เมื่อเราตัดสินใจไปฝึกงานที่โปแลนด์คนเดียว : Part III - Lost in Lodz

ต่อจากสองกระทู้แรกนะคะ หลังจากอาทิตย์แรกใน Poland เราไป Wroclaw แบบงงๆ มึนๆ แฮ้งค์ๆ
และ Vienna เมืองหลวงของ Austria ในสุดสัปดาห์ที่สอง
ก็มีคนถามกันมาหลังไมค์เยอะมากว่า ไปกับโครงการอะไร ทำยังไงได้ไป สอบเมื่อไหร่อย่างไรบ้าง
วันนี้เราจะมาตอบคำถามเหล่านี้ พร้อมพาเที่ยวแบบอึนๆกับ The most beautiful ugly cities in eastern europe: Lodz
ทริปงงๆ ภาพจากกล้องมือถือ Sony Xperia Z1 Compact ไม่เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพเช่นเคย



Łódź (วูช) เมื่อนี้ที่ทุกคนเรียกในภาษาอังกฤษว่า ล๊อด นั้น มีชื่อจริงๆในภาษาโปแลนด์ว่า วูช เป็นเมืองเล็กๆทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ Warsaw ใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมง ก่อนจะมาเล่าถึงเมืองนี้และชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ณ ตอนนั้นนั้น ขอย้อนกลับไปนิดว่าเรามาที่นี่ได้ยังไง


เรามาที่นี่กับโครงการ IAESTE หรือ โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติเพื่อการฝึกงานด้านเทคนิคประจำประเทศไทย ซึ่งจะเปิดรับสมัครทุกๆปีช่วงประมาณตุลาคม สมัครเสร็จก็สอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ (สำหรับเราถือว่าไม่ยากเลย) จากนั้นเมื่อผ่านเข้ารอบ เค้าก็จะเรียกเราไป Interview แล้วก็รอๆๆๆ รอให้ทางโครงการไปประชุมกับประเทศอื่นๆช่วงมกรา พอกุมภา เค้าก็จะให้เราไปประชุมเลือกทุน ขอบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า อย่าหวังอะไรกับประเทศมาก ดูบริษัท ดูสเกลงานที่เค้าจะให้เราทำดีกว่านะ ตอนเราเลือก เรามี Germany, Mongolia, Turkey, Iran, Slovakia, Slovenia และ Poland
เราดูเรื่องเวลาที่ไปฝึกก่อนอันดับแรกว่าอันไหนอยู่ในช่วงที่เราต้องการพอดี จากนั้นก็ถามอากู๋ว่าไปไหนดี เลื่อนไปเลื่อนมาไปเจอนี่
European Universities Sport Climbing Championship 2015 - Katowice, Poland ตอนช่วงต้นเดือนสิงหาคม เห้ย! หยิบ O-Form มาดู เห้ย อะไรจะพอดีขนาดนี้ฟะ ไปนี่ละกัน จะได้ไปงานนี้ เผื่อจะเจออดัม นักปีนในดวงใจ นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น
หลังจากเราเลือกประเทศไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องรอบริษัท ตอบรับกลับมาเหมือนไปสมัครงานจริงเลย คือ ส่งเอกสาร CV อะไรพวกนี้ไป บริษัทก็มีสิทธิ์ที่จะเลือก หรือ ปฏิเสธ ที่จะรับเราก็ได้นะ ดังนั้นตอนเลือกดูดีๆ ดูบริษัทที่เค้าตรงกับความเป็นเรา



หลังจากตกลงปลงใจเลือกโปแลนด์ไปแล้ว มีแต่คนถามด้วยความเป็นห่วงว่า เห้ย คิดดีแล้วหรอ โปแลนด์เถื่อนนะ อันตรายนะ คนพูดอังกฤษไม่ได้นะ เห้ยคนโปแลนด์กินเนื้อกันเยอะนะ จะอยู่ได้หรอ ไม่มีเด็กไทยคนอื่นไปโปแลนด์อีกเลยนะ ไปคนเดียวได้หรอ ฯลฯ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทยังเป็นห่วงเลยว่า แก ไปสามเดือนแบบนี้ กลับมาแกเตรียมใจไว้ปะวะ ว่าแกกับแฟนอาจจะไม่ได้คบกันต่อ เห้ยพวกแก ชั้นเลือกแล้วเว่ย ชั้นเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นี่แหละเว่ยชีวิต เอาหล่ะ แพคกระเป๋า เสื้อผ้าไม่ต้องเยอะ เน้นของกิน (กินยากก็งี้แหละ) แล้วก็ Let GO!



หลังจากไฟท์บินอันยาวนาน แวะเที่ยวที่สิงค์โปร์และเดนมาร์ก เรานั่งเครื่องมาลงที่ Modlin Airport สนามบินแห่งชาติของโปแลนด์ จากสนามบินเรานั่งรถตู้มินิ Direct ไปยัง Lodz เลย (ค่ารถตู้ถ้าซื้อเร็วจะอยู่ที่ 9zl แต่ราคาปรกติอยู่ที่ประมาณ 20-35zl แล้วแต่เที่ยวค่ะ)
สำหรับรถตู้จากสนามบินไป Warsaw หรือ เมืองใหญ่ๆค่ะ : https://www.modlinbus.pl/en



มาถึง Lodz ก็เป็นเวลาเย็นๆค่ำๆแล้ว มีเพื่อนชาวโปแลนด์จากโครงการมารับ ที่สถานี แล้วก็พาต่อรถรางไปยังที่พัก
มาถึงที่พักเท่านั้นแหละ อยากจิร้องไห้ ห้องอยู่ชั้น 4 ไม่มีลิฟท์!!! ละเดี๋ยวนะ ที่นี่นับชั้นแบบ ชั้นแรกคือชั้นศูนย์ ถัดไปคือหนึ่ง นี่ชั้นต้องแบกกระเป๋าขึ้น 5 ชั้น เดินขึ้นเดินลงแบบนี้ทุกวันหรอ ไม่เป็นไร คิดถึงความผอมเข้าไว้นะ กัดฟันเดินต่อไป



มาถึงห้องแล้วช็อคกว่า ห้องนอนขนาดประมาณ 12 ตรม ได้ มีเตียง 2 ชั้น โต๊ะเขียนหนังสือ อ่างล้างหน้า ตู้รองเท้า เท่านั้นห้องครัวใช้รวม ห้องน้ำใช้รวม รวมในที่นี้หมายถึง รวมทั้งหญิงทั้งชายจ้า เอิ่ม โอเคค่ะ ได้ค่ะ หลังจากเก็บของและออกไปหาอะไรกินเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำ จัดกระเป๋าใบเล็กสำหรับไป Wroclaw ในวันรุ่งขึ้น ว่าไปแล้ว วิวจากหน้าต่างห้องนอนก็สวยดีนะ อาบน้ำกอดกระต่ายนอนดีกว่า
ขณะกำลังจะไปอาบน้ำ มาอยู่คืนแรก ก็เจอของดีเลยจ้า ที่ห้องน้ำรวมนี่แหละ เดินเข้าห้องน้ำไปปุ๊ป เจอฝรั่งหนุ่มหน้าตาใช้ได้ แต่หุ่นนี่นะแก Sixpack เน้นๆ แบบพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผม ตัว นี่ยังมีแบบหยดน้ำเกาะอยู่ แต่ประเด็นคือ มันวิ่งออกจากห้องน้ำมาโดยไม่นุ่งผ้าเช็ดตัว เพราะเพื่อนมันคนที่ถือผ้าเช็ดตัว วิ่งนำสวนเราออกไปเมื่อกี้ เอิ่ม แก๊! ชั้นทำไงดี โอ้ย เจ้าพระคุณทูลหัวของบ่าว เจอคราวหน้าไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้นะ สรุปคืนนั้นกว่าจะข่มตานอนหลับได้ ก็สักพักใหญ่ๆเลยแหละ



หลังจากกลับมาจากทริปเที่ยว เราก็รู้จักเพื่อนๆจากโครงการเดียวกัน ที่อยู่ด้วยกันเยอะ ชีวิตก็เริ่มมีสีสัน เริ่มมี Let's have BBQ party ที่หมายความว่า เอาเบียร์มาดื่มกันเถอะ ไม่ใช่ กินปิ้งย่างกันเถอะ การทำงาน เราทำงานกับบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเหนือ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยทีเดียว งานสนุก แต่เดินทางเหนื่อยมาก (นั่งรถรางสุดสายยังไม่พอ ต่อรถเมล์อีก) เสียเวลากับการเดินทางไปกลับวันละประมาณสามชั่วโมงอย่างต่ำ และอย่างที่พี่เราเคยบอกไว้ว่าทักษะภาษาอังกฤษของคนที่นี่อยู่ในระดับที่จะเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตของเรามาก ซึ่งมันโคตรของโคตรจริง ดังนั้นในที่ทำงาน นอกจากพี่เลี้ยงและเจ้านายเราแล้ว คนอื่นแทบจะไม่พูดอังกฤษกับเราเลย การทำงานหน้างานเราก็ลำบาก เพราะสื่อสารกับคนงานไม่ได้ งานส่วนใหญ่ของเราจึงเป็นงานวิเคราะห์แบบ ตีราคา ทำเอกสารต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษซะมากกว่า



สถานที่ทำงานของเรานั้น มี 3 แห่ง ด้วยกัน ที่แรกที่ Main Office หรือ ที่สำนักงานใหญ่ของเมือง ที่นี่สบาย มีแอร์ ตื่นสายได้ เพราะจากหอพักไปที่ทำงานคือ 3 ป้ายรถรางเท่านั้น ซึ่งเราตัดสินใจเดินไปเดินกลับทุกครั้งทางการขึ้นรถราง (จะได้หุ่นดี) อีกที่คือ Technology Park ไกลออกนอกเมืองมาหน่อย นั่งรถรางเกือบสุดสาย ต่อรถเมล์ไปสุดป้าย เดินอีกสองร้อยเมตรก็ถึงแล้ว ส่วนที่สุดท้ายคือโรงงานทำ Chocolate เป็นที่ที่ทรมาณที่สุดในการเดินทางไปทำงานเพราะไกลมาก แถมจากป้ายรถเมล์ยังต้องเดินอีก 2 กม กว่าจะถึงไซต์ก่อสร้าง แต่เป็นที่ที่ทำแล้วมีความสุขจากกลิ่นของ Chocolate ที่อบอวล



ขอจบจากเรื่องงานมาเรื่องความเป็นอยู่กันบ้างนะ  สำหรับการเดินทางที่นี่เค้าจะรวม รถราง รถเมล์ MRT(ถ้ามี) เข้าไว้ด้วยกัน คือตั๋วใบเดียวใช้ได้ทั้งหมด ประเภทของตั๋วนั้น แบ่งตามระยะเวลาของการเดินทางและการใช้งาน มีตั้งแต่ 20min, 40min, 24 hours, 48 hours, 72 hours, 30 days และ 90days
ราคาของแต่ละประเภทก็ต่างกัน แต่เนื่องจากเราต้องเดินทางไปทำงานอาทิตย์ละ 5 วัน แถมไปไกลมาก เราตัดสินใจซื้อ 90days ซึ่งราคานักเรียนอยู่ที่ 96zl (อ่านว่า สล๊อต) หรือประมาณ 900 บาทไทย (ถูกมากอ่ะ) ส่วนตั๋ว 20 min นั้นอยู่ที่ 2.60zl สำหรับคนทั่วไป และ 1.30zl สำหรับราคานักเรียน (อย่าลืมทำ ISIC Card ไปนะ คุ้ม)
พูดถึง ISIC Card แล้ว แนะนำเว็บจองตั๋วราคานักเรียนถูกๆกันหนน่อยละกัน เผื่อใครได้วีซ่าช้า หาตั๋วโปรไม่ทัน : travels.kilroy.net
Application สำหรับเช็คขนส่งสาธารณะ : http://jakdojade.pl



สำหรับอาหารการกินของคนที่นี่นั้น ส่วนมากจะเป็นพวก เนื้อ หมู และ ไก่ (เราไม่กินสักอย่าง 555)​ การออกไปทานอาหารข้างนอกต่อมื้อนั้น จะอยู่ประมาณ 20-30 zl เราเลยตัดสินใจซื้อเครื่องครัวมาทำเอง (ไม่ได้ประหยัดนะ หาของกินที่เรากินได้ลำบากมาก ใครเป็นมัง ทำใจเลยนะถ้าจะมานี่)
น้ำเปล่าขวด 1.75L. นั้นราคาอยู่ประมาณ 10-20 บาทไทย โดยรวมแล้วค่าครองชีพที่นี่ แทบไม่ต่างจากเราเลย
SIM มือถือนั้นมีขายในราคาถูกมากประมาณ 3-10 zl เติมเงิน 25zl ก็สามารถใช้โทรได้นิดหน่อย และได้เน็ต 4G อีก 3GB ไปเล่นสบายๆ (แต่หมดแล้วคือหมดเลยนะเน็ต ไม่มีตัดเป็น E อืดๆนะจ๊ะ)



Colour Festival หรือ เทศกาลสาดสี (เราตั้งเองแหละ) เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่สนุกมากของเมือง เราตัดสินใจไม่ไปเที่ยวทะเลอันแสนหนาวเย็นกับเพื่อนในวันหยุด เพื่อจะอยู่เทศกาลดนตรีนี้ (คือเมืองเราไม่ค่อยมีอะไรไงแก๊ นานๆจะมีขอชื่นชมหน่อย) กิจกรรมหลักของงานนี้คือการเอาสีปาใส่กัน ฟังดนตรี ปาร์ตี้ และก็เมา งานเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณบ่ายๆ ไปจนดึก มีดีเจเปลี่ยนหมุนเวียนมาเปิดเพลงทั้งอังกฤษและโปลิช ซึ่งอันหลังเราฟังไม่เข้าใจ แต่ผู้ชายที่เต้นข้างๆหล่อก็โอเค งานนี้ นอกจากค่าอาหารและเครื่องดื่ม (10-25zl) ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นจ้า (แต่เครื่องดื่มก็หมดไปเยอะอยู่น้าาาาา)



อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบในเมืองเล็กๆของเราเมืองนี้ คือ ศิลปะที่แทรกตัวอยู่ทุกๆที่ อย่างเหมือนจงใจ ภาพวาดบนผนังอิฐบนถนนสายกลับบ้าน ข้อความขีดเขียนบนทางเดินริมถนน ไม่ได้รกจนเกินไป แต่กำลังดีอย่างมีศิลปะ



ความพอดีในความเก่าผสมใหม่ของสถาปัตยกรรม การไม่ได้จงใจสร้างสิ่งใหม่ให้ดูเก่า แต่สร้างให้เข้ากันได้ เป็นอีกหนึ่งสเน่ห์ของเมืองเล็กไม่มีอะไรเมืองนี้



แม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าอย่าง Manufaktura ซึ่งเป็นห้างใหญ่ที่สุดของเมือง ตั้งอยู่กลางเมือง ก็ยังมี Design ที่เข้ากับความเก่าของเมืองไว้ได้
นอกจากร้านค้าทั่วไป ก็ยังมีร้านอาหารโดยรอบที่รสชาติดี (แต่ราคาแอบสูงหน่อย) Sport club (ราคาอยู่ที่ประมาณ 60-200zl ต่อเดือน) ยิมปีนผา แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ ที่ให้เข้าชมฟรีทุกวันอาทิตย์อีกด้วย



Piotrkowska street คือถนนที่สวยที่สุดของเมืองนี้ (มีเส้นเดียว) สองข้างทางของถนนที่มีระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรเส้นนี้ เวลากลางวันคือร้านค้า ร้านอาหาร เรียงราย หลังพระอาทิตย์ตกดินถนนเส้นนี้จะคึกครื้นยิ่งกว่าด้วยบรรดาผู้คนที่ออกมาสังสรรค์กับผับและบาร์ที่เรียงราย



บาร์ที่นี่เปิดตั้งแต่หัวค่ำและปิดประมาณเที่ยงคืน ส่วนผับนั้น ส่วนมากจะปิดเวลาประมาณ 6 โมงเช้า (สายกว่านั้นไม่เคยอยู่ถึง) เพลงส่วนมากที่เปิดเป็นเพลงภาษาโปแลนด์มากกว่าอังกฤษ ราคาเครื่องดื่มเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10zl ต่อหนึ่งแก้ว Shisha อยู่ที่ประมาณ 20-35zl ต่อเตา

ต่อใน Comment น้าาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่