ปกติไม่ค่อยไปเที่ยวไหนคนเดียวเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
สืบเนื่องจากการน้อยอกน้อยใจใครบางคนจนทนไม่ไหว ต้องแบกเป้ออกไปข้างนอก
เราเริ่มการเดินทาง ตอนบ่ายโมง ของวันเสาร์ที่ 24 เดือนตุลาคม ปี 58 ค่ะ
คือ ตอน 11 โมง คิดว่าอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว ต้องออกไปเที่ยว เลยหาที่ๆใกล้กรุงเทพที่สุด
โอเค ได้อุทยานแห่งชาติ พระพุทธฉาย สระบุรี มีน้ำตกตั้งสามที่ ไปที่นี่ดีกว่า
จะไปให้ถึง ต้องนั่งรถไปสระบุรี แล้วก็ เหมารถต่อไปอุทยานแห่งชาติ พุทธฉาย
ไปก็ไป !!!!!!!!!!!!!
13.00 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งแฟชั่นมอลล์ โรบินสันเก่า ค่ารถไปสระบุรี 100 บาท
15.30 บริการขนส่ง สระบุรี ที่นี่เราไม่สามารถหารถต่อไปได้ ป้าแม่ค้าบอกว่าให้นั่งรถตู้ไปลงปากทาง แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปเรานั่งรถตู้ไปปราจีน ไปลงปากทาง คิดเรา 15 บาท
16.00 ปากทางเข้า อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย มีวินมอไซข้างหน้า ยอดเยี่ยม ไปน้ำตก 80 บาท
16.30 ถึงอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย น้ำตกสามหลั่น ค่าเข้า 20 บาท แล้วเราก็ไปที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นอันว่า มาถึงจุดหมาย
ถ้ามีรถขับมาเองจะสะดวกกว่ามาก ๆ เพราะจากปากทางค่อนข้างไกลทีเดียว แต่พอเข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ อากาศเริ่มเย็นลงเหมือนติดแอร์คอนดิชัน เรามันไม่คิดหน้าคิดหลัง แถมไม่มีรถ ก็ต้องพึ่งความกล้ากาญและบริการขนส่งมวลชนแบบนี้แหละ ขอเบอร์มอร์เตอร์ไซด์เอาไว้ด้วย จะได้ออกไปได้
เราทำเรื่องขอเช่าเต็นท์ ค่าเช่า 250 บาท เต็นท์ใหญ่ นอนได้สี่คน เป็นแบบนี้ แต่ต้องรอจ่ายเงินเจ้าหน้าที่ตอนค่ำ
ข้างในจะเป็นแบบนี้
นอนได้สี่คน เราก็นอนแค่คนเดียวอยู่ดี นอนยังไงก็ได้อยู่แล้ว
ก่อนที่ตะวันจะลาลับฟ้า เราเดินไปสำรวจน้ำตกที่ดังที่สุดของที่นี่ก่อน ชื่อน้ำตกสามหลั่น
ทางเดินร่มรื่นและอากาศเย็นมาก เดินไปประมาณ 400 เมตรจะถึงน้ำตก
ผ่านดงไผ่นิดนึงด้วย คิดว่าสวยดีเลยถ่ายรูปมา
จนมาถึงน้ำตกในที่สุด
รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจเพราะเราไม่ได้มาหน้าน้ำหลาก น้ำตกเลยเป็นแค่น้ำไหล
แต่พอขึ้นไปอีกนิด พระอาทิตย์กำลังจะตก และทำให้เกิดแสงสีทองที่สวยงาม
เราเลยปีนไปอีกนิดนึง
สวยจัง . . . . . .
18.25 ฟ้าเริ่มมืด พระอาทิตย์ตกดิน เรารีบไปอาบน้ำ และเดินเล่นรอบๆอีกนิด ก่อนเข้ามาอยู่ในเต็นท์ยุงที่นี่ดุมาก และเราประมาทเกินไป ที่ไม่ได้พกยากันยุงมา จนเจอเจ้าหน้าที่ เราจ่ายค่าเต็นท์ 250 บาท ลุงถามว่าเรามายังไง มากันกี่คนเราบอกว่า มาคนเดียว มาจากกรุงเทพ นั่งมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างเข้ามา ลุงคงสงสารเลยยื่นเงินคืนให้ 50 บาท
19.30 มีป้ามาเปลี่ยนผ้าห่มในเต็นท์ให้ เริ่มมีชาวแคมป์คนอื่น ๆ เข้ามาในบริเวณ นับได้ รวมเต็นท์เราก็ประมาณ 9 - 10 เต็นท์ มีทั้งแก๊งค์เด็ก ม ปลาย ก๊วนบิ๊กไบท์ ครอบครัว 2 - 3 ครอบครัว ทำให้บรรยากาศครึกครื้น ไม่เงียบเหงาจนเกินไป มีการปิกนิก ดื่ม เล่นกีตาร์ ฟังเพลงกันนิดๆหน่อย ๆ ในขณะที่อากาศหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา เรานอนในเต็นท์ และสงสัยว่า เรามาที่นี่ทำไม
21.30 เสียงต่างๆเงียบลง ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด แต่ไม่มืดสนิทเพราะท้องฟ้ามีดวงจันทร์ เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกเหงา ทั้งหนาว ทั้งเหงา อยู่ในป่าคนเดียว เรานอนกอดผ้าห่ม และร้องไห้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเมื่อทุกอย่างหยุดลง เรารู้สึกสงบ และคิดว่าเราน่าจะออกมาให้บ่อยกว่านี้
22.10 เสียงหรีดหริ่งเราไรดังก้อง และเสียงกรนจากคนเต็นท์ข้างๆ กล่อมให้เราง่วง และเคลิ้มหลับไป
xx.xx หมาหอน . . . . ยาวด้วย . . . ยัง ยังไม่หยุด เรานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ขอมานอน นึกได้ก็รีบลุกขึ้นพนมมือ ขอนอนทันที และรอจนเสียงหมาเงียบลง คลำสร้อยพระ อืมมม ฝากไว้กับคนที่เราเพิ่งหนีมา เราล้มตัวนอนแปะ คิดในใจ นังโง่เอ๊ยยยยยยยยยย ทั้งคืนหลับๆตื่น ๆ ไม่เหงาแล้ว แต่หนาว และหลอนตัวเอง หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
05.30 ตื่น . . . เราไปอาบน้ำ แปรงฟัน และจะไปสำรวจน้ำตกที่มีอยู่อีกสองที่ เจอลุงเจ้าหน้าที่ ลุงบอกว่าจะให้แม่บ้านร้านสวัสดิการไปส่งปากทาง โอ้ว ลัคกี้ ไม่ต้องเสียค่ามอไซด์แล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ถ่ายตัวเองไว้รูปเดียว

ตอนเช้าอากาศดีมาก แดดอุ่นพอประมาณ
06.30 เดินไปที่น้ำตกแห่งแรก น้ำตกโพธิ์หินดาด เราเดินไปเรื่อยๆ แหกใยแมงมุมไปเยอะมาก รู้สึกเป็นคนแรกที่ได้สูดอากาศของบริเวณนี้ในเช้านี้

น้ำตกก็เป็นน้ำไหล แต่เย็นสดชื่นและมีละอองน้ำฝอยๆอยู่บ้าง เราอยู่ในบริเวณนี้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ไปน้ำตกอีกที่หนึ่ง

ทางไปน้ำตกโตนรากไทร
ทางนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกกลัวมาก เพราะมันเป็นทางที่ค่อนข้างวิบากนิดหน่อย มีป่ารกทึบ แถมเราเดินคนเดียว การที่เราคนเดียวเดินในป่าเงียบๆนี่จินตนาการได้ไปต่าง ๆ นานา เรากลัวหลงทาง กลัวลื่นพลาดตกเขาไป และกลัวความเงียบ เสียงก้าวเท้าดังๆของเรายังคิดไปเลยว่ามีเสียงซ้อน แต่หันกลับไปก็ไม่มีใคร เหมือนมันกดดันเราอยู่ทุกทาง ถึงกับคิดเล่นๆว่า ถ้าตาย คงมีคนมาเจอศพตอนราว ๆ เก้าโมงมั้ง เดินยังไงก็ไม่ถึงน้ำตกซะที ถึงกับหูแว่วว่าได้ยินคนพูดกันด้านหน้า รีบจ้ำเลย จนเจอน้ำตก
แต่ไม่มีใครเลย
เราชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินกลับไปที่ทำการอุทยาน ที่นี่ดีมาก เพราะมีป้ายบอกอยู่เรื่อยๆเลย เมื่อเราไม่แน่ใจเมื่อไหร่ มักจะมีป้ายบอกทางให้เห็น พอมาถึงจุดที่เจอผู้คน รู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาทันที ป่านี่ บางทีก็น่ากลัว
กลับมาเก็บที่นอนในเต็นท์
แล้วก็เดินออกไปจากที่ทำการ คุณป้าร้านชำไปส่งที่แถววัดพระฉาย แล้วแกก็ให้ลูกชายวัยรุ่นแกไปส่งเราที่ปากทาง ไอ้หนุ่มก็งึมงำ ว่า เนี่ยย แม่ผมโทรปลุกแต่เช้าเลย พี่จะไปไหน ไปไง คุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงปากทาง พอน้องจอดปุ๊ป รถตู้ กรุงเทพบ้านหมี่เทียบปั๊บ
08.20 ขึ้นรถตู้ กลับอนุสาวรีย์ชัย 100 บาท
09.30 ถึงอนุสาวรีย์ชัย ทำไมมันไวนัก ขามายังตั้งหลายชั่วโมง
เรากลับมา พร้อมความสดชื่นสดใส และชุดความคิดใหม่ๆ ที่เราประกอบในเวลาที่อยู่คนเดียว
เราน่าจะออกไปข้างนอก สัมผัสธรรมชาติ ตัวคนเดียว ให้มากกว่านี้
คราวหน้า ก็ขอให้เป็นทะเล . . . . .
[CR] ::อุทยานแห่งชาติสามหลั่น ฉันไปคนเดียว::
สืบเนื่องจากการน้อยอกน้อยใจใครบางคนจนทนไม่ไหว ต้องแบกเป้ออกไปข้างนอก
เราเริ่มการเดินทาง ตอนบ่ายโมง ของวันเสาร์ที่ 24 เดือนตุลาคม ปี 58 ค่ะ
คือ ตอน 11 โมง คิดว่าอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว ต้องออกไปเที่ยว เลยหาที่ๆใกล้กรุงเทพที่สุด
โอเค ได้อุทยานแห่งชาติ พระพุทธฉาย สระบุรี มีน้ำตกตั้งสามที่ ไปที่นี่ดีกว่า
จะไปให้ถึง ต้องนั่งรถไปสระบุรี แล้วก็ เหมารถต่อไปอุทยานแห่งชาติ พุทธฉาย
ไปก็ไป !!!!!!!!!!!!!
13.00 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งแฟชั่นมอลล์ โรบินสันเก่า ค่ารถไปสระบุรี 100 บาท
15.30 บริการขนส่ง สระบุรี ที่นี่เราไม่สามารถหารถต่อไปได้ ป้าแม่ค้าบอกว่าให้นั่งรถตู้ไปลงปากทาง แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปเรานั่งรถตู้ไปปราจีน ไปลงปากทาง คิดเรา 15 บาท
16.00 ปากทางเข้า อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย มีวินมอไซข้างหน้า ยอดเยี่ยม ไปน้ำตก 80 บาท
16.30 ถึงอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย น้ำตกสามหลั่น ค่าเข้า 20 บาท แล้วเราก็ไปที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นอันว่า มาถึงจุดหมาย
ถ้ามีรถขับมาเองจะสะดวกกว่ามาก ๆ เพราะจากปากทางค่อนข้างไกลทีเดียว แต่พอเข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ อากาศเริ่มเย็นลงเหมือนติดแอร์คอนดิชัน เรามันไม่คิดหน้าคิดหลัง แถมไม่มีรถ ก็ต้องพึ่งความกล้ากาญและบริการขนส่งมวลชนแบบนี้แหละ ขอเบอร์มอร์เตอร์ไซด์เอาไว้ด้วย จะได้ออกไปได้
เราทำเรื่องขอเช่าเต็นท์ ค่าเช่า 250 บาท เต็นท์ใหญ่ นอนได้สี่คน เป็นแบบนี้ แต่ต้องรอจ่ายเงินเจ้าหน้าที่ตอนค่ำ
ข้างในจะเป็นแบบนี้
นอนได้สี่คน เราก็นอนแค่คนเดียวอยู่ดี นอนยังไงก็ได้อยู่แล้ว
ก่อนที่ตะวันจะลาลับฟ้า เราเดินไปสำรวจน้ำตกที่ดังที่สุดของที่นี่ก่อน ชื่อน้ำตกสามหลั่น
ทางเดินร่มรื่นและอากาศเย็นมาก เดินไปประมาณ 400 เมตรจะถึงน้ำตก
ผ่านดงไผ่นิดนึงด้วย คิดว่าสวยดีเลยถ่ายรูปมา
จนมาถึงน้ำตกในที่สุด
รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจเพราะเราไม่ได้มาหน้าน้ำหลาก น้ำตกเลยเป็นแค่น้ำไหล
แต่พอขึ้นไปอีกนิด พระอาทิตย์กำลังจะตก และทำให้เกิดแสงสีทองที่สวยงาม
เราเลยปีนไปอีกนิดนึง
สวยจัง . . . . . .
18.25 ฟ้าเริ่มมืด พระอาทิตย์ตกดิน เรารีบไปอาบน้ำ และเดินเล่นรอบๆอีกนิด ก่อนเข้ามาอยู่ในเต็นท์ยุงที่นี่ดุมาก และเราประมาทเกินไป ที่ไม่ได้พกยากันยุงมา จนเจอเจ้าหน้าที่ เราจ่ายค่าเต็นท์ 250 บาท ลุงถามว่าเรามายังไง มากันกี่คนเราบอกว่า มาคนเดียว มาจากกรุงเทพ นั่งมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างเข้ามา ลุงคงสงสารเลยยื่นเงินคืนให้ 50 บาท
19.30 มีป้ามาเปลี่ยนผ้าห่มในเต็นท์ให้ เริ่มมีชาวแคมป์คนอื่น ๆ เข้ามาในบริเวณ นับได้ รวมเต็นท์เราก็ประมาณ 9 - 10 เต็นท์ มีทั้งแก๊งค์เด็ก ม ปลาย ก๊วนบิ๊กไบท์ ครอบครัว 2 - 3 ครอบครัว ทำให้บรรยากาศครึกครื้น ไม่เงียบเหงาจนเกินไป มีการปิกนิก ดื่ม เล่นกีตาร์ ฟังเพลงกันนิดๆหน่อย ๆ ในขณะที่อากาศหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา เรานอนในเต็นท์ และสงสัยว่า เรามาที่นี่ทำไม
21.30 เสียงต่างๆเงียบลง ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด แต่ไม่มืดสนิทเพราะท้องฟ้ามีดวงจันทร์ เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกเหงา ทั้งหนาว ทั้งเหงา อยู่ในป่าคนเดียว เรานอนกอดผ้าห่ม และร้องไห้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเมื่อทุกอย่างหยุดลง เรารู้สึกสงบ และคิดว่าเราน่าจะออกมาให้บ่อยกว่านี้
22.10 เสียงหรีดหริ่งเราไรดังก้อง และเสียงกรนจากคนเต็นท์ข้างๆ กล่อมให้เราง่วง และเคลิ้มหลับไป
xx.xx หมาหอน . . . . ยาวด้วย . . . ยัง ยังไม่หยุด เรานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ขอมานอน นึกได้ก็รีบลุกขึ้นพนมมือ ขอนอนทันที และรอจนเสียงหมาเงียบลง คลำสร้อยพระ อืมมม ฝากไว้กับคนที่เราเพิ่งหนีมา เราล้มตัวนอนแปะ คิดในใจ นังโง่เอ๊ยยยยยยยยยย ทั้งคืนหลับๆตื่น ๆ ไม่เหงาแล้ว แต่หนาว และหลอนตัวเอง หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
05.30 ตื่น . . . เราไปอาบน้ำ แปรงฟัน และจะไปสำรวจน้ำตกที่มีอยู่อีกสองที่ เจอลุงเจ้าหน้าที่ ลุงบอกว่าจะให้แม่บ้านร้านสวัสดิการไปส่งปากทาง โอ้ว ลัคกี้ ไม่ต้องเสียค่ามอไซด์แล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ถ่ายตัวเองไว้รูปเดียว
ตอนเช้าอากาศดีมาก แดดอุ่นพอประมาณ
06.30 เดินไปที่น้ำตกแห่งแรก น้ำตกโพธิ์หินดาด เราเดินไปเรื่อยๆ แหกใยแมงมุมไปเยอะมาก รู้สึกเป็นคนแรกที่ได้สูดอากาศของบริเวณนี้ในเช้านี้
น้ำตกก็เป็นน้ำไหล แต่เย็นสดชื่นและมีละอองน้ำฝอยๆอยู่บ้าง เราอยู่ในบริเวณนี้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ไปน้ำตกอีกที่หนึ่ง
ทางไปน้ำตกโตนรากไทร
ทางนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกกลัวมาก เพราะมันเป็นทางที่ค่อนข้างวิบากนิดหน่อย มีป่ารกทึบ แถมเราเดินคนเดียว การที่เราคนเดียวเดินในป่าเงียบๆนี่จินตนาการได้ไปต่าง ๆ นานา เรากลัวหลงทาง กลัวลื่นพลาดตกเขาไป และกลัวความเงียบ เสียงก้าวเท้าดังๆของเรายังคิดไปเลยว่ามีเสียงซ้อน แต่หันกลับไปก็ไม่มีใคร เหมือนมันกดดันเราอยู่ทุกทาง ถึงกับคิดเล่นๆว่า ถ้าตาย คงมีคนมาเจอศพตอนราว ๆ เก้าโมงมั้ง เดินยังไงก็ไม่ถึงน้ำตกซะที ถึงกับหูแว่วว่าได้ยินคนพูดกันด้านหน้า รีบจ้ำเลย จนเจอน้ำตก
แต่ไม่มีใครเลย
เราชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินกลับไปที่ทำการอุทยาน ที่นี่ดีมาก เพราะมีป้ายบอกอยู่เรื่อยๆเลย เมื่อเราไม่แน่ใจเมื่อไหร่ มักจะมีป้ายบอกทางให้เห็น พอมาถึงจุดที่เจอผู้คน รู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาทันที ป่านี่ บางทีก็น่ากลัว
กลับมาเก็บที่นอนในเต็นท์
แล้วก็เดินออกไปจากที่ทำการ คุณป้าร้านชำไปส่งที่แถววัดพระฉาย แล้วแกก็ให้ลูกชายวัยรุ่นแกไปส่งเราที่ปากทาง ไอ้หนุ่มก็งึมงำ ว่า เนี่ยย แม่ผมโทรปลุกแต่เช้าเลย พี่จะไปไหน ไปไง คุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงปากทาง พอน้องจอดปุ๊ป รถตู้ กรุงเทพบ้านหมี่เทียบปั๊บ
08.20 ขึ้นรถตู้ กลับอนุสาวรีย์ชัย 100 บาท
09.30 ถึงอนุสาวรีย์ชัย ทำไมมันไวนัก ขามายังตั้งหลายชั่วโมง
เรากลับมา พร้อมความสดชื่นสดใส และชุดความคิดใหม่ๆ ที่เราประกอบในเวลาที่อยู่คนเดียว
เราน่าจะออกไปข้างนอก สัมผัสธรรมชาติ ตัวคนเดียว ให้มากกว่านี้
คราวหน้า ก็ขอให้เป็นทะเล . . . . .