ประสบการณ์ภาวะแท้งคุกคาม อยู่ในท้องกับเนื้องอก และหนูน้อยคลอดก่อนกำหนด

ขอแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับคุณแม่ที่กำลังเผชิญกับภาวะแท้งคุกคาม หรือคลอดกำหนด
ทันทีที่เราสงสัยว่าตั้งครรภ์ ก็ได้ทดลองซื้อชุดตรวจมาลองหลายครั้ง หลายยี่ห้อ ก็ยังไม่แน่ใจ จนไปพบคุณหมอที่คลินิคเพื่อตรวจ  เมื่อเรารู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ก็หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการฝากครรภ์ ที่ไหน คุณหมออะไรดีต่างๆ จะฝากพิเศษมั้ย ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่  ทั้งหมดจากรีวิวคุณแม่ที่มีประสบการณ์ในพันทิป (และหวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังคุณแม่ เช่นกัน)  จนตัดสินใจเลือกฝากครรภ์ ลูกคนแรกของเราที่ ร.พ.ศิริราช เนื่องจากใกล้ที่ทำงาน และเคยผ่าตัดเนื้องอกที่นั่นเมื่อ 2 ปี ก่อน ที่สำคัญ ที่นั่นมีความพร้อมทุกด้าน ที่จะรับมือกับอะไรก็ตามที่อาจจะเกิดในระหว่าง 9 เดือน ต่อจากนี้ได้  

    เราปฎิบัติตัวตามคำแนะนำ และไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง  จนอายุครรภ์ได้ 2 เดือนกว่า เรามีอาการผิดปกติ คุณหมอบอกว่า มีภาวะแท้งคุกคาม น้องน่าจะไม่อยู่แล้ว ให้หยุดงาน กลับมานอนเฉยๆอยู่เป็นอาทิตย์
เราก็สู้จนผ่านมาได้เดือนที่ 4 คุณหมอพบก้อนเนื้อในมดลูกที่โตไปพร้อมกับหนู ต้องติดตามเป็นระยะ  จน 5 เดือน เราถึงได้รู้ว่าหนูเป็นเด็กชาย แต่กว่าจะรู้ก็หนูหนีบสุดฤทธิ์ คุณหมอต้องส่องมาจากด้านหลังถึงเห็น เย้ได้ลูกชายคนแรก (เอาไว้กระทู้หน้าค่อย แชร์วิธีการแล้วกัน อิๆ)

    จนกระทั่งอายุครรภ์ได้ 7 เดือนกว่า เรามีอาการเลือดออก แต่ไม่เจ็บ วันนั้นคุณหมอนัดตรวจพอดี จึงได้ไปหาตามนัดปกติ  คุณหมอพบว่ามีน้ำเดิน ต้องผ่าตัดด่วน เรามาหาคนเดียว ทุกอย่างยังไม่ได้เตรียมสำหรับการคลอด เพราะเหลือเวลาของหนูอีกเกือบ 2 เดือน ถูกเข็นเข้ามานอนรอผ่าอยู่ในห้องคลอดชั้น 8 ตึกพระศรีฯตั้งแต่ 10 โมงกว่า ย้ายมาผ่าที่ชั้น 3  ระหว่างอยู่ในห้องรอโทรศัพท์คุยกับพ่อและป้าของหนูได้  พ่อของหนูไปไหว้ขอพรพระราชานุสาวรีย์ฯ พระบรมราชชนก   ซึ่งเป็นปกติทุกครั้งที่มาศิริราช จะมาไหว้พระองค์ท่าน

จนถึงบ่าย 2 กว่า ได้คลอดหนูน้อย ออกมา เป็นเด็กชาย ตัวเล็กๆยาวๆ ผิวแดง จมูกโด่ง



       ด้วยน้ำหนักแรกคลอดเพียง 2010 กรัม เราได้เจอกันในห้องคลอดไม่ถึง 5  นาที หนูก็ถูกแยกไปอยู่ห้องเนอสฯ ให้น้ำเกลือ กินนมทีละ 8 ซีซี เจาะเลือดเช้า เย็น เพื่อดูน้ำตา]และตัวเหลือง  ส่วนเราอยู่นอนเจ็บแผลอยู่ชั้น 14  ด้วยความอยากเจอหน้าหนู พยายามจะเดินลงไปจนเกือบเป็นลม กว่าเราจะได้เจอกันก็วันที่ 3 พี่พยาบาลสอนให้หนูดูดนมแม่ หนูดูดไม่ได้ หนูมีผังผืดใต้ลิ้น หนูต้องตัดผังผืดก่อน แม่พักฟื้นและรอหนูออกจากรพ.พร้อมกัน จนวันที่ 9 คุณหมอถึงให้หนูกลับบ้าน ด้วยน้ำหนัก 1880 กรัม   และมีนัดตัดผังผืดใต้ลิ้นตอนประมาณ 3 วีค
    
    ก่อนออกจาก รพ.คุณหมอเรียกไปพบและบอกกับเราว่า หนูมีใบหูข้างซ้ายเล็ก ซึ่งสัมพันธ์กับไต ต้องตรวจดู น้ำตาไหลพรั่งพรู อีก 1 อาทิตย์ นัดมาทำอัลตราซาวด์ไตที่ตึก OPD  ตอนหมอซาวด์ไป หนูร้องไห้ไป แม่ก็ร้องตาม พ่อก็ช่วยจับไม่ให้หนูดิ้น ฟังผลออกมาดี ไม่มีอะไรน่ากังวล

ทุกคนอุ้มหนูอย่างทนุถนอม เป็นพิเศษ หนูตัวเล็กและหนักไม่ถึง 2000 กรัม


    พอหนูครบ 1เดือน หนูไม่สบาย เป็นไข้หวัด โชคดีอีกครั้งตรงกับวันหมอนัดพอดี  เราออกเดินทางจากบ้านต่างจังหวัดตั้งแต่ตี 5 คุณหมอตรวจ และจ่ายบัตร fast tract .ให้หนูเข้าแอดมิททันที ด้วยอาการปอดอักเสบ RSV  ให้น้ำเกลืออยู่ 3 วัน ค่อยกลับบ้าน



ออกจาก รพ.หายป่วย ก็โกนผมไฟ
            
จากนั้นหนูมีนัดต่างๆตามระยะเวลา ทั้งคลินิคนมแม่ คลินิคดูแลสุขภาพเด็กต่อเนื่อง พันธุศาสตร์
จนหนูอายุได้ 10 เดือน คุณหมอได้ส่งให้หนูไปตรวจการได้ยินด้วย ซึ่งต้องกินยานอนหลับ งดนม งดน้ำ หลายชั่วโมงก่อนตรวจ แถมถ้าหนูตื่นขึ้นมาระหว่างตรวจทุกอย่างที่ทำไปต้องเริ่มกันใหม่ครั้งหน้า แตหนูเก่งมาก และผลก็ผ่านไปได้ด้วยดี
    
หน้าหนาวพอดี  เด็กตัวเล็กๆต้องให้ความอบอุ่น
    

เริ่มขาวและแก้มยุ้ย จากการกินนมแม่


การตัดผมครั้งแรก ก็คงตื่นแต้น และคาดหวังกับทรงผมใหม่เป็นธรรมดา  หนูไม่ดิ้น เดี๋ยวไม่หล่อ



แต่พอตัดเสร็จ แล้วหนูเห็นตัวเองในกระจก เท่านั้นล่ะ


หนูชอบนั่งรถเล่น หรือเดินเล่น  หนูเป็นเด็กขยัน ตื่นแต่เช้า  ช่วยงานบ้านทุกอย่าง ไม่ว่าจะล้างขวดนม เอง


ช่วยงานบ้าน


แม้แต่งานหนักๆ ร้อนๆ หนูก็ไม่เกี่ยง


และหนูก็ดูแลตัวเอง


ตอนนี้หนูอายุได้ 1 ขวบ 2 เดือนแล้ว  ร่าเริง ขี้เล่น เข้าได้กับทุกคน  และกินเก่งมาก พูดหม่ำๆทั้งวัน



ยิ้มที ตาหายหมดเลย


หนูมีนัด Follow up  ที่ รพ.ศิริราช  คุณหมอ ให้หนูกินข้าว 3 มื้อ ลดจำนวนนมลง จาก 32 ออนซ์ เหลือ ไม่เกิน 24 32 ออนซ์ / วัน  
และหนูก็แพ้นมวัว พอกินนมแม่ได้ 10 เดือน  เลยกินนม Pepti และก็ HA2 ก็ดีขึ้นเรื่องคัดจมูก เสียงหายใจ

ตอนนี้ เริ่มยืน กำลังก้าวเดินแล้ว



พ่อ แม่  จะเลี้ยงหนูให้ดี   อยู่กับความธรรมดา ๆ อย่างที่พ่อ และ แม่ โตมา เราจะไม่พยามยามปรุงแต่งอะไรกับการใช้ชีวิตของหนูมากไป  หนูไม่ได้นอนห้องแอร์ทั้งที่หนูขี้ร้อน เพราะหนูต้องอยู่กับมันให้ได้ พ่อและแม่ไม่สามารถไปติดแอร์ให้ทุกที่ได้ เวลาหนูโตขึ้น  หนูอาจจะถูกขัดใจบ้าง ถูกตีบ้าง  ถูกปล่อยให้ทำอะไรๆเอง บ้าง


สิ่งที่อยากจะแชร์
ภาวะแท้งคุกคาม   :  ปฎิบัติตามคำแนะนำของหมอ ตอนนั้นไม่ได้ฉีดยากันแท้งคุณหมอไม่ได้พูดถึง เราก็ไม่ได้ถาม  เราเองก็พอเข้าใจว่าสุดท้ายธรรมชาติจะคัดสรรสิ่งที่เหมาะสมเอง มันเป็นกลไกตามธรรมชาติ  อย่าเครียด อย่าร้องไห้มากนัก นอนพักผ่อน ทำใจให้สบาย  เราทำดีที่สุดแล้ว

เนื้องอกในมดลูกที่โตไปพร้อมกับน้องในท้อง   :  ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก ว่าไปเบียดกับอวัยวะส่วนใดของทารกในครรภ์หรือไม่ ซึ่งคุณหมอจะซาวน์และประเมินเป็นระยะ ไม่ได้มีการกินยาควบคุมอะไร แต่อย่างๆรก็ตามเรื่องนี้ หากคุณแม่เคยมีการผ่าตัดช็อคโกเลตซีส หรือเนื้องอกก่อนตั้งครรภ์ แนะนำว่าควรฝากครรภ์กับ รพ. มากกว่า เพราะอาจจำเป็นต้องได้รับการปรึกษาจากคุณหมอหลายๆท่าน ซึ่งไม่มีในคลินิค

เด็กคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ :   ดื่มนมแม่  นมแม่ดีที่สุด ตามคำแนะนำของคุณหมอ นมแม่มีสารอาหาร  ฮอโมน และภูมิต้านทานต่างๆครบถ้วน  ต้องพยามพยามกระตุ้นน้ำนมแม่ให้ได้ ซึ่งใน รพ. จะมีคลินิคนมแม่  คอยดูแลให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ทั้งท่าทางการให้นมที่ถูกต้อง การกระตุ้นน้ำนม อาหารการกิน และสภาวะของลูกในการกินมม มีการสอนและให้การบ้าน อย่างเป็นระบบ  ซึ่งน้ำนมแม่ดีที่สุด คือ 7 วันแรกหลังคลอด ต่อมาคือ 3 เดือนหลังคลอด และสุดท้ายคือหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว   และเน้นเรื่องของความสะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค และไปหาหมอตามนัดทุกครั้ง

หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่มือใหม่และทุกๆคนค่ะ
อมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่