ช่วงนี้กระแสละครเกาหลีที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งในบ้าน และนอกบ้านทำให้การทำละครเองเปลี่ยนแปลงไปมาก
ความเปลี่ยนแปลงละครที่มีอยู่เรื่อยๆแต่ในช่วงสามสี่ปีให้หลังละครเกาหลีเองเปลี่ยนอย่างพลิกผันมากกว่าเมื่อก่อนมาก
เพราะคนดูกำหนด ละครเกาหลีเลยเปลี่ยนไปจริงหรือ.....................
ละครดังในต่างประเทศ
ละครเกาหลีที่ดังในต่างประเทศมักจะมีเทรนละครที่คล้ายๆกันจนเมื่อถึงเวลาอิ่มตัวก็จะหายไปจนกว่าจะมีละครที่เปิดทางอีกครั้ง ช่วงแรกละครแนวรัก 4 ฤดู ที่เปิดตลาดเกาหลีจนมีละครแนวรักอย่างนี้ออกมาอีกจำนวนมาก จากนั้นมาช่วงยุครุ่งเรืองที่สุดของละครเกาหลีคือละครพีเรียด เป็นเวลาที่ละครเกาหลีจำหน่ายออกต่างประเทศมากที่สุด
แต่ในยุคปัจจุบันละครเกาหลีเองได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบทำละครเพื่อตอบสนองคู่ค้ารายใหญ่อีกครั้งนั่นคือประเทศจีน ซึ่งละครที่ดังส่วนมากจะเป็นโรแมนติก คอมเมดี้ หรือไม่แนวโรแมนซ์ โดยละครที่ทำเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์สูงสุดคือ Pinocchio ที่ 280,000 เหรียญต่อตอน จนมีช่วงหนึ่งที่จีนออกกฎห้ามการซื้อขายละครต่างประเทศเกินกว่าที่กำหนด
แต่เนื่องจากความนิยมที่ไม่สามารถต้านทานได้ดังนั้นการซื้อขายในในราคาที่สูงยังคงมีต่อไป เช่น producer ที่ซื้อขายได้ที่ 220,000 เหรียญต่อตอน
เพราะความนิยมในคู่ค้าที่ล้นหลามกลายเป็นจุดที่คนทำละครเกาหลีต้องเลือกที่จะทำเพื่อหวังส่งออกก่อน ดังนั้นทำให้จำเป็นที่ต้องเลือกดาราที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ(ฮันรยู) และแนวเรื่องที่ทำขายได้แน่นอนทำละครออกมา ส่วนบางเรื่องเองแม้ไม่มีดาราเอลิสแต่ถ้าต่างประเทศกำลังกล่าวถึงหรือต้องการดู เป็นใบเบิกทางในการทำรายได้ต่อไป
หลายๆเรื่องที่เรตติ้งในประเทศไม่ดีแต่กระแสในต่างประเทศดีก็ได้รับความชื่นชมมากกว่า เพราะปริมาณเงินที่มหาศาล และดาราเองต้องการที่จะผลักตัวเองเป็นฮันรยูเพราะคือเรื่องรายได้ที่ได้มากกว่างานแสดง และค่าตัวงานแสดงเองจะเพิ่มขึ้นทันทีถ้ามีชื่อการันตีว่าขายต่างประเทศได้ การกำเนิดสี่จตุรเทพของเกาหลีเองก็มาจากการได้รับความนิยมในต่างประเทศเช่นกัน
ละครที่ดังในประเทศ
ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากที่สุดเพราะพฤติกรรมคนดูเกาหลีไม่เคยนิ่ง แต่ละดูละครคนประเทศเองก็เป็นตัวกำหนดพล๊อตละครได้ในระยะหนึ่ง เช่นปัจจุบันแนวรักหลายเส้า หรือแนวเดาพระเอก นางเอก ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทำให้ละครแนวนี้มีมาตลอดจนกว่าคนดูจะเบื่อ
ในปัจจุบันละครเกาหลีเองก็ไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรเรตติ้งที่ลดอย่างต่อเนื่องและคนดูเองเลือกที่จะเสพละครจากทางเคเบิ้ลทีวี และการชมภาพยนตร์มากกว่าการดูละครช่องใหญ่ ยิ่งทำให้คนทำละครแม้แต่ช่องสถานีเลือกที่จะเซฟตัวเองมากขึ้นไปเน้นการทำส่งออกแทน เพราะละครเกาหลีอยู่ได้ด้วยค่าโฆษณายิ่งดังราคายิ่งสูงขึ้นบางเรื่องเวลาโฆษณาไม่เพียงพอก็มีการเอาสปอนเซอร์มาใช้ในละครด้วย(จนเนติเซ่นเอาไปตำหนินั่นเอง)
สำหรับดาราที่ได้รับความนิยมในบ้านบางครั้งอาจได้รับความชื่นชมมากกว่าค่าตอบแทนที่สมความเหนื่อย เพราะตัวเองติดตลาดไม่มากพอ แต่ยังอาชีพหลักของพวกเขาคืองานแสดงทำให้มีงานแสดงตลอดเวลา อาจผันตัวเองมารับงานหนังแทนถ้าโอกาสเอื้ออำนวย เพราะค่าตัวที่เหมาะสมกับความเหนื่อยสมเหตุสมผลกว่าละคร ซึ่งพวกเขาจะไม่ค่อยได้มีงานเสริมอย่างอื่นมากนักถ้าเปรียบเทียบฮันรยู คนดูมีโอกาสเห็นหน้าในละครหรือหนังมากกว่า
ถ้าถามว่าแล้วตอนนี้เกาหลีเองเขาเทน้ำหนักไปทางไหนมากกว่า ส่วนตัวมองว่าคนทำละครเลือกที่จะทำขายในต่างประเทศมากกว่าเพราะรายได้สูงกว่า
แต่อย่างไรก็ตามคนทำละครบางส่วนเองก็ยังให้ความสำคัญกับคนในประเทศอยู่ ทำให้ละครเกาหลีไม่ทำทิศเดียวกันทุกเรื่องจนน่าเบื่อเกินไป และมีหลายๆโอกาสที่นายทุนเองยังคืนกำไรทำละครทางเลือกที่ไม่ใช่งานตลาดให้คนดูรับชม ถือว่าไม่ได้ทำให้ความน่าเบื่อในการชมละครไม่ค้างคายาวนานเกินไป
เรายังไม่สิ้นหวังกับละครเกาหลีใช่ไหมคะ ?
ละครดังในประเทศ VS ละครดังในต่างประเทศ เพราะคนดูกำหนดละครเลยเปลี่ยน
ความเปลี่ยนแปลงละครที่มีอยู่เรื่อยๆแต่ในช่วงสามสี่ปีให้หลังละครเกาหลีเองเปลี่ยนอย่างพลิกผันมากกว่าเมื่อก่อนมาก
เพราะคนดูกำหนด ละครเกาหลีเลยเปลี่ยนไปจริงหรือ.....................
ละครดังในต่างประเทศ
ละครเกาหลีที่ดังในต่างประเทศมักจะมีเทรนละครที่คล้ายๆกันจนเมื่อถึงเวลาอิ่มตัวก็จะหายไปจนกว่าจะมีละครที่เปิดทางอีกครั้ง ช่วงแรกละครแนวรัก 4 ฤดู ที่เปิดตลาดเกาหลีจนมีละครแนวรักอย่างนี้ออกมาอีกจำนวนมาก จากนั้นมาช่วงยุครุ่งเรืองที่สุดของละครเกาหลีคือละครพีเรียด เป็นเวลาที่ละครเกาหลีจำหน่ายออกต่างประเทศมากที่สุด
แต่ในยุคปัจจุบันละครเกาหลีเองได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบทำละครเพื่อตอบสนองคู่ค้ารายใหญ่อีกครั้งนั่นคือประเทศจีน ซึ่งละครที่ดังส่วนมากจะเป็นโรแมนติก คอมเมดี้ หรือไม่แนวโรแมนซ์ โดยละครที่ทำเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์สูงสุดคือ Pinocchio ที่ 280,000 เหรียญต่อตอน จนมีช่วงหนึ่งที่จีนออกกฎห้ามการซื้อขายละครต่างประเทศเกินกว่าที่กำหนด
แต่เนื่องจากความนิยมที่ไม่สามารถต้านทานได้ดังนั้นการซื้อขายในในราคาที่สูงยังคงมีต่อไป เช่น producer ที่ซื้อขายได้ที่ 220,000 เหรียญต่อตอน
เพราะความนิยมในคู่ค้าที่ล้นหลามกลายเป็นจุดที่คนทำละครเกาหลีต้องเลือกที่จะทำเพื่อหวังส่งออกก่อน ดังนั้นทำให้จำเป็นที่ต้องเลือกดาราที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ(ฮันรยู) และแนวเรื่องที่ทำขายได้แน่นอนทำละครออกมา ส่วนบางเรื่องเองแม้ไม่มีดาราเอลิสแต่ถ้าต่างประเทศกำลังกล่าวถึงหรือต้องการดู เป็นใบเบิกทางในการทำรายได้ต่อไป
หลายๆเรื่องที่เรตติ้งในประเทศไม่ดีแต่กระแสในต่างประเทศดีก็ได้รับความชื่นชมมากกว่า เพราะปริมาณเงินที่มหาศาล และดาราเองต้องการที่จะผลักตัวเองเป็นฮันรยูเพราะคือเรื่องรายได้ที่ได้มากกว่างานแสดง และค่าตัวงานแสดงเองจะเพิ่มขึ้นทันทีถ้ามีชื่อการันตีว่าขายต่างประเทศได้ การกำเนิดสี่จตุรเทพของเกาหลีเองก็มาจากการได้รับความนิยมในต่างประเทศเช่นกัน
ละครที่ดังในประเทศ
ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากที่สุดเพราะพฤติกรรมคนดูเกาหลีไม่เคยนิ่ง แต่ละดูละครคนประเทศเองก็เป็นตัวกำหนดพล๊อตละครได้ในระยะหนึ่ง เช่นปัจจุบันแนวรักหลายเส้า หรือแนวเดาพระเอก นางเอก ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทำให้ละครแนวนี้มีมาตลอดจนกว่าคนดูจะเบื่อ
ในปัจจุบันละครเกาหลีเองก็ไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรเรตติ้งที่ลดอย่างต่อเนื่องและคนดูเองเลือกที่จะเสพละครจากทางเคเบิ้ลทีวี และการชมภาพยนตร์มากกว่าการดูละครช่องใหญ่ ยิ่งทำให้คนทำละครแม้แต่ช่องสถานีเลือกที่จะเซฟตัวเองมากขึ้นไปเน้นการทำส่งออกแทน เพราะละครเกาหลีอยู่ได้ด้วยค่าโฆษณายิ่งดังราคายิ่งสูงขึ้นบางเรื่องเวลาโฆษณาไม่เพียงพอก็มีการเอาสปอนเซอร์มาใช้ในละครด้วย(จนเนติเซ่นเอาไปตำหนินั่นเอง)
สำหรับดาราที่ได้รับความนิยมในบ้านบางครั้งอาจได้รับความชื่นชมมากกว่าค่าตอบแทนที่สมความเหนื่อย เพราะตัวเองติดตลาดไม่มากพอ แต่ยังอาชีพหลักของพวกเขาคืองานแสดงทำให้มีงานแสดงตลอดเวลา อาจผันตัวเองมารับงานหนังแทนถ้าโอกาสเอื้ออำนวย เพราะค่าตัวที่เหมาะสมกับความเหนื่อยสมเหตุสมผลกว่าละคร ซึ่งพวกเขาจะไม่ค่อยได้มีงานเสริมอย่างอื่นมากนักถ้าเปรียบเทียบฮันรยู คนดูมีโอกาสเห็นหน้าในละครหรือหนังมากกว่า
ถ้าถามว่าแล้วตอนนี้เกาหลีเองเขาเทน้ำหนักไปทางไหนมากกว่า ส่วนตัวมองว่าคนทำละครเลือกที่จะทำขายในต่างประเทศมากกว่าเพราะรายได้สูงกว่า
แต่อย่างไรก็ตามคนทำละครบางส่วนเองก็ยังให้ความสำคัญกับคนในประเทศอยู่ ทำให้ละครเกาหลีไม่ทำทิศเดียวกันทุกเรื่องจนน่าเบื่อเกินไป และมีหลายๆโอกาสที่นายทุนเองยังคืนกำไรทำละครทางเลือกที่ไม่ใช่งานตลาดให้คนดูรับชม ถือว่าไม่ได้ทำให้ความน่าเบื่อในการชมละครไม่ค้างคายาวนานเกินไป
เรายังไม่สิ้นหวังกับละครเกาหลีใช่ไหมคะ ?