ขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า เราขอใช้ ID pantip ของเพื่อนเรา ในการตั้งกระทู้นี้ เนื่องจาก เราไม่มี ID ของตัวเอง
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่20เดือนตุลาคม 2558 เราได้เที่ยวที่ #อ่าวนางจังหวัดกระบี่ และเราได้มาจองพักที่ #
รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อ่าวนาง ตัวย่อ น.อ. ไว้สองคืน
คืนแรกผ่านเพราะเราไม่ได้ไปไหนเพราะฝนตก พอเช้าวันที่21เราก็จองตั๋วไปกับทัวร์4เกาะ ก่อนออกจากห้อง เวลา 8:50น.เราก็เตรียมสัมภาระเพื่อจะไปดำน้ำ ทริปนี้เราไปกันสองคน เราเลยบอกอีกคนไม่ต้องพกตังไปหรอกเพราะบนเกาะไม่ต้องใช้ตังเยอะ ใช้ตังเราก็ได้ หลังจากนั้นเราก็ให้เค้านับตังในกระเป๋าของเค้า มีเงินไทย11400 กับเงินยูโร150ยูโร เรานับก่อนออกจากโรงแรมแล้วก็บันทึกไว้ในโทรศัพท์กันลืม..เราก็เอากระเป๋าสตางค์ยัดไว้ในสุดของกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมไว้อีกทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ล่อตาล่อใจของโจร...หลังจากนั้นเราก็ล๊อคห้อง............
รูปตอนไปดำน้ำ
แล้วเราก็ออกไปดำน้ำทั้งวันจนจบทริปตอนสี่โมงเย็น เราถึงห้องเวลาห้าโมงเย็น เราก็อาบน้ำสระผมจนเสร็จแล้วเราก็มาเช็คกระเป๋าของเรา..กระเป๋าที่เก็บด้านในไม่อยู่ในสภาพเดิมคะ และห้องก็มีพนักงานมาทำความสะอาดเรียบร้อยไม่เหมือนตอนเราออกไป เอาละสิ (ในใจตอนนั้นรูปสึกแล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แต่ก็ยังหวังลึกๆว่าจะไม่มีอะไรมาก)
เรามองกระเป๋าแล้วรู้ถึงความไม่เหมือนเดิมคือ พอเรารูดซิปกระเป๋าเสื้อผ้าปุ๊บเราเห็นกระเป๋าสตางค์ทันที่ ทั้งๆที่ตอนเก็บมันเราเก็บไว้ลึกมากกกกกก
ไม่รอช้าคะ รีบหยิบเงินมานับทันที่ โอ้ขุ่นพระ!
เงินเหลือในกระเป๋า8000บาทกับอีก100ยูโร (จากเดิมที่นับก่อนออกไปดำน้ำ มีเงินไทย11400 กับเงินยูโร150ยูโร)
ภาพกระเป๋าที่ถูกรื้อ
ด้วยความร้อนรนเราก็รีบออกมาที่เค้าท์เตอร์ต้อนรับแบบสภาพหัวเปี้ยกๆผมเผ้ายุ่งเหยิง มาแจ้งกับพนักงานโรงแรม ทางพนักโรงแรมก็สอบถามเราว่าเราเช็คดีแล้วหรอ เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดว่าเราเช็คดีมากด้วยเพราะเรานับเงินก่อนออกไป หลังจากนั้นพนักบอกให้รอสักครู่ เราก็รอประมาณ 10นาที แล้วเจ้าของเค้าก็มา...
คำแรกที่เจ้าของโรงแรมพูดคือ มีอะไร??
เงินหายหรอ??
แล้วชั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเงินเทอหายจริง??
เราก็ตอบกลับไปว่าเรานับเงินก่อนออกจากห้อง แล้วแอบมันไว้อย่างดี...
ทางเจ้าของห้องก็ตอบกลับมาว่า ชั้นไม่ได้ไปนับกับเทอชั้นไม่รู้ว่าเทอมีเงินเท่าไหร่??
เราก็บอกแต่มีคนไปทำความสะอาดห้องนะคะ...มีการรื้อค้นกระเป๋าด้วย...
เจ้าของห้องตอบกลับมาว่าชั้นไม่รู้เพราะในห้องไม่ได้ติดกล้อง....
เอิ่มมมมเราก็ตอบกลับอีกว่างั้นดูกล้องสิคะว่าใครเข้าห้องบ้าง
นางตอบแบบเหี้....มาก จะดูตอนเวลาเท่าไหร่เวลากี่โมงที่ของเทอหาย....(อืมมถ้ากรูรู้กรูคงไม่ถามเมิงหรอกนะ)
แล้วนางแร็พเป็นภาษาใต้ใส่เราแบบว่าชั้นไม่รับผิดหรอกเงินเทอหายในห้องเอง ถ้าเทอมาฝากไว้ในล๊อคเกอร์หน้าเคาเตอร์ชั้นจะรับผิดชอบ (ตอนกรูมาพักและออกไปดำนำพนักงานเมิงไม่แจ้งกรูสักคำว่ามีตู้ฝากของได้เราตอบกลับไป) นางพ่นๆๆภาษาใต้รัวๆ (บอกเลยเราเถียงไม่ทัน)ส่วนลูกสาวนางท้องโตนิสัยคงเหมือนแม่หน้างอคอหักพูดกับเราว่าดูกล้องได้แต่ไม่ขอรับผิดชอบ อะไรทั้งสิน (แล้วกรูจะดูเพื่อออออ?)
เราก็เดินออกมาแล้วโทรหาพี่ที่รู้จักกันให้พาไปแจ้งความ
เราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวของอ่าวนาง พอไปถึงเราก็เจอน้องเจ้าหน้าผู้หญิงคนนึงบอกว่าเราจะมาแจ้งความเงินหายที่ห้องพัก
น้องก็แนะนำให้ไปโรงพักในตัวเมืองเพราะมัน #คดีอาญา (พึ่งรู้ว่า สถานีตรวจท่องเที่ยว รับแจ้งคดีอาญาไม่ได้ ขอผู้ที่รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ ว่าจริงๆแล้ว รับแจ้งความได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ)
พอเราแจ้งชื่อโรงแรมไปปุ๊บ น้องเค้าไปเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนนึงมา เจ้าหน้าบอกเราว่าโรงแรมนี้ขึ้นชื่อมากที่โดนนักท่องเที่ยวมาร้องเรียนหรือมาแจ้งว่าเจ้าของนิสัยไม่ดี บริการแย่ ของหายหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอาความเพราะมันเสียเวลา
ทางที่ดีเราต้องไปแจ้งความไว้เพื่อที่จะเก็บเป็นบันทึกไว้ก็ยังดี แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปแจ้งความในตัวเมืองเพราะมันห่างจากที่เราอยู่ยี่สิบโล
แล้วต้องใช้เวลาในการสืบสวนนาน แต่เราก็ได้ข้อมูลจากคนแถวนั้นเยอะละว่านางไม่ถูกใครเลยแถวนั้น ไม่มีใครชอบนาง แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรนางได้เพราะนางเป็นคนเก่าคนแก่....ใน #อ่าวนาง.. ที่เรามาเล่าให้ฟังเพราะเราเสียความรู้สึกมาก
1.ทำไมเจ้าของห้องไม่เรียกพนักงานมาสอบสวน หรือสอบถามว่าใครเข้าไปทำความสะอาด
2.เรารู้ว่าเงินถ้ามันหายไป ไม่ได้คืนแน่นอน แต่คุณเป็นเจ้าของ น่าจะพูดจาสนทนากับลูกค้าให้ดีกว่านี้...
3.ถ้าตอนเช็คอินเราเห็นหน้าเจ้าของโรงแรมนะเราจะไม่เข้าไปพักเลย เพราะหน้านางอย่างกับปีศาจ....สุดท้ายนี้ขอเตือนทุกๆคนที่จะไป อ่าวนาง กระบี่ อย่าได้หลงไปเหยียบโรงแรมนี้อีกเลย
*ปล. ด้วยความโมโห ,ตกใจกับคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเจ้าของรีสอร์ท และเวลาค่อนข้างมีจำกัดที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้ดิฉันจีงลืมขอไฟล์ วงจรปิด มาไว้เป็นหลักฐาน
ผู้เขียนกระทู้ มีความรู้สึกดีกับ หลายๆ รีสอร์ทที่ได้เข้าไปพัก และมีรีสอร์ทที่ดีบริการดี อีกมาก
ยกเว้น ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ขอยืนยันว่า ข้อความที่กล่าวมาแล้วขึ้นต้น เป็นความสัตย์จริงทั้งหมด และอยากแชร์ให้ ทุกคนทราบ เนื่องจากเป็นภัยต่อทุกคน และสร้างภาพลบ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ
ขอขอบคุณที่ท่านที่ อ่านจนจบ แล้วขอบคุณทุกความคิดเห็น หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
แชร์ให้ทราบโดยทั่วกันเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เรื่องการเข้าพักในโรงแรม หรือ รีสอร์ทต่างๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ เหมือนเรานะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่20เดือนตุลาคม 2558 เราได้เที่ยวที่ #อ่าวนางจังหวัดกระบี่ และเราได้มาจองพักที่ #รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อ่าวนาง ตัวย่อ น.อ. ไว้สองคืน
คืนแรกผ่านเพราะเราไม่ได้ไปไหนเพราะฝนตก พอเช้าวันที่21เราก็จองตั๋วไปกับทัวร์4เกาะ ก่อนออกจากห้อง เวลา 8:50น.เราก็เตรียมสัมภาระเพื่อจะไปดำน้ำ ทริปนี้เราไปกันสองคน เราเลยบอกอีกคนไม่ต้องพกตังไปหรอกเพราะบนเกาะไม่ต้องใช้ตังเยอะ ใช้ตังเราก็ได้ หลังจากนั้นเราก็ให้เค้านับตังในกระเป๋าของเค้า มีเงินไทย11400 กับเงินยูโร150ยูโร เรานับก่อนออกจากโรงแรมแล้วก็บันทึกไว้ในโทรศัพท์กันลืม..เราก็เอากระเป๋าสตางค์ยัดไว้ในสุดของกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมไว้อีกทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ล่อตาล่อใจของโจร...หลังจากนั้นเราก็ล๊อคห้อง............
รูปตอนไปดำน้ำ
แล้วเราก็ออกไปดำน้ำทั้งวันจนจบทริปตอนสี่โมงเย็น เราถึงห้องเวลาห้าโมงเย็น เราก็อาบน้ำสระผมจนเสร็จแล้วเราก็มาเช็คกระเป๋าของเรา..กระเป๋าที่เก็บด้านในไม่อยู่ในสภาพเดิมคะ และห้องก็มีพนักงานมาทำความสะอาดเรียบร้อยไม่เหมือนตอนเราออกไป เอาละสิ (ในใจตอนนั้นรูปสึกแล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แต่ก็ยังหวังลึกๆว่าจะไม่มีอะไรมาก)
เรามองกระเป๋าแล้วรู้ถึงความไม่เหมือนเดิมคือ พอเรารูดซิปกระเป๋าเสื้อผ้าปุ๊บเราเห็นกระเป๋าสตางค์ทันที่ ทั้งๆที่ตอนเก็บมันเราเก็บไว้ลึกมากกกกกก
ไม่รอช้าคะ รีบหยิบเงินมานับทันที่ โอ้ขุ่นพระ!
เงินเหลือในกระเป๋า8000บาทกับอีก100ยูโร (จากเดิมที่นับก่อนออกไปดำน้ำ มีเงินไทย11400 กับเงินยูโร150ยูโร)
ภาพกระเป๋าที่ถูกรื้อ
ด้วยความร้อนรนเราก็รีบออกมาที่เค้าท์เตอร์ต้อนรับแบบสภาพหัวเปี้ยกๆผมเผ้ายุ่งเหยิง มาแจ้งกับพนักงานโรงแรม ทางพนักโรงแรมก็สอบถามเราว่าเราเช็คดีแล้วหรอ เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดว่าเราเช็คดีมากด้วยเพราะเรานับเงินก่อนออกไป หลังจากนั้นพนักบอกให้รอสักครู่ เราก็รอประมาณ 10นาที แล้วเจ้าของเค้าก็มา...
คำแรกที่เจ้าของโรงแรมพูดคือ มีอะไร??
เงินหายหรอ??
แล้วชั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเงินเทอหายจริง??
เราก็ตอบกลับไปว่าเรานับเงินก่อนออกจากห้อง แล้วแอบมันไว้อย่างดี...
ทางเจ้าของห้องก็ตอบกลับมาว่า ชั้นไม่ได้ไปนับกับเทอชั้นไม่รู้ว่าเทอมีเงินเท่าไหร่??
เราก็บอกแต่มีคนไปทำความสะอาดห้องนะคะ...มีการรื้อค้นกระเป๋าด้วย...
เจ้าของห้องตอบกลับมาว่าชั้นไม่รู้เพราะในห้องไม่ได้ติดกล้อง....
เอิ่มมมมเราก็ตอบกลับอีกว่างั้นดูกล้องสิคะว่าใครเข้าห้องบ้าง
นางตอบแบบเหี้....มาก จะดูตอนเวลาเท่าไหร่เวลากี่โมงที่ของเทอหาย....(อืมมถ้ากรูรู้กรูคงไม่ถามเมิงหรอกนะ)
แล้วนางแร็พเป็นภาษาใต้ใส่เราแบบว่าชั้นไม่รับผิดหรอกเงินเทอหายในห้องเอง ถ้าเทอมาฝากไว้ในล๊อคเกอร์หน้าเคาเตอร์ชั้นจะรับผิดชอบ (ตอนกรูมาพักและออกไปดำนำพนักงานเมิงไม่แจ้งกรูสักคำว่ามีตู้ฝากของได้เราตอบกลับไป) นางพ่นๆๆภาษาใต้รัวๆ (บอกเลยเราเถียงไม่ทัน)ส่วนลูกสาวนางท้องโตนิสัยคงเหมือนแม่หน้างอคอหักพูดกับเราว่าดูกล้องได้แต่ไม่ขอรับผิดชอบ อะไรทั้งสิน (แล้วกรูจะดูเพื่อออออ?)
เราก็เดินออกมาแล้วโทรหาพี่ที่รู้จักกันให้พาไปแจ้งความ
เราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวของอ่าวนาง พอไปถึงเราก็เจอน้องเจ้าหน้าผู้หญิงคนนึงบอกว่าเราจะมาแจ้งความเงินหายที่ห้องพัก
น้องก็แนะนำให้ไปโรงพักในตัวเมืองเพราะมัน #คดีอาญา (พึ่งรู้ว่า สถานีตรวจท่องเที่ยว รับแจ้งคดีอาญาไม่ได้ ขอผู้ที่รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ ว่าจริงๆแล้ว รับแจ้งความได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ)
พอเราแจ้งชื่อโรงแรมไปปุ๊บ น้องเค้าไปเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนนึงมา เจ้าหน้าบอกเราว่าโรงแรมนี้ขึ้นชื่อมากที่โดนนักท่องเที่ยวมาร้องเรียนหรือมาแจ้งว่าเจ้าของนิสัยไม่ดี บริการแย่ ของหายหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอาความเพราะมันเสียเวลา
ทางที่ดีเราต้องไปแจ้งความไว้เพื่อที่จะเก็บเป็นบันทึกไว้ก็ยังดี แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปแจ้งความในตัวเมืองเพราะมันห่างจากที่เราอยู่ยี่สิบโล
แล้วต้องใช้เวลาในการสืบสวนนาน แต่เราก็ได้ข้อมูลจากคนแถวนั้นเยอะละว่านางไม่ถูกใครเลยแถวนั้น ไม่มีใครชอบนาง แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรนางได้เพราะนางเป็นคนเก่าคนแก่....ใน #อ่าวนาง.. ที่เรามาเล่าให้ฟังเพราะเราเสียความรู้สึกมาก
1.ทำไมเจ้าของห้องไม่เรียกพนักงานมาสอบสวน หรือสอบถามว่าใครเข้าไปทำความสะอาด
2.เรารู้ว่าเงินถ้ามันหายไป ไม่ได้คืนแน่นอน แต่คุณเป็นเจ้าของ น่าจะพูดจาสนทนากับลูกค้าให้ดีกว่านี้...
3.ถ้าตอนเช็คอินเราเห็นหน้าเจ้าของโรงแรมนะเราจะไม่เข้าไปพักเลย เพราะหน้านางอย่างกับปีศาจ....สุดท้ายนี้ขอเตือนทุกๆคนที่จะไป อ่าวนาง กระบี่ อย่าได้หลงไปเหยียบโรงแรมนี้อีกเลย
*ปล. ด้วยความโมโห ,ตกใจกับคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเจ้าของรีสอร์ท และเวลาค่อนข้างมีจำกัดที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้ดิฉันจีงลืมขอไฟล์ วงจรปิด มาไว้เป็นหลักฐาน
ผู้เขียนกระทู้ มีความรู้สึกดีกับ หลายๆ รีสอร์ทที่ได้เข้าไปพัก และมีรีสอร์ทที่ดีบริการดี อีกมาก
ยกเว้น ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ขอยืนยันว่า ข้อความที่กล่าวมาแล้วขึ้นต้น เป็นความสัตย์จริงทั้งหมด และอยากแชร์ให้ ทุกคนทราบ เนื่องจากเป็นภัยต่อทุกคน และสร้างภาพลบ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ
ขอขอบคุณที่ท่านที่ อ่านจนจบ แล้วขอบคุณทุกความคิดเห็น หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ