"กว่าลูกทั้ง 3 คนจะได้ทุนเรียนอเมริกาฟรี" ตอนที่ 8    มาจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมกันก่อนดีกว่า

ช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ในแต่ละปีของมหาวิทยาลัยในประเทศ
สหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณหลังกลางเดือนสิงหาคม
จนถึงต้นเดือนกันยายนของทุกปี อาจจะช้าหรือเร็วกว่ากันไม่น่าจะ
เกิน 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนจากทั่วโลกและผู้ปกครอง
บางคนจะเดินทางเข้าอเมริกาพร้อม ๆ กัน รวมทั้งนักเรียนและ
ผู้ปกครองจากประเทศไทยอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกัน

นี่ยังไม่นับรวมกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่จะเดินทางไปในช่วงเวลา
เดียวกันอีกด้วย จึงเป็นช่วงที่ถือว่าเป็น High Season ของทุก ๆ ปี
สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบิน การจองที่พัก การจองตั๋วรถไฟ การใช้
บริการรถแท็กซี่ และรถสาธารณะอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ราคาสูงกว่า
ในช่วงปกติมาก ไม่แพ้ช่วงคริสมาสต์ที่ผู้คนจะหลั่งไหลจากทั่วโลก
เพื่อที่จะได้ไปเจอกับซันตาคลอส พร้อมกับการสัมผัสกับหิมะที่
หนาวเย็นเหมือนเกล็ดน้ำแข็งใส ณ ดินแดนของลุงแซมนี่เลย

จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองที่ึควร
จะต้องรีบจองทุกอย่างก่อนล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ตั๋ว
และที่พักในวันและเวลาตามที่ต้องการ มิเช่นนั้นแล้วพอถึงเวลา
ที่จะต้องเดินทางจริง ๆอาจจะไม่มีที่นั่งเหลือให้เรา ก็จะพลาด
และเข้าเรียนไม่ทันในวันแรก ๆ ได้

บางคนอาจจะกำลังหัวเราะว่าเป็นเรื่องน่าขัน และเป็นไปไม่ได้เลย
ที่จะตกเครื่อง ขอแค่ให้มีเงินซะอย่างก็สามารถซื้อตั๋วเครื่องบิน
ตามที่ต้องการได้แล้ว ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนเลย แต่ความจริงมีเรื่อง
อย่างนี้เกิดขึ้นแล้วในปีที่ไปส่งน้อง Sandy ที่อเมริกาเมื่อปี 2010
ซึ่งมีนักเรียนนานาชาติคนหนึ่งมาไม่ทันวันปฐมนิเทศน์ในวันแรก
เพราะจองตั๋วไม่ได้ และพลาดการเดินทางมาไม่ทันวันเปิดเรียนจริง ๆ!

นอกจากการจองตั๋วล่วงหน้าจะรับประกันว่าเราจะได้ที่นั่งแน่นอนแล้ว
ยังจะได้ราคาตั๋วที่ถูกและสามารถจองที่นั่งที่ชอบได้อีกด้วย การจอง
ก่อนล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ยิ่งเร็วเท่าไร ก็ยิ่งจะได้ราคาที่ถูกกว่าที่จะจอง
เมื่อใกล้วันเดินทางอย่างแน่นอน ดังเช่นคำสุภาษิตของฝรั่งที่ว่า
The early bird gets the first worm จริง ๆ ตามนั้นเลย

แม้จะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคย
มีประสบการณ์การเดินทางต่างประเทศมาก่อน ก็อาจจะยังไม่ทราบ
ก็เป็นได้ จึงขอเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนซะหน่อย ใครมีแล้วก็
ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ถ้าใครยังไม่มีก็ขอเชิญมาเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย
หรือจะให้แถมให้ฟรีก็ได้นะจ๊ะ ^^

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยจำนวนมากก็คงจะคุ้นเคยกับ
การเดินทางไปอเมริกาด้วยสายการบินของการบินไทย "รักคุณเท่าฟ้า"
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีเที่ยวบินตรงกรุงเทพ-นิวยอร์ก แต่ได้ยกเลิกไปแล้ว
เมื่อปีพ.ศ. 2551 หรือค.ศ. 2008 รวมทั้งการยกเลิกเที่ยวบินตรง
กรุงเทพ-แอลเอ ด้วยเช่นกัน

แม้ว่าล่าสุดจะมีเส้นทางการบิน กรุงเทพ-โซล-ลอสแองเจลิส โดยมี
ตารางบินสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เมื่อ
วันที่ 16 ตุลาคม 2015 ที่เพิ่งผ่านมา การบินไทยได้ประกาศระงับ
เส้นทางการบินไปสหรัฐอเมริกาชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด T_T

โดยเหตุผลที่ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปอเมริกาเนื่องจาก เส้นทาง
ดังกล่าวมีผลขาดทุนถึงปีละนับพันล้านบาท!!

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในหน้าจองตั๋วของเว็บไซต์การบินไทย
พบว่ามีเที่ยวบินจากกรุงเทพไปยังแอลเอ เที่ยวสุดท้ายในวันที่ 23
ตุลาคม 2015 และจากแอลเอกลับมายังกรุงเทพ เที่ยวสุดท้าย
วันที่ 25 ตุลาคม 2015 ซึ่งหลังจากสองเที่ยวบินสุดท้ายนี้ การบินไทย
จะเปิดให้มีบริการเส้นทางบินไปยังสหรัฐอเมริกาในอนาคตอีกหรือไม่
ยังไม่มีใครทราบ!

ถ้าไม่มีก็น่าเสียดายแทนคนไทยที่ยังชื่นชอบบริการของการบินไทยอยู่
เพราะการบินไทยเคยได้ชื่อว่า เป็นสายการบินที่มีบริการดีน่าประทับใจ
ที่สุดในโลก อาหารบนเครื่องอร่อย พนักงานต้อนรับบนเครื่องสวยน่ารัก
มีรอยยิ้มพิมพ์ใจสมกับเป็น Land of Smile และที่สำคัญคุยกันภาษาไทย
ได้รู้เรื่องดีกว่าสายการบินชาติอื่น ๆ ที่พูดแต่ภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าบาง
สายการบินจากเมืองไทยอาจจะเพิ่มพนักงานต้อนรับเป็นคนไทยไว้คอย
บริการผู้โดยสารคนไทยบนเครื่องด้วยก็ตาม

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อไม่มีการบินไทยแล้ว เราจะไม่สามารถ
เดินทางไปอเมริกาได้ เพียงแต่ต้องใช้สายการบินอื่นแทน ซึ่งก็มี
สายการบินให้เลือกใช้มากมายหลายสายเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ
เดินทางไปรัฐไหน เช่นหากต้องการไปในรัฐที่อยู่อเมริกาฝั่งตะวันออก
ก็ให้ลงที่กรุง Washington DC

ดังนั้นในขั้นแรกก็สามารถจองเส้นทางหลักระหว่างประเทศเอาไว้ก่อน
เช่น กรุงเทพ-แอลเอ-กรุงเทพ โดยเส้นทางหลักเพื่อไปสู่รัฐต่าง ๆ
ในอเมริกานอกจากที่สนามบินที่ Los Angeles แล้ว ยังสามารถไป
ลงที่สนามบินระหว่างประเทศอื่น ๆ ได้อีกเช่นที่ New York, Chicago
และ Washington DC เป็นต้น

การที่ต้องไปลงที่สนามบินระหว่างประเทศก่อนนั้น เพื่อให้ผ่านขั้นตอน
ของพิธีการกองตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. เพื่อลงทะเบียนคนเข้าเมือง
ตรวจสัมภาระต่าง ๆ และเสียภาษีศุลกากรสำหรับสิ่งของบางอย่างที่มี
ระบุในข้อกำหนดให้เรียบร้อยก่อน จึงค่อยต่อเครื่องบินภายในประเทศ
ไปยังรัฐจุดหมายปลายทาง ซึ่งเครื่องบินภายในประเทศจะมีจำนวนมาก
หลากหลายสายการบิน และเวลาต่าง ๆ ให้เลือกตามสบาย แต่ในช่วง
High Season ก็มีโอกาสที่ที่นั่งจะถูกจับจองจนเต็มเร็วกว่าช่วงปกติ

เมื่อเดินทางต่อไปถึงสนามบินภายในประเทศแล้ว ก็ไม่ต้องผ่านขั้นตอน
ของตม. และจะไม่มีการตรวจกระเป๋าเดินทางอีกแต่อย่างใด หรือถ้าเป็น
กรณีที่มหาวิทยาลัยอยู่ในเมืองที่เป็นสนามบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว
เมื่อไปถึงและผ่านขั้นตอนของตม. แล้วก็สามารถออกจากสนามบินแล้ว
เดินทางต่อด้วยยานพาหนะไปยังโรงแรมที่พักหรือมหาวิทยาลัยได้เลย

ต้องขออภัยที่เอามะพร้าวห้าวมาขายอีกแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคย
เดินทางมาก่อนเลย ก็อาจจะไม่รู้ขั้นตอนเหล่านี้จริง ๆ อย่างตัวคุณแม่เอง
จนถึงวันนี้ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ต้องปล่อยไก่เป็นเล้า ๆ บ่อย ๆ เลยห่วงว่า
อาจจะมีบางคนที่เป็นเหมือนเรา ก็เลยมาเล่าสู่กันจะได้ไม่ต้องไปวิ่งไล่
ตามเป็ดไก่ที่ปล่อยไปด้วย และไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเองให้เสียเวลา ^^

ที่ผ่านมาตอนไปส่งลูกทั้ง 3 เรียนที่อเมริกา ไม่ว่าจุดหมายปลายทาง
จะเป็นฝั่งไหนของอเมริกา คุณแม่ก็มักจะเลือกใช้เส้นทาง BKK-LAX-BKK
เป็นเส้นทางหลักเกือบทุกครั้ง แล้วไปต่อเครื่องภายในประเทศโดย
สายการบิน United Airline เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

เหตุผลที่ต้องเลือก LAX หรือ Los Angeles เป็นจุดเปลี่ยนเครื่องเพราะว่า
มีเพื่อนซึ่งเป็นลูกสาวของนายเก่าอยู่ที่นั่น ซึ่งไม่แวะไม่ได้เด็ดขาดเพราะถ้า
เรื่องเข้าไปถึงหูพระเดชพระคุณว่าอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปตั้งไกล
ถึงที่โน่นแล้ว แต่ไม่ได้แวะไปเยี่ยมเธอแล้วนี่มีหวังงานเข้า ถูกยิงถล่มด้วย
อีเมล์แบบแก้ตัวไม่ทันกันเลย 555

การจองตั๋วเครื่องบินสำหรับลูก อาจจะต้องจองก่อนล่วงหน้าก่อนที่จะ
รู้ผลว่าจะได้ทุนหรือได้ไปเรียนที่อเมริกาหรือไม่ด้วยซ้ำ เนื่องจาก
ยิ่งจองเร็วก็ยิ่งจะได้ราคาถูกอย่างที่ได้กล่าวไว้แต่ต้น มิเช่นนั้นที่นั่ง
ก็อาจจะเต็ม หรือไม่ก็ต้องจ่ายแพงกว่าเป็นหลักหมื่นเลยทีเดียว!

จำได้ว่าปีนี้ตอนที่กำลังลุ้นว่าน้อง Paul จะได้ทุนหรือไม่นั้น ก็ได้
ทำเรื่องจองตั๋วเครื่องบินสำหรับน้อง Paul และคุณแม่ไว้ก่อนตั้งแต่
เดือนแรก ๆ ของปีด้วยซ้ำ กะว่าถ้าไม่ได้ทุนก็ยังยกเลิกตั๋วทัน
แต่ที่นั่งก็ยังเต็มและต้องอยู่ใน Waiting List คือต้องรอจนกว่า
คนอื่นที่จองหรือซื้อตั๋วไว้ก่อนหน้ายกเลิก หรือเปลี่ยนวันเดินทาง
จึงจะมีที่นั่งเหลือมาถึงเรา  

การจองตั๋วเครื่องบินที่ผ่านมาก็ใช้บริการของ Travel Agent ให้
ช่วยจัดเส้นทางและวันเวลาบินให้ โดยเอเจนซี่จะช่วยดูว่ามีสายการบิน
ไหนที่มีราคาประหยัดสุดในช่วงนั้น ก็พบว่ามีสายการบิน EVA Air
ที่มีราคาถูกที่สุด โดยราคาไปกลับเส้นทาง BKK-LAX-BKK คิดเป็น
เงินประมาณ 39,000 บาทสำหรับคุณแม่

ส่วนของน้อง Paul ได้ตีตั๋ว One way ticket เที่ยวเดียว BKK-LAX
คิดเป็นเงิน 31,000 บาท ถ้าจำไม่ผิดหากซื้อราคาตั๋วไปกลับสำหรับ
น้อง Paul ด้วย ก็จะตกประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท ซึ่งสาเหตุที่ราคา
แพงกว่าตั๋วของคุณแม่เนื่องจากเป็นตั๋วระยะยาว 1 ปี แต่ของคุณแม่
เป็นตั๋วระยะสั้น 1 เดือน ก็จะได้ตั๋วที่ราคาถูกกว่า

เหตุผลที่ไม่จองตั๋วไปกลับสำหรับน้อง Paul เนื่องจากยังไม่ทราบว่า
ช่วง Summer น้อง Paul จะจัดการกับอนาคตของตัวเองอย่างไร
เพราะมีพี่ ๆ ได้สร้างวีรกรรมเป็นตัวอย่างไว้ให้ก่อนแล้ว เช่นบางปี
อาจจะมีโครงการทำงาน Internship อยู่ที่นั่นเลย หรือไปขอฝึกงาน
ไปเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ในองค์กรภาคเอกชนต่าง ๆ

ถ้าไม่มีงานหรือกิจกรรมอะไรทำ ก็อาจจะไปพักที่อพาร์ตเม้นท์ของ
พี่สาว จะได้ประหยัดค่าเดินทางกลับไทย และพี่สาวก็จะได้ไม่เหงา
เพราะจะมีน้องชายทั้ง 2 คนมาอยู่คอยเป็น Body Guards ให้
ตลอดช่วง Summer ที่กำลังจะถึงกลางปีหน้านี้ด้วย ^^

กรณีจองตั๋วเครื่องบินผ่านเอเจนซี่นี่สามารถคงสถานะการจองได้
เป็นเดือนโดยยังไม่ต้องออกตั๋ว และยังไม่ต้องชำระเงินทันที แต่ราคา
จะแพงกว่าการจองเองแบบออนไลน์ประมาณพันกว่าบาท  

นอกจากนี้การจองออนไลน์ต้องใช้บัตรเครดิตในการจอง แล้วจะถูก
ตัดเงินค่าตั๋วในวันที่จองเลย เท่ากับต้องซื้อตั๋วก่อน แบบนี้จะเสี่ยง
เกินไปที่จะจองเร็วจ่ายเร็ว เพื่อหวังจะได้ราคาถูก แต่หากถึงเวลา
แล้วพลิกล็อค ไม่ได้เดินทางก็อาจจะเสียค่าตั๋วไปฟรี ๆ

ดังนั้นยอมจ่ายค่าบริการเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วให้มืออาชีพอย่าง
เอเจนซี่ช่วยจัดเส้นทางบินให้ก็จะสะดวกและคุ้มค่ากว่า ซึ่งโดยปกติ
เมื่อจองตั๋วแล้วเอเจนซี่ก็จะส่งข้อมูลการจองตั๋วมาให้ทางอีเมล์
พอได้รับแล้วก็ต้องตรวจสอบให้ดีทั้งชื่อ นามสกุล ต้องสะกดให้
ถูกต้องตรงตามหนังสือเดินทาง รวมทั้งวันที่และเส้นทางที่ต้อง
ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าถูกต้องดีแล้วด้วย

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเช็คแล้วเช็คอีกอย่างช้า ๆ ให้ละเอียดยิบ ๆ
หลาย ๆ ครั้งก็ยิ่งดี ห้ามไว้ใจตัวเอง เพราะบางครั้งเราอาจจะคิดว่า
ได้ตรวจอย่างละเอียดและถูกต้องดีแล้ว แต่ก็ยังพบข้อผิดพลาดใน
ภายหลังอีกจนได้ เพราะฉะนั้นห้ามประมาทหรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
เด็ดขาด ต้องยอมเสียเวลาตั้งแต่ต้น ดีกว่ามาเจอปัญหาทีหลังเดี๋ยว
จะแย่แล้วจะแก้ไม่ทันเอาได้

การจองตั๋วควรเผื่อวันเดินทางให้ไปถึง ประมาณสัปดาห์แรกของ
เดือนสิงหาคม หรือจำง่าย ๆ ก็คือช่วงวันแม่นั่นแหละ เพราะส่วนใหญ่
มหาวิทยาลัยทั่วไปจะเปิดภาคเรียนประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน
สิงหาคมทุกปี จึงควรเดินทางไปปรับตัวและปรับเวลาอย่างน้อย
1-2 สัปดาห์ และจะได้ถือโอกาสท่องเที่ยวและสำรวจที่ทางของ
เมืองนั้นไปด้วย ไหน ๆ ก็ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบินแพงหูฉี่ซะขนาดนี้แล้ว
ก็ต้องเอาคืนให้คุ้มค่าบ้างอะไรบ้าง ^^

สำหรับคนที่ไม่มีเวลา หรือไม่มีงบประมาณ และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แบบนี้ก็อนุญาตให้เดินทางก่อน
ล่วงหน้าน้อยวันหน่อยก็ได้ แต่อย่าให้น้อยกว่า 2-3 วันก็จะปลอดภัยกว่า
ไม่ใช่ไปถึงปุ๊บก็เข้าเรียนปั๊บ อย่างนี้ลูก ๆ ยังปรับตัวและปรับเวลาไม่ได้
ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดและกระทบกับการเรียนในระยะแรก ๆ ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่