็นที่มาของการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของผมและภรรยา ที่เหยียบสถานที่ที่เรารู้จักกันครั้งแรกอีกครั้ง และครั้งนี้ผมพาพยานรักของเราสองคนมาด้วย คือ ลูกสาวผมที่อยู่ในช่วงปิดเทมอพอดี ผมและเมียพาลูกมาพักที่ สังขละบุรี เพื่อตั้งใจจะเดินทางไปที่ไล่โว่ ในวันรุ่งขึ้น
หมู่บ้านไล่โว่ เป็นหมูบ้านเล็กๆของชาวกระเหลี่ยง อยู่ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านเล็กในป่าใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรมานานแล้ว คำว่าไล่โว่ เป็นภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า หินแดงหรือผาแดง
ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาสลับซับซ้อน จึงเป็นที่อยู่ของชนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสัญชาติไทย และที่ยังไม่ได้รับสัญชาติอีกจำนวนหนึ่ง(เกินกว่าครึ่ง)ที่ได้อาศัยผืนป่าและลำห้วยก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นแหล่งทำมาหากิน หมู่บ้านโดยทั่วไปเป็นป่าล้อมรอบไปด้วยภูเขา สภาพเป็นที่ดินเนินเขา และที่ราบกลางหุบเขา มีป่าไม้ยืนต้นรวมกับป่าไผ่ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านหล่อเลี้ยงผู้คนในหมู่บ้าน
บ้านไล่โว่มีระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี 40 กิโลเมตร เป็นถนนดินภูเขาประมาณ 20 กิโลเมตร การเดินทางสัญจรเข้าหมู่บ้าน มี 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางสายแรก เป็นถนนลาดยางถึงทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จากน้ำตกตะเคียนทองเป็นทางดิน เมื่อเข้าหน้าฝนการเดินทางจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก หมู่บ้านแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก ซึ่งชาวบ้านจะใช้วิธีการเดิน(ใช้เวลาในการเดินทางเท้าประมาณ 5 ชั่วโมง) เนื่องจากดินภูเขามีความลื่น มีความคดเคี้ยวต้องขึ้นเขาสูงชันและบางครั้งก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งต้องผ่านภูเขา ลำน้ำที่สูงและแรงเชี่ยว ต้องเดินไต่ตามสะพานไม้ไผ่ อีกทั้งต้นไม้หรือกอไผ่ล้มทับขวางทาง รถยนต์จึงไม่สามารถวิ่งสัญจรได้ต้องหมดช่วงฤดูฝน และชาวบ้านต้องมาซ่อมแซมทางเดินก่อนรถยนต์ถึงจะสามารถวิ่งได้ ในตลอดระยะเส้นทางจะได้ยินเสียงน้ำไหลริน เสียงน้ำตก ที่เป็นต้นสายของน้ำตกตะเคียนทองอยู่ตลอดระยะเส้นทางจนถึงหมู่บ้าน
เส้นทางสายที่สอง เป็นเส้นทางที่ต้องเดินทางผ่านที่ทำการบริหารส่วนตำบลไล่โว่ หมู่บ้านสะเน่พ่อง ใช้เวลาในการเดินทางพอๆ กันกับเส้นทางสายแรก แต่เส้นทางเส้นนี้ใช้สำหรับการเดินเท้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รถไม่สามารถใช้วิ่งบนเส้นทางเส้นนี้ได้ เพราะเส้นทางมีลักษณะที่เป็นภูเขา โขดหินและในบางครั้งเส้นทางแคบ หรือต้องเดินทางผ่านน้ำตก เส้นทางนี้ชาวบ้านนิยมใช้เดินทางเพราะสะดวก และภูเขาไม่สูงมากนัก
และด้วยเหตุนี้เองที่สมัย 20 ปีก่อน ไม่มีเด็กๆกระเหลี่ยงตัวน้อยๆคนไหนเลยในหมู่บ้านนี้ ที่จะมีโอกาสได้รับการศึกษา และในช่วงเวลานั้นเอง ผมเป็นครูอาสาชุดแรกๆที่เข้าไปฝั่งตัวสอนหนังสือที่นั้น และช่วยกันบุกเบิกก่อตั้งโรงเรียนขึ้นที่ในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่กว่าทางมูลนิธิเพื่อเด็ก ที่ผมเข้าไปร่วมช่วยงาน จะประสานกับทางราชการให้ยอมรับและจัดส่งครูจริงๆมาประจำที่นี้ได้ ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ก็กลายเป็นว่า ไอ้รองที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆต้องติดแหง่กอยู่ที่นี้ เพื่อทำงานอาสาที่ไม่ได้ค่าตอบแทนสักบาท กลายเป็นคนกรุงผลัดถิ่นอยู่เกือบสองปีที่นี้
ที่แห่งนี้เอง ที่พบได้พบกับนางฟ้าของผม(ซึ่งกลายเป็นนางมารในเวลาต่อมา) คือ ภรรยาของผมเอง เมื่อเธอในตอนนั้นกำลังเรียนพยาบาลและนึกสนุกอยากออกค่ายพัฒนาชนบทกับที่วิทยาลัยของเธอ ผลก็คือ เมื่อมา “ป๊ะ” ไอ้รองเข้า ก็กลายเป็นความสวยงามในชีวิตของกันและกัน

การกลับมาเยือนถิ่นเก่าครั้งนี้ ก็เพื่อมาเลี้ยงอาหารให้กับเด็กๆกระเหลี่ยง ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ วัตถุประสงค์แรกคือมาทำบุญเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆให้กับตนเอง วัตถุประสงค์ที่สองคือต้องการสอนลูกสาว เมื่ออย่างครั้งที่ป้าผมเคยสอนตอนสมัยยังเรียนมหาลัยว่า ผมยังโชคดีกว่าคนอีกมากที่มีโอกาสเพราะมีป้าให้การสนับสนุนให้เรียนหนังสือถึงขั้นนี้ คนบางคนไม่มีโอกาสแม้จะเป็นการศึกษาในระดับประถม และคำที่ป้าสอนผมนั้น ทำให้ผมตัดสินใจอุทิศหยาดเหงื่อแรงกายในทันทีที่เรียนจบ ซึ่งจริงๆผมตั้งใจว่า อาจจะใช้เวลาไม่นานนัก เพราะคิดเอาเองว่า แค่ออกไปสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆที่ด้วยโอกาส คงใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ หรือเต็มที่ก็แค่เดือนเดียว

แต่ผมคิดผิด...อย่างที่เล่าไปตอนต้น ว่าผมต้องอยู่ที่นี้ 1 ปี 11 เดือนกับอีก 6 วัน เพราะอะไรกัน ที่ทำให้ผมยอมอยู่ที่นี้ต่อทั้งๆที่ไม่ได้ค่าตอบแทน คำตอบคือ แววตาของเด็กๆเหล่านั้นครับ ถ้าผมซึ่งเป็นครูอาสาคนสุดท้าย ที่ยอมจะอยู่สอนเด็กๆเหล่านี้ต่อ ทั้งๆที่ครูคนอื่นอีก2 คน เลือกที่จะเดินทางกลับทันทีที่อาคารชั่วคราวหลังแรกของโรงเรียนสร้างเสร็จ ซึ่งหมายความว่า ถ้าผมกลับ เด็กๆพวกนั้นก็จะได้อาคารกันแดดกันฝนที่สร้างอย่างง่ายๆ ใช้ไม้ที่แปรรูปกันอย่างหยาบๆด้วยกบไสมือ เป็นเสาค้ำยัน สิบกว่าต้น มีหลังคามุงแฝกที่สานกันตามประสาชาวบ้านคุ้มหัวกันแดดฝน เป็นสถานที่ๆเราฝึกให้พวกเขาเหล่านั้น(กระเหลี่ยงในหมู่บ้าน) เรียกว่าโรงเรียน
แต่มันจะเป็นโรงเรียนได้อย่างไร ถ้าไม่มีครูสอน และแววตาของเด็กพวกนั้นจะเป็นอย่างไร ที่คนที่เขาเรียกหาด้วยลิ้นชาวป่าว่า คูรอ(ครูรอง) ทิ้งพวกเขาไปทันทีที่สร้างอาคารเสร็จสมดังตั้งใจ
นั้นคือสิ่งที่รั้งผมไว้ และเพื่อจะให้ผมพบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม เมื่อปีต่อมา ภรรยาผมก็มาออกค่ายพัฒนาที่โรงเรียนแห่งนี้ เรื่องราว ณ.จุดนี้ลูกสาวผมไม่เคยมีโอกาสล่วงรู้มาก่อนเลย ว่าพ่อแม่ของตัวเองเริ่มรักกัน ณ.จุดไหน วันนี้เขาได้รู้แล้ว
ผมไม่ได้ตั้งใจให้ลูกสาวต้องตั้งปณิธานว่าจะเอาตามอย่างผม ออกมาเป็นครูอาสาเมื่อเรียนจบ เพราะยังมีวิธีอื่นอีกมากมายที่จะให้ความช่วยเหลือกับผู้ด้อยโอกาสตามสภาพความเหมาะสมกับตนเอง ลูกสาวผมควักเงิน 7200 บาท เพื่อขอเป็นผู้ปกครองอาสา ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายของนักเรียนตัวน้อยๆที่นั้น 3 คนซึ่งเท่ากับคนล่ะ 2400 บาท ต่อ 1 ปีการศึกษาหรือ 2 เทมอ ซึ่งแม้วันนี้ลูกสาวจะให้ผมออกเงินให้บางส่วน เพราะตัวเองมีเงินไม่พอที่จะจ่ายทั้งหมด(ขาดอยู่พันกว่าบาท) แต่เธอก็ยินยอมให้ผมหักเอาจากค่าใช้จ่าย ที่ผมจ่ายลูกเป็นรายเดือน เพื่อชดเชยคืน
ผมกับเมียรู้สึกไม่เสียแรงเลยที่บากบั่นขับรถมาเกือบ 5 ชม.จากกรุงเทพ ตัวผมเองก็ทำบุญตามกำลังของผมและภรรยา แต่คาดคิดไม่ถึงว่าลูกของผม จะทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้ขนาดนี้ เพราะเขาตัดสินใจของเขาเอง โดยที่ผมกับเมียไม่ได้เอ่ยปาก ซึ่งนี้ คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆในการเดินทางมาทำบุญในครั้งนี้ จึงหยิบเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ทันทีที่กลับออกมาที่ตัว อ.สังขละบุรีแล้ว เมื่อวานไม่ได้เข้ามาก็เพราะยังอยู่ที่ไล่โว่และไม่มีสัญญาณที่นั้น (ใครบอกเครือข่ายมือถือแรงชัดทั่วไทย อย่าไปเชื่อครับ)
กะว่าจะอยู่ที่นี้ต่ออีกสัก 2-3 คืน เพื่อพักผ่อนไปในตัวด้วย พรุ่งนี้เช้าจะพาลูกสาวไปใส่บาตรที่สะพานมอญ และเดินเที่ยวตลาดมอญสักหน่อย อาการที่นี้เย็นๆ เหมือนจะเข้าหน้าหนาวในตอนเช้าๆแล้ว เลยทำให้นึกอยากอยู่ต่อกัน เพราะไม่อยากกลับไปร้อนตับแลบที่กรุงเทพ
*ป.ล. ว่างๆจะเล่าให้ฟังว่าชีวิตตอนอยู่กับกระเหลี่ยงเกือบสองปี ว่ามีรสชาติอย่างไรบ้างครับ หมู่บ้านแถวๆนั้นอีก 5 หมู่บ้าน รัศมีการเดินเท้าประมาณ 4 คืน ผมตระเวนเดินจนชินพื้นที่ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรแล้วครับ เสียดายที่คราวนี้ไม่มีโอกาสเข้าไป เพราะยังออกแรงมากไม่ได้ เลยต้องจอดป้ายอยู่แค่ที่ด่านแรกเท่านั้นเอง
ทิไล่ป้า เสน่พ่อง เกาะสะเดิ่ง
ห้วยเปิ่งเคิ่ง บ้านจะแก กองม่องทะ
หมู่บ้านลึก ห่างไกล ในสังขละ
รอก่อนนะ สักวันจะ ไปเยี่ยมเยือน
แม้ว่าตัว จะหยุดยืน อยู่หน้าด่าน
มิอาจผ่าน ไพรลำธาร ด่านเสมือน
แต่ใจลอย ล่องไปที่ มิลืมเลือน
ไปเยี่ยมเยือน ลูกศิษย์ข้า ณ กลางไพร
ห้วยเปิ่งเคิ่ง บ้านจะแก กองม่องทะ
หมู่บ้านลึก ห่างไกล ในสังขละ
รอก่อนนะ สักวันจะ ไปเยี่ยมเยือน
แม้ว่าตัว จะหยุดยืน อยู่หน้าด่าน
มิอาจผ่าน ไพรลำธาร ด่านเสมือน
แต่ใจลอย ล่องไปที่ มิลืมเลือน
ไปเยี่ยมเยือน ลูกศิษย์ข้า ณ กลางไพร
*แก้ไข เพิ่มเพลง ว่าแล้วเหมือนลืมอะไร ลืมใส่เพลงนี้เอง 55+
ความคิดเห็นที่ 2
สวัสดียามเย็นค่ะ เพื่อนๆ ห้องเพลง
วันนี้หมด มุข ค่ะ เสนอ 2 เพลงของสุนทราภรณ์
หาข่าว อะไร ไม่ได้จริงๆ ชวนฟัง เพลงเก่าๆ ก็แล้วกัน
เพลงเมื่อปี 2508 หลายคน คงยังไม่เกิด ...
ขอให้เหมือนเดิม - สุนทราภรณ์

https://www.youtube.com/watch?v=9CEgarTyBHA
เพลง ขอให้เหมือนเดิม (Kho hai Muan Derm)
เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของวงดนตรีสุนทราภรณ์
เป็นเพลงจังหวะวอลทซ์ แต่งทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน (สุนทราภรณ์)
แต่งคำร้องโดย พรพิรุณ เมื่อ พ.ศ. 2508 (A.D. 1965)
ขับร้องโดย เอื้อ สุนทรสนาน
เนื้อร้อง
ก่อนจากกันคืนนั้นสองเรา
แนบซบเนาเคล้าคลอพ้อพลอดภิรมย์
หวานล้ำบำเรอเธอให้ชิดชม
ฉันกอดเล้า โลมชื่นใจ
จูบแก้มนวลช่างยวนเย้าตรึง
จิตคะ นึงถึงวันรักซ่านฤทัย
หอมหอมนวลปรางมิสร่างหายไป
ถึงห่างแสนไกลยังติดหัวใจมิเลือน
ยามรักร้างแรมกัน
เพ้อทุกคืนวันติดตรึงใจฝันเตือน
มาเจอกันแล้วอย่าเฉยเชือน
ฉันมาเยี่ยมเยือนอย่าง เคย
สุดที่รักลืมแล้วหรือไร
โปรดเห็นใจขอให้สมจิตชิดเชย
หวานซึ้งอันใดจงอย่าร้างเลย
ขออย่าเฉยเมยรักเอยขอให้เหมือนเดิม
เกร็ดเพลง
1. ครู "พรพิรุณ" ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้ประพันธ์เพลงนี้ ทั้งคำร้อง และทำนอง
เมื่อนำมาให้ครูเอื้อพิจารณา ครูเอื้อได้แก้โน้ตสองสามตัว ครู "พรพิรุณ" จึงมอบ
ทำนองนี้ให้ครูเอื้อ เพื่อเป็นการบูชาครู
2. เพลงนี้ สุนทราภรณ์ ร้องก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้ไม่นาน และเป็น
เพลงที่สร้างชื่อให้กับสุนทราภรณ์อย่างที่สุดในวัยเกษียณ
3. จังหวะวอลทซ์
4. เพลงนี้ที่จริงแล้ว สุนทราภรณ์ ไม่ได้คิดจะร้องเอง แต่ในวันบันทึกเสียง
นักร้องที่ร้องเพลงนี้ ร้องได้ไม่ถูกใจ ประกอบกับเวลาเช่าห้องบันทึกเสียงใกล้จะหมด
สุนทราภรณ์ จึงได้ร้องเอง กับเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ฟังอีกเพลง เป็นเพลงแก้กันค่ะ
ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม บุษยา รังสี

https://www.youtube.com/watch?v=q7HHcqont3w
คำร้อง รังษีรัตน์
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
วันนี้หมด มุข ค่ะ เสนอ 2 เพลงของสุนทราภรณ์
หาข่าว อะไร ไม่ได้จริงๆ ชวนฟัง เพลงเก่าๆ ก็แล้วกัน
เพลงเมื่อปี 2508 หลายคน คงยังไม่เกิด ...

ขอให้เหมือนเดิม - สุนทราภรณ์

https://www.youtube.com/watch?v=9CEgarTyBHA
เพลง ขอให้เหมือนเดิม (Kho hai Muan Derm)
เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของวงดนตรีสุนทราภรณ์
เป็นเพลงจังหวะวอลทซ์ แต่งทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน (สุนทราภรณ์)
แต่งคำร้องโดย พรพิรุณ เมื่อ พ.ศ. 2508 (A.D. 1965)
ขับร้องโดย เอื้อ สุนทรสนาน
เนื้อร้อง
ก่อนจากกันคืนนั้นสองเรา
แนบซบเนาเคล้าคลอพ้อพลอดภิรมย์
หวานล้ำบำเรอเธอให้ชิดชม
ฉันกอดเล้า โลมชื่นใจ
จูบแก้มนวลช่างยวนเย้าตรึง
จิตคะ นึงถึงวันรักซ่านฤทัย
หอมหอมนวลปรางมิสร่างหายไป
ถึงห่างแสนไกลยังติดหัวใจมิเลือน
ยามรักร้างแรมกัน
เพ้อทุกคืนวันติดตรึงใจฝันเตือน
มาเจอกันแล้วอย่าเฉยเชือน
ฉันมาเยี่ยมเยือนอย่าง เคย
สุดที่รักลืมแล้วหรือไร
โปรดเห็นใจขอให้สมจิตชิดเชย
หวานซึ้งอันใดจงอย่าร้างเลย
ขออย่าเฉยเมยรักเอยขอให้เหมือนเดิม
เกร็ดเพลง
1. ครู "พรพิรุณ" ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้ประพันธ์เพลงนี้ ทั้งคำร้อง และทำนอง
เมื่อนำมาให้ครูเอื้อพิจารณา ครูเอื้อได้แก้โน้ตสองสามตัว ครู "พรพิรุณ" จึงมอบ
ทำนองนี้ให้ครูเอื้อ เพื่อเป็นการบูชาครู
2. เพลงนี้ สุนทราภรณ์ ร้องก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้ไม่นาน และเป็น
เพลงที่สร้างชื่อให้กับสุนทราภรณ์อย่างที่สุดในวัยเกษียณ
3. จังหวะวอลทซ์
4. เพลงนี้ที่จริงแล้ว สุนทราภรณ์ ไม่ได้คิดจะร้องเอง แต่ในวันบันทึกเสียง
นักร้องที่ร้องเพลงนี้ ร้องได้ไม่ถูกใจ ประกอบกับเวลาเช่าห้องบันทึกเสียงใกล้จะหมด
สุนทราภรณ์ จึงได้ร้องเอง กับเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ฟังอีกเพลง เป็นเพลงแก้กันค่ะ
ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม บุษยา รังสี

https://www.youtube.com/watch?v=q7HHcqont3w
คำร้อง รังษีรัตน์
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

ความคิดเห็นที่ 25
แจมด้วยเพลงสากลของ โลโบ ครับ
" How Can I Tell Her "
She knows when I'm lonesome, she cries when I'm sad
She's up in the good times, she's down in the bad
Whenever I'm discouraged, she knows just what to do
But girl.......... she doesn't know about you.
I can tell her my troubles, she makes them all seem right
I can make up excuses not to hold her at night
We can talk of tomorrow, I'll tell her things that I want to do
But girl.......... she doesn't know about you.
How can I tell her about you Girl please tell me what to do
Everything seems right whenever I'm with you
So girl won't you tell me..... how to tell her about you.
How can I tell her I don't miss her whenever I'm away
How can I say it's you I think of every single night and day
But when is it easy telling someone we're through
Ahh girl..........help me tell her about you.

เพลงเพราะๆแต่เป็นเรื่องรักสามเส้าเช่นเคย แต่โลโบ จะให้สาวๆไปเคลียร์กันเอง
คงไม่ได้เดี๋ยวตีกันแย่เบย ครับ
" How Can I Tell Her "
She knows when I'm lonesome, she cries when I'm sad
She's up in the good times, she's down in the bad
Whenever I'm discouraged, she knows just what to do
But girl.......... she doesn't know about you.
I can tell her my troubles, she makes them all seem right
I can make up excuses not to hold her at night
We can talk of tomorrow, I'll tell her things that I want to do
But girl.......... she doesn't know about you.
How can I tell her about you Girl please tell me what to do
Everything seems right whenever I'm with you
So girl won't you tell me..... how to tell her about you.
How can I tell her I don't miss her whenever I'm away
How can I say it's you I think of every single night and day
But when is it easy telling someone we're through
Ahh girl..........help me tell her about you.

เพลงเพราะๆแต่เป็นเรื่องรักสามเส้าเช่นเคย แต่โลโบ จะให้สาวๆไปเคลียร์กันเอง
คงไม่ได้เดี๋ยวตีกันแย่เบย ครับ
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 29/10/2015
***สวัสดีครับเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
สวัสดีครับเพื่อนๆวันนี้เรเซอร์เอ๊กซ์รับหน้าที่เป็น MC ขอต้อนรับเพื่อนๆเข้าสู่ห้องเพลงฯของพวกเราครับ เมื่อเห็นผมก็ต้องเห็นไทม์แมชชีนเป็นของคู่กันแน่นอน เอ้า...รีบขึ้นมาเลยครับ...ไปท่องกาลเวลากันครับ
Credit:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่ 29 ต.ค. ในอดีต
เหตุการณ์:
พ.ศ. 2330 (ค.ศ. 1787) – Don Giovanni อุปรากรของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท ถูกนำมาแสดงเป็นครั้งแรก ณ กรุงปราก
Mozart: Don Giovanni - premiere of the opera in Prague 1787 from czech serial F.L.Věk, PART I.
Credit: https://www.youtube.com/watch?v=f-jzpM_uBqM
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) – การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดทดลองใช้ทางด่วนสายดินแดง-ท่าเรือ ซึ่งเป็นเส้นแรกของระบบทางด่วนขั้นที่ 1
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) – ยานกาลิเลโอผ่านใกล้ดาวเคราะห์น้อยแกสปรา เป็นยานอวกาศลำแรกที่ผ่านใกล้ดาวเคราะห์น้อย
Asteroid Gaspera
Credit: https://www.youtube.com/watch?v=2XBYRMHiwnc
วันเกิด:
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) – เอดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นักฟุตบอลชาวเนเธอร์แลนด์
Edwin van der Sar's top saves for Manchester United
Credit: https://www.youtube.com/watch?v=IsKTc-PnR6o
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) – วิโนนา ไรเดอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
Top 10 Winona Ryder Movies
Credit: https://www.youtube.com/watch?v=t0VmAk6kx7c
วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล:
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - วันประกาศสาธารณะรัฐตุรกี / วันชาติของตุรกี
วันนี้ในบันเทิงคดี:
ไม่มี
ห้องเพลงคนรากหญ้า