ทางที่ถูกทิ้งดอยปุย(จุดชมวิวดอยปุย)

สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้แรกของผม ก็งมๆทางมากว่าจะตั้งกระทู้ได้ 5 55
.
.
.
22.10.2015 เรื่องมันมีอยู่ว่าเพื่อนมันว่างแล้วช่วงนี้เป็นหน้าหนาว(ที่ยังไม่ยอมเข้าหนาวซะที)ก็เลยอยากไปตามหาอากาศหนาวที่หายไป
มันก็ทักเฟสมา "เห้ย พรุ้งนี้ตอนเช้าขึ้นดอยปุยกัน" สมองยังไม่ทันสั่งการไขสันหลังก็ตอบเพื่อนไปแล้ว ไปไหนก็ไปกันว่ะ.. "ไปเช้าๆนะ เจอกันตอนตี5" ฮะ?? อะไรนะ ตี5!! เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความลำบากในการตื่นเช้าผมเลยต้องไปพึ่งพิงนอนหอเพื่อนเพราะกลัวไม่ตื่น 5 55 เอาเป็นว่าไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากแล้วละกัน(เดี๋ยวหลายคนจะลำคาน5 55)
.
.
สำหรับรูปเยอะหน่อยนะคับ(ทนดูกันหน่อย)อยากจะให้เห็นภาพกันเยอะๆเพราะถ่ายให้ตายยังไงก็ไม่สวยเท่าตาเห็น หัวเราะ



ตอนขี่มอไซจากมชขึ้นดอยปุยไม่ได้ถ่ายไว้เลยครับแต่ตอนขี่ขึ้นไปเป็นตอนเช้ามืดพอขึ้นไปถึงมีแสงนิดๆแต่หมอกระหว่างทางเยอะมากกกกกคือสวยมากกกกกแต่ลืมถ่ายซะงั้น ออกจากมชมากันประมาณ05.45ถึงที่ป้อมดอยปุยทางเข้าประมาณ07.00




ทางที่มาคือขี่ขึ้นมาจากดอยสุเทพแล้วเลยตำหนักมาอีกพอถึงสามแยกเราจะเลี้ยวขวา(เลี้ยวซ้ายจะไปหมูบ้านม้งดอยปุย)พอขี่ขึ้นมาเรื่อยๆก็จะขี่เลยจุดชมวิวดอยปุยมาอีกประมาณนึงแล้วจะสังเกตเห็นป้อมร้างอยู่ที่ซ้ายนั่นแหละครับทางเข้าจอดมอไซตรงนั้นเลยจะมีประตูกั้นรถไม่ให้เข้าไป(แต่ที่จริงมันยกได้แล้วมอไซก้เข้าได้นะ5 55แต่เดินจะได้บรรยากาศมากกว่า) ปล.ทางขึ้นระหว่างตำหนักมาถึงที่หมายทางแคบมาก(ถนนเลนเดียว)บางจุดก็เป็นหลุมนิดหน่อยแต่ทางสวยมากแค่ขี่มาได้สัมผัสบรรยากาศระหว่างทางก็คุ้มแล้ว
อ้อลืมบอกไป ทริปนี้มี6คนมอไซ5คัน




มีป้อมอยู่ตรงหน้าทางเข้าด้วย


ข้อดีของการไปเที่ยวช่วงเช้าคือไม่ร้อนและเจอหมอกด้วยยยถึงต้องตื่นเช้าแต่ก็ได้เจออะไรที่เยอะ



พอเดินเข้ามาก็จะเจอทางถนนที่ลาดยางมะตอยแต่เหมือนโดยทิ้งร้างมานานใบไม้ล่วงตกเต็มถนน (แนะนำว่าถ้ามาให้ใส่รองเท่าที่ไม่ลื่นนะครับทริปนี้มีคนพลาดใส่รองเท้าแตะมา5 55ดูเอาเองว่าใคร)



โฉมหน้าชายโฉดในป่าใหญ่


ระหว่างทางก็มีหมอกบางๆแต่ถนนเต็มไปด้วยใบไม้ร่วงตลอดทาง บางทีก็มีกิ่งไม้ใหญ่ๆหักลงมาขวางทางเพิ่มความท้าทายในการเดินทางด้วยแฮะ 5 55



รูปที่ลงจะลงเป็นลำดับที่เดินตามทางเลยนะคับอันไหนต้นทางปลายทางเรียงตามที่ลงเลย เพราะมันคล้ายๆกันแต่บอกเลยว่าความสวยของธรรมชาติกับความรู้สึกไม่เหมือนกันเลยตลอดเส้นทาง(สำหรับคนชอบธรรมชาติจะฟินมาก)



เดินไปเรื่อยๆจะเจอโค้งผับผ้าหนึ่งโค้ง(พวกเราจำว่ามันเป็นโค้งที่ใกล้ๆทางเข้าเวลากลับมาจะได้รู้ว่าใกล้ถึงแล้ว) พอเลยโค้งมาจะเจอกับเสาหลักอะไรซักอย่างที่ถูกทิ้งให้ธรรมชาติกัดกิน ก็สวยไปอีกแบบ


เดินต่อดีกว่า ระหว่างทางคือไม่มีเงียบ(ตามประสาชายฉกรรจ์คุยกัน5 55)



มองขึ้นไปด้านบนจะเป็นต้นไม้ทรงสูงตลอดทั้งทางทำให้แสงที่ผ่านลงมาไม่ได้100%อากาศระหว่างทางก็เลยจะเย็นๆแต่ไม่ถึงกันหนาว(อากาศน่าจะดีตลอดทั้งวันอันนี้ผมเดาเอานะ)



ระหว่างทางคือมีอะไรให้ดูเยอะแยะ แต่ผมเก็บภาพมาไม่มากด้วยข้อจำกัดของเลนส์(ข้อเสียของเลนส์คือภาพที่ตาเห็นสวยกว่าเสมอ)





เจออีกเสาแล้วแต่คราวนี้มีหลบมุม ทั้งทางผมเจออยู่สองเสาแต่ถ้าใครไปแล้วเจอมากกว่าผมบอกด้วยนะครับ 5 55


พอเราเดินมาซักพักก็จะเจอกันทางสามแยกที่จะแยกไประหว่างจุดชมวิวกับยอดดอยปุยเราเลยเลือกไปจุดชมวิวกันก่อนแต่สรุปแล้วก้ไม่ได้ไปจุดชมวิวเพราะเวลาไม่พอต้องลงดอยมากันก่อน11โมงเพราะมีเรียนกัน(โดดไม่ได้ด้วยอ่ะดิ5 55)



ทางไปยอดดอยปุย ครั้งหน้าไม่มีพลาดแน่นอน ปล.ป้ายมันหลุดเลยเอียงชี้ขึ้นลืมจัดให้เค้าใครไปครั้งหน้าก็ช่วยจัดให้เค้าหน่อยละกัน แต่อย่าแกล้งไปชี้อีกทางนะครับ 5 55 หลงทีนี่นอนป่าเลยนะ


ทางนี้เป็นทางที่เราคือจุดชมวิวหน้าป้ายมีโต๊ะให้นั่งด้วย แต่เราไม่พักก็เลยเดินกันต่อเลย


ทางลงเค้าทำเป็นขั้นบันไดมีราวจับให้ด้วย มีตะไคร่ขึ้นกับใบไม้ที่ร่วงเต็มพื้นสวยๆแต่ลื่นหน่อย





พอลงมาสุดทางบันไดก็เป็นทางดินลูกรังให้เดินต่อ ใกล้ถึงแล้วววว


พอถึงที่จุดชมวิวจะเจอต้นสนเยอะมากกกกก จะเรียกว่าเป็นสวนสนยังได้

จากจุดชมวิวจะมองเห็นดอยสันเขา(เรียกงี้ป่ะ5 55) แต่เสียดายที่หญ้าขึ้นสูงไปหน่อยกับอีกอย่างคือต้นสนบังวิวแต่ก็ยังสวย ด้านบนนี้จะมองเห็นหมู่บ้านม้งแล้วก็จะเห็นเมฆลอยไปลอยมาเหมือนทะเลที่เป็นเมฆ(คือด้านบนสูงกว่าระดับเมฆเลยทำให้ไม่มีหมอกแต่อากาศคือเย็นสบาย)




ด้านบนมีเห็ดหน้าตาเหมือนมาริโอ้


ไอนี่คือตากล้องอีกคนของเรา เพื่อนๆเรียกกันว่าตากล้องสายหื่น 5 55




ด้านบนมีที่ให้นั่งกับกองฟืนที่เหมือนจะใหม่ๆเพิ่งมอดไป คงมีคนขึ้นมาบ่อย





ผู้รอดชีวิตทั้งหมด


ถึงเวลาพอเหมาะก็เดินกลับกัน เดินมาได้ก็ต้องเดินกลับไหว 5 55



ตอนกลับแดดกำลังแรงแต่ดีที่มีต้นไม้ช่วยบังไว้




ระหว่างทางตากล้องสายหื่นก็ขอเก็บบรรยากาศซักนิด (กูขอโทษนะเพื่อน5 55)


เดินมาหิวๆก็มีต้นกล้วยให้บริการข้างทางมีหลายพันธุ์เลือกได้ด้วยนะแต่สงสัยช่วงนี้ของขาดตลาด





เป็นอันสิ้นสุดทางเดินและขี่ลงมาดูวิวที่จุดชมวิวกันซะหน่อย ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่อยู่ระดับเดียวกับเมฆเพราะจะมีหมอกลอยผ่านตลอดอากาศเย็นๆมีชาวเขามาขายของตรงนี้ด้วย แต่ไม่มีของกิน(อยากกินมันปิ้ง)


.
.
.

เป็นอันจบทริปตะลุยทางที่ถูกทิ้ง ณ ดอยปุย เป็นยังไงบ้างครับกับรีวิวครั้งแรกของผม 5 55 อธิบายตามอารมณ์และความรู้สึกที่จำได้ในตอนนั้นนะครับเพราะทริปก็ผ่านมาเกือบสองวันล่ะเพิ่งได้ลง สรุปแล้วทริปนี้เดินทั้งหมดประมาณ 7 กิโลนะครับ(วัดขาไปได้3.5กิโล) ยังไงก็ขอให้สนุกกับการเสพบรรยากาศนะครับแต่ถ้าอยากได้แบบฟินๆกว่านี้สิบเท่าต้องลองไปเอง ยิ้ม

" i am traveller,not a tourist. "
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่