ลังเลอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีมั้ย แต่ผมอยากให้ชาวเน็ตได้คิดนิดหน่อยกับคดีนี้
เริ่มจากคดีนี้ ถ้าจากคลิปที่มีการโพสช่วงแรก ผมเห็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาทธรรมดา บ้านๆ เบๆ แต่คู่กรณีดันเป็น หญิงท้อง กะ เมียทหาร ซึ่งถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปคงไม่มีใครให้ความสนใจ
ทั้งคู่ก็ได้มาไกล่เกลี่ยกันที่ สน โดยฝั่งคนท้องเรียกสามี ฝั่งป้าก็เรียก แต่สามีป้าดันเป็นนายทหาร
ไกล่เกลี่ยกันเสร็จ เรื่องควรจะจบแค่ตรงนี้ แต่เป็นสามีคนท้อง ที่ได้ทำการโพสข้อความ ลงรูปคนท้องที่เข้าโรงพยาบาล จนเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งตอนหลังมีการลบข้อความไปแล้ว
แต่ไม่ทันแล้วครับ ข้อความนั้นได้ถูกกระแสsocial network แขร์ต่อๆ กันมา จนเกิดกระแสสังคมด่าป้าไปเรียบร้อย ทางป้าเลยฟ้องคู่สามีภรรยาคนท้อง
มีการไกล่เกลี่ยกันอีกรอบที่ สน โดยมีเจ๊บุ๋ม เป็นคนกลาง ซึ่งทางสามีคนท้องเป็นคนขอร้องแกมานะครับ แกไม่ได้ยื่นหน้าสาระแนอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ
ปัญหาก็คือ ตอนที่มีการไกล่เกลี่ย เจ๊บุ๋มได้มีการพูดถึงความดีของนายทหารสามีป้า รวมทั้งการทำหน้าเฉยของป้าตอนมอบดอกไม้ รวมทั้งหน้าเศร้าๆ ของคู่สามีภรรยาคนท้อง
จุดนี้ล่ะครับ ที่เป็นปัญหา เราได้ตัดสินจากภาพที่เราเห็นนี้ไปแล้ว คู่สามีภรรยาหน้าเศร้าทำไม ไม่มีใครรู้ ผมไม่รู้ คุณไม่รู้ ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น. แต่สังคมได้ตีความไปแล้วว่าต้องเกิดการใช้อำนาจเข้ากดขี่แน่นอน
กระแสสังคมก็เริ่มลุกฮือ เพจต่างๆ เริ่มทำการด่าทอ ป้า เจ๊บุ๋ม ทหาร แบงค์ที่ป้าทำงานก็โดนกดดันให้ลงโทษป้า
ผมเป็นเสียงเล็กๆ ที่จะพยายามห้าม ผมได้พยายามเข้าไปในเว็บจ่า เพื่อชี้ว่าหลักฐานว่า ป้าถีบท้อง การใช้อำนาจข่มเหง ยังไม่มีเลย
แต่เสียงของผมก็ไม่มีพลังพอ ผมโดนด่า ติ่งป้า เมียคุณไม่โดนไม่รู้หรอก ขอให้ครั้งหน้าเป็นเมียคุณ เยอะมากๆๆ
ผมต่อสู้เรื่อยมาในเว็บจ่า ทั้งโพสถาม โพสให้จ่าไตร่ตรอง โพสเหน็บคนที่รุมด่าป้า ว่ามันไม่ได้ช่วยคนท้องเลยนะ มันจะทำให้ยิ่งแย่กันไปใหญ่ ไม่เป็นผลครับ ผมยังโดนด่า ป้ายังโดนด่า มีการขุดเรื่องราวมาด่าทอ
ผมก็ยังสู้อยู่ ผมยังพยายามโพส ให้ชาวเน็ตรู้ว่า คุณยังไม่มีหลักฐานความผิดชี้ชัดทั้ง2กรณี คือ ป้าถีบท้องจริงหรือไม่ มีการใช้อำนาจข่มขู่จริงหรือไม่ แต่ก็โดนตอกกลับว่า สามีป้าเป็นทหารก็ลบหลักฐานไปหมดแล้ว จะมีได้ไงล่ะ
จนสุดท้ายกระแสเริ่มตีกลับ มีหลักฐานจากอีกฝั่ง ตอนนี้ก็เริ่มมีการขุดคุ้ยด่าทอคนท้องแทน
นี่คือผลล่าสุดของคดีนี้
มาที่ข้อคิดที่ผมอยากให้ชาวเน็ตได้คิดครับสำหรับเคสคดีนี้ มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างของสังคมไทย
เรื่องแรก การตัดสินความผิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งจาก อารมณ์ ความรู้สึก กระแสสังคม แทนที่จะเป็นหลักฐาน มีหลายคดีแล้วครับที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เราก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ได้แต่ด่าฝั่งหนึ่งตามๆกันไป
เรื่องสอง การที่เราชอบกล่าวอ้างว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักการเมือง หรือผู้มีอำนาจจะต้องลบหลักฐาน ข่มขู่พยาน ข่มขู่คู่กรณี ซึ่งถามว่ามีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่ไม่ใช่ทุกเคสเสมอไป
เพราะเมื่อใดที่คุณโดนอคติตัวนี้ครอบงำ คุณจะหยุดในการมองหาหลักฐาน หยุดการพิสูจน์ความจริง จนเกิดการด่าฝั่งที่คุณคิดว่าเค้าลบหลักฐาน ทั้งที่คุณยังไม่สามารถชี้ชัดได้เลยว่าเค้าทำจริงหรือไม่
เรื่องสาม การเสพสื่อ หลายๆคดีที่เป็นกระแส เกิดการด่าทอฝั่งใดฝั่งหนึ่ง สื่อมีส่วนอย่างมากในการโหมไฟให้ลุก สื่อที่เอนเอียง เสนอด้านเดียว ทำให้เกิดความเกลียดชังฝั่งหนึ่งชัดเจน พอไม่เป็นจริง ก็ไม่มีการแก้ข่าวใดๆ ทั้งสิ้น หลายๆเพจ ณ ตอนนี้ ก็ยังพยายามแถ หรือไม่ก็ทำเป็นลืม
สุดท้ายนี้ ผมอยากขอให้ชาวเน็ตเลิกขุดคุ้ยข้อมูล สาวไส้ไปมาของทั้งสองฝั่ง เพราะผมคิดว่ามันขัดกับความตั้งใจแต่แรกของทั้งฝั่งป้าและคนท้อง ที่อยากให้เรื่องราวจบลง ใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป การขุดคุ้ยข้อมูล ด่าทอไปมา ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีแต่จะใช้ชีวิตลำบากขึ้น
ขอบคุณครับ
ข้อคิดจากคดีป้ากับคนท้อง
เริ่มจากคดีนี้ ถ้าจากคลิปที่มีการโพสช่วงแรก ผมเห็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาทธรรมดา บ้านๆ เบๆ แต่คู่กรณีดันเป็น หญิงท้อง กะ เมียทหาร ซึ่งถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปคงไม่มีใครให้ความสนใจ
ทั้งคู่ก็ได้มาไกล่เกลี่ยกันที่ สน โดยฝั่งคนท้องเรียกสามี ฝั่งป้าก็เรียก แต่สามีป้าดันเป็นนายทหาร
ไกล่เกลี่ยกันเสร็จ เรื่องควรจะจบแค่ตรงนี้ แต่เป็นสามีคนท้อง ที่ได้ทำการโพสข้อความ ลงรูปคนท้องที่เข้าโรงพยาบาล จนเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งตอนหลังมีการลบข้อความไปแล้ว
แต่ไม่ทันแล้วครับ ข้อความนั้นได้ถูกกระแสsocial network แขร์ต่อๆ กันมา จนเกิดกระแสสังคมด่าป้าไปเรียบร้อย ทางป้าเลยฟ้องคู่สามีภรรยาคนท้อง
มีการไกล่เกลี่ยกันอีกรอบที่ สน โดยมีเจ๊บุ๋ม เป็นคนกลาง ซึ่งทางสามีคนท้องเป็นคนขอร้องแกมานะครับ แกไม่ได้ยื่นหน้าสาระแนอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ
ปัญหาก็คือ ตอนที่มีการไกล่เกลี่ย เจ๊บุ๋มได้มีการพูดถึงความดีของนายทหารสามีป้า รวมทั้งการทำหน้าเฉยของป้าตอนมอบดอกไม้ รวมทั้งหน้าเศร้าๆ ของคู่สามีภรรยาคนท้อง
จุดนี้ล่ะครับ ที่เป็นปัญหา เราได้ตัดสินจากภาพที่เราเห็นนี้ไปแล้ว คู่สามีภรรยาหน้าเศร้าทำไม ไม่มีใครรู้ ผมไม่รู้ คุณไม่รู้ ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น. แต่สังคมได้ตีความไปแล้วว่าต้องเกิดการใช้อำนาจเข้ากดขี่แน่นอน
กระแสสังคมก็เริ่มลุกฮือ เพจต่างๆ เริ่มทำการด่าทอ ป้า เจ๊บุ๋ม ทหาร แบงค์ที่ป้าทำงานก็โดนกดดันให้ลงโทษป้า
ผมเป็นเสียงเล็กๆ ที่จะพยายามห้าม ผมได้พยายามเข้าไปในเว็บจ่า เพื่อชี้ว่าหลักฐานว่า ป้าถีบท้อง การใช้อำนาจข่มเหง ยังไม่มีเลย
แต่เสียงของผมก็ไม่มีพลังพอ ผมโดนด่า ติ่งป้า เมียคุณไม่โดนไม่รู้หรอก ขอให้ครั้งหน้าเป็นเมียคุณ เยอะมากๆๆ
ผมต่อสู้เรื่อยมาในเว็บจ่า ทั้งโพสถาม โพสให้จ่าไตร่ตรอง โพสเหน็บคนที่รุมด่าป้า ว่ามันไม่ได้ช่วยคนท้องเลยนะ มันจะทำให้ยิ่งแย่กันไปใหญ่ ไม่เป็นผลครับ ผมยังโดนด่า ป้ายังโดนด่า มีการขุดเรื่องราวมาด่าทอ
ผมก็ยังสู้อยู่ ผมยังพยายามโพส ให้ชาวเน็ตรู้ว่า คุณยังไม่มีหลักฐานความผิดชี้ชัดทั้ง2กรณี คือ ป้าถีบท้องจริงหรือไม่ มีการใช้อำนาจข่มขู่จริงหรือไม่ แต่ก็โดนตอกกลับว่า สามีป้าเป็นทหารก็ลบหลักฐานไปหมดแล้ว จะมีได้ไงล่ะ
จนสุดท้ายกระแสเริ่มตีกลับ มีหลักฐานจากอีกฝั่ง ตอนนี้ก็เริ่มมีการขุดคุ้ยด่าทอคนท้องแทน
นี่คือผลล่าสุดของคดีนี้
มาที่ข้อคิดที่ผมอยากให้ชาวเน็ตได้คิดครับสำหรับเคสคดีนี้ มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างของสังคมไทย
เรื่องแรก การตัดสินความผิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งจาก อารมณ์ ความรู้สึก กระแสสังคม แทนที่จะเป็นหลักฐาน มีหลายคดีแล้วครับที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เราก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ได้แต่ด่าฝั่งหนึ่งตามๆกันไป
เรื่องสอง การที่เราชอบกล่าวอ้างว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักการเมือง หรือผู้มีอำนาจจะต้องลบหลักฐาน ข่มขู่พยาน ข่มขู่คู่กรณี ซึ่งถามว่ามีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่ไม่ใช่ทุกเคสเสมอไป
เพราะเมื่อใดที่คุณโดนอคติตัวนี้ครอบงำ คุณจะหยุดในการมองหาหลักฐาน หยุดการพิสูจน์ความจริง จนเกิดการด่าฝั่งที่คุณคิดว่าเค้าลบหลักฐาน ทั้งที่คุณยังไม่สามารถชี้ชัดได้เลยว่าเค้าทำจริงหรือไม่
เรื่องสาม การเสพสื่อ หลายๆคดีที่เป็นกระแส เกิดการด่าทอฝั่งใดฝั่งหนึ่ง สื่อมีส่วนอย่างมากในการโหมไฟให้ลุก สื่อที่เอนเอียง เสนอด้านเดียว ทำให้เกิดความเกลียดชังฝั่งหนึ่งชัดเจน พอไม่เป็นจริง ก็ไม่มีการแก้ข่าวใดๆ ทั้งสิ้น หลายๆเพจ ณ ตอนนี้ ก็ยังพยายามแถ หรือไม่ก็ทำเป็นลืม
สุดท้ายนี้ ผมอยากขอให้ชาวเน็ตเลิกขุดคุ้ยข้อมูล สาวไส้ไปมาของทั้งสองฝั่ง เพราะผมคิดว่ามันขัดกับความตั้งใจแต่แรกของทั้งฝั่งป้าและคนท้อง ที่อยากให้เรื่องราวจบลง ใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป การขุดคุ้ยข้อมูล ด่าทอไปมา ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีแต่จะใช้ชีวิตลำบากขึ้น
ขอบคุณครับ