ซัน --- น้องสาวของพี่เบน
“พี่เบน ขับแทนผมหน่อยได้ไหม ผมไม่ไหวล่ะ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ได้พูดกับพี่ที่สนิทกันก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น...
รถคว่ำ...
เราแทบจะไม่เป็นอะไรเลย... แต่พี่เบนไม่...
ในงานศพแม่ของพี่เบนยังคงทำใจไม่ได้ ต่อว่าด่าทอเรา บอกว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เขาตาย บอกว่าเราเป็นคนขับรถคันนั้น แล้วโยนความผิดให้คนตาย บอกว่าวันนั้นถ้าเราไม่ชวน พี่เขาก็คงไม่ตาย
เราถอยออกมา คืนนั้นแม้ว่าเราจะเมาอยู่ แต่เราก็จำได้ว่า เราไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัย แต่พอตื่นขึ้นมาในซากรถ กลับพบว่ามันช่วยชีวิตเราไว้... พี่เบนคงใส่ให้เราไว้ตอนที่เราหลับ...
ความรู้สึกเจ็บปวดประทุเบาๆขึ้นในดวงตา เรายืนอยู่ห่างๆในงานศพของพี่เบน แอบไม่ให้แม่ของพี่เขาเห็น โดยยืนส่งพี่เขาสู่สวรรค์โดยไม่แม้แต่มีโอกาสให้กราบเคารพ
และในตอนนั้นเองเราก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัวสูงๆ หน้าคล้ายกับพี่เบน ยืนอยู่ในงานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมทั้งหลั่งน้ำตาออกมา เธอคงเป็นน้องสาวที่พี่เบนพูดให้ฟังบ่อยๆ...
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง มีคนใหม่ย้ายเข้ามานั่งข้างๆเรา เราจำเธอได้ตั้งแต่แรกเห็น น้องสาวของพี่เบนนั่นเอง
ท่าทางของเธอยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม บางทีเธอคงจะยังเสียใจเรื่องพี่ชายอยู่ ไม่งั้นเธอก็คงเป็นแบบนี้อยู่แล้ว บางทีเราน่าจะทำให้เธอยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่ชวนคุยไม่กี่คำ อาจารย์ก็เอาปากกาปาหัวมาซะแล้ว
ไม่กี่วันต่อมา เจนก็ลองดีกับอาจารย์เลย แรงดีจริงๆ ทุกคนในห้อง ดูจะกลัวเจนไปด้วย บางทีเราคงต้องสวนกระแสซักหน่อย
“เจน... ตะกี้แมร่ง สุดทีนว่ะ...”
ไม่นาน เจนก็ได้เพื่อนในห้องเป็นขนมปังกับออย วันนั้นที่ปังอกหักจากพี่ต้า เราก็ใช้ความกวน Teen ของเราชวนขนมปังไปเต้นด้วย ใช่เราไม่รู้ว่า การทำตัวแรดๆจะทำให้ยัยขนมปังเบื่อ หรือเหม็นหน้าเรา แต่อย่างน้อยการที่มีคนให้เกลียด คงดีกว่าต้องเศร้าถึงใครคนหนึ่งตลอดเวลา หวังว่าคราวนี้ ความกวน ของเราคงจะทำให้เจนหายเศร้าได้บ้างนะ
วันนี้เห็นเจนซ้อมเป็นดรัม เท่ไม่หยอกเลย ท่าทางขนมปังคงทำให้เจนดีขึ้นมาได้จริงๆ บางทีอาทิตย์นี้เราน่าจะชวนเจนไปเที่ยวพับไทยบางนะ ถือเป็นการฉลองที่ยัยนี่ร่าเริงขึ้น แม้จะยังเหวี่ยงๆหน่อยก็เถอะ
และแล้ววันที่ไปเที่ยวด้วยกัน เราลองขอเพลงของพี่ต้าให้ขนมปังดู ยัยนี่ก็เมาประชดซะงั้น จะมัวเสียใจอยู่ทำไม รีบๆลืมไปได้แล้ว คนที่อยากดูแลแกยังมีอยู่นะโว้ยปัง อย่างไอ้นนท์นี่ก็ดูท่าทางเป็นคนดี น่าจะฝากดูแลให้ยัยนี่ยิ้มขึ้นมาได้...
และแล้วระหว่างที่กำลังสนุก เจนก็เหมือนเจอเพื่อน เลยขอตัวออกไปก่อน ซึ่งผ่านไปซักพัก ซึ่งก็ดูจะนานไปหน่อยเราเลยเริ่มเป็นห่วง เลยออกเดินหา และเห็นยัยนั่นยืนเพ้ออะไรคนเดียวอยู่ เห็นท่าทางไม่ดีมือไม้ก็สั่นคล้ายกับคนเพ้อยา เราเลยเขาไปทัก เพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็นจะดูไม่ดี
“เจนเป็นอะไร หนาวเหรอ ?”
เราทัก แต่จู่ๆเจนก็เขามากอดเรา เราถึงกอดยัยนี่ตอบ ท่าทางเจนคงเพ้อคิดว่าเราเป็นคนอื่นแน่ๆ
“กลับบ้านป่าว ?” เราถาม
“ไม่...” เจนตอบ “ไปที่อื่นไหม”
“ไปดิ...”
เราพาเจนออกมาขับรถเล่น พูดคุยเป็นเพื่อน แต่ส่วนใหญ่จะรับฟังมากกว่า ยัยนี่เล่าให้ฟังเรื่องเอเลี่ยน ซึ่งคงหมายถึงตัวเอง กับอีกคน ที่คงเป็นคนที่เจนแอบชอบอยู่ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว...
วันนี้เราแทบไม่ได้ดื่มเลย เพราะเรื่องของพี่เบน เราถึงไม่กล้าเมาเท่าไหร่ ในหัวของเราคิดเพียงแค่อย่างเดียว คือทำยังไง ถึงจะส่งยัยนี่ให้ถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย...
ไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวลือเรื่องที่เจนเล่นยาในพับแพร่กระจายออกมา มีหลายคนมาถามเรา เราก็บอกไปว่าไม่ใช่ เพราะเราก็อยู่ด้วยตอนนั้น แต่ท่าทางไม่ค่อยมีคนเชื่อเราเท่าไหร่
คืนต่อมา ก็มีสายเรียกเข้าจากเจน ทำเอาเรารีบบึ่งรถออกไปทันที ก่อนจะเห็นเจนในสภาพคล้ายๆวันก่อน โดยเราให้เจนนอนที่เบาะหลัง ก่อนจะขับรถไปเรื่อยๆเหมือนเมื่อคืนก่อน เราถามเจนว่าจะไปไหน เจนตอบว่าไปไหนก็ได้...
ถ้าเป็นคนอื่นเราคงพาเลี้ยวเข้าโรงแรมเรียบร้อยไปแล้ว แต่กับยัยนี่เราไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นเลยซักนิด เราแค่อยากทำให้ยัยนี่รู้สึกดีขึ้น อยากจะดูแลยัยนี้ให้ดีที่สุด ชดเชยกับที่พี่เบนไม่ได้อยู่ตรงนี้...
ในที่สุดเจนก็พูดเรื่องพี่ชายออกมา ทั้งๆที่เรารู้อยู่แล้วแต่พอได้ยินด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดของเจน ทำเอาเรารู้สึกเจ็บตามขึ้นมาด้วย
“ถ้าเราบอกว่าไม่ได้ทำแกจะเชื่อไหม ?” เจนถามขึ้น
แน่นอนว่าถ้าพี่เบนอยู่ตรงนี้ ถ้าพี่ชายของเธออยู่ที่นี่ เขาต้องเชื่อทุกสิ่งที่เธอพูดแน่ๆ แต่สุดท้ายเจนก็ยอมรับกับเรา ว่าเธอได้ทำลงไปจริงๆ โดยบอกว่าจะลาออกจากการเป็นดรัมพรุ้งนี้ด้วย ได้ยินแบบนั้น เราเลยรู้ทันทีเลยว่าจะไปที่ไหนต่อ...
หลังจากสั่งลาการเป็นดรัมเรียบร้อย ถึงจะร้องเลียนเสียงกลองจนเหนื่อยเจ็บคอ แต่ก็ดีใจที่ทำให้ยัยนี่ยิ้มขึ้นมาได้ ดีใจที่ความกะล่อนของเรายังทำให้น้องสาวคนสำคัญของพี่เบนยิ้มได้บ้าง
“น่าเสียดายนะ... ตอนแกเป็นดรัมเราว่าโคตรเท่เลย” เราเอ่ยขึ้นขณะที่นอนดูจันทร์บนสนามฟุตกลางดึกในโรงเรียนลำพังกับเจนสองคน
ในที่สุดเจนก็ร้องไห้ออกมา ปลดปล่อยความอ่อนแอที่ซ่อนเอาไว้ให้ได้เห็น
แต่ไม่เห็นไรหรอกนะ...
ไม่ต้องอายไปหรอก...
“เอเลี่ยนอะไรวะ ร้องไห้เหมือนคนเลย” เรายิ้มถาม เจนเองก็เหมือนจะยิ้มขึ้นมาได้บ้าง
ใต้ท้องฟ้าราตรีและแสงจันทร์สีนวล เรากุมมือของเจนเอาไว้แน่น แม้ว่าทีแรกจะเป็นเพราะเรื่องของพี่เบน แต่ตอนนี้ เราขอสัญญากับตัวเอง ว่าจะดูแลผู้หญิงคนนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้...
[HM3] เดาเรื่องของ ซัน-เจนและพี่ชาย
“พี่เบน ขับแทนผมหน่อยได้ไหม ผมไม่ไหวล่ะ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ได้พูดกับพี่ที่สนิทกันก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น...
รถคว่ำ...
เราแทบจะไม่เป็นอะไรเลย... แต่พี่เบนไม่...
ในงานศพแม่ของพี่เบนยังคงทำใจไม่ได้ ต่อว่าด่าทอเรา บอกว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เขาตาย บอกว่าเราเป็นคนขับรถคันนั้น แล้วโยนความผิดให้คนตาย บอกว่าวันนั้นถ้าเราไม่ชวน พี่เขาก็คงไม่ตาย
เราถอยออกมา คืนนั้นแม้ว่าเราจะเมาอยู่ แต่เราก็จำได้ว่า เราไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัย แต่พอตื่นขึ้นมาในซากรถ กลับพบว่ามันช่วยชีวิตเราไว้... พี่เบนคงใส่ให้เราไว้ตอนที่เราหลับ...
ความรู้สึกเจ็บปวดประทุเบาๆขึ้นในดวงตา เรายืนอยู่ห่างๆในงานศพของพี่เบน แอบไม่ให้แม่ของพี่เขาเห็น โดยยืนส่งพี่เขาสู่สวรรค์โดยไม่แม้แต่มีโอกาสให้กราบเคารพ
และในตอนนั้นเองเราก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัวสูงๆ หน้าคล้ายกับพี่เบน ยืนอยู่ในงานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมทั้งหลั่งน้ำตาออกมา เธอคงเป็นน้องสาวที่พี่เบนพูดให้ฟังบ่อยๆ...
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง มีคนใหม่ย้ายเข้ามานั่งข้างๆเรา เราจำเธอได้ตั้งแต่แรกเห็น น้องสาวของพี่เบนนั่นเอง
ท่าทางของเธอยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม บางทีเธอคงจะยังเสียใจเรื่องพี่ชายอยู่ ไม่งั้นเธอก็คงเป็นแบบนี้อยู่แล้ว บางทีเราน่าจะทำให้เธอยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่ชวนคุยไม่กี่คำ อาจารย์ก็เอาปากกาปาหัวมาซะแล้ว
ไม่กี่วันต่อมา เจนก็ลองดีกับอาจารย์เลย แรงดีจริงๆ ทุกคนในห้อง ดูจะกลัวเจนไปด้วย บางทีเราคงต้องสวนกระแสซักหน่อย
“เจน... ตะกี้แมร่ง สุดทีนว่ะ...”
ไม่นาน เจนก็ได้เพื่อนในห้องเป็นขนมปังกับออย วันนั้นที่ปังอกหักจากพี่ต้า เราก็ใช้ความกวน Teen ของเราชวนขนมปังไปเต้นด้วย ใช่เราไม่รู้ว่า การทำตัวแรดๆจะทำให้ยัยขนมปังเบื่อ หรือเหม็นหน้าเรา แต่อย่างน้อยการที่มีคนให้เกลียด คงดีกว่าต้องเศร้าถึงใครคนหนึ่งตลอดเวลา หวังว่าคราวนี้ ความกวน ของเราคงจะทำให้เจนหายเศร้าได้บ้างนะ
วันนี้เห็นเจนซ้อมเป็นดรัม เท่ไม่หยอกเลย ท่าทางขนมปังคงทำให้เจนดีขึ้นมาได้จริงๆ บางทีอาทิตย์นี้เราน่าจะชวนเจนไปเที่ยวพับไทยบางนะ ถือเป็นการฉลองที่ยัยนี่ร่าเริงขึ้น แม้จะยังเหวี่ยงๆหน่อยก็เถอะ
และแล้ววันที่ไปเที่ยวด้วยกัน เราลองขอเพลงของพี่ต้าให้ขนมปังดู ยัยนี่ก็เมาประชดซะงั้น จะมัวเสียใจอยู่ทำไม รีบๆลืมไปได้แล้ว คนที่อยากดูแลแกยังมีอยู่นะโว้ยปัง อย่างไอ้นนท์นี่ก็ดูท่าทางเป็นคนดี น่าจะฝากดูแลให้ยัยนี่ยิ้มขึ้นมาได้...
และแล้วระหว่างที่กำลังสนุก เจนก็เหมือนเจอเพื่อน เลยขอตัวออกไปก่อน ซึ่งผ่านไปซักพัก ซึ่งก็ดูจะนานไปหน่อยเราเลยเริ่มเป็นห่วง เลยออกเดินหา และเห็นยัยนั่นยืนเพ้ออะไรคนเดียวอยู่ เห็นท่าทางไม่ดีมือไม้ก็สั่นคล้ายกับคนเพ้อยา เราเลยเขาไปทัก เพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็นจะดูไม่ดี
“เจนเป็นอะไร หนาวเหรอ ?”
เราทัก แต่จู่ๆเจนก็เขามากอดเรา เราถึงกอดยัยนี่ตอบ ท่าทางเจนคงเพ้อคิดว่าเราเป็นคนอื่นแน่ๆ
“กลับบ้านป่าว ?” เราถาม
“ไม่...” เจนตอบ “ไปที่อื่นไหม”
“ไปดิ...”
เราพาเจนออกมาขับรถเล่น พูดคุยเป็นเพื่อน แต่ส่วนใหญ่จะรับฟังมากกว่า ยัยนี่เล่าให้ฟังเรื่องเอเลี่ยน ซึ่งคงหมายถึงตัวเอง กับอีกคน ที่คงเป็นคนที่เจนแอบชอบอยู่ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว...
วันนี้เราแทบไม่ได้ดื่มเลย เพราะเรื่องของพี่เบน เราถึงไม่กล้าเมาเท่าไหร่ ในหัวของเราคิดเพียงแค่อย่างเดียว คือทำยังไง ถึงจะส่งยัยนี่ให้ถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย...
ไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวลือเรื่องที่เจนเล่นยาในพับแพร่กระจายออกมา มีหลายคนมาถามเรา เราก็บอกไปว่าไม่ใช่ เพราะเราก็อยู่ด้วยตอนนั้น แต่ท่าทางไม่ค่อยมีคนเชื่อเราเท่าไหร่
คืนต่อมา ก็มีสายเรียกเข้าจากเจน ทำเอาเรารีบบึ่งรถออกไปทันที ก่อนจะเห็นเจนในสภาพคล้ายๆวันก่อน โดยเราให้เจนนอนที่เบาะหลัง ก่อนจะขับรถไปเรื่อยๆเหมือนเมื่อคืนก่อน เราถามเจนว่าจะไปไหน เจนตอบว่าไปไหนก็ได้...
ถ้าเป็นคนอื่นเราคงพาเลี้ยวเข้าโรงแรมเรียบร้อยไปแล้ว แต่กับยัยนี่เราไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นเลยซักนิด เราแค่อยากทำให้ยัยนี่รู้สึกดีขึ้น อยากจะดูแลยัยนี้ให้ดีที่สุด ชดเชยกับที่พี่เบนไม่ได้อยู่ตรงนี้...
ในที่สุดเจนก็พูดเรื่องพี่ชายออกมา ทั้งๆที่เรารู้อยู่แล้วแต่พอได้ยินด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดของเจน ทำเอาเรารู้สึกเจ็บตามขึ้นมาด้วย
“ถ้าเราบอกว่าไม่ได้ทำแกจะเชื่อไหม ?” เจนถามขึ้น
แน่นอนว่าถ้าพี่เบนอยู่ตรงนี้ ถ้าพี่ชายของเธออยู่ที่นี่ เขาต้องเชื่อทุกสิ่งที่เธอพูดแน่ๆ แต่สุดท้ายเจนก็ยอมรับกับเรา ว่าเธอได้ทำลงไปจริงๆ โดยบอกว่าจะลาออกจากการเป็นดรัมพรุ้งนี้ด้วย ได้ยินแบบนั้น เราเลยรู้ทันทีเลยว่าจะไปที่ไหนต่อ...
หลังจากสั่งลาการเป็นดรัมเรียบร้อย ถึงจะร้องเลียนเสียงกลองจนเหนื่อยเจ็บคอ แต่ก็ดีใจที่ทำให้ยัยนี่ยิ้มขึ้นมาได้ ดีใจที่ความกะล่อนของเรายังทำให้น้องสาวคนสำคัญของพี่เบนยิ้มได้บ้าง
“น่าเสียดายนะ... ตอนแกเป็นดรัมเราว่าโคตรเท่เลย” เราเอ่ยขึ้นขณะที่นอนดูจันทร์บนสนามฟุตกลางดึกในโรงเรียนลำพังกับเจนสองคน
ในที่สุดเจนก็ร้องไห้ออกมา ปลดปล่อยความอ่อนแอที่ซ่อนเอาไว้ให้ได้เห็น
แต่ไม่เห็นไรหรอกนะ...
ไม่ต้องอายไปหรอก...
“เอเลี่ยนอะไรวะ ร้องไห้เหมือนคนเลย” เรายิ้มถาม เจนเองก็เหมือนจะยิ้มขึ้นมาได้บ้าง
ใต้ท้องฟ้าราตรีและแสงจันทร์สีนวล เรากุมมือของเจนเอาไว้แน่น แม้ว่าทีแรกจะเป็นเพราะเรื่องของพี่เบน แต่ตอนนี้ เราขอสัญญากับตัวเอง ว่าจะดูแลผู้หญิงคนนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้...