ชาวสวนยางทนไม่ไหว บุกกรุงร้องบิ๊กตู่ หลังน้ำยางสด เหลือก.ก.ละ 30 บาท
มื่อวันที่ 26 ต.ค. นายศักดิ์สฤษด์ ศรีประศาสตร์ แกนนำชาวสวนยางรายย่อย ภาคใต้ พร้อมด้วยแกนนำชาวสวนยางจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อยื่นหนังสือแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องชดเชยราคายางที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ใช้มาตรการบางอย่างในอำนาจที่มีอยู่ จนทำให้ราคายางยังตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
นายศักดิ์สฤษด์ กล่าวว่า จากหลายกรณีที่ตนจะพูดคุยกับรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สิ่งที่จะต้องทำเร่งด่วนคือ การสรรหากรรมการและผู้ทรงวุฒิที่ไปจากชาวสวนยาง ซึ่งตามพระราชบัญญัติกำหนดไว้ให้เสร็จใน 120 วัน นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ประกาศใช้ ขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 วัน ถ้าหากใช้วิธีการปกติ หรือให้เกษตรเลือกตัวแทนขึ้นไป อาจจะไม่ทัน หรือถ้าทันจะต้องเป็นคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าถึง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงเสนอให้แต่งตั้งผู้ทรงวุฒิ หรือบอร์ด จากผู้นำเกษตรกรชาวสวนยาง เข้าไปทำหน้าที่ในส่วนนี้
ส่วนกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางมีมติเป็นเอกฉันท์ อยากให้รัฐบาลชดเชยเพื่อการครองชีพ เพราะขณะนี้ชาวสวนยางชาวสวนยาง โดยเฉพาะภาคใต้อยู่ในขั้นวิกฤติ และควรเร่งแก้ปัญหายางทั้งระบบ เพราะในเวลานี้ต่อให้ถนนทุกเส้นในประเทศไทยทำด้วยยางพารา หรือต่อให้รัฐบาลใช้งบประมาณทั้งหมดมาทำยางพารา แต่เชื่อราคาก็จะไม่ดีขึ้น ถ้าหากรัฐบาลไม่แก้ไข TOR หรือยังไม่มีมาตรการที่เข้มงวด แต่สินค้าอุปโภคบริโภคกลับมีราคาขึ้น ขณะที่ยางพารามีราคาแต่กิโลกรัมละ 30 กว่าบาทเท่านั้น
ส่วนการที่ชาวสวนยางภาคใต้จะมีการชุมนุมประท้วง ตนขอเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ถ้ายื่นหนังสือและประชุมกันแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่ดีขึ้น มาตรการกดดัน ตนเห็นว่ายังเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในช่วงนี้อยากจะให้นายกรัฐมนตรีทำงานปฎิรูปประเทศให้ลุล่วง แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าหากเกษตรการชาวสวนยางลำบาก และรัฐบาลไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือ ตนก็ไม่อาจยืนยันแทนพี่น้องชาวสวนยางได้ว่า จะไม่มีชุมนุมประท้วง หรือปิดถนนเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคายางพารา โดยเฉพาะน้ำยางสด มีราคาอยู่ที่ 30 บาทเศษต่อกิโลกรัมแล้วนั้น ทำให้ชาวสวนยางบางคนต้องหยุดกรีด หรือหากมีลูกจ้าง หรือคนตัดยางหวะ ก็ต้องให้หยุดกรีด เนื่องจากเห็นว่าไม่คุ้มกับหน้ายางที่เสียไป และปล่อยให้ลูกจ้างไปรับจ้างงานประเภทอื่นที่มีรายได้ดีกว่า เช่น ก่อสร้าง กรรมกรโรงงาน ขณะที่เกษตรกรบางคนหลังจากราคายางพาราเหลือกิโลกรัมละ 30 บาท ทำให้มีหนี้สินล้นตัว หรือเคยซื้อของผ่อน ก็ต้องปล่อยให้โดนยึด
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด(26/10/2558)
http://www.rubberthai.com/rubberthai/index.php?option=com_content&view=article&id=96646:-30-27102528&catid=10:2010-05-04-03-57-14
ชาวสวนยางทนไม่ไหว บุกกรุงร้องบิ๊กตู่ หลังน้ำยางสด เหลือก.ก.ละ 30 บาท
มื่อวันที่ 26 ต.ค. นายศักดิ์สฤษด์ ศรีประศาสตร์ แกนนำชาวสวนยางรายย่อย ภาคใต้ พร้อมด้วยแกนนำชาวสวนยางจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อยื่นหนังสือแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องชดเชยราคายางที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ใช้มาตรการบางอย่างในอำนาจที่มีอยู่ จนทำให้ราคายางยังตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
นายศักดิ์สฤษด์ กล่าวว่า จากหลายกรณีที่ตนจะพูดคุยกับรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สิ่งที่จะต้องทำเร่งด่วนคือ การสรรหากรรมการและผู้ทรงวุฒิที่ไปจากชาวสวนยาง ซึ่งตามพระราชบัญญัติกำหนดไว้ให้เสร็จใน 120 วัน นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ประกาศใช้ ขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 วัน ถ้าหากใช้วิธีการปกติ หรือให้เกษตรเลือกตัวแทนขึ้นไป อาจจะไม่ทัน หรือถ้าทันจะต้องเป็นคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าถึง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงเสนอให้แต่งตั้งผู้ทรงวุฒิ หรือบอร์ด จากผู้นำเกษตรกรชาวสวนยาง เข้าไปทำหน้าที่ในส่วนนี้
ส่วนกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางมีมติเป็นเอกฉันท์ อยากให้รัฐบาลชดเชยเพื่อการครองชีพ เพราะขณะนี้ชาวสวนยางชาวสวนยาง โดยเฉพาะภาคใต้อยู่ในขั้นวิกฤติ และควรเร่งแก้ปัญหายางทั้งระบบ เพราะในเวลานี้ต่อให้ถนนทุกเส้นในประเทศไทยทำด้วยยางพารา หรือต่อให้รัฐบาลใช้งบประมาณทั้งหมดมาทำยางพารา แต่เชื่อราคาก็จะไม่ดีขึ้น ถ้าหากรัฐบาลไม่แก้ไข TOR หรือยังไม่มีมาตรการที่เข้มงวด แต่สินค้าอุปโภคบริโภคกลับมีราคาขึ้น ขณะที่ยางพารามีราคาแต่กิโลกรัมละ 30 กว่าบาทเท่านั้น
ส่วนการที่ชาวสวนยางภาคใต้จะมีการชุมนุมประท้วง ตนขอเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ถ้ายื่นหนังสือและประชุมกันแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่ดีขึ้น มาตรการกดดัน ตนเห็นว่ายังเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในช่วงนี้อยากจะให้นายกรัฐมนตรีทำงานปฎิรูปประเทศให้ลุล่วง แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าหากเกษตรการชาวสวนยางลำบาก และรัฐบาลไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือ ตนก็ไม่อาจยืนยันแทนพี่น้องชาวสวนยางได้ว่า จะไม่มีชุมนุมประท้วง หรือปิดถนนเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคายางพารา โดยเฉพาะน้ำยางสด มีราคาอยู่ที่ 30 บาทเศษต่อกิโลกรัมแล้วนั้น ทำให้ชาวสวนยางบางคนต้องหยุดกรีด หรือหากมีลูกจ้าง หรือคนตัดยางหวะ ก็ต้องให้หยุดกรีด เนื่องจากเห็นว่าไม่คุ้มกับหน้ายางที่เสียไป และปล่อยให้ลูกจ้างไปรับจ้างงานประเภทอื่นที่มีรายได้ดีกว่า เช่น ก่อสร้าง กรรมกรโรงงาน ขณะที่เกษตรกรบางคนหลังจากราคายางพาราเหลือกิโลกรัมละ 30 บาท ทำให้มีหนี้สินล้นตัว หรือเคยซื้อของผ่อน ก็ต้องปล่อยให้โดนยึด
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด(26/10/2558)
http://www.rubberthai.com/rubberthai/index.php?option=com_content&view=article&id=96646:-30-27102528&catid=10:2010-05-04-03-57-14