แชร์ประสบการณ์ชีวิต ข้อคิด การงาน การเงิน ของเด็กจบใหม่

สวัสดีครับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ วันนี้อยากจะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำงานของนักศึกษาจบใหม่  มนุษย์เงินเดือนกับเงินเดือนก้อนแรก เรื่องปากท้อง การบริหารเงินและการใช้จ่ายอย่างประหยัด (ซึ่งเป็นที่มาของการเขียนเรื่องนี้ขึ้นมานั่นเอง) อนึ่ง เรื่องที่เขียนนี้เป็นความเห็น ข้อแนะนำ และประสบการณ์ส่วนบุคคล ท่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสียทุกเรื่องไป  ส่วนใดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ก็นำไปประยุกต์ใช้ตามใจท่าน ส่วนที่ไม่มีก็อ่านผ่านไปได้นะครับ ^^

ขอเริ่มเล่าเท้าความว่าเป็นนักศึกษาจบใหม่ ตอนนี้อายุ ๒๓ ปี ผมเรียน Communication Design เอก Graphic Design จากสถาบันแห่งหนึ่ง ไม่ใช่คนเก่งอะไรมากมาย ฝีมือและผลงานอยู่ระดับกลางๆ หลังสอบเทอมสุดท้ายได้เดือนกว่าๆ ก็เริ่มส่ง portfolio + resume สมัครงานไปยังที่ๆตนอยากทำและคิดว่าใช่ ยอมรับว่าตอนนั้นลังเลว่าจะเลือกทำงานในบริษัท เข้าเช้าออกเย็น ใช้ชีวิตแบบขึ้นอยู่กับเข็มนาฬิกาในออฟฟิส หรือจะเลือกที่จะทำตามใจตัวเองก่อน (ซึ่งตอนนั้นมีเยอะมากในหัว เป็นอารมณ์เด็กจบใหม่ไฟแรง รักอิสระ คิดแต่ว่าจะทำนั่นทำนี่ แต่ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดว่าจะไปรอดแค่ไหน จะตลอดไปหรือเปล่า มันเป็นความอยากที่พลุ่งพล่าน ๕๕๕)  

แต่สุดท้ายมาคิดอีกที หาประสบการณ์ในสายงานของตัวเองก่อนจะดีกว่า ค่อยออกไปทำสิ่งที่อยากจะทำ ก็เลยเริ่มสมัครงาน ลืมบอกไปว่าผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้าออกกรุงเทพฯ ไม่ค่อยบ่อย (ประมาณปีละครั้งหรือไม่ก็สองสามปีครั้ง) เพราะไม่รู้จะมาทำอะไร แต่ครั้งนี้สมัครงานใน กทม. ๓ บริษัท และต่างจังหวัดอีก ๒ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นทำยังไง แต่ผมจะเขียนจดหมายแนะนำตัวแนบไปกับอีเมลที่ส่งพร้อมกับผลงาน ซึ่งจดหมายที่ส่งไปแต่ละที่ ผมจะเขียนใหม่ทุกครั้ง ปรากฏว่าได้รับการตอบกลับ ๒ ที่ภายในวันสองวัน โดยที่แรกตอบกลับมาพร้อมกับอธิบายบริษัทและเงินเดือนเริ่มต้น (ถ้าจำไม่ผิดคือ ๒๕,๐๐๐ บาท) ถามว่าตาลุกมั้ย ลุกสิครับ! ๕๕๕ ก็คนไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนั้นแถมเพิ่งจบ แค่คิดก็ฟินละ > < แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างในตอนนั้น ทำให้สละสิทธิ์บริษัทนั้นไป และมาได้บริษัทที่ ๒ (ซึ่งก็เกือบจะไม่ได้)

ตอนที่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เช่น หลายๆบริษัทมองคนที่จะเข้าทำงานจากทัศนคติการทำงานมากกว่าฝีมือ (จริงอยู่ผลงานหรือความเก่งมีส่วน) จำได้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนั้นผมตอบทุกอย่างตรงมาก ไม่มีตอบสวยเลย (เพราะไม่รู้จะโกหกหรือเสแสร้งทำไม) คือกะว่าถ้าเขาไม่รับก็ไม่รับ หาที่ใหม่ ขณะสัมภาษณ์ก็มีให้นำเสนอผลงานตัวเอง ก็ใช้เวลาไปสักพักใหญ่ๆ แล้วก็มีชุดคำถามอยู่ชุดนึงที่พี่เขาถามๆๆๆๆจนมาถึงข้อนึง ‘ปกติเข้าเว็บอะไรบ่อยสุด’ นี่ตอบ “Facebook, Instagram, pininterest ครับ” ๕๕๕ ตรงมั้ยล่ะ (คือ Behance, Awwwards, design blogs ต่างๆก็เข้า แต่ประมวลผลในหัวแล้วมันไม่บ่อยไง)

พอจบการสัมภาษณ์วันนั้น ก็กลับมาแบบไม่คิดไรเลยนะ ไม่คิดว่าจะได้ไม่ได้ คิดแต่ว่า เออเราเสนอตัวตนของเราละ เขาชอบไม่ชอบ รับไม่เรา เรื่องของเขาละ อ้อ อย่าลืมไปลามาไหว้นะครับ สำคัญมาก  สำคัญยังไง? มันบอกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน มีวัฒนธรรม รวมถึงการพูดการจา ก็ต้องมีครับ/ค่ะ ในที่ๆควรมี ฝากไว้นะครับ จนวันต่อมาได้รับเมลบอกว่า น้องยังไม่ผ่าน เราก็เขียนกลับไปขอบคุณที่เรียกไปสัมภาษณ์ และให้ข้อคิดดีๆ (ซึ่งก็อีกนั่นแหละ ได้จริงๆ มีอีกอันจำขึ้นใจเลย “Design ไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงาม แต่มันคือ  communication คือการสื่อสาร ถ้าดีไซน์สวย แต่คนรับสารไม่สามารถเข้าใจ ก็ไม่มีประโยชน์”) เราก็คิดแล้วว่าโอเค หาที่ใหม่ ไม่เป็นไร

แต่ปรากฏว่าสองวันต่อมา มีพี่อีกคน (วันนั้นมีคนสัมภาษณ์ผม ๒คน) โทรมาบอกว่า อยากรับเข้าทำงาน มาทดลองงานดู พี่เขาบอกชอบทัศนคติ เราก็ขอบคุณใหญ่ จนตอนนี้ทำงานจะสี่เดือนแล้ว  ทุกอย่างโดยรวมราบรื่นดี ตอนเข้าไปแรกๆ จะมึนๆไม่คุ้นชินกับระบบการทำงานออฟฟิสเท่าไหร่ มีเวลาเข้าออก กฎระเบียบหลายหน้ามาก และสิ่งที่เรียนๆทำๆมา มันก็ได้ใช้ แต่คราวนี้มีเวลามาเป็นตัวเร่ง ช่วงไหนงานประทังเข้ามานี่เครียดขึ้นหัว แต่ก็สนุกดี ได้เรียนรู้ชีวิตไปอีกแบบ

ทำงานแรกๆ พี่เขาให้หยิบจับงานเล็กๆน้อยๆไปก่อน ปรับนู่น แก้นี่นิดหน่อย คีย์ข้อมูลซิ อ่ะไหนลองทำนี่ซิ อยู่สักพักใหญ่ๆ อาจจะบอกว่าเดือนแรกผ่านไปกับงานแบบนี้ เหมือนจะสบายแต่ก็เครียดนะ เครียดว่าเราจะทำได้ไม่ดี ก็พยายามที่สุดที่จะให้มันออกมาดี ช่วงนั้นแม่จะโทรหาบ่อยมาก คอยถามตลอดว่าเป็นยังไง งานหนักมั้ย ไหวรึเปล่า เราก็บอกไหวแม่ไหว ยังไม่ถึงไหนเลยต้องลองดูไปก่อน แม่ก็จะบอกว่า ถ้าขยันก็ทำงานออสฟิสไป ถ้าขี้เกียจเมื่อไหร่ก็ออกมาทำสวน แม่มีขู่ ๕๕

เดือนสองเดือนสามเริ่มได้จับงานใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย บางทีคิดไม่ออก สมองตัน พี่ก็แนะนำให้ดูงานคนอื่นเยอะๆ ดูแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า ทำไมมันถึงสวย ถึงดี ถึงต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้ เป็นต้น บางวันมีนั่งเขียน mind map พี่บอกเขียนให้เต็มหน้านั้นแหละ พูดเสร็จก็แล้วให้ A2 มาแผ่นนึง ไอเราก็เป็นคนเขียนตัวเล็กเท่ามด เขียนยังไงก็ไม่ยอมเต็ม ๕๕ อ้อ พี่แชร์ประสบการณ์เด็กจบใหม่ให้ฟังว่า เด็กสมัยนี้อดทนน้อย ถ้าเป็นสายออกแบบ ก็จะเก่งวาด เก่ง illustrator  แต่ไม่เก่ง composition การจัดวาง layout หรือแม้แต่การใช้สีในงานออกแบบ หรือบางคนก็ชอบอยู่แต่ใน safe zone ไม่กล้าคิดนอกกรอบ เป็นต้น

ปิดท้ายตอนนี้ด้วยคำแนะนำการไปสัมภาษณ์งานในมุมมองผมละกันเนอะ
- เริ่มจากการเขียนอีเมล ก็ควรจะดูมีสัมมาคารวะ ไม่เล่น ไม่หยอกล้อ แต่เขียนในสิ่งที่คิดว่าเขาอยากรู้ ไม่ใช่เขียนสิ่งที่เราอยากเสนอเสียหมด
- ต่อมาคือ portfolio ถ้ามีเวลาก็ควรจะเลือกงานที่เกี่ยวข้องการตำแหน่งหรือลักษณะงานที่ไปสัมภาษณ์ใหม่ เพื่อเลี่ยงการเจอคำถามว่า น้องมาสมัครอะไรกันแน่ หรือ ผมควรรับคุณตำแหน่งอะไรดี
- จากนั้นคงเป็นการแต่งกายสุภาพ ซึ่งในที่นี้อาจสอบถามไปตอนนัดสัมภาษณ์ว่าควรแต่งแบบไหน (บางคนอาจแย้งว่า จะไปสัมภาษณ์ยังไม่รู้อีกเหรอ ถามเพื่อความแน่ใจก็ไม่เสียหายนะครับ) เผื่อบางคนอยากใส่ความเป็นตัวเองลงไปนิดหน่อย
- การเป็นตัวของตัวเองก็สำคัญ แต่ก็ต้องรู้จักกาลเทศะ ถ้าแสดงออกมากไป อาจถูกมองว่ามี ego หรือทิฐิในตัวสูง ไม่ค่อยมีใครอยากรับ เพราะ first impression ไม่ประทับใจไม่อยากร่วมงานด้วยซะแล้วก็มี
- การตอบคำถามก็สวยได้นิดหน่อย แต่ความจริงและซื่อสัตย์ควรจะอยุ่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า ส่วนตัวชอบคนตรงๆ เปิดเผย อ้อ ไม่ควรโอ้วอวดสรรพคุณจนเกินงาม นะครับ
- และคำถามก็จะเป็นแนวหลัก ทำไมถึงมาสมัครงาน ทำไมเราต้องเลือกคุณ ชอบทำงานคนเดียว หรือกลุ่ม เคยทำงานเกิดเวลาที่กำหนดไหม เวลาเครียดทำยังไง เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหรือเปล่า หากมีประสบการณ์ทำงานช่วยเล่าหน่อย เป็นต้น

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเห็นว่า ความคิดกับคำเขียนของผมมันจะกระโดดไปมาอยู่สักหน่อย ต้องขอออภัยนะครับ อาจจะยืดเยื้อผักบุ้งโหรงเหรงไปพอมควร แต่หวังว่ามันจะมีประโยชน์กับใครสักคนเนอะ ตอนต่อไปจะขอพูดถึงเรื่องของการใช้จ่ายเงินในแต่ละเดือน จะเร่งเขียนต่อไม่ให้ขาดช่วงนาน เชื่อว่า นศ.ที่จบใหม่ๆ คงมีช่วงชีวิตล่องลอยเหมือนผม จะนานจะสั้นแล้วแต่บุคคล การแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมันก็ดี แต่ถ้าจะดีก็ควรปรึกษาและรับฟังเพื่อนพี่ที่คิดว่ารู้จักเราดี คนเหล่านี้มักมองเห็นอะไรในตัวเราที่เราเองมองไม่เห็น ทั้งดีและไม่ดี ถ้าเรารักเราเขาจะต้องบอกเรา ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ค้นหาตัวเองให้เจอ เดินตามทางที่อยากเดิน (ถ้าเป็นไปได้ > <) ได้ดีมีชัยแล้วอย่าลืมมาเล่าสู้กันฟังเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เดีย่วมาเจอกันตอนต่อไป ห้ามพลาดนะครับ ^^

ป.ล. ใครมีคำถาม คำแนะนำ ทิ้งคอมเม้นไว้ได้เลยครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้อ่านที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  มนุษย์เงินเดือน การออมเงิน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่