สวัสดีค่ะทุกๆคน วันนี้จขกทจะมาเล่าถึงประสบการณ์การมาเรียนและใช้ชีวิตที่เกาหลีนะคะ
อย่างแรกเลยคือ จขกท ชื่อ เอ๋จ๊ะนะคะ ใช่ค่ะไม่ใช่จ๊ะเอ๋แต่เป็นเอ๋จ๊ะ ฮ่าๆ แค่คนไทยยังสับสนในชื่ออยู่บ่อยๆแต่พอมาอยู่ที่นี่ก็ต้องเปลี่ยนการออกเสียงกันเลยทีเดียว
ตอนที่ ๑ การสมัครมหาวิทยลัย
อย่ามัวแต่เสียเวลามาเริ่มกันเลยเมื่อกลางปี 2009 ก็เป็นช่วงที่จ๊ะต้องเีริ่มหามหาวิทยลัยเพื่อจะสมัคร
โดยส่วนตัวแล้วจ๊ะดูมหาวิทยลัยต่างประเทศหรือคณะอินเตอร์ไว้ การเตรียมตัวจึงอาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อยงั้นมาเริ่มถึงการเตรียมตัวเลย!!!!
การเตรียมตัวเข้ามหาวิทยลัยเกาหลี: เพราะคณะที่จ๊ะดูไว้คือ คณะอินเตอร์จึงจะเน้นเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษค่ะ
ตอนรุ่นที่จ๊ะสมัครนั้นก็จะมีการส่ง Application และยื่นผลสอบต่างๆ (จ๊ะยื่น TOEFL & SAT) แล้วก็แนบ Transcript จากโรงเรียนมัธยมปลาย ใน Application จะมีต้องเขียน Essay เกี่ยวกับตัวเองเหมือนเป็น Personal Statement ที่จะมีให้เลือกเขียนจากหลายข้อ และขั้นสุดท้ายก็คือการขอ Recommendation Letter (หนังสือแนะนำ) จาก อาจารย์มัธยม
แล้วก็จัดการส่งจดหมายไปที่มหาวิทยลัย แต่จ๊ะคิดว่าตอนนี้น่าจะมีระบบออนไลน์ที่ใช้ยื่นทุกอย่างออนไลน์ำได้แล้ว
มหาวิทยลัยที่จ๊ะยื่นไปคือ Yonsei University คณะ Underwood International College ค่ะ
พอยื่นเสร็จก็นั่งไหว้พระเช้าเย็นรออีเมลตอบกลับ ผ่านไปซักเดือนกว่าๆ ก็มีอีเมลนัดสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่งมีให้เลือกว่าจะสัมภาษณ์ที่เกาหลีหรือจะผ่านโทรศัพท์ ซึ่งจ๊ะนั้นแน่นอนเลือกผ่านโทรศัพท์
ตอนนี้คำถามที่ทุกคนมีคือเค้าถามอะไรบ้างแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างแรกบอกเลยคือจ๊ะเป็นคนคิดมากจึงนั่งเตรียมพร้อมนานมาก อ่านมันหมดว่าคณะนี้มีเมเจอร์อะไรบ้างก่อตั้งปีไหน ฮ่าๆ
แต่ตอนทำจริงนี่แทบไม่ได้ใช้ ฮ่าๆๆๆ
พอถึงเวลาสัมภาษณ์ วันนั้นจำได้เลยว่าแทบไม่ได้นอนเพราะเกร็งมากกับการสัมภาษณ์เข้ามหาลัย เวลานัดของจ๊ะนั้นเวลา 12:00 หรือเที่ยงวันนั่นเอง จ๊ะก็นั่งที่โต๊ะทานข้าวพร้อมเสียบหูฟังหรอเค้าโทรมาจากเกาหลี คณะที่สัมภาษณ์จ๊ะนั้นเป็นอาจารย์ประมาณ 3 คน ซึ่งคำถามที่โดนถามก็จะเป็นแบบว่า ทำไมถึงอยากมาเรียนที่เกาหลี? แล้วอยากเรียนด้านไหนในคณะ ซึ่งจ๊ะแนะนำได้เลยว่าในการตอบคำถามบางทีก็ควรตอบความจริงเพราะเค้าก็คงได้ยินคำตอบมาหลายอย่างแล้วจึงจะรู้ได้ถึงอันไหนจริงใจหรือไม่
คำแนะนำที่มีให้น้องๆที่สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์)
1. ควรจะนั่งในห้องเงียบๆ
2. ใช้หูฟังในการคุยเพื่อที่จะได้ยินอย่างชัดเจน
3. บอกผู้อื่นที่อยู่ในบ้านว่ากำลังทำสัมภาษณ์อยู่และไม่ให้มารบกวร
4. นั่งตั้งสมาธิซัก 20 นาทีก่อนหน้า
พอคุยเสร็จก็สูตรเดิมคือนั่งรอนอนรอกลิ้งรอ ... ความจริงในระหว่างนี้ก็สมัครที่อื่นไปด้วยแล้วก็ไปเรียนตามปกตินั่นแหล่ะค่ะ
และแล้วหลังจากกลิ้งไปมาเป็นเดือนในระหว่างที่นั่งเรียนในคาบวิชาภาษาไืทย ก็มีอีเมลเข้ามา 1 ฉบับ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ชั้นได้ไปเดินเรียนในมหาลัยท๊อปๆของเกาหลีแล้วค่ะ เฮ่อๆๆ
แล้วนี่ก็คือส่วนแรกของการมาอยู่ที่เกาหลีจนถึงตอนนี้ จ๊ัะเองก็จำไม่ค่อยได้หรอกค่ะเพราะมันก็แอบนานมาแล้วนี่ก็พยายามจำให้ได้เยอะที่สุด
ตอนนี้ก็กำลังพิมพ์ตอนต่อไปเรื่อยๆแล้วถ้าผู้ใดมีคำถามก็ถามได้เลยนะคะ
เด็กไทยตาดำๆที่กลายมาเป็นพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลี
อย่างแรกเลยคือ จขกท ชื่อ เอ๋จ๊ะนะคะ ใช่ค่ะไม่ใช่จ๊ะเอ๋แต่เป็นเอ๋จ๊ะ ฮ่าๆ แค่คนไทยยังสับสนในชื่ออยู่บ่อยๆแต่พอมาอยู่ที่นี่ก็ต้องเปลี่ยนการออกเสียงกันเลยทีเดียว
ตอนที่ ๑ การสมัครมหาวิทยลัย
อย่ามัวแต่เสียเวลามาเริ่มกันเลยเมื่อกลางปี 2009 ก็เป็นช่วงที่จ๊ะต้องเีริ่มหามหาวิทยลัยเพื่อจะสมัคร
โดยส่วนตัวแล้วจ๊ะดูมหาวิทยลัยต่างประเทศหรือคณะอินเตอร์ไว้ การเตรียมตัวจึงอาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อยงั้นมาเริ่มถึงการเตรียมตัวเลย!!!!
การเตรียมตัวเข้ามหาวิทยลัยเกาหลี: เพราะคณะที่จ๊ะดูไว้คือ คณะอินเตอร์จึงจะเน้นเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษค่ะ
ตอนรุ่นที่จ๊ะสมัครนั้นก็จะมีการส่ง Application และยื่นผลสอบต่างๆ (จ๊ะยื่น TOEFL & SAT) แล้วก็แนบ Transcript จากโรงเรียนมัธยมปลาย ใน Application จะมีต้องเขียน Essay เกี่ยวกับตัวเองเหมือนเป็น Personal Statement ที่จะมีให้เลือกเขียนจากหลายข้อ และขั้นสุดท้ายก็คือการขอ Recommendation Letter (หนังสือแนะนำ) จาก อาจารย์มัธยม
แล้วก็จัดการส่งจดหมายไปที่มหาวิทยลัย แต่จ๊ะคิดว่าตอนนี้น่าจะมีระบบออนไลน์ที่ใช้ยื่นทุกอย่างออนไลน์ำได้แล้ว
มหาวิทยลัยที่จ๊ะยื่นไปคือ Yonsei University คณะ Underwood International College ค่ะ
พอยื่นเสร็จก็นั่งไหว้พระเช้าเย็นรออีเมลตอบกลับ ผ่านไปซักเดือนกว่าๆ ก็มีอีเมลนัดสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่งมีให้เลือกว่าจะสัมภาษณ์ที่เกาหลีหรือจะผ่านโทรศัพท์ ซึ่งจ๊ะนั้นแน่นอนเลือกผ่านโทรศัพท์
ตอนนี้คำถามที่ทุกคนมีคือเค้าถามอะไรบ้างแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างแรกบอกเลยคือจ๊ะเป็นคนคิดมากจึงนั่งเตรียมพร้อมนานมาก อ่านมันหมดว่าคณะนี้มีเมเจอร์อะไรบ้างก่อตั้งปีไหน ฮ่าๆ
แต่ตอนทำจริงนี่แทบไม่ได้ใช้ ฮ่าๆๆๆ
พอถึงเวลาสัมภาษณ์ วันนั้นจำได้เลยว่าแทบไม่ได้นอนเพราะเกร็งมากกับการสัมภาษณ์เข้ามหาลัย เวลานัดของจ๊ะนั้นเวลา 12:00 หรือเที่ยงวันนั่นเอง จ๊ะก็นั่งที่โต๊ะทานข้าวพร้อมเสียบหูฟังหรอเค้าโทรมาจากเกาหลี คณะที่สัมภาษณ์จ๊ะนั้นเป็นอาจารย์ประมาณ 3 คน ซึ่งคำถามที่โดนถามก็จะเป็นแบบว่า ทำไมถึงอยากมาเรียนที่เกาหลี? แล้วอยากเรียนด้านไหนในคณะ ซึ่งจ๊ะแนะนำได้เลยว่าในการตอบคำถามบางทีก็ควรตอบความจริงเพราะเค้าก็คงได้ยินคำตอบมาหลายอย่างแล้วจึงจะรู้ได้ถึงอันไหนจริงใจหรือไม่
คำแนะนำที่มีให้น้องๆที่สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์)
1. ควรจะนั่งในห้องเงียบๆ
2. ใช้หูฟังในการคุยเพื่อที่จะได้ยินอย่างชัดเจน
3. บอกผู้อื่นที่อยู่ในบ้านว่ากำลังทำสัมภาษณ์อยู่และไม่ให้มารบกวร
4. นั่งตั้งสมาธิซัก 20 นาทีก่อนหน้า
พอคุยเสร็จก็สูตรเดิมคือนั่งรอนอนรอกลิ้งรอ ... ความจริงในระหว่างนี้ก็สมัครที่อื่นไปด้วยแล้วก็ไปเรียนตามปกตินั่นแหล่ะค่ะ
และแล้วหลังจากกลิ้งไปมาเป็นเดือนในระหว่างที่นั่งเรียนในคาบวิชาภาษาไืทย ก็มีอีเมลเข้ามา 1 ฉบับ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ชั้นได้ไปเดินเรียนในมหาลัยท๊อปๆของเกาหลีแล้วค่ะ เฮ่อๆๆ
แล้วนี่ก็คือส่วนแรกของการมาอยู่ที่เกาหลีจนถึงตอนนี้ จ๊ัะเองก็จำไม่ค่อยได้หรอกค่ะเพราะมันก็แอบนานมาแล้วนี่ก็พยายามจำให้ได้เยอะที่สุด
ตอนนี้ก็กำลังพิมพ์ตอนต่อไปเรื่อยๆแล้วถ้าผู้ใดมีคำถามก็ถามได้เลยนะคะ