เนื่องจากวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา ผมมีแพลนจะไปเที่ยวจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก อยากไปรับอากาศบริสุทธิ์บนเขาสักหน่อย เลยตัดสินใจไปภูทับเบิกกับเขาค้อ คือก่อนไปคิดว่าคนต้องเยอะแน่ๆ แต่พอได้ไปถึงสถานที่จริงๆนั้น บอกเลยว่ามีแต่รถกรุงเทพเต็มทั้งภูเลย เหมือนคนจากทั้งเมืองแห่กันขึ้นไป บรรยากาศก็ครึกครื้นดี แต่ถ้าเลือกได้ผมเลือกที่จะไปแบบสงบๆคนน้อยๆดีกว่า
โดยผมใช้เส้นทางกรุงเทพ - พิษณุโลก ไปไหว้พระพุทธชินราชก่อน ปกติเวลาที่ผมมาเขาค้อผมจะแวะที่วัดนี้ก่อนเสมอ
ถ้าจะให้ดีควรออกจากบ้านแต่เช้า ถ้ามาถึงที่วัดเร็วหน่อยคนจะไม่ค่อยเยอะ ไม่อึดอัด ออกไปเดินถ่ายรูปชิลๆริมแม่น้ำด้านหน้าวัดได้ และที่ขาดไม่ได้คือต้องถ่ายรูปกับรถกบ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่นี่เรียกว่าอะไร ... มันเฟี้ยวมาก
หลังจากไหว้พระเสร็จผมก็เดินทางไปยังเขาสมอแคลง เพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ปกติผมจะขับรถผ่านแล้วเลยไปตลอด คราวนี้ตั้งใจมาแวะ มีจุดชมวิวเมืองพิษณุโลกด้วย
หลังจากนั้นผมก็ใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แต่ผมเลยไปแวะน้ำตกแก่งโสภาก่อน
น้ำตกนี้ผมเคยมาแวะเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ความสวยงามก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการปรับปรุงสถานที่ให้มีจุดนั่งพักผ่อน จุดปิ๊กนิคมากขึ้น
ช่วงนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเส้นทางให้ลงไปเล่นน้ำเพราะว่าน้ำนั้นแรงมาก เนื่องจากเป็นฤดูฝน แต่ผมแค่อยากถ่ายรูปเท่านั้น เลยไม่ได้คิดอะไรมาก :"))
หลังจากนั้นผมก็ใช้เส้นทางวิ่งมายังอุทยานภูหินร่องกล้าเพื่อพักทานข้าวกลางวัน ... อากาศตอนนั้นดีมากๆ อุณหภูมิ 20องศา มีของขายพวกมันปิ้ง ไก่ย่าง และพวกอาหารตามสั่งขาย ที่หน้าทางเดินชมธรรมชาติ แต่งวดนี้ผมไม่ได้เดินเพราะเมื่อ 3 ปีก่อนผมเดินไปแล้ว แล้วงวดนี้คนค่อนข้างเยอะ ผมเลยรีบตีมาภูทับเบิกเลย เพราะอยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ที่นี่มากๆ
พอมาถึงทางแยกที่จะเลี้ยวไปยังภูทับเบิกก็พบกับรถมากมายมหาศาล เจอความเห็นแก่ตัวของคนบางกลุ่ม ขับรถไม่นึกถึงคันข้างหลัง อยากจอดก็จอดเลย บางคันนั่งเล่นไลน์ในรถ บางคันก็ขับๆจอดๆ เข้าใจว่าจะหารีสอร์ตพักแต่ก็นะครับ บางทีแค่คุณจอดแปปๆไม่กี่นาที แต่จอดเป็นสิบๆคัน คันหลังไม่ต้องไปกันพอดี 555+ แต่ผมก็นั่งชิลๆรอจนผ่านมาถึงรีสอร์ตจนได้
พาหนะคู่ใจครับ สบายๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่งอแงกลางทางเลย ... ผมเข้าพักที่ไร่ภูข้าวฟ่างนะครับ เน้นบรรยากาศอย่างเดียวเลย ที่พักเอาแค่นอนหลับได้ก็พอ
ด้านหลังรีสอร์ตเป็นวิวที่สวยจริงๆครับ ผมนี่ยืนสูงอากาศจนเต็มปอดแบบสุดๆ อุณหภูมิเริ่มเย็นลงเรื่อยๆครับ จนต้องไปหยิบเสื้อหนาวมาคลุม
3ปีผ่านไป ธรรมชาติกลายเป็นรีสอร์ตไปหมด ... อะไรๆก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง
ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ที่นี่จะฟินมาก เย็นๆหมอกเริ่มลงแล้วครับ อากาศก็เย็น เดินกินมันปิ้ง ข้าวโพดปิ้ง กินบรรยากาศ ไม่มีอะไรฟินกว่านี้แล้วครับ
ต้องมาลองครับ เหมือนเวลาชีวิตมันเดินช้า ความเหนื่อยล้าที่แบกไว้มันก็หายไปหมด 555+ ว่าแล้วก็จัดไข่ปิ้งมา 3 ฟอง
ตอนกลางคืนหมอกกับลมนี่จัดเต็มมากๆ แต่รถก็ยังไม่น้อยลงเลย เพราะมีแต่คนตระเวนหารีสอร์ตกัน แต่ไม่เป็นไรผมก็ยังเดินชิลหาไรกินต่อไป
เช้าแล้วครับ ตอนแรกผมวาดฝันไว้ว่าจะเจอทะเลหมอก แต่สุดท้ายเรากลับอยู่ท่ามกลางหมอกซะงั้น มันก็เป็นบรรยากาศที่แปลกไปอีกแบบครับ ไม่เจอแดดเลย หนาวใช้ได้ กินข้าวต้มใส่กะหล่ำปลี กับโอวันตินร้อนๆท่ามกลางหมอกหนาๆ ฟินมากกกก
ถ้าอยู่บนจุดสูงสุดผมก็ไม่รู้ว่าจะเห็นทะเลหมอกมั้ย แต่จุดที่ผมอยู่นี่หมอกแบบเต็มๆครับ ควันออกปากตลอดไม่มีหยุด มันได้บรรยากาศคนละแบบครับ
... หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จก็ต้องลาก่อนนะภูทับเบิก แต่ประเด็นมันคือรถครับ รถติดแบบสุดๆ แบบไม่มีอนาคตเลย ถ้ารอก็คงบ่ายๆ ผมเลยตัดสินใจถามกระเหลี่ยงแถวๆนั้นว่ามีทางลงทางไหนอีกไหม เขาตอบมาว่ามีครับ แต่เป็นทาง ตชด. ไปทะลุออกทางไป อ.หล่มเก่าได้ เท่านั้นแหละครับ ผมก็หาแนวร่วมแถวๆนั้นไปด้วยกัน เพราะต้องเป็นรถที่ยกสูงเท่านั้นที่ไปได้ สรุปว่ามี 3 คันที่อาสาไปด้วยกันครับ ทางนี่ผมบอกตรงๆว่าโคตรลูกรัง ถ้าใครมีขับ 4 จะได้เปรียบมากๆ เป็นประสบการณ์ราคาแพงมากในการขับออฟโรด ขนาดรถขับ 2 อย่างผมยังพอไปได้ นับถือพี่ ตชด จริงๆต้องใช้เส้นทางแบบนี้บ่อยๆ แต่ก็นะครับ ใครชำนาญก็ผ่านฉลุย 555+
จากนั้นผมแวะพักรถและทานข้าวที่ร้านสารัชครับ มีของฝากขึ้นชื่อเป็นมะขามหลายแบบให้เลือก รสชาติอร่อยส่งตรงเซเว่นทั่วประเทศ 555 และที่ขาดไม่ได้คือขนมจีน 7 สีครับ น้ำยาของเขาอร่อยสุดๆ พลาดไม่ได้จริงๆ แต่ราคาก็แอบแรงอยู่เช่นกัน
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จก็วิ่งมาเขาค้อเลยครับ ถนนเป็น 3-4 เลน ขับสบาย ตัดโค้งชิลๆ ตอนนั้นใจอยากแวะวัดผาซ่อนแก้วมาก แต่เห็นปริมาณรถที่ทะลักออกมาถนนใหญ่แล้วตัดใจเลยครับ ผมไม่ชอบแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับใคร เลยมาจบที่เขาค้อกาแฟสดครับ เป็นร้านกาแฟที่อร่อยแห่งหนึ่ง โลเคชั่นอาจจะไม่ค่อยหวีหวาเท่า piano late แต่ผมว่ารสชาติกาแฟที่นี่เยี่ยมสุดๆเลยครับ ราคาก็สมเหตุสมผล ไม่ได้แพงเวอร์จนเกินไปครับ
ต้องมาลองกินดูครับ รสชาติเข้มข้นจริงๆ โกโก้นี่ทำผมติดใจเลย มา 2 รอบก็ติดใจ 2 รอบ 555+
หลังจากเต็มอิ่มกับกาแฟสดแล้วก็มาต่อกันที่พระตำหนักเขาค้อครับ ที่นี่ก็อากาศดีมีลานกางเตนท์พร้อมห้องน้ำให้ แต่คนค่อนข้างเยอะอีกตามเคย ... ที่นี่เด่นคือมีต้นสนสามใบเยอะ ถ้าใครอยากมาถ่ายรูปแบบวินเทจๆคงจะชอบ แถมยังมีดอกไม้สววยๆให้ชมกันอีกด้วย
เห็นคนเขามาถ่ายรูปกันเฟี้ยวๆเยอะ ... ถ้ามีนางแบบมาด้วยนะ แหล่มเป็ดเลยครับ
... ผมเข้าพักที่ พรสวรรค์รีสอร์ตนะครับ เป็นรีสอร์ตที่ผมถูกใจมากๆ เพราะมาที่นี่ 3 ครั้งก็นอนที่นี่ 3 ครั้ง เพราะโลเคชั่นดีมากๆ ดูทะเลหมอกง่าย ไม่ต้องขับรถไปไหน แค่เดินมาลานกางเตนท์ด้านหลังก็เต็มอิ่มแล้ว + อาหารที่อร่อยขึ้นชื่อมากๆ แนะนำเลยว่าใครที่จะมาเขาค้อต้องมาแวะทานข้าวเย็นที่รีสอร์ตนี้
เวลาที่เราอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก มันจะรู้สึกโล่งงงง อากาศก็ดี อุณหภูมิ 18 องศา เสพติดความขาว ความสวย ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นจริงๆ ไม่อยากกลับกรุงเทพเลย
เพียงแค่ตื่นขึ้นมาแล้วออกมานอกเตนท์ก็เจอวิวที่สวยมากๆที่เอาเงินซื้อไม่ได้ ... ถ้ามีโอกาสสำหรับคนที่ไม่เคยมา ต้องมาให้ได้สักครั้งครับ ผมนี่ติดใจ มาตั้ง 3 ครั้งละ และจะมีครั้งต่อๆไปแน่นอน
ลากันไปด้วยภาพพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหน้ารีสอร์ตครับ งวดหน้า เจอกันใหม่นะ เขาค้อ - ภูทับเบิก
ปล.ภาพทั้งหมดนี้ถ่ายโดย canon 5DmarkIII กับ 24-70 ตัวเดียวนะครับ ( ผ่าน LR+PS ครับผม )
ปล2.ถ้าการรีวิวใช้ภาษาผิดพลาด หรืออาจจะไม่ถูกใจท่านใด ก็ขออภัยด้วยน้าคร้าบบบบ :")))
Go To ภูทับเบิก - เขาค้อ.
โดยผมใช้เส้นทางกรุงเทพ - พิษณุโลก ไปไหว้พระพุทธชินราชก่อน ปกติเวลาที่ผมมาเขาค้อผมจะแวะที่วัดนี้ก่อนเสมอ
ถ้าจะให้ดีควรออกจากบ้านแต่เช้า ถ้ามาถึงที่วัดเร็วหน่อยคนจะไม่ค่อยเยอะ ไม่อึดอัด ออกไปเดินถ่ายรูปชิลๆริมแม่น้ำด้านหน้าวัดได้ และที่ขาดไม่ได้คือต้องถ่ายรูปกับรถกบ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่นี่เรียกว่าอะไร ... มันเฟี้ยวมาก
หลังจากไหว้พระเสร็จผมก็เดินทางไปยังเขาสมอแคลง เพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ปกติผมจะขับรถผ่านแล้วเลยไปตลอด คราวนี้ตั้งใจมาแวะ มีจุดชมวิวเมืองพิษณุโลกด้วย
หลังจากนั้นผมก็ใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แต่ผมเลยไปแวะน้ำตกแก่งโสภาก่อน
น้ำตกนี้ผมเคยมาแวะเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ความสวยงามก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการปรับปรุงสถานที่ให้มีจุดนั่งพักผ่อน จุดปิ๊กนิคมากขึ้น
ช่วงนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเส้นทางให้ลงไปเล่นน้ำเพราะว่าน้ำนั้นแรงมาก เนื่องจากเป็นฤดูฝน แต่ผมแค่อยากถ่ายรูปเท่านั้น เลยไม่ได้คิดอะไรมาก :"))
หลังจากนั้นผมก็ใช้เส้นทางวิ่งมายังอุทยานภูหินร่องกล้าเพื่อพักทานข้าวกลางวัน ... อากาศตอนนั้นดีมากๆ อุณหภูมิ 20องศา มีของขายพวกมันปิ้ง ไก่ย่าง และพวกอาหารตามสั่งขาย ที่หน้าทางเดินชมธรรมชาติ แต่งวดนี้ผมไม่ได้เดินเพราะเมื่อ 3 ปีก่อนผมเดินไปแล้ว แล้วงวดนี้คนค่อนข้างเยอะ ผมเลยรีบตีมาภูทับเบิกเลย เพราะอยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ที่นี่มากๆ
พอมาถึงทางแยกที่จะเลี้ยวไปยังภูทับเบิกก็พบกับรถมากมายมหาศาล เจอความเห็นแก่ตัวของคนบางกลุ่ม ขับรถไม่นึกถึงคันข้างหลัง อยากจอดก็จอดเลย บางคันนั่งเล่นไลน์ในรถ บางคันก็ขับๆจอดๆ เข้าใจว่าจะหารีสอร์ตพักแต่ก็นะครับ บางทีแค่คุณจอดแปปๆไม่กี่นาที แต่จอดเป็นสิบๆคัน คันหลังไม่ต้องไปกันพอดี 555+ แต่ผมก็นั่งชิลๆรอจนผ่านมาถึงรีสอร์ตจนได้
พาหนะคู่ใจครับ สบายๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่งอแงกลางทางเลย ... ผมเข้าพักที่ไร่ภูข้าวฟ่างนะครับ เน้นบรรยากาศอย่างเดียวเลย ที่พักเอาแค่นอนหลับได้ก็พอ
ด้านหลังรีสอร์ตเป็นวิวที่สวยจริงๆครับ ผมนี่ยืนสูงอากาศจนเต็มปอดแบบสุดๆ อุณหภูมิเริ่มเย็นลงเรื่อยๆครับ จนต้องไปหยิบเสื้อหนาวมาคลุม
3ปีผ่านไป ธรรมชาติกลายเป็นรีสอร์ตไปหมด ... อะไรๆก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง
ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ที่นี่จะฟินมาก เย็นๆหมอกเริ่มลงแล้วครับ อากาศก็เย็น เดินกินมันปิ้ง ข้าวโพดปิ้ง กินบรรยากาศ ไม่มีอะไรฟินกว่านี้แล้วครับ
ต้องมาลองครับ เหมือนเวลาชีวิตมันเดินช้า ความเหนื่อยล้าที่แบกไว้มันก็หายไปหมด 555+ ว่าแล้วก็จัดไข่ปิ้งมา 3 ฟอง
ตอนกลางคืนหมอกกับลมนี่จัดเต็มมากๆ แต่รถก็ยังไม่น้อยลงเลย เพราะมีแต่คนตระเวนหารีสอร์ตกัน แต่ไม่เป็นไรผมก็ยังเดินชิลหาไรกินต่อไป
เช้าแล้วครับ ตอนแรกผมวาดฝันไว้ว่าจะเจอทะเลหมอก แต่สุดท้ายเรากลับอยู่ท่ามกลางหมอกซะงั้น มันก็เป็นบรรยากาศที่แปลกไปอีกแบบครับ ไม่เจอแดดเลย หนาวใช้ได้ กินข้าวต้มใส่กะหล่ำปลี กับโอวันตินร้อนๆท่ามกลางหมอกหนาๆ ฟินมากกกก
ถ้าอยู่บนจุดสูงสุดผมก็ไม่รู้ว่าจะเห็นทะเลหมอกมั้ย แต่จุดที่ผมอยู่นี่หมอกแบบเต็มๆครับ ควันออกปากตลอดไม่มีหยุด มันได้บรรยากาศคนละแบบครับ
... หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จก็ต้องลาก่อนนะภูทับเบิก แต่ประเด็นมันคือรถครับ รถติดแบบสุดๆ แบบไม่มีอนาคตเลย ถ้ารอก็คงบ่ายๆ ผมเลยตัดสินใจถามกระเหลี่ยงแถวๆนั้นว่ามีทางลงทางไหนอีกไหม เขาตอบมาว่ามีครับ แต่เป็นทาง ตชด. ไปทะลุออกทางไป อ.หล่มเก่าได้ เท่านั้นแหละครับ ผมก็หาแนวร่วมแถวๆนั้นไปด้วยกัน เพราะต้องเป็นรถที่ยกสูงเท่านั้นที่ไปได้ สรุปว่ามี 3 คันที่อาสาไปด้วยกันครับ ทางนี่ผมบอกตรงๆว่าโคตรลูกรัง ถ้าใครมีขับ 4 จะได้เปรียบมากๆ เป็นประสบการณ์ราคาแพงมากในการขับออฟโรด ขนาดรถขับ 2 อย่างผมยังพอไปได้ นับถือพี่ ตชด จริงๆต้องใช้เส้นทางแบบนี้บ่อยๆ แต่ก็นะครับ ใครชำนาญก็ผ่านฉลุย 555+
จากนั้นผมแวะพักรถและทานข้าวที่ร้านสารัชครับ มีของฝากขึ้นชื่อเป็นมะขามหลายแบบให้เลือก รสชาติอร่อยส่งตรงเซเว่นทั่วประเทศ 555 และที่ขาดไม่ได้คือขนมจีน 7 สีครับ น้ำยาของเขาอร่อยสุดๆ พลาดไม่ได้จริงๆ แต่ราคาก็แอบแรงอยู่เช่นกัน
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จก็วิ่งมาเขาค้อเลยครับ ถนนเป็น 3-4 เลน ขับสบาย ตัดโค้งชิลๆ ตอนนั้นใจอยากแวะวัดผาซ่อนแก้วมาก แต่เห็นปริมาณรถที่ทะลักออกมาถนนใหญ่แล้วตัดใจเลยครับ ผมไม่ชอบแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับใคร เลยมาจบที่เขาค้อกาแฟสดครับ เป็นร้านกาแฟที่อร่อยแห่งหนึ่ง โลเคชั่นอาจจะไม่ค่อยหวีหวาเท่า piano late แต่ผมว่ารสชาติกาแฟที่นี่เยี่ยมสุดๆเลยครับ ราคาก็สมเหตุสมผล ไม่ได้แพงเวอร์จนเกินไปครับ
ต้องมาลองกินดูครับ รสชาติเข้มข้นจริงๆ โกโก้นี่ทำผมติดใจเลย มา 2 รอบก็ติดใจ 2 รอบ 555+
หลังจากเต็มอิ่มกับกาแฟสดแล้วก็มาต่อกันที่พระตำหนักเขาค้อครับ ที่นี่ก็อากาศดีมีลานกางเตนท์พร้อมห้องน้ำให้ แต่คนค่อนข้างเยอะอีกตามเคย ... ที่นี่เด่นคือมีต้นสนสามใบเยอะ ถ้าใครอยากมาถ่ายรูปแบบวินเทจๆคงจะชอบ แถมยังมีดอกไม้สววยๆให้ชมกันอีกด้วย
เห็นคนเขามาถ่ายรูปกันเฟี้ยวๆเยอะ ... ถ้ามีนางแบบมาด้วยนะ แหล่มเป็ดเลยครับ
... ผมเข้าพักที่ พรสวรรค์รีสอร์ตนะครับ เป็นรีสอร์ตที่ผมถูกใจมากๆ เพราะมาที่นี่ 3 ครั้งก็นอนที่นี่ 3 ครั้ง เพราะโลเคชั่นดีมากๆ ดูทะเลหมอกง่าย ไม่ต้องขับรถไปไหน แค่เดินมาลานกางเตนท์ด้านหลังก็เต็มอิ่มแล้ว + อาหารที่อร่อยขึ้นชื่อมากๆ แนะนำเลยว่าใครที่จะมาเขาค้อต้องมาแวะทานข้าวเย็นที่รีสอร์ตนี้
เวลาที่เราอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก มันจะรู้สึกโล่งงงง อากาศก็ดี อุณหภูมิ 18 องศา เสพติดความขาว ความสวย ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นจริงๆ ไม่อยากกลับกรุงเทพเลย
เพียงแค่ตื่นขึ้นมาแล้วออกมานอกเตนท์ก็เจอวิวที่สวยมากๆที่เอาเงินซื้อไม่ได้ ... ถ้ามีโอกาสสำหรับคนที่ไม่เคยมา ต้องมาให้ได้สักครั้งครับ ผมนี่ติดใจ มาตั้ง 3 ครั้งละ และจะมีครั้งต่อๆไปแน่นอน
ลากันไปด้วยภาพพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหน้ารีสอร์ตครับ งวดหน้า เจอกันใหม่นะ เขาค้อ - ภูทับเบิก
ปล.ภาพทั้งหมดนี้ถ่ายโดย canon 5DmarkIII กับ 24-70 ตัวเดียวนะครับ ( ผ่าน LR+PS ครับผม )
ปล2.ถ้าการรีวิวใช้ภาษาผิดพลาด หรืออาจจะไม่ถูกใจท่านใด ก็ขออภัยด้วยน้าคร้าบบบบ :")))