การเริ่มต้นสู่เส้นทางช่างภาพในวันนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้มาอย่างง่ายดาย เพราะผมไม่ได้เกิดมาบนครอบครัวที่มีฐานะดีซักเท่าไหร่ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่บ้านติดแม่น้ำชี เพื่อนๆ ลองทายซิว่าผมเป็นคนจังหวัดอะไร... ตอนเด็กๆ ผมช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา หาปลา จับกบ จับเขียด เพื่อหาเงินเรียน ได้น้อยบ้างมากบ้าง ตามฤดูกาลของกบเขียด... (ช่วงนั้นไม่รู้จักบาปหรอกครับ รู้แต่ว่าคนเราต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด) แต่ก็ยังโชคดีที่มีพี่ๆ คอยช่อยเหลือ เพราะผมเป็นน้องคนเล็กในบรรดาพี่น้อง 5 คน ผมค่อนข้างมีนิสัยเอาแต่ใจและดื้อมาก ก็ด้วยความที่เป็นน้องเล็กนั่นแหละครับ เฮ้อ... บางทีก็แอบสร้างความลำบากใจให้พวกพี่ๆ ไม่ใช่น้อย แต่พี่ก็โกรธผมไม่นานหรอกครับเพราะแกเอ็นดูมากกว่า อิอิ แอบเข้าข้างตัวเอง ถือว่าผมเป็นตัวสร้างสีสรรค์ให้ครอบครัวแล้วกัน แต่ครอบครัวของเราก็ยังรักและอบอุ่นเสมอมา ไม่ว่าครอบครัวเราจะพบเจอวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆนาๆ เช่น ราคากบตกต่ำ แมงกุดจี่สูญพันธุ์ หรือกระปอมพัฒนาการวิ่งเร็วติดสปีดเทอร์โบจนจับแทบไม่ทัน แม้บางวันเราแทบไม่รู้จะกินอะไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละครับที่หล่อหลอมให้ผมเป็นคนมาได้จนทุกวันนี้ อีกทั้งผมยังมีตัวอย่างที่ดีหรือไอดอลของผม ก็คือเหล่าบรรดาพี่ชาย 3 คนและพี่สาวอีก 1 คนนี่แหละ ไอดอลเยอะไปหน่อย...แต่ผมก็ภูมิใจที่มีพี่ที่ดี ผมมักจะเล่าเรื่องราวของพี่ๆ ให้เพื่อนๆ ของผมฟังเสมอ ว่าพี่ผมเก่งมากๆ พี่ชายของผมเป็นช่างประดับยนต์ที่มีฝีมือดีที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ พูดจริงไม่ได้โม้ พี่ชายอีกคนก็เป็นนักการเกษตรที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้าหว่านอะไรได้อย่างนั้น ที่สำคัญ เทคโนโลยีทางการเกษตรนี่ขั้นเทพจริงๆ บางทีผมยังอยากลาออกไปทำเกษตรเลย พี่ชายอีกคนก็เป็นนักธุรกิจบริหารกิจการเล็กๆ ในตัวเมือง ก็ขายของเกษตรบ้านเรานี่แหละครับ พี่สาวผมก็เก่งหลายอย่างทำเกษตรก็ได้ ทำกับข้าวก็อร่อย สวยที่สุดในครอบครัว รองจากแม่ อิอิ ทุกอย่างในครอบครัวเป็นความประทับใจ ที่ไม่เคยลืม เป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เวลาที่มรสุมชีวิตเข้ามา
เมื่อถึงเทศกาลงานวัดงานบุญประจำปี ผมนี่...อยู่หน้าเวทีเลย ไม่ได้ไปทำอะไรหรอกครับ ก็แค่ไปเล่นดนตรี นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมรักที่จะทำ และสนุกทุกครั้งที่ได้หยิบกีตาร์มาเล่น ผมหัดเล่นกีต้าร์ครั้งแรกก็ตอนประถม เก่งใช่มั้ยล่ะ...คงเป็นพรสววรค์ บวกกับพรแสวงด้วย เล่นด้วยร้องด้วย หล่อเลย สาวๆ กรี๊ดเพียบ.... กรี๊ดเพราะเวทีข้างๆ มีดาราชายมา 555 จากวันนั้นจนวันนี้ ดนตรีคือสิ่งประโลมกายและใจให้ผมมีสติและปัญญา เชื่อมั้ยครับว่า ผมเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้าเมายา เพราะผมเสพดนตรีอย่างเดียวก็ฟินมากแล้ว ช่วงเข้าสู่วัยรุ่นผมเรียนช่างไฟฟ้ามา ชีวิตก็มีแค่เรียน เล่นดนตรี หาของพื้นบ้านไปขายในตลาด ผมมีโอกาสได้เรียนจนจบชั้น ปวส. เพราะเงินของครอบครัว ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อป.ตรี เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก ในหัวผมตอนนั้นคิดแต่จะหาเงินมาให้ครอบครัวของเราอยู่ดีกินดีมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมออกมาหางานทำในกทม และแล้วก็ได้งาน ผมทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ได้ไม่กี่ปีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นคร้าบ น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 บริษัทต้องเรียนเชิญพนักงานออก และแล้วผมก็เป็นผู้โชคดี 555 ย้ายงานซิคร้าบ ผมเร่ร่อนอยู่ซักพักระหว่างตกงาน แทบกินข้าวคลุกน้ำปลา แต่อร่อยดีนะ เมนูแนะนำ ... แต่แล้วเทวดาก็ลงมาเห็น ไอ้หนุ่มพเนจรอย่างผม ช่วยชีวิตให้ผมได้มีงานทำอีกครั้ง บริษัทเอกชนแห่งใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียง สวัสดิการดีกว่าหลายๆแห่งย่านชลบุรี ผมนี่โชคดีจริงๆ เมื่อผมมาทำงานที่นี่.... นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการเป็นช่างภาพ.... ผมทำงานมาซักระยะรู้สึกอยากหากิจกรรมทำในวันเสาร์อาทิตย์ ผมลองทำอยู่หลายอย่างๆ แต่มาสะดุดตาสะดุดใจกับสิ่งหนึ่ง พี่ที่ทำงานครับแกเป็นช่างภาพของบริษัท และรับงานในวันหยุดด้วย ภาพที่แกถ่ายมาสวยๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็มีแต่คนชอบขอให้ถ่ายให้หน่อย ผมอยากเป็นคนสำคัญแบบนั้นบ้างจัง แอบคิดเบาๆ ผมอยากรู้อยากเรียน เลยลงทุนซื้อกล้องตัวแรก ด้วยเงินเดือนน้อยๆ ของช่างเทคนิคตัวเล็กๆ (ถึงแม้ตอนนี้จะไม่เล็กแล้วก็ตาม 55+) หยอดกระปุกจนได้มา ความสุขของคนจน ผมลองฝึกถ่ายด้วยตัวเอง เรียนรู้กับพี่ที่ทำงาน เรียนจากเน็ต สุดท้ายเพิ่งรู้ว่า อ้าวววว...รูปสวยๆ นี่ไม่ได้มาจากการถ่ายรูปอย่างเดียวนะ มันต้องผ่านกระบวนการตกแต่งในโปรแกรมนู้นนี่นั่น ถึงบางอ้อ.. ผมฝึกฝนมาเรื่อยๆ ตอนแรกถ่ายเพื่อนในบริษัทมา รูปไหนเจอมุมสวยเค้าก็ชม รูปไหนเจอมุมไม่สวยเค้าก็ด่า แอบน้อยใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร เราจะได้พัฒนาฝีมือ ผ่านมาปีสองปี บริษัทเล็งเห็นผลงาน เลยขอให้เราเข้ามาเป็นทีมช่างภาพบริษัท ดีใจมากๆ ได้เรียนรู้เทคนิคอีกเยอะในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น งานกีฬา งานเลี้ยง งานสัมมนา และงานอื่นๆ ผมสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลา 5 ปี ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะหันมารับงานในวันหยุด เป็นช่างภาพอิสระ ผมเริ่มสร้างเพจแล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเอารูปเพื่อนๆ และลูกค้าคนแรกๆ ที่ผมถ่าย ลงเพจให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง ระหว่างนี้ผมก็ได้เก็บเงินซื้อกล้องตัวใหม่สเปคเทพสุดๆ ฟูลเฟรม สายโหด เพื่อใช้รับงานจริงๆจังๆ ซักที ผมอยากจะฝากเพจให้เพื่อนๆ ช่วยกันมาแนะนำติชม ว่าเทรนด์ตอนนี้เค้าไปถึงไหนกันแล้วผมผมกลัวล้าหลังตามใครเค้าไม่ทัน นี่เป็นครั้งแรกของการโพสในพันทิพ ตื่นเต้นจัง กลัวโดนด่า 555.. อย่าว่าผมน๊าาา ขอแค่กำลังใจก็พอ.. ผมอ่อนไหว
ผมจะเล่าประสบการณ์รับงานถ่ายภาพครั้งแรกให้ฟัง เป็นงานรับปริญญาวันซ้อมใหญ่ ลูกค้าคนนี้เพื่อนที่ทำงานแนะนำให้ ผมตื่นเต้นสุดๆ เตรียมอุปกรณ์ไปซะหลากหลายทั้งลูกโป่ง ปืนยิงฟองสบู่ แต่เอาเข้าจริง นึกภาพออกมั้ยครับว่าอารมณ์แบบ.. คนเยอะๆ เออลืมบอกว่าเป็น ม. ในกทม พื้นที่น้อยๆ ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งรุ่นน้องที่มารอบูมให้รุ่นพี่ ญาติๆ บัณฑิต เห็นแล้วเพลีย ผมนี่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างวางไว้ที่ป้ายรถเมล์เลย เดินไปแต่ตัวและกล้องพอในเวลานั้น กว่าจะหาน้องเจอ เกือบโดนเหยียบตาย คนเยอะจริงๆ แม้แต่ทางเท้ายังมีแต่คนนั่งเต็มไปหมด ในที่สุดก็เจอน้องแล้ว ีใจ เริ่มงานเลยล่ะกัน ไม่พูดพร่ำทำเพลง ช่างภาพมือใหม่ ไม่รู้มาก่อนว่าต้องเทคแคร์น้องๆ ก่อน เพื่อให้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่เขินกัน แต่ตอนนั้นยอมรับว่าแอบเขินก็คนมันไม่เคยนี่นา แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ในที่สุดก็เสร็จงาน เฮ้อเหนื่อย ผมหอบสัมภาระ เดินทางกลับบ้าน จากใจกลาง กทมใ จนถึงชลบุรี แล้วก็สลบเลยเพราะเพลียแดด วันรุ่งขึ้นนั่งคัดภาพ แต่งภาพทั้งวัน เครียดนะ ไม่รู้ว่ารูปที่ถ่ายมาจะถูกใจน้องเค้ามั้ย เค้าจ้างเราเค้าก็ต้องคาดหวังเป็นธรรมดา ลืมบอกราคาว่าตอนนั้นค่าตัวผมแค่พันกว่าบาท (มีรูปในเพจนะครับลองไปดู) เพราะยังเป็นกล้องตัวเก่าอยู่ แล้วก็มานั่งแต่งโทนสี โทนภาพ แต่งไปแต่งมาอยู่อย่างนั้นแหละ จนกว่าจะโอเค เอาที่ผมรู้สึกดี ผมนัดส่งงานน้องเค้า 1 สัปดาห์ ผมเลยต้องเร่งๆ แต่งเก็บรายละเอียดเฉพาะรูปที่สวยๆ เผื่อเอาไว้อัดกรอบโขว์กลางบ้าน ประสบการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่าผมควรจะเพิ่มเวลาการส่งงานน้องให้นานขึ้นเพื่อ เก็บงานให้ดีทุกใบ แต่ก็ตามใจลูกค้าแหละครับ บางคนเค้าชอบแบบธรรมชาติสิว ฝ้าไม่ต้องลบนะพี่เดี๋ยวเสียความเป็นตัวตน อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ อะไรของเค้า อันนี้ก็แค่ปรับโทนสีนิดหน่อยส่งงานเลย ดีจัง ส่งงานได้ไวด้วย แต่ลูกค้าบางคนก็ชอบแบบพี่ๆ ช่วยแต่งหน้าหนูใสๆ เนียนๆนะคะ อันนี้พี่ก็จัดให้ แต่ขอเวลาพี่เก็บงานนานหน่อยแค่นั้นเอง... จากประสบการณ์ช่างภาพกว่าจะทำให้เพื่อนยอมรับ ผมนี่โดนด่ามาเยอะ ผมก็อยากจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ช่างภาพสู้ๆ กับทุกสิ่งที่เข้ามา ถ้าเราเลือกที่จะทำตามฝัน อุปสรรคก็เป็นแค่.. รั้ว..ที่เราต้องก้าวผ่านมันไป ถ้ารั้วสูงเกินก้าวผ่านก็มุดรั้วเลย 55 ทุกวันนี้ทุกวันหลังเลิกงานผมจะออกไปหาถ่ายรูป นำมาปรับแต่ง เพื่อพัฒนาฝีมืออยู่ตลอด หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจจะแนะนำงานให้ผมบ้างก็ยินดีนะครับ สำหรับงานที่ผมเคยทำมา ก็เช่น ถ่ายภาพงานรับปริญญา ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ถ่ายภาพงานบวช ถ่ายภาพงานเลี้ยง ถ่ายภาพงานสัมมนา ถ่ายภาพกีฬา สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายติดตามได้ที่เพจของผมน่ะครับ
ติดตามชมผลงานอื่นๆได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/thepossiblestudiothailand
บันทึกช่างภาพ
เมื่อถึงเทศกาลงานวัดงานบุญประจำปี ผมนี่...อยู่หน้าเวทีเลย ไม่ได้ไปทำอะไรหรอกครับ ก็แค่ไปเล่นดนตรี นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมรักที่จะทำ และสนุกทุกครั้งที่ได้หยิบกีตาร์มาเล่น ผมหัดเล่นกีต้าร์ครั้งแรกก็ตอนประถม เก่งใช่มั้ยล่ะ...คงเป็นพรสววรค์ บวกกับพรแสวงด้วย เล่นด้วยร้องด้วย หล่อเลย สาวๆ กรี๊ดเพียบ.... กรี๊ดเพราะเวทีข้างๆ มีดาราชายมา 555 จากวันนั้นจนวันนี้ ดนตรีคือสิ่งประโลมกายและใจให้ผมมีสติและปัญญา เชื่อมั้ยครับว่า ผมเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้าเมายา เพราะผมเสพดนตรีอย่างเดียวก็ฟินมากแล้ว ช่วงเข้าสู่วัยรุ่นผมเรียนช่างไฟฟ้ามา ชีวิตก็มีแค่เรียน เล่นดนตรี หาของพื้นบ้านไปขายในตลาด ผมมีโอกาสได้เรียนจนจบชั้น ปวส. เพราะเงินของครอบครัว ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อป.ตรี เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก ในหัวผมตอนนั้นคิดแต่จะหาเงินมาให้ครอบครัวของเราอยู่ดีกินดีมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมออกมาหางานทำในกทม และแล้วก็ได้งาน ผมทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ได้ไม่กี่ปีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นคร้าบ น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 บริษัทต้องเรียนเชิญพนักงานออก และแล้วผมก็เป็นผู้โชคดี 555 ย้ายงานซิคร้าบ ผมเร่ร่อนอยู่ซักพักระหว่างตกงาน แทบกินข้าวคลุกน้ำปลา แต่อร่อยดีนะ เมนูแนะนำ ... แต่แล้วเทวดาก็ลงมาเห็น ไอ้หนุ่มพเนจรอย่างผม ช่วยชีวิตให้ผมได้มีงานทำอีกครั้ง บริษัทเอกชนแห่งใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียง สวัสดิการดีกว่าหลายๆแห่งย่านชลบุรี ผมนี่โชคดีจริงๆ เมื่อผมมาทำงานที่นี่.... นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการเป็นช่างภาพ.... ผมทำงานมาซักระยะรู้สึกอยากหากิจกรรมทำในวันเสาร์อาทิตย์ ผมลองทำอยู่หลายอย่างๆ แต่มาสะดุดตาสะดุดใจกับสิ่งหนึ่ง พี่ที่ทำงานครับแกเป็นช่างภาพของบริษัท และรับงานในวันหยุดด้วย ภาพที่แกถ่ายมาสวยๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็มีแต่คนชอบขอให้ถ่ายให้หน่อย ผมอยากเป็นคนสำคัญแบบนั้นบ้างจัง แอบคิดเบาๆ ผมอยากรู้อยากเรียน เลยลงทุนซื้อกล้องตัวแรก ด้วยเงินเดือนน้อยๆ ของช่างเทคนิคตัวเล็กๆ (ถึงแม้ตอนนี้จะไม่เล็กแล้วก็ตาม 55+) หยอดกระปุกจนได้มา ความสุขของคนจน ผมลองฝึกถ่ายด้วยตัวเอง เรียนรู้กับพี่ที่ทำงาน เรียนจากเน็ต สุดท้ายเพิ่งรู้ว่า อ้าวววว...รูปสวยๆ นี่ไม่ได้มาจากการถ่ายรูปอย่างเดียวนะ มันต้องผ่านกระบวนการตกแต่งในโปรแกรมนู้นนี่นั่น ถึงบางอ้อ.. ผมฝึกฝนมาเรื่อยๆ ตอนแรกถ่ายเพื่อนในบริษัทมา รูปไหนเจอมุมสวยเค้าก็ชม รูปไหนเจอมุมไม่สวยเค้าก็ด่า แอบน้อยใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร เราจะได้พัฒนาฝีมือ ผ่านมาปีสองปี บริษัทเล็งเห็นผลงาน เลยขอให้เราเข้ามาเป็นทีมช่างภาพบริษัท ดีใจมากๆ ได้เรียนรู้เทคนิคอีกเยอะในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น งานกีฬา งานเลี้ยง งานสัมมนา และงานอื่นๆ ผมสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลา 5 ปี ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะหันมารับงานในวันหยุด เป็นช่างภาพอิสระ ผมเริ่มสร้างเพจแล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเอารูปเพื่อนๆ และลูกค้าคนแรกๆ ที่ผมถ่าย ลงเพจให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง ระหว่างนี้ผมก็ได้เก็บเงินซื้อกล้องตัวใหม่สเปคเทพสุดๆ ฟูลเฟรม สายโหด เพื่อใช้รับงานจริงๆจังๆ ซักที ผมอยากจะฝากเพจให้เพื่อนๆ ช่วยกันมาแนะนำติชม ว่าเทรนด์ตอนนี้เค้าไปถึงไหนกันแล้วผมผมกลัวล้าหลังตามใครเค้าไม่ทัน นี่เป็นครั้งแรกของการโพสในพันทิพ ตื่นเต้นจัง กลัวโดนด่า 555.. อย่าว่าผมน๊าาา ขอแค่กำลังใจก็พอ.. ผมอ่อนไหว
ผมจะเล่าประสบการณ์รับงานถ่ายภาพครั้งแรกให้ฟัง เป็นงานรับปริญญาวันซ้อมใหญ่ ลูกค้าคนนี้เพื่อนที่ทำงานแนะนำให้ ผมตื่นเต้นสุดๆ เตรียมอุปกรณ์ไปซะหลากหลายทั้งลูกโป่ง ปืนยิงฟองสบู่ แต่เอาเข้าจริง นึกภาพออกมั้ยครับว่าอารมณ์แบบ.. คนเยอะๆ เออลืมบอกว่าเป็น ม. ในกทม พื้นที่น้อยๆ ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งรุ่นน้องที่มารอบูมให้รุ่นพี่ ญาติๆ บัณฑิต เห็นแล้วเพลีย ผมนี่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างวางไว้ที่ป้ายรถเมล์เลย เดินไปแต่ตัวและกล้องพอในเวลานั้น กว่าจะหาน้องเจอ เกือบโดนเหยียบตาย คนเยอะจริงๆ แม้แต่ทางเท้ายังมีแต่คนนั่งเต็มไปหมด ในที่สุดก็เจอน้องแล้ว ีใจ เริ่มงานเลยล่ะกัน ไม่พูดพร่ำทำเพลง ช่างภาพมือใหม่ ไม่รู้มาก่อนว่าต้องเทคแคร์น้องๆ ก่อน เพื่อให้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่เขินกัน แต่ตอนนั้นยอมรับว่าแอบเขินก็คนมันไม่เคยนี่นา แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ในที่สุดก็เสร็จงาน เฮ้อเหนื่อย ผมหอบสัมภาระ เดินทางกลับบ้าน จากใจกลาง กทมใ จนถึงชลบุรี แล้วก็สลบเลยเพราะเพลียแดด วันรุ่งขึ้นนั่งคัดภาพ แต่งภาพทั้งวัน เครียดนะ ไม่รู้ว่ารูปที่ถ่ายมาจะถูกใจน้องเค้ามั้ย เค้าจ้างเราเค้าก็ต้องคาดหวังเป็นธรรมดา ลืมบอกราคาว่าตอนนั้นค่าตัวผมแค่พันกว่าบาท (มีรูปในเพจนะครับลองไปดู) เพราะยังเป็นกล้องตัวเก่าอยู่ แล้วก็มานั่งแต่งโทนสี โทนภาพ แต่งไปแต่งมาอยู่อย่างนั้นแหละ จนกว่าจะโอเค เอาที่ผมรู้สึกดี ผมนัดส่งงานน้องเค้า 1 สัปดาห์ ผมเลยต้องเร่งๆ แต่งเก็บรายละเอียดเฉพาะรูปที่สวยๆ เผื่อเอาไว้อัดกรอบโขว์กลางบ้าน ประสบการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่าผมควรจะเพิ่มเวลาการส่งงานน้องให้นานขึ้นเพื่อ เก็บงานให้ดีทุกใบ แต่ก็ตามใจลูกค้าแหละครับ บางคนเค้าชอบแบบธรรมชาติสิว ฝ้าไม่ต้องลบนะพี่เดี๋ยวเสียความเป็นตัวตน อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ อะไรของเค้า อันนี้ก็แค่ปรับโทนสีนิดหน่อยส่งงานเลย ดีจัง ส่งงานได้ไวด้วย แต่ลูกค้าบางคนก็ชอบแบบพี่ๆ ช่วยแต่งหน้าหนูใสๆ เนียนๆนะคะ อันนี้พี่ก็จัดให้ แต่ขอเวลาพี่เก็บงานนานหน่อยแค่นั้นเอง... จากประสบการณ์ช่างภาพกว่าจะทำให้เพื่อนยอมรับ ผมนี่โดนด่ามาเยอะ ผมก็อยากจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ช่างภาพสู้ๆ กับทุกสิ่งที่เข้ามา ถ้าเราเลือกที่จะทำตามฝัน อุปสรรคก็เป็นแค่.. รั้ว..ที่เราต้องก้าวผ่านมันไป ถ้ารั้วสูงเกินก้าวผ่านก็มุดรั้วเลย 55 ทุกวันนี้ทุกวันหลังเลิกงานผมจะออกไปหาถ่ายรูป นำมาปรับแต่ง เพื่อพัฒนาฝีมืออยู่ตลอด หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจจะแนะนำงานให้ผมบ้างก็ยินดีนะครับ สำหรับงานที่ผมเคยทำมา ก็เช่น ถ่ายภาพงานรับปริญญา ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ถ่ายภาพงานบวช ถ่ายภาพงานเลี้ยง ถ่ายภาพงานสัมมนา ถ่ายภาพกีฬา สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายติดตามได้ที่เพจของผมน่ะครับ
ติดตามชมผลงานอื่นๆได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/thepossiblestudiothailand