[CR] รีวิวไปขอวีซ่าท่องเที่ยวUKเองง 2015 update!

สวัสดีค่ะวันนี้เราก็อยากจะมารีวิวการขอวีซ่าท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรด้วยตัวเองแบบสั้นๆ
เนื่องจากว่าเพิ่งไปขอมาเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ตุลาค่ะแล้วก็ได้รับอีเมล์จากสถานทูตว่าเล่มพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมานี่เองค่ะ(21
ต.ค) เพิ่งจะไปเอาวีซ่ามาวันนี้เมื่อบ่าย ปรากฎว่าผ่านเเล้วเย่!🎈
พอรู้ผลเเล้วก็เลยมีเเรงบันดาลใจมาทำรีวิวในนี้😂

ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะคะว่ายืมลอคอินเพื่อนมา
เผื่อบางคนงงเอ้ะตกลงเธอจะไปไหน😅

เเละรีวิวนี้เป็นรีวิวเเรกหากมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ละเอียดมากพอก็ขออภัยไว้ก่อนเลยนะคะ 🙏🙏

เราใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียมตัวทั้งหาข้อมูลเรื่องสถานที่เที่ยวจนถึงที่พักเเละเอกสารที่จำเป็นโดยรวมแล้ว 3 วันค่ะซึ่งเราคิดว่าเป็นเวลาที่สั้นอ่ะ
บางคนอาจจะเเบบโอ้ยฉันโปรวันเดี๋ยวเสร็จ!
คือเเบบเรามือใหม่อะค่ะไปเองด้วยไปครั้งเเรกด้วยรู้สึกลนๆอย่างบอกไม่ถูก555555555555555
คือเรามีเวลาก่อนหน้านี้นะคะเเต่มัวเรื่อยเปื่อยอยู่พอมาดูปฏิทินอ้าวเห้ยนี่ตุลาละนะจะเริ่มได้ยังเห้ย😑
(พอดีเราจะไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้อะค่ะ)

อีกอย่างค่าตั๋วตอนนี้ราคาก็น่าจ่ายให้รู้เเล้วรู้รอดมาก ( ณ วันนี้ที่เพิ่งจ่ายไปได้ราคา 24,550 เเบบ ทรานซิทนะคะ จดๆจ่อๆมานานได้ฤกษ์จองซะที 😂)

จริงๆถ้าใครมีเวลามากกว่านี้ประมาณ 4 วัน ไปแล้วก็น่าจะดีกว่านะคะเพราะว่าเผื่อขาดเหลือเอกสารอะไรจะได้มีเวลาขอเพิ่มได้ ข้อมูลจะได้เเน่นๆพอถึงวันเดินทางจะได้ลื่นปรี้ด เเต่ถ้าใครไปมาหลายที่สร้างเเลนด์มาร์กไว้เยอะละจะกี่วันก็เอาที่สะดวกเลยค่ะ555555555555

ส่วนตัวแล้วเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ก็เลยยื่นขอแบบมีสปอนเซอร์นะคะสำหรับเอกสารก็จะเน้นในส่วนของคนที่มีสปอนเซอร์ Support เป็นหลักแต่ว่าใครที่ Support ตัวเองหรือว่าทำงานแล้วก็ใช้เอกสารไม่ต่างกันมากค่ะ

สำหรับขั้นตอนแรกนะคะ ก็คือเราต้องมีเเพลนในหัวตัวเองคร่าวๆก่อนว่าอยากจะไปที่ไหนบ้างเเล้วเราจะไปกี่วันดี เเต่ละวันจะใช้เงินเท่าไร จริงๆเเล้วถือว่าเป็นเรื่องเบสิคเนาะเพราะคนงบจำกัด
(อย่างจขกทเป็นต้น)
ไม่ว่าจะไปไหนมันก็ต้องคิดไว้ในใจละไม่ใช่ไรเดี๋ยวตังไม่พอถึงวันกลับ😭😭😭

เเต่เเต่ละคนก็สไตล์ต่างกันก็ลองดูเอาเเบบที่กำลังพอดีเนอะจะไปเที่ยวทั้งทีก็อย่าเพิ่งซีเรียสตั้งเเต่ตอนยังไม่ไปเล้ย

หลังจากที่มีเเพลนในหัวละเราก็เริ่มทำเเผนเดินทางหรือ trip itinirary ซึ่งต้องขอขอบคุณหลายๆกระทู้ก่อนหน้าในพันทิปมากๆค่ะ มีเป็นตารางแบบละเอียดมาให้ดูเลย เราก็เอามาเป็นเเบบเหมือนกันจริงๆแล้วของเราเองเนี่ยค่อนข้างกากมากค่ะไม่อยากเอามาโชว์ให้ทำตามเท่าไหร่(มันไม่ค่อยละเอียดเท่าที่ควรอะในความคิดเห็นเรา)
แต่ว่ามีเวลาน้อยอย่างที่บอกไป(เเล้วทำไมไม่เริ่มทำก่อนหน้านี้เล่า!)
ของเราที่เราทำก็มีบอกเเค่คร่าวๆ โดยช่องแรกก็จะเป็นวันและเวลาแล้วก็ช่องที่ 2 ก็จะเป็น detail ว่าจะทำอะไรบ้างแล้วก็ช่องที่ 3 ก็จะแบ่งเป็น 3 อันย่อยชี้เเจงค่าใช้จ่าย
นี่คือหน้าตาผลงานเรา555555555555
(เเนะนำว่าอย่าเอาอย่างเลยค่ะ
จะทำทั้งทีก็ทำให้โอเคไปเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาเพิ่มมาเเก้ทีหลัง😎)



ระหว่างที่เริ่มแพลนเราก็สามารถที่จะเช็คในเรื่องของตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมไปด้วยได้เลยค่ะ
เรื่องตั๋วนี่ก็เเล้วเเต่คนเนาะว่าชอบบินตรงหรือว่าทรานซิทสายการบินส่วนมากที่ราคาอยู่ระดับกลางๆ(25,xxx-28,xxx) ก็จะเป็นสายการบินตะวันออกกลางซะส่วนใหญ่ ส่วนบินตรงที่เราเห็นมีโปรบ้างก็ของ EVA air ยังไงก็ลองเช็คดูกันก่อนเนาะ(เคยเข้าไปดูของการบินไทยกดออกเเทบไม่ทัน5555555555)
เว็บไซต์ที่เราเเนะนำก็จะมี
www.skyscanner.com
www.expedia.co.th
www.kmt.co.th อันนี้เป็นบ.เอเจนซี่ตั๋วเครื่องบินของไทย

ส่วนโรงแรมเราก็เน้นตามที่ใกล้เส้นทางรถไฟหรือรถเมล์เป็นหลัก ก็คิดว่าคนอื่นก็คงคล้ายๆกัน
ประเภทโรงเเรมก็จะมีให้เลือกหลายเเบบมากค่ะตั้งเเต่หรูห้าดาวไปเลยจนโฮสเทลเเบบห้องนอนรวมหลายๆเตียง
เเนะนำเว็บนี้เหมือนหลายๆคนค่ะ
เพราะสะดวกมากก!
จองง่าย ยกเลิกก็ง่าย มีเเอพให้ดาวน์โหลดด้วย
www.booking.com


หลังจากที่โรงเเรมกับตั๋วเครื่องบินเเละเเพลนของเราเรียบร้อยเเล้วก็จัดการปริ้นออกมาเก็บรอได้เลย
เพราะขั้นตอนต่อมาก็คือเตรียมเอกสารทางการเงินเเละการงานนั่นเองค่ะ
สำหรับคนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ก็ให้ขอใบรับรองสถานะการเป็นนักศึกษาจากทางโรงเรียน/มหาวิทยาลัยมาด้วยนะคะ(เป็นภาษาอังกฤษ)

เอกสารของสปอนเซอร์ที่คนที่ยื่นขอเเบบมีสปอนเซอร์ต้องมี

1.ใบทะเบียนการค้าที่สปอนเซอร์เป็นเจ้าของธุรกิจ
หรือ
จดหมายรับรองการทำงาน (ภาษาอังกฤษ)
2.สำเนาบัตรประชาชน และ ทะเบียนบ้าน
3.statement ย้อนหลัง 6 เดือน
4.จดหมายรับรองการเป็นสปอนเซอร์ (Sponsor letter)
ในส่วนของเรามีคุณป้าเป็นสปอนเซอร์ก็ใช้ตามที่บอกไปข้างบนเลยค่ะ

และสำหรับคนที่ทำงานแล้วก็ใช้เอกสารไม่ต่างกันมากค่ะก็คือก็คือสำเนาสลิปเงินเดือนในกรณีที่ทำงานประจำหรือใบทะเบียนการค้าในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจแล้วก็ตามด้วยสเตทเมนต์ย้อนหลัง 6 เดือนเหมือนกันค่ะ

หลังจากเอกสารทางการเงินพร้อมแล้ว
เอกสารที่จำเป็นอื่นๆก็ตามที่สถานทูตและทางวีเอฟเอสแจ้งมาเลยค่ะ

เอกสารต่อมาที่จำเป็น

1.สำเนาบัตรประชาชน
2.สำเนาบัตรทะเบียนบ้าน
3.สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรกและเล่มตัวจริง
4.จดหมายแสดงเหตุผลในการขอวีซ่าสำหรับเราก็บอกว่าเป็น Tourism หรือการท่องเที่ยวค่ะไม่ต้องเขียนยาวมากก็ได้ค่ะแต่ขอให้เป็นภาษาอังกฤษ
5.รูปถ่าย 2 นิ้วพื้นหลังสีขาว 1 รูป (วันจริงทำผมเเต่งหน้าดีๆนิดนึงก็จะดีค่ะเพราะรูปถ่ายในวีซ่าเป็นรูปถ่ายที่ได้จากวันยี่นเอกสารเลยไม่ใช่รูปที่เราเตรียมไป)
6.ตัว application form ที่ปริ้นมาเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะบอกขั้นตอนในการสมัครอีกทีค่ะ
7.Visa appointment หรือใบยืนยันวันขอยื่นเอกสารวีซ่าที่สามารถปริ้นได้หลังจากที่จองวันยื่นเอกสารและจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว

เอาละค่ะ! เมื่อพร้อมแล้วเราก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อทำการสมัครวีซ่าได้เลย
โดยต้องทำการลงทะเบียนหรือ register ก่อนโดยขั้นตอนไม่ยุ่งยากค่ะและและสามารถเลือกให้มีภาษาไทยกำกับภายหลังได้ โดยสมัครได้เลยผ่านเว็บนี้ค่ะ
https://www.visa4uk.fco.gov.uk/

หลังจากกรอกครบหมดทุกหน้าแล้วก็กดยืนยันได้เลยเเต่ตรวจทานดูให้เเน่ใจก่อนนะคะว่าถูกต้องดีเเล้วจะได้ไม่ต้องยุ่งยากทีหลัง
หลังจากกดยืนยันเรียบร้อยแล้วระบบก็จะให้เราเลือกนัดวันยื่นเอกสารซึ่งเลือกได้ตามสะดวกตั้งเเต่วันจันทร์ถึงศุกร์
(เลือกได้ทุกวันในกรณีที่ไม่เต็มนะคะถ้าเต็มก็เเล้วเเต่เเล้วเหละว่าจะมีวันไหนให้เลีอก)
และหลังจากนัดเวลาเรียบร้อยแล้วก็สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้เลยโดยระบบจะรับบัตรเครดิตของทุกยี่ห้อ ค่าธรรมเนียมวีซ่าทั้งหมด $133คิดเป็นเงินไทยประมาณ 49xx ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น

สำหรับใครที่สนใจแบบ Fast track ก็สามารถจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติมได้เลยเมื่อไปถึงเมื่อไปถึง Vfs แล้วโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 6000 กว่าบาท(ต้องขอโทษด้วยนะคะที่จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้)


***สำหรับคนที่สนใจจะยื่นเเบบนี้ต้องเป็นคนที่เคยมีวีซ่าในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร หรือในกลุ่มประเทศเชงเก้นอย่างใดอย่างหนึ่งมาเเล้วไม่เกิน 5 ปี ***

เเละเมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมเราก็เตรียมตัวไปยื่นกันได้เลย โดยขอเเนะนำวิธีที่สะดวกสุดคือลง bts นานา ทางออก 3 มีป้ายบอกไปอาคารเทรนดี้ตั้งเเต่อยู่บนสถานีค่ะไม่ต้องกลัว
เราใช้เวลาเดินประมาณไม่ถึง10นาทีก็ถึงตัวตึกซึ่งสถานที่ขอยื่นเอกสารอยู่ที่ชั้น28ค่ะ
(ชั้นนี้คนไปเยอะไม่ต้องกลัวค่ะ55555555)
เเนะนำว่ามาก่อนเวลาห้านาทีก็พอเพราะยังไงก็ต้องรอคิวด้านในอยู่ดี
เมื่อเข้าไปถึงด้านหน้าจะมีเคาท์เตอร์เเละเจ้าหน้าที่อยู่ค่ะก็ยื่น visa appointment หรือใบยืนยันการนัดหมายวีซ่าได้เลยค่ะเเล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรคิวมาให้เรา
(จะมีเจ้าหน้าที่เเจ้งให้ปิดโทรศัพท์นะคะหลังจากเข้าไปตรงสถานที่ยื่นเอกสารด้านในเเล้ว)
เมื่อเข้ามาจะมีช่องให้บริการคล้ายๆในธนาคารค่ะเเต่มีหลายช่องพอสมควร เเละเเบ่งเป็นวีซ่าออสเตรเลียกับสหราชอาณาจักร วันที่ไปเราไปเราได้คิว UKV311(วันศุกร์ รอบ12.50) ของคิวก่อนหน้านี้ก็ประมาณ UKV280 เเต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ให้บริการเยอะพอสมควรก็เลยรอไม่นานมากค่ะ เราใช้เวลารวมทั้งหมดตั้งเเต่รับบัตรคิวจนกดลิฟต์กลับลงไปชั้นล่างยังไม่ถึง1 ชมเลยค่ะ ก็เร็วเกินคาดเพราะเห็นบางคนบ่นว่านาน2-3ชม. เเต่คงเเล้วเเต่โอกาสด้วยเเหละ หรือเราไปวันศุกร์คนอาจจะไม่เยอะเท่าวันจันทร์ก็เป็นได้ (วันนี้ที่ไปรับคนเยอะกว่าวันที่ไปยื่นมากพอสมควรค่ะ) โอเคเข้าเรื่องต่อ!
หลังจากถึงคิวเราปุ้บก็เดินไปยื่นเอกสารได้เลยค่ะเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจเอกสารที่เรายื่นไปเเล้วก็ซักถามนิดหน่อยค่ะเราก็ตอบไปตามที่กรอกไว้ในapplicationได้เลยค่ะ เเล้วถ้าหากไม่สะดวกจะมารับก็เเจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะใช้บริการEMSได้เลยค่ะ มีค่าบริการ 250 บาท
เเล้วเจ้าหน้าที่จะเเนะนำให้สมัครบริการ sms เเจ้งเตือน มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 80 บาท จะเเจ้งสถานะเอกสารของเราคือ
1.พาสปอร์ตถึงสถานทูตเเล้ว
2.vfsได้รับพาสปอร์ตกลับมาเเล้ว
3.เราได้รับพาสปอร์ตกลับไปเเล้ว
ซึ่งเราก็สมัครไปค่ะกะว่าซื้อความสบายใจ
เเต่ปรากฎว่า....
ไม่ได้รับซักข้อความ😂
เห็นบางคนบอกได้อันนึงบ้างสองอันบ้างได้ครบบ้างไม่ได้เลยบ้าง(เรานี่เเหละคนนึง)
ก็ใช้วิจารณญาณเอาเนาะจะสมัครดีมั้ย เเต่ถ้าเรารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ก็จะรออีเมล์จากสถานทูตอันเดียวจบ!
เสียเวล่ำเวลารอ555555555555
ไม่ได้อะไรกับเงิน80บาทนะคะมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าวีซ่า เเต่ถ้าสมัครเเล้วจะไม่ได้อะไรเลยเเล้วจะสมัครเพื่ออะระ?
ขอโทษค่ะบ่นเยอะไปละ😂😂😂
หลังจากเจ้าหน้าที่เช็คเอกสารเรียบร้อยก็จะยื่นเอกสารทั้งหมดใส่ซองพลาสติกให้เราไปรอยื่นอีกทีนึง โดยจะเป็นห้องเล็กๆมีเจ้าหน้าที่ประจำห้องละคนอยู่ถัดมาจากช่องบริการเเรกไม่มาก มีประมาณ 7-8ห้อง เมื่อเข้าไปก็จะต้องสเเกนลายนิ้วมือ เเละถ่ายรูปค่ะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะคืนใบเสร็จกับพาสปอร์ตหน้าเเรกที่มีตราประทับของ vfs ให้เราพร้อมกับบอกว่าเรียบร้อยเเล้วเเละเราสามารถมารับได้2 วันทำการหลังจากที่ได้รับอีเมล์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยยย
..
..
เย่🎈👏💫
ที่เหลือก็เเค่รออีเมล์จากสถานทูตซึ่งหน้าตาจะเป็นประมาณนี้ค่ะ


ใครที่ไม่สะดวกไปรับเองก็รอผลจากEMSเนาะ
(เเต่เราไปเอาถึงที่ค่ะลุ้นมาก55555555)


เจ้าหน้าที่ย้ำว่าใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการ (ไม่นับเสาร์-อาทิตย์)
ของเรายื่นไปวันศุกร์เเละได้รับอีเมล์วันพฤหัสถัดมา
ก็ประมาณ 4วันทำการ เเต่ก็เเล้วเเต่ช่วงที่เเต่ละคนขอด้วยค่ะอันนี้ก็ต้องลุ้นเอาเนาะ (เห็นบอกกันว่าให้เลี่ยงช่วงปิดเทอมที่จะมีนักเรียนไปขอกันเยอะ)

ก็ขอให้ทุกคนที่กำลังจะไปขอโชคดีเเละทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ สำหรับเราก็ถือว่าเป็นครั้งเเรกที่ค่อนข้างวุ่นวายนิดนึง😂 เเต่ด้วยความที่อยากจะลองทำอะไรเองตั้งเเต่เเรกดูบ้าง ประกอบกับมีข้อมูลที่ได้จากพันทิปด้วย ก็เลยทำให้ผ่านไปได้ด้วยดี

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิว(หรือบ่นก็ไม่รู้)การขอวีซ่าukครั้งนี้ด้วยนะคะ


สวัสดีค่าาาาาา
ชื่อสินค้า:   วีซ่าอังกฤษ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่