เราพึ่งสมัครสมาชิกมาตั้งกระทู้เป็นกระทู้แรกคะ เกริ่นเลยละกันว่าเราไปเป็นไข้เลือดออกในประเทศเมกา เป็นที่ไทยก็ยังพอรักษาง่าย แต่ไปเป็นประเทศนู้น มันวุ่นวายมากกกกเพราะในเมืองที่เราอยู่แทบไม่มีหมอเชี่ยวชาญด้านนี้ โรงพยาบาลที่เรารักษาอยู่เคยรักษาโรคนี้แค่1คน! (เราไปเป็นคนที่2 55555) คือวุ่นวายตั้งแต่รักษาต้นจนจบเลย มีเรื่องแย่ๆในโรงพยาบาลเยอะมาก และขออนุญาตแท็กหมวดซิทคอมนะคะเพราะมีรายการนึงที่อยากขอบคุณคะ เริ่มเรื่องเลยละกันจะได้ไม่เสียเวลาเนอะ 55 คือหลังจากสอบมหาลัยเสร็จ เราก็ไปหาหม่าม๊าที่เมกาเดือนธันวาปีที่แล้วคะ เราไปถึงก็เป็นช่วงคริสต์มาสพอดี ในใจนี่ฟินมากๆ คริสต์มาสหน้าหนาวที่เมกาคงสนุกมากแน่ๆ แพลนจะทำนู่นทำนี่หลายอย่างเลยคะ ก่อนอื่นเราก็เริ่มทำงานpart-timeก่อน ก็ทำที่ร้านบุฟเฟต์ที่นึงชื่อร้านโตเกียวใน New Jersey (คนที่ไปเวิคน่าจะรู้จักเพราะมีหลายคนมากินที่ร้านคะ ทางร้านบอก) วันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาสเราก็ทำงานแบบลัลลาสุดๆ 555 ตอนกลางคืนก็ฉลองคริสต์มาสกับคุณแม่ คือ ฟินนน (ได้แปบเดียว) คืนวันที่ 25 เราเริ่มแสบผิว ปวดหัว มีไข้คะ แต่เราก็ไม่ได้คิดไรมาก ก็กินยาแก้ไข้ (เอาพาราไป) แล้วก็นอน พอวันต่อมาก็ยังมีไข้ขึ้นสูงอีกประมาณ 39.7 เราก็เลยขอลางานนอนซมอยู่บ้านทั้งวัน ก็กินยาแก้ไข้ต่อในใจตอนนั้นคิดว่าคงเป็นแค่ไข้หวัด(แต่ไม่มีน้ำมูก555) พอวันที่สามก็ยังคงมีไข้อีก หม่าม๊าก็บอกว่านี่ไม่ใช่ไข้ธรรมดาแน่ๆ ก็ถามเราว่าก่อนมาเนี่ยมีโดนยุงกัดมั้ย เราก็บอกคะว่าโดนไปสองครั้งตอนอ่านหนังสือสอบที่มหาลัย หม่าม๊ามั่นใจมากว่าเป็นไข้เลือดออกชัวร์จะพาไปหาหมอ เพราะอาการเหมือนที่เราเคยเป็นรอบแรกตอนเด็ก แต่เราก็ดื้อดึงไม่ยอมไปหาหมอเพราะว่าขี้งกคะ55555 ค่าหาหมอที่นู่นมันแพงอะ ทำงานได้แค่สองวันยังไม่ได้ค่าตั๋วเลยยย ไม่อยากไปหาหมอก็ต่อรองกับม๊าว่าพรุ่งนี้ไข้ไม่ลดเดี๋ยวไปหาหมอเนอะ แต่ในใจก็เริ่มคิดละว่าเป็นไข้เลือดออกชัวร์เลยงานนี้
พออีกวันก็คือวันที่4หรือวันที่ 28 ธันวาไข้ก็ไม่ลด ก็เลยไปหาหมอที่ emergency room ที่ร.พ.คะ เพราะว่าถ้าไปหาแบบธรรมดาต้องรอคิวนู่นนี่หรือต้องนัดไว้ล่วงหน้าเยอะมาก ไปปุ้บหมอก็ถามว่าเป็นไข้นานหรือยัง ปวดหัวระดับไหน คือคุณหมอที่นู่นเค้าจะถามเราจริงๆคะว่าปวดหัวระดับไหน 1-10 (1 คือปวดน้อยๆ 10คือปวดแบบที่สุด) เราก็ตอบไปเลยว่าระดับเก้า ปวดหัวมาก นอนบนเตียงแบบเปื่อยมาหลายวันแล้ว ไข้ตอนนั้นก็ยังสูงอยู่ 39.8 หมอเลยให้น้ำเกลือชั่วคราว เราก็บอกหมอเลยว่า ‘I got bite by a mosquito’ หลังจากนั้นเราก็เปิดดิคหาคำว่าไข้เลือดออก5555555เป็นศัพท์ใหม่ที่พึ่งรู้จริงๆ ละก็บอกหมอต่อว่า ‘I think I got a dengue fever’ หมอก็แบบจดบันทึกเอาไว้แล้วเดินออกไป สักพักมีพยาบาลมาขอเจาะเลือด เราก็บอกว่าเราปวดหัวมากๆ ขอยาหน่อยได้มั้ย พยาบาลก็หายไปสักพักละมาให้ยาในน้ำเกลือบอกว่าเป็นยาแก้ปวด เราถามไปว่ายาประเภทไหนหรอ คือเราอยากรู้ว่าเป็นแอสไพรินหรือพารา เค้าก็งงๆ กับคำถามเราอะ จุดพีคแรกคือเราก็แบบถามไปอีกครั้งเค้าก็ตอบเราว่า ‘Aspirin’ เรานี่ช้อกกกกกไปแปบนึงจำได้ว่าเป็นไข้เลือดออกห้ามให้ยาแอสไพรินเด็ดขาด เรากับหม่าม๊าก็อยากจะโวยวายแต่ไม่รู้จะทำไงเลยปล่อยผ่านไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดไรขึ้นต่อ พอผ่านไปสามชั่วโมงหมอเดินมาบอกให้กลับบ้านได้แบบงงๆ เราก็งงๆ กลับก็กลับแต่เราเปื่อยมากกกกกไม่มีแรงจะเดินละอะ กลับก็ได้ : (
พอวันที่ 5 ของการเป็นไข้หรือวันที่ 29 ธันวา เราตื่นมาตอนเช้าละตกใจ กางเกงในมีเลือด (ไม่ใช่ประจำเดือนแน่ๆ เพราะพึ่งหมดไปต้นเดือน) ตกใจมากๆ ละเพราะอึก็เห็นอึตัวเองเป็นสีดำ แบบสีดำเลยอะ เลยตกใจกว่าเดิม หม่าม๊าเลยรีบพาเราไปหาคุณหมอจอห์นที่คลินิคแห่งนึงเพื่อที่จะเซ็นโอนให้เข้าโรงพยาบาลเดิมที่มีประกันคุ้มครองอยู่ (ไม่มีทางเลือกอื่นละต้องโรงพยาบาลนี้เท่านั้น ส่วนตัวแล้วไม่ชอบการบริการมากๆ เดี๋ยวจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นรกกกกกกสุดๆ) จะได้ไม่ต้องนัดคิวหรือเสียเวลาต่อคิวนานๆ ก็กลับมาโรงพยาบาลเดิมอีกครั้งแต่ในสภาพที่ป่วยกว่าเดิม คือตอนนั้นไม่มีแรงทำอะไร ปวดหัวน้ำตาไหล หมอก็ซักประวัติละเอียดกว่าเดิม ให้พยาบาลเจาะเลือดและให้น้ำเกลืออีกครั้ง ครั้งแรกได้พยาบาลเป็นคนฟิลิปปินส์ โชคดีสุดๆ เพราะมือเบามากกกกกกกกกก ละเค้าก็ให้เราอยู่ในห้องคนป่วยพิเศษหรือไอซียูจ้า ตอนแรกก็คิดว่าแบบ เห้ยยยยย เป็นไข้เลือดออกมาอยู่ไอซียูมันดูยิ่งใหญ่มาก คือถ้าเป็นที่ไทยนี่คงรักษาเสร็จไปนานละเอาจริง - -; พอหมอมาเราก็ถามหมอว่าเราเป็นอะไรกันแน่ หมอบอกว่าหมอไม่รู้คะ เพราะว่าส่งผลเลือดไปดูเชื้อที่ศูนย์เลือดและเนื่องจากติดวันปีใหม่คงรอผลอีกทีหลังปีใหม่ หม่าม๊าเราเป็นห่วงเรามากเลยโวยวายไป เราป่วยอยู่แต่ก็โมโหมากกกแต่แสดงออกไม่ได้ไม่มีแรง 55 U___U จะบ้าหรอไงงงง รอผลเลือดอีกสี่ห้าวันเราคงตายไปละอะ หมอที่เมกาเค้าก็จะไม่รักษาสุ่มสี่สุ่มห้าถ้ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่ ได้แต่รักษาตามอาการ หมอแบ่งออกเป็นสามหมอคะคุณหมอจอห์น คุณหมอเลือดและคุณหมอโรคพิเศษ เราถามหมอไปว่าคุณหมอไปตรงๆคะว่าเคยรักษาคนเป็นไข้เลือดออกมั้ย หมอบอกว่าเคย แค่หนึ่งคนในสามสิบปี! เยี่ยมมมมมม เราเลยเงียบไปแปบนึงก่อนถามต่อว่า คนไข้ที่หมอรักษาตายมั้ย55555 หมอก็อึ้งๆไปละตอบว่าคนไข้รอด 5555โหย ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ฮือออ มันทรมานมากๆ เวลานั้น ปวดหัวและหนาวมากๆ ห้องฮีตเตอร์เสียคะ อยากจะโวยวายดังๆ หน้าหนาวหิมะตกฮีตเตอร์เสีย!!!!!!! จุดพีคครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนเราหนาวมากกกละห่มผ้าสามผืน นางพยาบาลเป็นคนเมกาเข้ามาดึงผ้าห่มออกคะ เรากับม๊าก็ถามว่าคุณทำอะไร นางพยาบาลตอบหน้าตาเฉยมากว่าเป็นไข้เค้าไม่ให้ห่มผ้า ความร้อนในร่างกายจะได้ระบายออก ม๊าก็ไม่ยอมดึงผ้าห่มกลับมาให้เรา นางพยาบาลก็ไม่ยอมให้กลับมาแค่ผืนบางๆผืนเดียว เราก็หนาวมากกสั่นไปทั้งตัวและก็ร้องไห้ สักพักนึงตัวเราสั่นไม่ยอมหยุด นางพยาบาลก็ตกใจถามว่า ‘what’s wrong?’ เราก็ตะโกนเลยว่า ‘I’m cold!!!!!!!!!!!!!!) เค้าก็ทำหน้าแบบเราจะหนาวอะไรขนาดนั้น
-_______-; รู้สึกแย่กับการบริการโรงพยาบาลนี้ขึ้นเรื่อยๆ ม๊าเราขอพยาบาลเปลี่ยนห้องที่มีฮีตเตอร์ เค้าก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน เราเลยอ้อนวอนขอผ้าห่มคืนดีๆ สุดท้ายเค้าก็โยนผ้าห่มมาบนเตียงละเดินออกไป (เกลียดมันแต่ต้องอดทน)
วันที่ 6 การเป็นไข้หรือวันที่ 30 ธันวา เราก็ทนให้หมอเจาะเลือดเช้ากลางวันเย็นต่อไป ซึ่งทางโรงพยาบาลตรวจได้แต่จำนวนเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดแดงขาว แต่ตรวจเชื้อไม่ได้ -____-; หลังๆเนี่ยก็มีได้พยาบาลคนฟิลิปปินส์กะคนเมกาสลับกันไป วันไหนได้คนเมกาจะโชคร้ายมากกกกกกกกก เพราะเค้าเจาะไม่เก่ง มีการเจาะละหาเส้นไม่เจอละหมุนเข็มบิดไปบิดมาคือเจ็บมากก T____T! เชื่อว่าถ้าพยาบาลไทยทำแบบนี้คงโดนคนไข้ว่าไปแล้ว ส่วนหม่าม๊าเราก็ไม่รอผลอะไรแล้ว มีคนแนะนำให้เปลี่ยนโรงพยาบาลซึ่งไกลจากที่นี่ไปสองชั่วโมงจะมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไข้เลือดออก แต่มันเดินทางนานมากและประกันไม่คุ้มครอง ค่ารักษาที่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยเราเลยขอยอมเสี่ยงกะโรงพยาบาลนี้ละกัน และถือว่ามีเรื่องโชคดีสุดๆของเราที่ลัดขอให้เค้าตรวจเชื้อเราที่ศูนย์ตรวจเชื้อก่อนกำหนดแต่ได้เป็นแบบ unofficial อะสุดท้ายก็เป็นไข้เลือดออกจริงๆ หมอเลือดก็มาละบอกว่าเกล็ดเลือดของคุณตกไปอยู่ที่ 2,000 จากแสน เราก็แบบช้อกอีก แต่ก็ใจสู้ หม่าม๊านี่ช้อกกว่าม๊าเครียดมาก : ( เค้าก็บอกคะว่าเค้าจะให้เกล็ดเลือดเรานะ คือตอนนั้นทุกอย่างดูแย่ไปหมด การรักษาเป็นขั้นเป็นตอนเกินไปมันช้ามาก!! และก็หนาวมาก!! สุดท้ายหม่าม๊าไปโวยวายที่เคาท์เตอร์พยาบาลดังๆ เลยคะว่าจะเปลี่ยนห้อง จะเอาห้องที่มีฮีตเตอร์ (มันหนาววววววววววววมาก!!!!!!!!!!!) นางพยาบาลก็ทำหน้าไม่พอใจ (คือต้องเป็นคนไข้ปะที่ไม่พอใจ?) สุดท้ายแล้วมียามเดิมเค้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ม๊าก็อธิบายไป พี่ยามใจดีมากเป็นคอวอไปขอเปลี่ยนห้องให้ ไม่ใช่พยาบาล สุดท้ายแล้วได้เปลี่ยนห้องคะ ดีใจมากกกกกกกกกกกก ฮือ
วันที่ 31 ธันวา (วันที่7) ก็ยังคงอยู่ในห้องไอซียูต่อไป อาการไม่ดีขึ้นเลย เกล็ดเลือดก็สองพันเหมือนเดิม ทรมานมาก วันนั้นรู้สึกแย่ไปหมดนอนเงียบทั้งวัน ไม่คุยกับใคร รู้สึกเหนื่อยมาก ทุกคนที่ไทยทักมาก็ไม่ตอบ ผ่านไปตอนบ่ายเห็นหม่าม๊าร้องไห้คุยโทรศัพท์อยู่ ได้ใจความว่าปกติเราเป็นคนร่าเริง ไม่สบายแค่ไหนก็ยิ้มก็คุย หม่าม๊าเป็นห่วงมากกลัวเราตายคะบอกตรงๆ พอเราเห็นหม่าม๊าร้องไห้แล้วก็รู้สึกผิดเลยเรียกหม่าม๊ามากอดละบอกว่าไม่เป็นไรนะคะ หนูไม่เป็นอะไรมากคะเดี๋ยวหนูก็หายนะคะ คุณหมอเห็นอาการหนูที่ซึมๆเหนื่อยๆ คุณหมอก็พูดว่าถ้าคุณไม่มีความสุขมันจะทำให้หายช้ากว่าเดิม เกล็ดเลือดจะไม่ขึ้นแน่ๆ คุณหมออยากให้หายเร็วๆ อยากให้คนไข้ยิ้มหัวเราะบ่อยๆ หลังจากนั้นเราก็คิดละเปิดเป็นต่อในไอแพดคะ 555555 เราเปิดเป็นต่อดูละเราก็ขำ มีความสุขขึ้น พอตกกลางคืนเราก็เปิดโทรทัศน์เคาท์ดาวน์วันปีใหม่ละชนแก้วน้ำเปล่ากับคุณแม่ 555555 สุขสันต์วันปีใหม่นะคะม๊า แล้วก็หลับต่อไป เป็นแพลนปีใหม่ที่เศร้ามากกกกกกก T___T
วันที่ 1 มกรา (วันที่8) สงสัยเป็นต่อจะได้ผลคะ555555 เกล็ดเลือดขึ้นมาห้าพัน แต่ก็ยังคงให้เกล็ดเลือดอยู่ เราก็ดูเป็นต่อต่อไป55555 หม่าม๊าก็ขอกลับบ้านไปสองชั่วโมงไปทำอาหารให้เรากินคะ หม่าม๊าน่ารักมากมาก<3 เพราะเราไม่อยากกินอาหารที่โรงพยาบาลคะกินไม่ลง อาหารคนไข้ที่นี่มีแต่แฮมเบอร์เกอร์ ขนมปัง เฟรนฟราย ไม่โอเคอะไม่อยากกินU__U หม่าม๊ากลับมาพร้อมกับซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน (ม๊ารีบไปซุปเปอร์มาเก็ตเหมาไก่ดำตัวสุดท้ายมา5555) แต่ระหว่างที่ม๊าไม่อยู่เราก็มีจุดพีคอีกละคือปวดฉี่ แต่หมอย้ำแล้วว่าห้ามลุกเดินไปไหนคนเดียวเราเลยกดเรียกพยาบาลมาให้ช่วยลากเรากะสายน้ำเกลือไปห้องน้ำมา พยาบาลมาคะถามว่าลุกไหวมั้ย เราก็บอกลุกไหวแต่พยุงหน่อย พยาบาลมองละบอกว่าลุกไหวก็เดินไปเองสิ โอโหหหห ช้อกไปอีกรอบ เราก็แบบไปเองก็ได้ เหนื่อยจะเถียง แต่ม๊ากลับมาเราก็เล่าให้ม๊าฟัง ม๊าโมโหมากเลยส่งใบคอมเพลนพยาบาลคนนั้นไป
เดี๋ยวมาต่อในคอมเมนท์นะคะ ตัวอักษรเกินคะ : O
สิบกว่าวันที่เป็นไข้เลือดออกครั้งที่สองที่เมกา
พออีกวันก็คือวันที่4หรือวันที่ 28 ธันวาไข้ก็ไม่ลด ก็เลยไปหาหมอที่ emergency room ที่ร.พ.คะ เพราะว่าถ้าไปหาแบบธรรมดาต้องรอคิวนู่นนี่หรือต้องนัดไว้ล่วงหน้าเยอะมาก ไปปุ้บหมอก็ถามว่าเป็นไข้นานหรือยัง ปวดหัวระดับไหน คือคุณหมอที่นู่นเค้าจะถามเราจริงๆคะว่าปวดหัวระดับไหน 1-10 (1 คือปวดน้อยๆ 10คือปวดแบบที่สุด) เราก็ตอบไปเลยว่าระดับเก้า ปวดหัวมาก นอนบนเตียงแบบเปื่อยมาหลายวันแล้ว ไข้ตอนนั้นก็ยังสูงอยู่ 39.8 หมอเลยให้น้ำเกลือชั่วคราว เราก็บอกหมอเลยว่า ‘I got bite by a mosquito’ หลังจากนั้นเราก็เปิดดิคหาคำว่าไข้เลือดออก5555555เป็นศัพท์ใหม่ที่พึ่งรู้จริงๆ ละก็บอกหมอต่อว่า ‘I think I got a dengue fever’ หมอก็แบบจดบันทึกเอาไว้แล้วเดินออกไป สักพักมีพยาบาลมาขอเจาะเลือด เราก็บอกว่าเราปวดหัวมากๆ ขอยาหน่อยได้มั้ย พยาบาลก็หายไปสักพักละมาให้ยาในน้ำเกลือบอกว่าเป็นยาแก้ปวด เราถามไปว่ายาประเภทไหนหรอ คือเราอยากรู้ว่าเป็นแอสไพรินหรือพารา เค้าก็งงๆ กับคำถามเราอะ จุดพีคแรกคือเราก็แบบถามไปอีกครั้งเค้าก็ตอบเราว่า ‘Aspirin’ เรานี่ช้อกกกกกไปแปบนึงจำได้ว่าเป็นไข้เลือดออกห้ามให้ยาแอสไพรินเด็ดขาด เรากับหม่าม๊าก็อยากจะโวยวายแต่ไม่รู้จะทำไงเลยปล่อยผ่านไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดไรขึ้นต่อ พอผ่านไปสามชั่วโมงหมอเดินมาบอกให้กลับบ้านได้แบบงงๆ เราก็งงๆ กลับก็กลับแต่เราเปื่อยมากกกกกไม่มีแรงจะเดินละอะ กลับก็ได้ : (
พอวันที่ 5 ของการเป็นไข้หรือวันที่ 29 ธันวา เราตื่นมาตอนเช้าละตกใจ กางเกงในมีเลือด (ไม่ใช่ประจำเดือนแน่ๆ เพราะพึ่งหมดไปต้นเดือน) ตกใจมากๆ ละเพราะอึก็เห็นอึตัวเองเป็นสีดำ แบบสีดำเลยอะ เลยตกใจกว่าเดิม หม่าม๊าเลยรีบพาเราไปหาคุณหมอจอห์นที่คลินิคแห่งนึงเพื่อที่จะเซ็นโอนให้เข้าโรงพยาบาลเดิมที่มีประกันคุ้มครองอยู่ (ไม่มีทางเลือกอื่นละต้องโรงพยาบาลนี้เท่านั้น ส่วนตัวแล้วไม่ชอบการบริการมากๆ เดี๋ยวจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นรกกกกกกสุดๆ) จะได้ไม่ต้องนัดคิวหรือเสียเวลาต่อคิวนานๆ ก็กลับมาโรงพยาบาลเดิมอีกครั้งแต่ในสภาพที่ป่วยกว่าเดิม คือตอนนั้นไม่มีแรงทำอะไร ปวดหัวน้ำตาไหล หมอก็ซักประวัติละเอียดกว่าเดิม ให้พยาบาลเจาะเลือดและให้น้ำเกลืออีกครั้ง ครั้งแรกได้พยาบาลเป็นคนฟิลิปปินส์ โชคดีสุดๆ เพราะมือเบามากกกกกกกกกก ละเค้าก็ให้เราอยู่ในห้องคนป่วยพิเศษหรือไอซียูจ้า ตอนแรกก็คิดว่าแบบ เห้ยยยยย เป็นไข้เลือดออกมาอยู่ไอซียูมันดูยิ่งใหญ่มาก คือถ้าเป็นที่ไทยนี่คงรักษาเสร็จไปนานละเอาจริง - -; พอหมอมาเราก็ถามหมอว่าเราเป็นอะไรกันแน่ หมอบอกว่าหมอไม่รู้คะ เพราะว่าส่งผลเลือดไปดูเชื้อที่ศูนย์เลือดและเนื่องจากติดวันปีใหม่คงรอผลอีกทีหลังปีใหม่ หม่าม๊าเราเป็นห่วงเรามากเลยโวยวายไป เราป่วยอยู่แต่ก็โมโหมากกกแต่แสดงออกไม่ได้ไม่มีแรง 55 U___U จะบ้าหรอไงงงง รอผลเลือดอีกสี่ห้าวันเราคงตายไปละอะ หมอที่เมกาเค้าก็จะไม่รักษาสุ่มสี่สุ่มห้าถ้ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่ ได้แต่รักษาตามอาการ หมอแบ่งออกเป็นสามหมอคะคุณหมอจอห์น คุณหมอเลือดและคุณหมอโรคพิเศษ เราถามหมอไปว่าคุณหมอไปตรงๆคะว่าเคยรักษาคนเป็นไข้เลือดออกมั้ย หมอบอกว่าเคย แค่หนึ่งคนในสามสิบปี! เยี่ยมมมมมม เราเลยเงียบไปแปบนึงก่อนถามต่อว่า คนไข้ที่หมอรักษาตายมั้ย55555 หมอก็อึ้งๆไปละตอบว่าคนไข้รอด 5555โหย ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ฮือออ มันทรมานมากๆ เวลานั้น ปวดหัวและหนาวมากๆ ห้องฮีตเตอร์เสียคะ อยากจะโวยวายดังๆ หน้าหนาวหิมะตกฮีตเตอร์เสีย!!!!!!! จุดพีคครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนเราหนาวมากกกละห่มผ้าสามผืน นางพยาบาลเป็นคนเมกาเข้ามาดึงผ้าห่มออกคะ เรากับม๊าก็ถามว่าคุณทำอะไร นางพยาบาลตอบหน้าตาเฉยมากว่าเป็นไข้เค้าไม่ให้ห่มผ้า ความร้อนในร่างกายจะได้ระบายออก ม๊าก็ไม่ยอมดึงผ้าห่มกลับมาให้เรา นางพยาบาลก็ไม่ยอมให้กลับมาแค่ผืนบางๆผืนเดียว เราก็หนาวมากกสั่นไปทั้งตัวและก็ร้องไห้ สักพักนึงตัวเราสั่นไม่ยอมหยุด นางพยาบาลก็ตกใจถามว่า ‘what’s wrong?’ เราก็ตะโกนเลยว่า ‘I’m cold!!!!!!!!!!!!!!) เค้าก็ทำหน้าแบบเราจะหนาวอะไรขนาดนั้น
-_______-; รู้สึกแย่กับการบริการโรงพยาบาลนี้ขึ้นเรื่อยๆ ม๊าเราขอพยาบาลเปลี่ยนห้องที่มีฮีตเตอร์ เค้าก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน เราเลยอ้อนวอนขอผ้าห่มคืนดีๆ สุดท้ายเค้าก็โยนผ้าห่มมาบนเตียงละเดินออกไป (เกลียดมันแต่ต้องอดทน)
วันที่ 6 การเป็นไข้หรือวันที่ 30 ธันวา เราก็ทนให้หมอเจาะเลือดเช้ากลางวันเย็นต่อไป ซึ่งทางโรงพยาบาลตรวจได้แต่จำนวนเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดแดงขาว แต่ตรวจเชื้อไม่ได้ -____-; หลังๆเนี่ยก็มีได้พยาบาลคนฟิลิปปินส์กะคนเมกาสลับกันไป วันไหนได้คนเมกาจะโชคร้ายมากกกกกกกกก เพราะเค้าเจาะไม่เก่ง มีการเจาะละหาเส้นไม่เจอละหมุนเข็มบิดไปบิดมาคือเจ็บมากก T____T! เชื่อว่าถ้าพยาบาลไทยทำแบบนี้คงโดนคนไข้ว่าไปแล้ว ส่วนหม่าม๊าเราก็ไม่รอผลอะไรแล้ว มีคนแนะนำให้เปลี่ยนโรงพยาบาลซึ่งไกลจากที่นี่ไปสองชั่วโมงจะมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไข้เลือดออก แต่มันเดินทางนานมากและประกันไม่คุ้มครอง ค่ารักษาที่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยเราเลยขอยอมเสี่ยงกะโรงพยาบาลนี้ละกัน และถือว่ามีเรื่องโชคดีสุดๆของเราที่ลัดขอให้เค้าตรวจเชื้อเราที่ศูนย์ตรวจเชื้อก่อนกำหนดแต่ได้เป็นแบบ unofficial อะสุดท้ายก็เป็นไข้เลือดออกจริงๆ หมอเลือดก็มาละบอกว่าเกล็ดเลือดของคุณตกไปอยู่ที่ 2,000 จากแสน เราก็แบบช้อกอีก แต่ก็ใจสู้ หม่าม๊านี่ช้อกกว่าม๊าเครียดมาก : ( เค้าก็บอกคะว่าเค้าจะให้เกล็ดเลือดเรานะ คือตอนนั้นทุกอย่างดูแย่ไปหมด การรักษาเป็นขั้นเป็นตอนเกินไปมันช้ามาก!! และก็หนาวมาก!! สุดท้ายหม่าม๊าไปโวยวายที่เคาท์เตอร์พยาบาลดังๆ เลยคะว่าจะเปลี่ยนห้อง จะเอาห้องที่มีฮีตเตอร์ (มันหนาววววววววววววมาก!!!!!!!!!!!) นางพยาบาลก็ทำหน้าไม่พอใจ (คือต้องเป็นคนไข้ปะที่ไม่พอใจ?) สุดท้ายแล้วมียามเดิมเค้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ม๊าก็อธิบายไป พี่ยามใจดีมากเป็นคอวอไปขอเปลี่ยนห้องให้ ไม่ใช่พยาบาล สุดท้ายแล้วได้เปลี่ยนห้องคะ ดีใจมากกกกกกกกกกกก ฮือ
วันที่ 31 ธันวา (วันที่7) ก็ยังคงอยู่ในห้องไอซียูต่อไป อาการไม่ดีขึ้นเลย เกล็ดเลือดก็สองพันเหมือนเดิม ทรมานมาก วันนั้นรู้สึกแย่ไปหมดนอนเงียบทั้งวัน ไม่คุยกับใคร รู้สึกเหนื่อยมาก ทุกคนที่ไทยทักมาก็ไม่ตอบ ผ่านไปตอนบ่ายเห็นหม่าม๊าร้องไห้คุยโทรศัพท์อยู่ ได้ใจความว่าปกติเราเป็นคนร่าเริง ไม่สบายแค่ไหนก็ยิ้มก็คุย หม่าม๊าเป็นห่วงมากกลัวเราตายคะบอกตรงๆ พอเราเห็นหม่าม๊าร้องไห้แล้วก็รู้สึกผิดเลยเรียกหม่าม๊ามากอดละบอกว่าไม่เป็นไรนะคะ หนูไม่เป็นอะไรมากคะเดี๋ยวหนูก็หายนะคะ คุณหมอเห็นอาการหนูที่ซึมๆเหนื่อยๆ คุณหมอก็พูดว่าถ้าคุณไม่มีความสุขมันจะทำให้หายช้ากว่าเดิม เกล็ดเลือดจะไม่ขึ้นแน่ๆ คุณหมออยากให้หายเร็วๆ อยากให้คนไข้ยิ้มหัวเราะบ่อยๆ หลังจากนั้นเราก็คิดละเปิดเป็นต่อในไอแพดคะ 555555 เราเปิดเป็นต่อดูละเราก็ขำ มีความสุขขึ้น พอตกกลางคืนเราก็เปิดโทรทัศน์เคาท์ดาวน์วันปีใหม่ละชนแก้วน้ำเปล่ากับคุณแม่ 555555 สุขสันต์วันปีใหม่นะคะม๊า แล้วก็หลับต่อไป เป็นแพลนปีใหม่ที่เศร้ามากกกกกกก T___T
วันที่ 1 มกรา (วันที่8) สงสัยเป็นต่อจะได้ผลคะ555555 เกล็ดเลือดขึ้นมาห้าพัน แต่ก็ยังคงให้เกล็ดเลือดอยู่ เราก็ดูเป็นต่อต่อไป55555 หม่าม๊าก็ขอกลับบ้านไปสองชั่วโมงไปทำอาหารให้เรากินคะ หม่าม๊าน่ารักมากมาก<3 เพราะเราไม่อยากกินอาหารที่โรงพยาบาลคะกินไม่ลง อาหารคนไข้ที่นี่มีแต่แฮมเบอร์เกอร์ ขนมปัง เฟรนฟราย ไม่โอเคอะไม่อยากกินU__U หม่าม๊ากลับมาพร้อมกับซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน (ม๊ารีบไปซุปเปอร์มาเก็ตเหมาไก่ดำตัวสุดท้ายมา5555) แต่ระหว่างที่ม๊าไม่อยู่เราก็มีจุดพีคอีกละคือปวดฉี่ แต่หมอย้ำแล้วว่าห้ามลุกเดินไปไหนคนเดียวเราเลยกดเรียกพยาบาลมาให้ช่วยลากเรากะสายน้ำเกลือไปห้องน้ำมา พยาบาลมาคะถามว่าลุกไหวมั้ย เราก็บอกลุกไหวแต่พยุงหน่อย พยาบาลมองละบอกว่าลุกไหวก็เดินไปเองสิ โอโหหหห ช้อกไปอีกรอบ เราก็แบบไปเองก็ได้ เหนื่อยจะเถียง แต่ม๊ากลับมาเราก็เล่าให้ม๊าฟัง ม๊าโมโหมากเลยส่งใบคอมเพลนพยาบาลคนนั้นไป
เดี๋ยวมาต่อในคอมเมนท์นะคะ ตัวอักษรเกินคะ : O