ยินดีที่ได้รู้จัก.....ความรัก
ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าผมชอบผู้ชาย (อ่าว เกย์) นี่นา ผมเป็นคนร่าเริง ชอบเล่น ลั้นนลา ไม่เคยคิดที่จะมีใคร เพราะกลัวความผิดหวังจากที่เคยเห็นเพื่อนผมโดนมา แล้วผมกลัวสายตาคนที่มองมาด้วย (แต่ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้วโลกเปิดกว้างมากขึ้น) จนวันหนึ่งมีคนมาจีบผม และตามตื้ออยู่ร่ำไป ผมก็หน้าตาบ้านๆ (บ้านนอกด้วย) แต่ผมยังไม่ได้จริงจังอะไรกับเขา และคิดว่าเขาคงไม่จริงจังกับผมหรอก ช่วงปิดเทอมมหาลัยปี 2 ผมบวชพระให้พ่อให้แม่ เพราะรู้ว่าชีวิตนี้บาปหนาเลยเข้าทางธรรมดีกว่า อย่างน้อยเราก็ทำหน้าที่ความเป็นลูกผู้ชายให้พอกับแม่ได้เท่านี้ คงมีลูกไม่ได้ ผมบวชอยู่ประมาณ 3 เดือน สงสัยพระธรรมจะเข้าเส้นเลือดอยู่ต่ออีก 2 เดือน (วัดบ้านนอกเคร่งนะโทรศัพท์ ก็ไม่เคยใช้ ไปเยี่ยมบ้านโยมแม่ยังเดินไปเลย ไม่ใช้รถเพราะถือว่าเป็นการสบายไป)
โดยผมไม่ได้ลงทะเบียนเรียนไว้ พอสึกออกมาก็ไปติดต่อเรื่องเรียน ไม่คิดว่าเพื่อนของผมบอกว่าคนที่มาจีบผม ตามหาผมจนถึงทุกวันนี้ เพราะตอนนั้นผมบอกกับเพื่อนไว้ว่าไม่ต้องบอกเขาว่าผมไปไหน และเพื่อนก็ไม่รู้จักบ้านผมด้วย รู้แค่อยู่ตจว. เพื่อนเล่าว่าเขาพยายามติดต่อมาตลอด จนเพื่อนผมรำคาญบอกเขาไปว่าผมไปบวชที่ตจว. ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรอผม
จากนั้นผมก็ได้เจอเขา(เขาชื่อ ดิว) ผมก็สนิทกันมากขึ้น แต่ผมก็ยังคิดเรื่องความรักที่ผิดหวังของเพื่อนผมด้วยนะ จึงไม่อยากใช้คำว่าแฟนได้ อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนผมเรียนจบ เราได้มาใช้ชีวิตคู่แบบจริงจัง แบบที่ว่าผมเชื่อเขาว่าเขารักผมจริง ต่างคนต่างมีการงานทำ และผมลงทุนเปิดร้านขายอาหารกิจการไปได้ดี แต่ผมเหนื่อยที่ต้องมาทำงานประจำและมาทำที่ร้านด้วย ซึ่งตอนนั้นดิวเขามาทำที่ร้านอย่างเดียว ผมก็จ้างลูกมือมาช่วย พอทุกอย่างกำลังไปได้ดี ผมเริ่มสงสัยว่าดิวไม่เหมือนก่อน ไม่ค่อยเอาใจใส ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คิดอีกแง่ก็คงเพราะที่ร้านยุ่งล่ะ
หลังๆก็มีปิดร้าน 2 วันบ้าง 3 วันบ้าง กลับบ้านตจว. แต่ผมไม่ได้ไปด้วยนะทำงานครับ จะไม่คิดอะไรเลยถ้าญาติที่บ้านดิวโทรมานะ ความก็เลยแตกว่าดิวแอบไปมีคนอื่น เชื่อไหมว่าผมขอหยุดทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือการใช้ชีวิตคู่กับเขา และบอกเขาให้โชคดีกับคนใหม่ของเขา
แต่เขาขอโทษผม และขอโอกาสจากผม หลากหลายเหตุผลที่ผมยอมเพราะไม่อยากให้ใครมาตีตราได้ว่าในที่สุด พวกมันก็ไปไม่รอด
สุดท้ายผมให้โอกาสเขา ไม่นานครั้งที่สองก็เกิดโครตทรมารเลยไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำกันได้ คำตอบคือแค่เล่นๆไม่ได้จริงจัง (ไม่จริงจังแต่พวกมันมาเล่นกันที่ห้องผม) ผีเข้าสิงแปป่าดาส่เร่เทพ่บาิานำ +++ โครตโกรธ โมโหมาก โยนข้าวของดิว ออกไปเลย แล้วเราก็ห่างกันสักพัก ทุกๆวันเขาจะโทรหา แต่ผมไม่อยากคุยด้วยไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จนวันหนึ่งเป็นเบอร์แม่ดิวโทรมาให้มาดูหน่อย ดิวมันเข้ารพ.ไม่สบาย ก็ไปเพราะบอกกับแม่ไปแล้วเดี๋ยวเข้าไป พอไปดูก็อยู่เฝ้าไข้ไปเลย ได้คุยปรับความเข้าใจหลายอย่างต่างๆนานา
ทำให้ผมใจอ่อนมาอีกครั้ง และเขาสัญญาต่อหน้าแม่เขาว่าจะอยู่กับผม ทำไงได้ก็รักมันไปแล้วนิ ก็กลับมาใช้ชีวิตคู่ดังเดิม แต่ผมมีแต่ความระแวงไม่อยากผิดหวังกับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว แต่ก็อยู่กับความระแวงมาได้ปีกว่า ความเจ้าชู้เขาก็บังเกิดอีก
ผมไม่พูดอะไรกับเขา แต่ขอคุยกับคนที่เขาคบด้วย และบอกเลยว่าผมเป็นใคร และรู้เลยว่าทางฝ่ายโน้นก็โดนหลอกคิดว่าผมเป็นน้องดิว ผมไม่พูดมาแค่บอกเขาว่าให้คบกับดิวต่อ อย่าทิ้งเขาผมขอถอยออกมาเอง เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาแล้ว
สวัสดี........ความเหงา
หลังจากที่เลิกกับผมไป ดิวก็ยังติดต่ออยู่กับผมนะ แต่ในฐานะเพื่อน มาหาที่ห้องนอนค้างบ้าง บางครั้งก็นอนกอดกันร้องไห้กับสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมตัดสินใจแล้วเราไปด้วยกันไม่ได้จรริงๆ แต่ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ บางครั้งก็ไปกินข้าวกัน ดิวเล่าเรื่องแฟนใหม่ให้ฟัง บางที่ผมก็เจอแฟนเขา เท่าที่จำได้หลังจากเลิกกับผมไป เขามีแฟนใหม่สองคน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขาทุกวันนี้ยังถูเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี และยังคงเป็นบทเรียนชีวิตราคาแพงสำหรับผมมาก
ทำไงได้เพราะเขาคือรักครั้งแรกของผม ผมจึงรักเขาอย่างหมดหัวใจ
ถามว่า ทุกวันนี้ยังรักไหม คิดถึงไหม ตอบเลย รักและคิดถึงมาก แต่ผมรับไม่ได้กับความไม่พอ
ผมจึงขออยู่กับความทุกข์ทรมารจากความรักของผมอย่างนี้
ความเหงา จาก ความรัก
ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าผมชอบผู้ชาย (อ่าว เกย์) นี่นา ผมเป็นคนร่าเริง ชอบเล่น ลั้นนลา ไม่เคยคิดที่จะมีใคร เพราะกลัวความผิดหวังจากที่เคยเห็นเพื่อนผมโดนมา แล้วผมกลัวสายตาคนที่มองมาด้วย (แต่ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้วโลกเปิดกว้างมากขึ้น) จนวันหนึ่งมีคนมาจีบผม และตามตื้ออยู่ร่ำไป ผมก็หน้าตาบ้านๆ (บ้านนอกด้วย) แต่ผมยังไม่ได้จริงจังอะไรกับเขา และคิดว่าเขาคงไม่จริงจังกับผมหรอก ช่วงปิดเทอมมหาลัยปี 2 ผมบวชพระให้พ่อให้แม่ เพราะรู้ว่าชีวิตนี้บาปหนาเลยเข้าทางธรรมดีกว่า อย่างน้อยเราก็ทำหน้าที่ความเป็นลูกผู้ชายให้พอกับแม่ได้เท่านี้ คงมีลูกไม่ได้ ผมบวชอยู่ประมาณ 3 เดือน สงสัยพระธรรมจะเข้าเส้นเลือดอยู่ต่ออีก 2 เดือน (วัดบ้านนอกเคร่งนะโทรศัพท์ ก็ไม่เคยใช้ ไปเยี่ยมบ้านโยมแม่ยังเดินไปเลย ไม่ใช้รถเพราะถือว่าเป็นการสบายไป)
โดยผมไม่ได้ลงทะเบียนเรียนไว้ พอสึกออกมาก็ไปติดต่อเรื่องเรียน ไม่คิดว่าเพื่อนของผมบอกว่าคนที่มาจีบผม ตามหาผมจนถึงทุกวันนี้ เพราะตอนนั้นผมบอกกับเพื่อนไว้ว่าไม่ต้องบอกเขาว่าผมไปไหน และเพื่อนก็ไม่รู้จักบ้านผมด้วย รู้แค่อยู่ตจว. เพื่อนเล่าว่าเขาพยายามติดต่อมาตลอด จนเพื่อนผมรำคาญบอกเขาไปว่าผมไปบวชที่ตจว. ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรอผม
จากนั้นผมก็ได้เจอเขา(เขาชื่อ ดิว) ผมก็สนิทกันมากขึ้น แต่ผมก็ยังคิดเรื่องความรักที่ผิดหวังของเพื่อนผมด้วยนะ จึงไม่อยากใช้คำว่าแฟนได้ อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนผมเรียนจบ เราได้มาใช้ชีวิตคู่แบบจริงจัง แบบที่ว่าผมเชื่อเขาว่าเขารักผมจริง ต่างคนต่างมีการงานทำ และผมลงทุนเปิดร้านขายอาหารกิจการไปได้ดี แต่ผมเหนื่อยที่ต้องมาทำงานประจำและมาทำที่ร้านด้วย ซึ่งตอนนั้นดิวเขามาทำที่ร้านอย่างเดียว ผมก็จ้างลูกมือมาช่วย พอทุกอย่างกำลังไปได้ดี ผมเริ่มสงสัยว่าดิวไม่เหมือนก่อน ไม่ค่อยเอาใจใส ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คิดอีกแง่ก็คงเพราะที่ร้านยุ่งล่ะ
หลังๆก็มีปิดร้าน 2 วันบ้าง 3 วันบ้าง กลับบ้านตจว. แต่ผมไม่ได้ไปด้วยนะทำงานครับ จะไม่คิดอะไรเลยถ้าญาติที่บ้านดิวโทรมานะ ความก็เลยแตกว่าดิวแอบไปมีคนอื่น เชื่อไหมว่าผมขอหยุดทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือการใช้ชีวิตคู่กับเขา และบอกเขาให้โชคดีกับคนใหม่ของเขา
แต่เขาขอโทษผม และขอโอกาสจากผม หลากหลายเหตุผลที่ผมยอมเพราะไม่อยากให้ใครมาตีตราได้ว่าในที่สุด พวกมันก็ไปไม่รอด
สุดท้ายผมให้โอกาสเขา ไม่นานครั้งที่สองก็เกิดโครตทรมารเลยไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำกันได้ คำตอบคือแค่เล่นๆไม่ได้จริงจัง (ไม่จริงจังแต่พวกมันมาเล่นกันที่ห้องผม) ผีเข้าสิงแปป่าดาส่เร่เทพ่บาิานำ +++ โครตโกรธ โมโหมาก โยนข้าวของดิว ออกไปเลย แล้วเราก็ห่างกันสักพัก ทุกๆวันเขาจะโทรหา แต่ผมไม่อยากคุยด้วยไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จนวันหนึ่งเป็นเบอร์แม่ดิวโทรมาให้มาดูหน่อย ดิวมันเข้ารพ.ไม่สบาย ก็ไปเพราะบอกกับแม่ไปแล้วเดี๋ยวเข้าไป พอไปดูก็อยู่เฝ้าไข้ไปเลย ได้คุยปรับความเข้าใจหลายอย่างต่างๆนานา
ทำให้ผมใจอ่อนมาอีกครั้ง และเขาสัญญาต่อหน้าแม่เขาว่าจะอยู่กับผม ทำไงได้ก็รักมันไปแล้วนิ ก็กลับมาใช้ชีวิตคู่ดังเดิม แต่ผมมีแต่ความระแวงไม่อยากผิดหวังกับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว แต่ก็อยู่กับความระแวงมาได้ปีกว่า ความเจ้าชู้เขาก็บังเกิดอีก
ผมไม่พูดอะไรกับเขา แต่ขอคุยกับคนที่เขาคบด้วย และบอกเลยว่าผมเป็นใคร และรู้เลยว่าทางฝ่ายโน้นก็โดนหลอกคิดว่าผมเป็นน้องดิว ผมไม่พูดมาแค่บอกเขาว่าให้คบกับดิวต่อ อย่าทิ้งเขาผมขอถอยออกมาเอง เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาแล้ว
สวัสดี........ความเหงา
หลังจากที่เลิกกับผมไป ดิวก็ยังติดต่ออยู่กับผมนะ แต่ในฐานะเพื่อน มาหาที่ห้องนอนค้างบ้าง บางครั้งก็นอนกอดกันร้องไห้กับสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมตัดสินใจแล้วเราไปด้วยกันไม่ได้จรริงๆ แต่ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ บางครั้งก็ไปกินข้าวกัน ดิวเล่าเรื่องแฟนใหม่ให้ฟัง บางที่ผมก็เจอแฟนเขา เท่าที่จำได้หลังจากเลิกกับผมไป เขามีแฟนใหม่สองคน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขาทุกวันนี้ยังถูเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี และยังคงเป็นบทเรียนชีวิตราคาแพงสำหรับผมมาก
ทำไงได้เพราะเขาคือรักครั้งแรกของผม ผมจึงรักเขาอย่างหมดหัวใจ
ถามว่า ทุกวันนี้ยังรักไหม คิดถึงไหม ตอบเลย รักและคิดถึงมาก แต่ผมรับไม่ได้กับความไม่พอ
ผมจึงขออยู่กับความทุกข์ทรมารจากความรักของผมอย่างนี้