สวัสดีครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมโพสอย่างเป็นทางการ ตามหัวข้อเลยครับ ผมขอ(หนี)เมียเที่ยวภูกระดึง (ผมไปเมื่อวันที่ 10-13 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา) ทุกๆครั้งเวลาผมไปเที่ยวเราจะไปด้วยกันทุกครั้ง และเราก็เคยไปภูกระดึงมาด้วยกันแล้วสองครั้งตัวผมขึ้นมา 5 ครั้ง แต่เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้ขออนุมัติผ่านเรื่องซื้อกล้องและอุปกรณ์จากเดิมนิดหน่อย เรียกได้ว่ากว่าจะได้มานี้แทบจะอ้อนวอนกันเลยทีเดียวครับ ไหนๆก็ไหนๆ ขอลองไปฝึกฝีมือจากการอ่านหนังสือมานิดหน่อย และการดูภาพจากในที่ต่างๆ ผมเลยอยากไปลองหัดดูบ้างครับ ผมใช้เวลาขอเมียไปเที่ยวครั้งนี้กว่า 3 เดือน เค้าบอกว่าถ้าไปคนเดียวไม่ให้ไป ผมเลยลากเพื่อนไปด้วยหนึ่งจะได้ให้เค้าสบายใจหน่อย แต่แล้วพอใกล้วันจะไปทุกคืนก่อนนอนก็บ่นว่าอยากไปด้วย และหลายๆอย่างตามสไตล์ผู้หญิงครับ แต่ผมทำใจแข็งอย่างมาก แต่ก็นะผมไปลำบากครับ เดินอย่างเดียว และต้องทำเวลา ถ้าพาเค้าไปด้วยนี้คงใช้เวลาน่าดูครับ แต่สุดท้ายเราก็ตกลงกันได้คือผมจะได้พาเค้าไปอีกครั้งภายในต้นปีหน้าครับ
ผมคงไม่ได้มารีวิวทุกขั้นตอนการเดินทางหรือท่องเที่ยวนะครับเพราะหาอ่านได้+จากหลากหลายที่เยอะแยะครับ และผมต้องขอขอบคุณกลุ่ม “กลุ่ม รักภูกระดึง” ในเฟสบุ๊คนะครับ ที่ให้ข้อมูลและคำปรึกษาพร้อมกับอัพเดตรายละเอียดต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเตรียมอุปกรณ์ครับ
มาดูการเตรียมตัวผมครับ ผมเริ่มจากการไปเดิน + ปั่นจักรยาน ในช่วงเย็นๆ ก่อนหน้าขึ้นภูกระดึง 1 เดือนครับ แต่ก็ไม่ได้ออกทุกๆวันครับ ก็พอมีแรงขึ้นภูครับ ส่วนการเตรียมของนี้ผมเน้นของและอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพสะส่วนใหญ่ แล้วข้าวของเครื่องใช้จ้างแบกขึ้นเอาครับผม และผมอยากจะแนะนำหากคุณไปช่วงนี้ ซื้อรองเท้าสตั๊ดภูเขา ข้างล่างคู่ละ 80 ข้างบนคู่ละ 100 ครับ จะเดินขึ้นลงได้สะดวกกว่าครับ แต่ถ้าไปหน้าแล้งแล้ว รองเท้าผ้าใบก็เอาอยู่ครับ แต่ถ้าใส่แต่รองเท้าแตะ นี้รับรองปวดเท้ากันระบมครับ
มาเริ่มกันเลยครับ ผมออกเดินทางจากขอนแก่นประมาณตีห้าครึ่ง (ที่จริงผมตั้งใจว่าจะออกก่อนตีห้า แต่ตื่นไม่ทัน 55+) ผมขับรถไปเรื่อยๆครับ ไปถึงอุทยานก็จะ 8 โมงแล้ว (นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นภูได้เวลา 07.00น. นะครับ) เราจอดรถและทำตามขั้นตอนของอุทยานครับ และผมก็เอาของไปชั่งเพื่อให้ลูกหาบแบกขึ้นครับ 14 กิโลได้ครับ เพื่อนผมแบกของขึ้นเองอยู่ในเป้ 13 กิโล ผมแบกอุปกรณ์กล้องและของสำคัญของผม 14.5 กิโลครับ
แวะไหว้พระก่อนขึ้นภูครับ
ไม่ต้องสืบเรื่องระยะทางครับ ผมนี่ไม่ดูเลยครับ เพราะยังไงเราก็ต้องไปให้ถึง
ที่จริงแล้วผมตั้งใจมาเช้าและเดินไปผาหล่มสักต่อเลยครับ แต่มาสายเลยจะต้องดูสถานะการณ์ก่อนครับ แต่เราทั้งสองก็ทำเวลาได้เป็นอย่างดีครับ ขึ้นภูตอน 8โมงตรง ถึงหลังแป 11 โมงตรงครับ ระหว่างการเดินทางผ่านแต่ละซำผมว่าหนักสุดก็ช่วงแรก มาถึงซำแฮกครับ (หรือจะเรียกว่าซำฮาก ก็ได้ครับผม) ผมว่าช่วงนี้น่าจะทำเอาคนถอดใจอยู่หลายคนครับ เดี๋ยวดูภาพช่วงขึ้นภูกันสักหน่อยครับ ไม่ได้ถ่ายมากเพราะไม่อยากเปิดกระเป๋าบ่อยครับ
ทางเดินก็ตามสภาพละครับหน้าฝน ช่วงต้นๆยังไม่มีปัญหาอะไร
นั่นไงครับเพื่อนผม เห็นดากอยู่ลางๆ (เราเดินไปเรื่อยๆครับ แวะพักตามซำ แซงกันบ้างบางจังหวะ)
ดูเหมือนน้องๆ จะอาการหนัก ต้องพักก่อน
เมฆจางๆ ในช่วงเช้าครับ
ป่าเปิดใหม่ๆ ป่ายังอุดมสมบูรณ์ดีครับผม
แวะอัดน้ำเกลือแร่กันสักหน่อยครับ
สภาพหลังจากผ่านมาหลายซำ อัดก่อนยาวขึ้นหลังแป
รอพี่ๆ แกหาบของขึ้น เห็นแล้วก็ งึด(ทึ่ง) ครับ อดถ่ายภาพไม่ได้จริงๆ
ขนาดเรายังเดินยากเลยครับ ของติดตัวนิดหน่อย แกเดินจนชำนาญ เหมาะสมกับค่าหาบ 30 บาท/กิโลครับ (ผมไปครั้งแรกนี้โลละ 10 นี้ผ่านมาไม่กี่ปีเองนะครับ)
และเรามาถึงหลังแปตอน 11.00 น. ผมกับเพื่อนเลยคุยกันว่างั้นเราเอาของไปเก็บไว้ที่วังกวาง(ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) และหาที่กางเต้นท์ก่อน (ลืมบอกไปครับ ใครที่คิดว่าจะขึ้นมาแล้วไปเที่ยวที่อื่นต่อเลย ตอนชั่งของ จ่ายเงินค่าหาบก่อนนะครับแล้วบอกว่าให้ไปฝากไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ ไม่งั้นคนหาบเค้าจะรอครับผม) และผมก็ไปหาจองที่กางเต้นท์ในศาลาก่อนเลยครับ มีว่างพอดี เราเอาของไปวางไว้และไปทานข้าวครับผม
ตามภาพเลยครับ ข้าวเช้าไม่ได้กิน ยิงยาวมากินที่วังกวางเลย
น้องไปเก็บลูกอะไรมาก็ไม่รู้มาคั่ว แต่ถามแล้วว่าจะมีลักษณะเหมือนลูกเกาลัก แต่ขนาดเล็ก เก็บได้ตามริมลำธารแถวๆน้ำตกครับ ถ้ากินก่อนก็ได้ครับแต่เมาครับ ไม่แนะนำ เลยต้องทำให้สุกก่อนครับ
หลังจากนั่นเราออกจากวังกวางบ่ายโมงกว่าๆ ออกเดินเรียบเส้นหน้าผาครับ เห็นท้องฟ้าสลับก้อนเมฆ แดดไม่ค่อยมี โหๆ แบบนี้แสงเย็นมาแน่ ไปๆเรารีบเดิน
และแล้วเราก็มาถึงผาหล่มสัก
แวะจิ๊บชาเขียวสักหน่อย ร้านพี่นก
นั่งพักจนเพลิน แวะไปดูที่ผาสักหน่อย น้องๆบอกว่า "เห็นแน่ๆ พระอาทิตย์"
กล้าๆกลัวที่จะไปถ่าย แต่ผมไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้ไปนั่งหย่อนขาหรอกครับ ผมเสียวแทน
เยี่ยม ว่างั้น
หลังจากนั่น อยากจะบอกว่า "น้อสู คือมีแต่เมฆละบาทนิ" ผมนี้คุยกับเพื่อน กลับปะ คงไม่เห็นหรอก พรุ่งนี้ค่อยมา เราต้องไปกางเต้นท์อีก
ผมกับเพื่อนออกจากผาหล่มสักมาตอน 6โมงตรง เรารีบเดินและถึงวังกวางตอนสองทุ่มครึ่ง กางเต้นท์ อาบน้ำ ไปกินข้าว ได้นอนเกือบห้าทุ่มครับ ไม่ไหวเหนื่อยมากมายครับ ผมมานั่งคำนวนระยะทางการเดินวันนั้น น่าจะ 30กิโลเมตร+ ตลอดการเดินทางผมแบกของ 14 กิโล+ แต่อาการมันไม่ใช่อย่างที่คิดครับ ผมนี้กลับไม่ปวดหลังสะงั้น แต่มาปวดเข่าแทน เป็นขัดๆ ถ้าเดินขึ้นหรือลง ทางเรียบนี้สู้ตายครับ และในวันแรกผมก็ได้ถ่ายภาพน้อยมากเพราะตั้งใจไว้จะไปถ่ายพระอาทิตย์ที่ผาหล่มสัก จะแวะก็กะไรอยู่ เอาไว้ผมมาต่ออีกนะครับ
[CR] ขอ(หนี)เมียเที่ยว "ภูกระดึง"
สวัสดีครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมโพสอย่างเป็นทางการ ตามหัวข้อเลยครับ ผมขอ(หนี)เมียเที่ยวภูกระดึง (ผมไปเมื่อวันที่ 10-13 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา) ทุกๆครั้งเวลาผมไปเที่ยวเราจะไปด้วยกันทุกครั้ง และเราก็เคยไปภูกระดึงมาด้วยกันแล้วสองครั้งตัวผมขึ้นมา 5 ครั้ง แต่เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้ขออนุมัติผ่านเรื่องซื้อกล้องและอุปกรณ์จากเดิมนิดหน่อย เรียกได้ว่ากว่าจะได้มานี้แทบจะอ้อนวอนกันเลยทีเดียวครับ ไหนๆก็ไหนๆ ขอลองไปฝึกฝีมือจากการอ่านหนังสือมานิดหน่อย และการดูภาพจากในที่ต่างๆ ผมเลยอยากไปลองหัดดูบ้างครับ ผมใช้เวลาขอเมียไปเที่ยวครั้งนี้กว่า 3 เดือน เค้าบอกว่าถ้าไปคนเดียวไม่ให้ไป ผมเลยลากเพื่อนไปด้วยหนึ่งจะได้ให้เค้าสบายใจหน่อย แต่แล้วพอใกล้วันจะไปทุกคืนก่อนนอนก็บ่นว่าอยากไปด้วย และหลายๆอย่างตามสไตล์ผู้หญิงครับ แต่ผมทำใจแข็งอย่างมาก แต่ก็นะผมไปลำบากครับ เดินอย่างเดียว และต้องทำเวลา ถ้าพาเค้าไปด้วยนี้คงใช้เวลาน่าดูครับ แต่สุดท้ายเราก็ตกลงกันได้คือผมจะได้พาเค้าไปอีกครั้งภายในต้นปีหน้าครับ
ผมคงไม่ได้มารีวิวทุกขั้นตอนการเดินทางหรือท่องเที่ยวนะครับเพราะหาอ่านได้+จากหลากหลายที่เยอะแยะครับ และผมต้องขอขอบคุณกลุ่ม “กลุ่ม รักภูกระดึง” ในเฟสบุ๊คนะครับ ที่ให้ข้อมูลและคำปรึกษาพร้อมกับอัพเดตรายละเอียดต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเตรียมอุปกรณ์ครับ
มาดูการเตรียมตัวผมครับ ผมเริ่มจากการไปเดิน + ปั่นจักรยาน ในช่วงเย็นๆ ก่อนหน้าขึ้นภูกระดึง 1 เดือนครับ แต่ก็ไม่ได้ออกทุกๆวันครับ ก็พอมีแรงขึ้นภูครับ ส่วนการเตรียมของนี้ผมเน้นของและอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพสะส่วนใหญ่ แล้วข้าวของเครื่องใช้จ้างแบกขึ้นเอาครับผม และผมอยากจะแนะนำหากคุณไปช่วงนี้ ซื้อรองเท้าสตั๊ดภูเขา ข้างล่างคู่ละ 80 ข้างบนคู่ละ 100 ครับ จะเดินขึ้นลงได้สะดวกกว่าครับ แต่ถ้าไปหน้าแล้งแล้ว รองเท้าผ้าใบก็เอาอยู่ครับ แต่ถ้าใส่แต่รองเท้าแตะ นี้รับรองปวดเท้ากันระบมครับ
มาเริ่มกันเลยครับ ผมออกเดินทางจากขอนแก่นประมาณตีห้าครึ่ง (ที่จริงผมตั้งใจว่าจะออกก่อนตีห้า แต่ตื่นไม่ทัน 55+) ผมขับรถไปเรื่อยๆครับ ไปถึงอุทยานก็จะ 8 โมงแล้ว (นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นภูได้เวลา 07.00น. นะครับ) เราจอดรถและทำตามขั้นตอนของอุทยานครับ และผมก็เอาของไปชั่งเพื่อให้ลูกหาบแบกขึ้นครับ 14 กิโลได้ครับ เพื่อนผมแบกของขึ้นเองอยู่ในเป้ 13 กิโล ผมแบกอุปกรณ์กล้องและของสำคัญของผม 14.5 กิโลครับ
แวะไหว้พระก่อนขึ้นภูครับ
ไม่ต้องสืบเรื่องระยะทางครับ ผมนี่ไม่ดูเลยครับ เพราะยังไงเราก็ต้องไปให้ถึง
ที่จริงแล้วผมตั้งใจมาเช้าและเดินไปผาหล่มสักต่อเลยครับ แต่มาสายเลยจะต้องดูสถานะการณ์ก่อนครับ แต่เราทั้งสองก็ทำเวลาได้เป็นอย่างดีครับ ขึ้นภูตอน 8โมงตรง ถึงหลังแป 11 โมงตรงครับ ระหว่างการเดินทางผ่านแต่ละซำผมว่าหนักสุดก็ช่วงแรก มาถึงซำแฮกครับ (หรือจะเรียกว่าซำฮาก ก็ได้ครับผม) ผมว่าช่วงนี้น่าจะทำเอาคนถอดใจอยู่หลายคนครับ เดี๋ยวดูภาพช่วงขึ้นภูกันสักหน่อยครับ ไม่ได้ถ่ายมากเพราะไม่อยากเปิดกระเป๋าบ่อยครับ
ทางเดินก็ตามสภาพละครับหน้าฝน ช่วงต้นๆยังไม่มีปัญหาอะไร
นั่นไงครับเพื่อนผม เห็นดากอยู่ลางๆ (เราเดินไปเรื่อยๆครับ แวะพักตามซำ แซงกันบ้างบางจังหวะ)
ดูเหมือนน้องๆ จะอาการหนัก ต้องพักก่อน
เมฆจางๆ ในช่วงเช้าครับ
ป่าเปิดใหม่ๆ ป่ายังอุดมสมบูรณ์ดีครับผม
แวะอัดน้ำเกลือแร่กันสักหน่อยครับ
สภาพหลังจากผ่านมาหลายซำ อัดก่อนยาวขึ้นหลังแป
รอพี่ๆ แกหาบของขึ้น เห็นแล้วก็ งึด(ทึ่ง) ครับ อดถ่ายภาพไม่ได้จริงๆ
ขนาดเรายังเดินยากเลยครับ ของติดตัวนิดหน่อย แกเดินจนชำนาญ เหมาะสมกับค่าหาบ 30 บาท/กิโลครับ (ผมไปครั้งแรกนี้โลละ 10 นี้ผ่านมาไม่กี่ปีเองนะครับ)
และเรามาถึงหลังแปตอน 11.00 น. ผมกับเพื่อนเลยคุยกันว่างั้นเราเอาของไปเก็บไว้ที่วังกวาง(ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) และหาที่กางเต้นท์ก่อน (ลืมบอกไปครับ ใครที่คิดว่าจะขึ้นมาแล้วไปเที่ยวที่อื่นต่อเลย ตอนชั่งของ จ่ายเงินค่าหาบก่อนนะครับแล้วบอกว่าให้ไปฝากไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ ไม่งั้นคนหาบเค้าจะรอครับผม) และผมก็ไปหาจองที่กางเต้นท์ในศาลาก่อนเลยครับ มีว่างพอดี เราเอาของไปวางไว้และไปทานข้าวครับผม
ตามภาพเลยครับ ข้าวเช้าไม่ได้กิน ยิงยาวมากินที่วังกวางเลย
น้องไปเก็บลูกอะไรมาก็ไม่รู้มาคั่ว แต่ถามแล้วว่าจะมีลักษณะเหมือนลูกเกาลัก แต่ขนาดเล็ก เก็บได้ตามริมลำธารแถวๆน้ำตกครับ ถ้ากินก่อนก็ได้ครับแต่เมาครับ ไม่แนะนำ เลยต้องทำให้สุกก่อนครับ
หลังจากนั่นเราออกจากวังกวางบ่ายโมงกว่าๆ ออกเดินเรียบเส้นหน้าผาครับ เห็นท้องฟ้าสลับก้อนเมฆ แดดไม่ค่อยมี โหๆ แบบนี้แสงเย็นมาแน่ ไปๆเรารีบเดิน
และแล้วเราก็มาถึงผาหล่มสัก
แวะจิ๊บชาเขียวสักหน่อย ร้านพี่นก
นั่งพักจนเพลิน แวะไปดูที่ผาสักหน่อย น้องๆบอกว่า "เห็นแน่ๆ พระอาทิตย์"
กล้าๆกลัวที่จะไปถ่าย แต่ผมไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้ไปนั่งหย่อนขาหรอกครับ ผมเสียวแทน
เยี่ยม ว่างั้น
หลังจากนั่น อยากจะบอกว่า "น้อสู คือมีแต่เมฆละบาทนิ" ผมนี้คุยกับเพื่อน กลับปะ คงไม่เห็นหรอก พรุ่งนี้ค่อยมา เราต้องไปกางเต้นท์อีก
ผมกับเพื่อนออกจากผาหล่มสักมาตอน 6โมงตรง เรารีบเดินและถึงวังกวางตอนสองทุ่มครึ่ง กางเต้นท์ อาบน้ำ ไปกินข้าว ได้นอนเกือบห้าทุ่มครับ ไม่ไหวเหนื่อยมากมายครับ ผมมานั่งคำนวนระยะทางการเดินวันนั้น น่าจะ 30กิโลเมตร+ ตลอดการเดินทางผมแบกของ 14 กิโล+ แต่อาการมันไม่ใช่อย่างที่คิดครับ ผมนี้กลับไม่ปวดหลังสะงั้น แต่มาปวดเข่าแทน เป็นขัดๆ ถ้าเดินขึ้นหรือลง ทางเรียบนี้สู้ตายครับ และในวันแรกผมก็ได้ถ่ายภาพน้อยมากเพราะตั้งใจไว้จะไปถ่ายพระอาทิตย์ที่ผาหล่มสัก จะแวะก็กะไรอยู่ เอาไว้ผมมาต่ออีกนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น