ตอนแรกกะว่าจะ รีวิว ซี่รี่ HM3 ทุก ๆ ตอนแต่ก็ขี้เกียจ ฮ่า ๆ แต่พอได้ดู EP.5 จบ ความรู้สึกแรกคือชื่นชมทีมเขียนบทกับผู้กำกับมากเลย EP นี้ทำได้แบบว่าลงตัวมาก ๆ ทั้งเสน่ห์ทางความคิด การตีความของแต่ละบุคคลที่ดู แม้กระทั่งตัวบทที่ทำให้เราคิดตามเส้นเรื่องเรื่อย ๆ
ฉากเปิดมา
เป็นตอนที่เจนนอนอยู่ แล้วได้ยืนเสียงเคาะประตูเหมือนหูจะแตก ฉากนี้ทำได้ค่อนข้างดีมาก ในการใส่จังหวะและการตัดต่อเสียง ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเรานอนอยู่และกำลังรำคาญเสียงที่ดังมาก ๆ ซึ่งทำให้เราคิดตามไปว่า ทำไม ? ต้องเคาะด้วยเสียงที่ดังขนาดนั้น หรือตัวของเจนจะมีปัญหากับทางครอบครัว หรือเพราะครอบครัวเป็นแบบนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้น ของความเป็นตัวของเจนที่เราได้เห็นมาทั้งหมด
ซึ่งหากหลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจทางผู้กำกับ ได้ใส่ภาพนี้แทนความรุนแรงในการใช้เข้าไป ทำให้เรารู้สึกชัดเจนขึ้นว่า มันดูรุนแรงนะ แต่ก็แฝงได้ด้วยเส้นเรื่องที่จะส่งผลต่อมา ว่าทำไม ถึงขนาดที่ต้องใช้ค้อน ซึ่งเป็นส่วนนึงที่ทำให้ผู้ชมคิดตามว่า นี้คือครอบครัวที่มีปัญหาหรือป่าว ?
ในฉากนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะ แต่มันแฝงไว้ด้วยข้อคิดอยู่พอสมควร จริง ๆ แล้วการแกล้งเพื่อนสลับรองเท้าเนี่ย น่าจะมีทุกโรงเรียนนะ แต่ทาง HM 3 ได้สะท้อนออกมาให้เห็นว่า บางทีการที่ใครคนนึงสนุกกับสิ่งที่เขาทำ อาจจะไม่ได้ทำให้ใครหลายคนสนุกไปด้วย แม้มันจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็ใช่สิ่งที่ควรทำ ?
ค่อนข้างจะชอบฉากนี้เลยนะ แบบว่าสะท้อนให้เห็นชัดเจนดีว่า เป็นรุ่นพี่ไม่มีทางผิด เป็นรุ่นน้องได้ฟังรุ่นพี่ ฮ่า ๆ ซึ่งมันเป็นอย่างงี้จริง ๆ ไม่ว่าจะที่ไหน แต่ครูลูกตาลนี้ค่อนข้างพูดได้ดีทีเดียว แบบว่าเข้าใจทั้งสองฝ่าย ไม่พยายามเข้าข้างใครเกินไป
หากใครได้ดูฉากนี้ คงจำได้ว่า เภาตอนแม่บ่นว่า ก็เป็นอย่างงี้ล่ะ ทำอะไรได้แปปเดียว สะท้อนให้เด็กสมัยนี้เห็นเลยว่า ไม่ว่าจะทำอะไร มันไม่ได้ง่ายหรอก มันต้องพยายาม ไม่ใช่ว่าคิดว่ามันสนุกและจะได้ไปถึงปลายทาง ไม่ว่าจะทำอะไรกว่าจะถึงปลายทางของมันก็ต้องผ่านอุปสรรคกันทั้งนั้น
สองฉากนี้ เหมือนเป็นการสะท้อนให้เห็นความสำคัญในการพูดคุย ของคนในครอบครัวว่า การที่เราเข้าใจคนในครอบครัวของเรา มันค่อนข้างให้ความสบายใจ ให้ความสุข กว่าการที่คนในครอบครัวไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เข้าใจกัน ทั้งยังลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วยเพราะได้รับคำแนะนำจากครอบครัว
ฉากเอเลี่ยน เหมือนเป็นการบอกใบ้ถึงความรู้สึกของทั้งสองคน
ซึ่งบางทีการที่เราได้อยู่ด้วยกันกับเขา แล้วเรารู้สึกดี ซึ่งมันคือความรู้สึกดี แต่มันอาจไม่ใช่ความรัก
การที่เราทำตามใจตัวเอง มันอาจทำให้คนอื่นเป็นห่วงเรา เป็นการบ่งบอกเป็นนัย ๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ หากทำอะไร ไม่ว่าจะร้ายหรือดีควรบอกคนในครอบครัว เพราะคนในครอบครัวก็ย่อมที่จะห่วงเรา ซึ่งฉากนี้ก็ได้เพิ่มเส้นเรื่องของพี่ชายเจนเข้าไป ทำให้ผู้ชมได้คิดตามระหว่างที่สะกิดใจเรื่องการหนีออกไปเที่ยวของเจน
ฉากนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว จริงๆ แล้วเหมือนเป็นการเปิดเส้นเรื่องของทางออย ซึ่งหรือบางทีเฟริสที่ว่าจีบคนนู้นไปที จีบคนนี้ไปที อาจจะทำให้ออยต้องพบกับประสบการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งขนมปังก็ค่อนข้างบอกใบ้ไว้แล้วตั้งแต่ตอนแรก ๆ

ฉากนี้ค่อนข้างเป็นจุดพีคของ Ep นี้เลยก็ว่า ทางทีมเขียนบท ใส่ข้อคิดไว้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ข่าวลือนั้นถึงมันจะแค่ข่าวลือหากหลาย ๆ คนชื่อในสิ่งที่เป็นข่าวลือก็ย่อมสร้างปัญหาได้จริง ๆ ซึ่งมันส่งผลทางตามมาอย่างใหญ่หลวง
ในที่ประชุมจะเห็นว่า มีครูที่ค่อนข้างสนใจในภาพลักษณ์ของโรงเรียน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นข่าวจริง หรือข่าวเท็จก็ย่อมอยากรักษาผลประโยชน์ของตัวโรงเรียนนก่อนเสมอ ทั้งยังได้สอดแทรกอีกว่า บางครั้งการหาความจริง กับการช่วยเด็กที่กำลังจะหมดอนาคต หากเราเป็นครูจริง ๆ เราจะเลือกอะไร
ฉากนี้ครูลูกตาล เหมือนบอกเป็นนัย ๆ ว่าการที่เราเลือกที่จะช่วยเด็กนักเรียนคนนึงที่หลงผิด มันเป็นหน้าที่ของครูจริง หรือ ? ต่างจากฉากที่อยู่ในของประชุมที่ทุกคนต้องการที่จะหาความจริง ซึ่งอาจจะทำให้เด็กคนนั้นหมดอนาคตได้ ซึ่งในฉากนี้ได้มีการสอดแทรกอีกว่า เจนนั้นไม่ได้คิดที่สิ่งที่จะตามมาในสิ่งตัวเองกระทำ ซึ่งมันส่งผลอย่างใหญ่หลวง ทำให้สะกิดใจผู้ชมว่า การทำอะไรหากไม่คิดให้ดีๆ ย่อมเกิดผลที่จะตามมา ซึ่งมันอาจจะยากเกิดกว่าจะแก้ไข ทางครูลูกตาลก็เชื่อมั่นในตัวเจน ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแแรกเลยก็ได้ที่มีคนเชื่อมั่นและช่วยเจน ซึ่งอาจจะเป็นจุดเปลี่ยน ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ได้ ทั้งยังได้เตือนสติของเจนอีกว่า การที่เราคิดว่าตัวเองมีลิมิตในการเสพยา เพื่ออะไร กันแน่ เพื่อให้หัวมันโล่งหรอ แล้วมัน ? ไม่ใช่การหนีปัญหาหรือ ? การต้องใช้มันเรื่อย ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันติดหรอ ? ซึ่งจะสะกิดใจคนดู ให้ย้อนกลับไปคิด ซึ่งเป็นฉากที่ดีมาก ๆ
บางครั้งการที่คนในครอบครัวทำเพราะความเป็นห่วง แต่มันก็เกินลิมิตของความไว้ใจและเป็นส่วนตัว ซึ่งเหมือนเป็นการสะท้อนในฉากของครูลูกตาลที่ไว้ใจ และเชื่อใจในตัวเจน ซึ่งต่างจากคนในครอบครัวเจนที่ไม่ไว้ใจเธอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ตามมาได้อย่างชัดเจน
เหมือนจะเป็นการให้ผู้ชมตั้งคำถามมากกว่าว่า เจนนั้นยังเสพยาเหมือนเดิม หรือว่าเชื่อในคำพูดของครูลูกตาล ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนที่ไม่มีคนเชื่อใจเธอ เธอก็คงกลับไปเสพยาอย่างเก่าแน่นอน
ฉากนี้เหมือนเป็นการบอกเส้นเรื่องของเจนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียนเมืองนอก ซึ่งเป็นผลจากทางครอบครัวของเจน ซึ่งไม่ใช่การตัดสินใจของเจน เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยว่า บางทีการปล่อยละเลยเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป แต่ดูจากสภาพหลังจากที่ตัดมาจากฉากร้านเหล้า เหมือนว่าเจนจะมีสติ ซึ่งอาจจะเป็นการที่เจนอาจจะไม่โดนไล่ออกจากโรงเรียน ทั้งยังสะท้อนอีกว่า การที่ครูโกหกเพื่อช่วยตนเองนั้น มันทำให้ตนเองที่เป็นคนไม่ดีเอามาก ๆ ฉากนี้ยังได้สอดแทรกอีกว่าการที่เรามีเพื่อนที่ดีนั้น มันช่วยเราได้จริง ๆ ไม่ใช่แต่จะหวังผลประโยชน์จากเรา ได้ช่วยรับฟัง ช่วยปลอบใจ ได้ดีกว่าคนในครอบครัวซะอีก
การที่เราคิดว่า เราไม่มีใคร เราอยู่คนเดียวบนโลก มันคงทำให้ตัวเจนคิดว่าตัวเธอเป็นเอเลี่ยน ซึ่งบางคนก็อาจจะเจอประสบการณ์แบบนี้เช่นกัน แต่ทางเขียนบทก็ยังได้พยายามช่วยผู้คนเหล่านั้น ให้เข้าใจว่า ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมองเห็นเราหรอก แค่เราต้องเปิดใจ ลองไว้ใจคนอื่น และเล่าบางเรื่องให้คนอื่นฟังดูบาง บางทีมันอาจจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นก็ได้ว่า น้ำตาของมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร
ฉากนี้เหมือนเป็นการบ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่า ถึงการที่เขาจะทำให้เราไม่สบายใจ ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงเรา
ฉากปิดของ Ep นี้ เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นของผลการกระทำ ซึ่งแน่นอนสำหรับเจนแล้ว การไม่ยอมใครของเธอ มันเลยทำให้เกิดการที่ใช้กำลังในการตัดสินใจ ซึ่งอาจจะส่งผลตามมาได้ EP ต่อๆ ไปแต่ผลของการกระทำของนัด ที่อาจส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ อาจจะทำให้เล่นกีฬาไม่ได้อีกตลอดชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งไม่คุ้มอย่างยิ่งสำหรับ การที่เราพยายามเอาชนะใครสักคน และต้องแลกกับสิ่งที่เรารักไปทั้งชีวิต ซึ่งชีวิตวัยรุ่นมักจะเป็นอย่างงั้น พอมาคิดได้ก็มักจะสายเกินไปแล้ว
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามและอ่านที่รีวิวมาทั้งหมด หวังว่าอาจรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหลาย ๆ คนที่กำลังดู HM3 ซึ่งขอชื้มชมนักเขียนบท และผู้กำกับเลยว่า Ep นี้ทำได้ดีมาก ๆ ไม่ใช่แค่ว่าทำหนังวัยรุ่น หนุกๆ มันๆ ซ่าๆ แต่มันแฝงไปด้วยข้อคิด และคติสอนใจมากมาย อยู่ที่ว่าผู้ชม จะเข้าถึงมันได้เท่าไหร่ แม้ว่าผู้ชมหลายท่านอาจจไม่เข้าถึงมัน แต่มันก็สะกิดใจหลาย ๆ คน ให้ลองคิดทบทวนกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ว่ามันดีกับตัวเราเองจริงหรือ ?
ปล. จริงๆ อยากให้ทีมเขียนบท ลองพิจารณาใส่เส้นเรื่องของ แต่เรียน กับเด็กกิจกรรม ให้เห็นถึงความแตกต่าง ความสูญเสียบางสิ่งที่เขาไม่ได้ทำในชีวิตบาง
[CR] HORMONES 3 THE FINAL SEASON EP.5 ซ่อนไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ทางความคิดที่ทรงพลัง
ฉากเปิดมา
เป็นตอนที่เจนนอนอยู่ แล้วได้ยืนเสียงเคาะประตูเหมือนหูจะแตก ฉากนี้ทำได้ค่อนข้างดีมาก ในการใส่จังหวะและการตัดต่อเสียง ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเรานอนอยู่และกำลังรำคาญเสียงที่ดังมาก ๆ ซึ่งทำให้เราคิดตามไปว่า ทำไม ? ต้องเคาะด้วยเสียงที่ดังขนาดนั้น หรือตัวของเจนจะมีปัญหากับทางครอบครัว หรือเพราะครอบครัวเป็นแบบนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้น ของความเป็นตัวของเจนที่เราได้เห็นมาทั้งหมด
ซึ่งหากหลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจทางผู้กำกับ ได้ใส่ภาพนี้แทนความรุนแรงในการใช้เข้าไป ทำให้เรารู้สึกชัดเจนขึ้นว่า มันดูรุนแรงนะ แต่ก็แฝงได้ด้วยเส้นเรื่องที่จะส่งผลต่อมา ว่าทำไม ถึงขนาดที่ต้องใช้ค้อน ซึ่งเป็นส่วนนึงที่ทำให้ผู้ชมคิดตามว่า นี้คือครอบครัวที่มีปัญหาหรือป่าว ?
ในฉากนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะ แต่มันแฝงไว้ด้วยข้อคิดอยู่พอสมควร จริง ๆ แล้วการแกล้งเพื่อนสลับรองเท้าเนี่ย น่าจะมีทุกโรงเรียนนะ แต่ทาง HM 3 ได้สะท้อนออกมาให้เห็นว่า บางทีการที่ใครคนนึงสนุกกับสิ่งที่เขาทำ อาจจะไม่ได้ทำให้ใครหลายคนสนุกไปด้วย แม้มันจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็ใช่สิ่งที่ควรทำ ?
ค่อนข้างจะชอบฉากนี้เลยนะ แบบว่าสะท้อนให้เห็นชัดเจนดีว่า เป็นรุ่นพี่ไม่มีทางผิด เป็นรุ่นน้องได้ฟังรุ่นพี่ ฮ่า ๆ ซึ่งมันเป็นอย่างงี้จริง ๆ ไม่ว่าจะที่ไหน แต่ครูลูกตาลนี้ค่อนข้างพูดได้ดีทีเดียว แบบว่าเข้าใจทั้งสองฝ่าย ไม่พยายามเข้าข้างใครเกินไป
หากใครได้ดูฉากนี้ คงจำได้ว่า เภาตอนแม่บ่นว่า ก็เป็นอย่างงี้ล่ะ ทำอะไรได้แปปเดียว สะท้อนให้เด็กสมัยนี้เห็นเลยว่า ไม่ว่าจะทำอะไร มันไม่ได้ง่ายหรอก มันต้องพยายาม ไม่ใช่ว่าคิดว่ามันสนุกและจะได้ไปถึงปลายทาง ไม่ว่าจะทำอะไรกว่าจะถึงปลายทางของมันก็ต้องผ่านอุปสรรคกันทั้งนั้น
สองฉากนี้ เหมือนเป็นการสะท้อนให้เห็นความสำคัญในการพูดคุย ของคนในครอบครัวว่า การที่เราเข้าใจคนในครอบครัวของเรา มันค่อนข้างให้ความสบายใจ ให้ความสุข กว่าการที่คนในครอบครัวไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เข้าใจกัน ทั้งยังลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วยเพราะได้รับคำแนะนำจากครอบครัว
ฉากเอเลี่ยน เหมือนเป็นการบอกใบ้ถึงความรู้สึกของทั้งสองคน
ซึ่งบางทีการที่เราได้อยู่ด้วยกันกับเขา แล้วเรารู้สึกดี ซึ่งมันคือความรู้สึกดี แต่มันอาจไม่ใช่ความรัก
การที่เราทำตามใจตัวเอง มันอาจทำให้คนอื่นเป็นห่วงเรา เป็นการบ่งบอกเป็นนัย ๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ หากทำอะไร ไม่ว่าจะร้ายหรือดีควรบอกคนในครอบครัว เพราะคนในครอบครัวก็ย่อมที่จะห่วงเรา ซึ่งฉากนี้ก็ได้เพิ่มเส้นเรื่องของพี่ชายเจนเข้าไป ทำให้ผู้ชมได้คิดตามระหว่างที่สะกิดใจเรื่องการหนีออกไปเที่ยวของเจน
ฉากนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว จริงๆ แล้วเหมือนเป็นการเปิดเส้นเรื่องของทางออย ซึ่งหรือบางทีเฟริสที่ว่าจีบคนนู้นไปที จีบคนนี้ไปที อาจจะทำให้ออยต้องพบกับประสบการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งขนมปังก็ค่อนข้างบอกใบ้ไว้แล้วตั้งแต่ตอนแรก ๆ
ฉากนี้ค่อนข้างเป็นจุดพีคของ Ep นี้เลยก็ว่า ทางทีมเขียนบท ใส่ข้อคิดไว้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ข่าวลือนั้นถึงมันจะแค่ข่าวลือหากหลาย ๆ คนชื่อในสิ่งที่เป็นข่าวลือก็ย่อมสร้างปัญหาได้จริง ๆ ซึ่งมันส่งผลทางตามมาอย่างใหญ่หลวง
ในที่ประชุมจะเห็นว่า มีครูที่ค่อนข้างสนใจในภาพลักษณ์ของโรงเรียน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นข่าวจริง หรือข่าวเท็จก็ย่อมอยากรักษาผลประโยชน์ของตัวโรงเรียนนก่อนเสมอ ทั้งยังได้สอดแทรกอีกว่า บางครั้งการหาความจริง กับการช่วยเด็กที่กำลังจะหมดอนาคต หากเราเป็นครูจริง ๆ เราจะเลือกอะไร
ฉากนี้ครูลูกตาล เหมือนบอกเป็นนัย ๆ ว่าการที่เราเลือกที่จะช่วยเด็กนักเรียนคนนึงที่หลงผิด มันเป็นหน้าที่ของครูจริง หรือ ? ต่างจากฉากที่อยู่ในของประชุมที่ทุกคนต้องการที่จะหาความจริง ซึ่งอาจจะทำให้เด็กคนนั้นหมดอนาคตได้ ซึ่งในฉากนี้ได้มีการสอดแทรกอีกว่า เจนนั้นไม่ได้คิดที่สิ่งที่จะตามมาในสิ่งตัวเองกระทำ ซึ่งมันส่งผลอย่างใหญ่หลวง ทำให้สะกิดใจผู้ชมว่า การทำอะไรหากไม่คิดให้ดีๆ ย่อมเกิดผลที่จะตามมา ซึ่งมันอาจจะยากเกิดกว่าจะแก้ไข ทางครูลูกตาลก็เชื่อมั่นในตัวเจน ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแแรกเลยก็ได้ที่มีคนเชื่อมั่นและช่วยเจน ซึ่งอาจจะเป็นจุดเปลี่ยน ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ได้ ทั้งยังได้เตือนสติของเจนอีกว่า การที่เราคิดว่าตัวเองมีลิมิตในการเสพยา เพื่ออะไร กันแน่ เพื่อให้หัวมันโล่งหรอ แล้วมัน ? ไม่ใช่การหนีปัญหาหรือ ? การต้องใช้มันเรื่อย ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันติดหรอ ? ซึ่งจะสะกิดใจคนดู ให้ย้อนกลับไปคิด ซึ่งเป็นฉากที่ดีมาก ๆ
บางครั้งการที่คนในครอบครัวทำเพราะความเป็นห่วง แต่มันก็เกินลิมิตของความไว้ใจและเป็นส่วนตัว ซึ่งเหมือนเป็นการสะท้อนในฉากของครูลูกตาลที่ไว้ใจ และเชื่อใจในตัวเจน ซึ่งต่างจากคนในครอบครัวเจนที่ไม่ไว้ใจเธอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ตามมาได้อย่างชัดเจน
เหมือนจะเป็นการให้ผู้ชมตั้งคำถามมากกว่าว่า เจนนั้นยังเสพยาเหมือนเดิม หรือว่าเชื่อในคำพูดของครูลูกตาล ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนที่ไม่มีคนเชื่อใจเธอ เธอก็คงกลับไปเสพยาอย่างเก่าแน่นอน
ฉากนี้เหมือนเป็นการบอกเส้นเรื่องของเจนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียนเมืองนอก ซึ่งเป็นผลจากทางครอบครัวของเจน ซึ่งไม่ใช่การตัดสินใจของเจน เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยว่า บางทีการปล่อยละเลยเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป แต่ดูจากสภาพหลังจากที่ตัดมาจากฉากร้านเหล้า เหมือนว่าเจนจะมีสติ ซึ่งอาจจะเป็นการที่เจนอาจจะไม่โดนไล่ออกจากโรงเรียน ทั้งยังสะท้อนอีกว่า การที่ครูโกหกเพื่อช่วยตนเองนั้น มันทำให้ตนเองที่เป็นคนไม่ดีเอามาก ๆ ฉากนี้ยังได้สอดแทรกอีกว่าการที่เรามีเพื่อนที่ดีนั้น มันช่วยเราได้จริง ๆ ไม่ใช่แต่จะหวังผลประโยชน์จากเรา ได้ช่วยรับฟัง ช่วยปลอบใจ ได้ดีกว่าคนในครอบครัวซะอีก
การที่เราคิดว่า เราไม่มีใคร เราอยู่คนเดียวบนโลก มันคงทำให้ตัวเจนคิดว่าตัวเธอเป็นเอเลี่ยน ซึ่งบางคนก็อาจจะเจอประสบการณ์แบบนี้เช่นกัน แต่ทางเขียนบทก็ยังได้พยายามช่วยผู้คนเหล่านั้น ให้เข้าใจว่า ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมองเห็นเราหรอก แค่เราต้องเปิดใจ ลองไว้ใจคนอื่น และเล่าบางเรื่องให้คนอื่นฟังดูบาง บางทีมันอาจจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นก็ได้ว่า น้ำตาของมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร
ฉากนี้เหมือนเป็นการบ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่า ถึงการที่เขาจะทำให้เราไม่สบายใจ ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงเรา
ฉากปิดของ Ep นี้ เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นของผลการกระทำ ซึ่งแน่นอนสำหรับเจนแล้ว การไม่ยอมใครของเธอ มันเลยทำให้เกิดการที่ใช้กำลังในการตัดสินใจ ซึ่งอาจจะส่งผลตามมาได้ EP ต่อๆ ไปแต่ผลของการกระทำของนัด ที่อาจส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ อาจจะทำให้เล่นกีฬาไม่ได้อีกตลอดชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งไม่คุ้มอย่างยิ่งสำหรับ การที่เราพยายามเอาชนะใครสักคน และต้องแลกกับสิ่งที่เรารักไปทั้งชีวิต ซึ่งชีวิตวัยรุ่นมักจะเป็นอย่างงั้น พอมาคิดได้ก็มักจะสายเกินไปแล้ว
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามและอ่านที่รีวิวมาทั้งหมด หวังว่าอาจรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหลาย ๆ คนที่กำลังดู HM3 ซึ่งขอชื้มชมนักเขียนบท และผู้กำกับเลยว่า Ep นี้ทำได้ดีมาก ๆ ไม่ใช่แค่ว่าทำหนังวัยรุ่น หนุกๆ มันๆ ซ่าๆ แต่มันแฝงไปด้วยข้อคิด และคติสอนใจมากมาย อยู่ที่ว่าผู้ชม จะเข้าถึงมันได้เท่าไหร่ แม้ว่าผู้ชมหลายท่านอาจจไม่เข้าถึงมัน แต่มันก็สะกิดใจหลาย ๆ คน ให้ลองคิดทบทวนกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ว่ามันดีกับตัวเราเองจริงหรือ ?
ปล. จริงๆ อยากให้ทีมเขียนบท ลองพิจารณาใส่เส้นเรื่องของ แต่เรียน กับเด็กกิจกรรม ให้เห็นถึงความแตกต่าง ความสูญเสียบางสิ่งที่เขาไม่ได้ทำในชีวิตบาง