นาทีนี้ไม่มีความสุขใดสำหรับชาวเมืองดอกลำดวน ศรีสะเกษ เท่ากับการที่ทีมฟุตบอลของพวกเขา ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากเอาชนะเพื่อนตำรวจได้ในรอบรองชนะเลิศ และจะเข้าไปชิงดำทำศึกอีสานดาร์บี้แมตช์ กับบุรีรัมย์
ที่ต้องเขียนถึงศรีสะเกษ ไม่ใช่แค่พวกเขาคือทีมม้ามืด ที่ฝ่าด่านทีมใหญ่ ทีมดัง เงินถุง เงินถังเข้ามาชิงชนะเลิศเท่านั้น แต่นี่คือทีมหนึ่งที่มี "รากเหง้า" อันยาวนานในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเมืองไทย
แฟนบอลรุ่นเก่าเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว สมัยที่ฟุตบอลไทยยังเริ่มจะตั้งไข่เป็นฟุตบอลอาชีพ คงจะเคยได้ยินชื่อ "อาเจ็ก" บุญชง วีสมหมาย ซึ่งเป็น 1 ในคนการเมือง ที่รักฟุตบอลเข้าเส้นเลือดเช่นเดียวกับ ภิญโญ นิโรจน์แห่งถาวรฟาร์มนครสวรรค์ เช่นเดียวกับ กำนันเกรียง นักพานิชย์ แห่งสุพรรณบุรี เช่นเดียวกับ ตระกูลคุณปลื้มแห่งชลบุรี
และทีมเหล่านี้ก็เป็นทีมที่ขับเคี่ยวกันในการแข่งขันฟุตบอลโปรวินเชียลลีก และกีฬาแห่งชาติมาทุกยุคทุกสมัย นักเตะทีมชาติไทยหลายต่อหลายคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวศรีสะเกษ อย่าง ทินกร กมล, บุญคง อรรคบุตร, ครองพล ดาวเรืองฯลฯ
ศรีสะเกษ เป็นเจ้าของแชมป์ฟุตบอลโปรวินเชียลลีกครั้งแรก เมื่อปี 2542 และก็วนเวียนอยู่กับการเป็นทีมชั้นนำของโปรวินเชียลลีกหลายปี
จนกระทั่งข้ามมาเล่นเอไอเอสลีก ดิวิชั่น 2 ไต่เต้าขึ้นมาดิวิชั่น 1 ก่อนจะเดินทางมาถึงลีกสูงสุดในปี 2010 หรือ 2553
เส้นทางลูกหนังของศรีสะเกษ ขรุขระ เต็มไปด้วยสีสันมากมาย ไม่ว่าจะการหนีตายในเกมเพลย์ออฟ การฟ้องร้องสิทธิ์การทำทีมกับ อีสาน ยูไนเต็ด จนเป็นมหากาพย์แห่งคดีความ
แต่ไม่ว่าศรีสะเกษ จะมีสถานะอย่างไร สิ่งหนึ่งที่เหนียวแน่นที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือ
แฟนบอล หรือ ผู้เล่นคนที่ 12 ยามเล่นในบ้าน แฟนบอลเต็มสนามศรีนครลำดวลเกือบทุกนัด ยามเล่นเป็นทีมเยือนก็มีเหล่า
"กูปรีพลัดถิ่น" ที่ขายแรงงานตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศรวมตัวกันไปเชียร์จนทำเอาแฟนบอลเจ้าบ้านบางทีมเงียบเสียงไปเลย
และเพราะเป็นทีมจังหวัดเล็กๆ ทำให้งบประมาณไม่มากนัก พวกเขาจึงเป็น 1 ในทีมเต็งที่จะตกชั้นเกือบทุกปีก่อนเปิดฤดูกาล
ปีนี้ผลงานศรีสะเกษยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะเกมในบ้านของพวกเขาได้ชื่อว่าแข็งแกร่ง และยากที่ทีมใดจะเข้าไปเก็บแต้มถึงถิ่นดอกลำดวน
ทำให้ผลงานบนตารางโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ของศรีสะเกษ ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อยู่ในกลุ่มที่ปลอดภัยพอสมควร
การเดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ถือว่าเป็นโบนัสที่ยิ่งใหญ่ สำหรับทีมจากต่างจังหวัด
เกมนัดชิงชนะเลิศแน่นอนว่าพวกเขาเป็นรองบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างสุดกู่เช่นเคย ทั้งด้านทุน ผู้เล่น ความแข็งแกร่ง
แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อเหลือเกินว่า ศรีสะเกษ จะสู้กับบุรีรัมย์ ได้นั่นคือ
"หัวใจ" ไม่ใช่แค่หัวใจของทีมศรีสะเกษ แต่เป็นหัวใจของชาวศรีสะเกษทั้งจังหวัด ที่ใช้เวลารอคอย ถ้วยใดถ้วยหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองไทย มาตลอดเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ
ผู้ก่อตั้ง ผู้ริเริ่ม ผู้สนับสนุนตลอดเส้นทาง 20 ปีที่ผ่านมา หลายท่านล้มหายตายจากไป แม้แชมป์นี้ของศรีสะเกษจะไม่สามารถปลุกให้คนเหล่านั้น ลุกขึ้นมาได้อีก แต่ก็คงจะทำให้วิญญาณสุข สงบ สมใจเสียที
(ที่มา:
http://m.siamsport.co.th/column/detail/30281)
เราอาจจะไม่ได้หวังถึงแชมป์(หวังนิดหน่อยแต่ไม่กดดัน) เราแค่อยากให้กูปรีในบ้านและกูปรีพลัดถิ่น ได้ไปเชียร์แบบรวมตัวกันอย่างยิ่งใหญ่สักครั้ง
เราไม่ได้มีนักเตะที่มีชื่อเสียงเป็นแค่ทีมบ้านๆของจังหวัดเล็กๆจริงๆเราก็มีความสุขที่ทึมเรามาได้ไกลขนาดนี้นะ
21 พฤศจิกายนนี้ จะเห็นสีส้มเต็มสนามศุภชลาศัยอย่างแน่นอน 
ศ รี ส ะ เ ก ษ ประเทศฟุตบอล
ที่ต้องเขียนถึงศรีสะเกษ ไม่ใช่แค่พวกเขาคือทีมม้ามืด ที่ฝ่าด่านทีมใหญ่ ทีมดัง เงินถุง เงินถังเข้ามาชิงชนะเลิศเท่านั้น แต่นี่คือทีมหนึ่งที่มี "รากเหง้า" อันยาวนานในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเมืองไทย
แฟนบอลรุ่นเก่าเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว สมัยที่ฟุตบอลไทยยังเริ่มจะตั้งไข่เป็นฟุตบอลอาชีพ คงจะเคยได้ยินชื่อ "อาเจ็ก" บุญชง วีสมหมาย ซึ่งเป็น 1 ในคนการเมือง ที่รักฟุตบอลเข้าเส้นเลือดเช่นเดียวกับ ภิญโญ นิโรจน์แห่งถาวรฟาร์มนครสวรรค์ เช่นเดียวกับ กำนันเกรียง นักพานิชย์ แห่งสุพรรณบุรี เช่นเดียวกับ ตระกูลคุณปลื้มแห่งชลบุรี
และทีมเหล่านี้ก็เป็นทีมที่ขับเคี่ยวกันในการแข่งขันฟุตบอลโปรวินเชียลลีก และกีฬาแห่งชาติมาทุกยุคทุกสมัย นักเตะทีมชาติไทยหลายต่อหลายคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวศรีสะเกษ อย่าง ทินกร กมล, บุญคง อรรคบุตร, ครองพล ดาวเรืองฯลฯ
ศรีสะเกษ เป็นเจ้าของแชมป์ฟุตบอลโปรวินเชียลลีกครั้งแรก เมื่อปี 2542 และก็วนเวียนอยู่กับการเป็นทีมชั้นนำของโปรวินเชียลลีกหลายปี
จนกระทั่งข้ามมาเล่นเอไอเอสลีก ดิวิชั่น 2 ไต่เต้าขึ้นมาดิวิชั่น 1 ก่อนจะเดินทางมาถึงลีกสูงสุดในปี 2010 หรือ 2553
เส้นทางลูกหนังของศรีสะเกษ ขรุขระ เต็มไปด้วยสีสันมากมาย ไม่ว่าจะการหนีตายในเกมเพลย์ออฟ การฟ้องร้องสิทธิ์การทำทีมกับ อีสาน ยูไนเต็ด จนเป็นมหากาพย์แห่งคดีความ
แต่ไม่ว่าศรีสะเกษ จะมีสถานะอย่างไร สิ่งหนึ่งที่เหนียวแน่นที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือ แฟนบอล หรือ ผู้เล่นคนที่ 12 ยามเล่นในบ้าน แฟนบอลเต็มสนามศรีนครลำดวลเกือบทุกนัด ยามเล่นเป็นทีมเยือนก็มีเหล่า "กูปรีพลัดถิ่น" ที่ขายแรงงานตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศรวมตัวกันไปเชียร์จนทำเอาแฟนบอลเจ้าบ้านบางทีมเงียบเสียงไปเลย
และเพราะเป็นทีมจังหวัดเล็กๆ ทำให้งบประมาณไม่มากนัก พวกเขาจึงเป็น 1 ในทีมเต็งที่จะตกชั้นเกือบทุกปีก่อนเปิดฤดูกาล
ปีนี้ผลงานศรีสะเกษยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะเกมในบ้านของพวกเขาได้ชื่อว่าแข็งแกร่ง และยากที่ทีมใดจะเข้าไปเก็บแต้มถึงถิ่นดอกลำดวน
ทำให้ผลงานบนตารางโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ของศรีสะเกษ ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อยู่ในกลุ่มที่ปลอดภัยพอสมควร
การเดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ถือว่าเป็นโบนัสที่ยิ่งใหญ่ สำหรับทีมจากต่างจังหวัด
เกมนัดชิงชนะเลิศแน่นอนว่าพวกเขาเป็นรองบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างสุดกู่เช่นเคย ทั้งด้านทุน ผู้เล่น ความแข็งแกร่ง
แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อเหลือเกินว่า ศรีสะเกษ จะสู้กับบุรีรัมย์ ได้นั่นคือ "หัวใจ" ไม่ใช่แค่หัวใจของทีมศรีสะเกษ แต่เป็นหัวใจของชาวศรีสะเกษทั้งจังหวัด ที่ใช้เวลารอคอย ถ้วยใดถ้วยหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองไทย มาตลอดเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ
ผู้ก่อตั้ง ผู้ริเริ่ม ผู้สนับสนุนตลอดเส้นทาง 20 ปีที่ผ่านมา หลายท่านล้มหายตายจากไป แม้แชมป์นี้ของศรีสะเกษจะไม่สามารถปลุกให้คนเหล่านั้น ลุกขึ้นมาได้อีก แต่ก็คงจะทำให้วิญญาณสุข สงบ สมใจเสียที
(ที่มา:http://m.siamsport.co.th/column/detail/30281)
เราอาจจะไม่ได้หวังถึงแชมป์(หวังนิดหน่อยแต่ไม่กดดัน) เราแค่อยากให้กูปรีในบ้านและกูปรีพลัดถิ่น ได้ไปเชียร์แบบรวมตัวกันอย่างยิ่งใหญ่สักครั้ง
เราไม่ได้มีนักเตะที่มีชื่อเสียงเป็นแค่ทีมบ้านๆของจังหวัดเล็กๆจริงๆเราก็มีความสุขที่ทึมเรามาได้ไกลขนาดนี้นะ
21 พฤศจิกายนนี้ จะเห็นสีส้มเต็มสนามศุภชลาศัยอย่างแน่นอน