วันที่ 1
ณ สนามบินดอนเมือง
ไฟล์ท ที่เดินทางเป็นเวลา 23.45 ครับ ซึ่งต้องเช็คอินตอนเวลา 2ทุ่ม โดยหลังจากเข้าด่านตรวจไปแล้ว ด้วยความที่เป็นเวลาดึก ซึ่งตัวชินเองเป็นคนหิวง่าย เลยเข้าไปทาน ร้าน เอส แอนด์ พี ในสนามบินดอนเมือง ซึ่งราคาในร้านแต่ละอย่าง ราคาถือว่าไม่สูงเกินไปสำหรับร้านอาหารในสนามบิน

ข้าวหมูกระเทียมกับไข่

สปาเก็ตตี้แฮม

สปาเก็ตตี้ไก่

น้ำเชอรี่โซดา

ลาเต้คาราเมล
โดยรวมแล้ว รสชาติอาหารก็ถือว่าไม่แย่เลยทีเดียว แต่หลายๆคนอาจจะดูว่ามันไม่เหมาะสมกับราคา แต่ ณ สนามบิน อาจจะเป็นร้านเดียวที่ราคาถูกที่สุดก็ได้ เท่าที่จำได้คือ อาหารจานหลักราคาประมานเกือบๆ200บาท และ น้ำที่มีรสชาติราคาประมาน100บาทกว่าๆ
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาที่จะบินไปโตเกียวกันนนนนนนนนนน ชินนั่งสายการบิน แอร์เอเชียเอ็กซ์นะครับ ชั้นประหยัด

ส่วนตัวแล้ว ไม่เคยขึ้นแอร์เอเชียเลย ครั้งแรก ถือว่าประทับใจมาก พนักงานแอร์ใจดีมากๆ พูดดี บริการดี แถมเสียงที่ใช้ประกาศยังมีการเล่นเสียงทำให้ผู้โดยสารขำกันไปตามๆกัน จำได้ชื่อว่า พี่ทราย
ระหว่างเที่ยวบิน
แนะนำ ถ้านั่งด้านซ้ายจะไม่เห็นวิวตอนพระอาทิตขึ้นเลย แต่ถ้านั่งขวา จะได้เห็นวิวตามอย่างภาพ


วันที่2
และแล้วเราก็มาถึง สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย หลังจากลงมาจากเครื่องจะบอกว่าหนาวมาก หนาวโครตๆเลย เพราะด้วยความที่สนามบินเเป็นพื้นที่ราบเลยทำให้ได้รับลมเต็มๆ และหลังจากนั้นก็จะมีรถมารับเพื่อเข้าไปสู่ด่านตรวจของสนามบิน


พอเสร็จพิธีทุกอย่างหมดแล้ว ก็ถึงเวลาของการเที่ยววันแรกแล้ววววว โดยสถานที่แรกในวันนี้คือ
ภูเขาไฟฟูจิ นั่นเอง
ระหว่างเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิ โดยต้องผ่านเมืองต่างๆ




รูปนี้เป็นรูป tokyo tower เป็นสถานที่ส่งสัญญาณวิทยุ

โดยระยะทางระหว่าง สนามบินนาริตะไป ภูเขาไฟฟูจิใช้เวลาไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง เลยทำให้ต้องมีการพักรถ โดยกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ถ้ามีการเดินทางโดยรถโดยสาร เกิน2 ชมแล้ว ชั่วโมงที่2ของการเดินทาง จะต้องให้คนขับรถ แวะที่พักรถเพื่อทำธุระส่วนตัวและพักผ่อน สักแปปนึงงก่อนที่จะเดินทางสู่จุดมายต่อ
โดยที่แรกที่แวะพัก ชินไม่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เป็นเหมือนกับจุดพักรถปกติธรรมดา แต่บรรยากาศโดยรอบ สุดยอดเลยทีเดียวว


ไอศครีมที่นี่ ถ้าได้มาแบบชิน แนะนำให้สั่งไอติมเป็นแบบ sofft creamน่ะครับ อร่อยมากกก อันละ300เยน หรือ100บาทนั่นเอง คุ้มมาก
หลังจากพักกันเสร็จก็เดินทางต่อ เราใกล้มาถึงจุดหมายกันแล้ววววว
โดยเวลาก็ใกล้จะเที่ยงของประเทศญี่ปุ่นแล้ว หรือประเทศไทย ประมาณ10โมง น่นเอง พอเข้ามาถึงในส่วนของตัวภูเขาไฟ ก็ได้เวลาทานข้าวมื้อแรก เป็นมื้อแบบ หมูย่าง แต่ไม่ใช่หมูย่างธรรมดา เป็นหมูย่าง โดยใช้ กระทะจากหินภูเขาไฟย่าง อะโหยยย ซึ่ง ตัวลายมันของเนื้อหมูแล้ว พูดได้คำเดียววว สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ร้าน Makigari ร้านอยู่ทางขวาในบริเวณ Ryokan Yogan Onsen



หลังจากนำหมูไปปิ้งและเตรียมเข้าปาก


รสชาติให้ 10/10 ไปเลยครับ ไม่ใช่บุฟเฟ่ น่ะครับ มีให้แค่นี้แต่ถือว่า อิ่มเลยทีเดียวหล่ะ ทั้งรสชาาติตัวหมูและรสชาติน้ำจิ้มอร่อยมากๆครับ ชอบมากๆ แต่ภายในร้านยังมีก็อกน้ำสำหรับให้เติมน้ำด้วย แต่ไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดาน่ะครับ เป็นน้ำแร่จากภูเขาไฟเลยทีเดียววว สุโย่ดดดดดดด


บรรยากาศภายในร้านนน ให้วิวเหมือนอยู่ในญี่ปุ่นมัยเก่าๆเลย
หลังจากกินกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่ภูเขาไฟกัน

ระหว่างทาง ...... และแล้วเราก็มาถึงจุดชมวิวของภูเขาไฟ สวยมากๆเลย วันที่ชินไปถือเป็นวันดีมาก เห็นภูเขาไฟหมดเลย




ถ่ายบนรถน่ะครับเลย สั่นๆหน่อยย
ภูเขาไฟฟูจิเนี่ยมี10ชั้นน่ะครับ แต่สามารถนำรถขึ้นไปได้แค่ชั้นที่5 ซึ่งชั้นนี้ก็เห็นยอดภูเขาไฟใกล้แล้ว ส่วนอีก5ชั้นที่เเหลือต้องเดินขึ้นไปครับ เค้าว่ากันว่า ครั้งนึงนชีวิตของคนญี่ปุ่นจะต้องมีขึ้นภูเขาไฟให้ได้ถึงยอดชั้นที่10 ให้ได้ ซึ่งในชั้นที่5นี้ ตอนแรกที่คิดนึกว่จะเป็นที่ชมวิวปล่าวๆ แต่พอขึ้นนมาแล้ว มีทั้งวัด มีทั้งร้านขายของ เพียบเลยยยย จะบอกว่าที่นี่ ทาโกะยากิ อร่อยมากก ถ้ามาแล้วอย่าพลาดน้ะ

ทาโกะยากิที่ว่าอร่อย อร่อยจิงๆ

ชั้นที่5ของภูเขาไฟฟูจิ

หมอกจะมาเป็นช่วงๆน่ะครับ

ต้นไม่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง

หลังจากขึ้นเสร็จแล้ว จริงๆของก็ไม่ค่อยนน่าซื้อเท่าไหร่ครับมีแต่วัดน่าจะไป สักการะ
ระหว่างทางลง ไกด์ก้จอดให้ถ่ายรูปอีกทีแบบชัดๆ



และก็ได้เวลาไป
ทะเลสาบ kawaguchigo เป็นสถานที่ต่อไปปปปป
ถีงแล้วคร้าบบบบบบ ทะเลสาบคาวากุจิ พอลงมาจากรถก็เห็นภูเขาไฟฟูจิสวยๆแบบนี้เลย ดีงามมากก



พอเข้าไปในหมู่บ้าน ก็จะมีบ่อปลาให้ได้ชมกัน น้ำใสและสวยมาก เห็นปลาตัวใหญ่ว่ายไปมา เห็นพื้นใต้น้ำชดมากครับใสมากๆ แต่ประเด็น ภาพเอาลงไม่ได้ครับ ไฟล์เกินขนาด (ใครมีวิธีช่วยบอกหน่อยน่ะครับ)
มาที่อาหารเลยดีกว่าาาา อันนี้เป็น โมจิย่างครับ รสชาเขียว รสชาติค่อนไปทางเหนียวๆหนึบๆ แต่เคี้ยวไม่ยากครับ โดนส่วนตัว เฉยๆครับ

อันละ100เยนครับ หรือ30กว่าบาท ถือว่าไม่แพงเลย

แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ อันนี้เลย มันคือ ออกแนวลูกชิ้นครับ มีหลายไส้มากๆ อันนี้เป็น รสปลาหมึกยัก มีเนื้อข้างในด้วย มีทั้ง หอยเชลล์ ปลาหมึก อีกมากมาย ราคาตกละอันละ500เยน หรือ 150กว่าบาทครับ อันใหญ่มาก คุ้มมากแถมอร่อยด้วย


อันนี้เป็นบริเวณโดยรอบหมู่บ้านครับ

และหลังจากเสร็จที่นี่ ก็ได้เวลาเข้าโรงแรมครับ โรงแรมคืนนี้เป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆครับ ซึ่งมื้อเย็น ตามที่เพื่อนๆได้เคยไปมา บุฟเฟ่ขาปูยักษ์
โรงแรมชื่อ KAWAGUJIGO KORYU 4ดาวครับ

อันนี้เป็นที่นอนครับ ญี่ปุ่นมากกกกกก มีออนเซ็นด้วยครับดีงามมาก

อันนี้เป็นอาหารจานหลักครับ ไม่สามารถเติมได้ ปลาดิบที่นี่สดมากๆ
เที่ยวโตเกียว5วัน4คืน พร้อมรีวิวช็อปปิ้ง
ณ สนามบินดอนเมือง
ไฟล์ท ที่เดินทางเป็นเวลา 23.45 ครับ ซึ่งต้องเช็คอินตอนเวลา 2ทุ่ม โดยหลังจากเข้าด่านตรวจไปแล้ว ด้วยความที่เป็นเวลาดึก ซึ่งตัวชินเองเป็นคนหิวง่าย เลยเข้าไปทาน ร้าน เอส แอนด์ พี ในสนามบินดอนเมือง ซึ่งราคาในร้านแต่ละอย่าง ราคาถือว่าไม่สูงเกินไปสำหรับร้านอาหารในสนามบิน
โดยรวมแล้ว รสชาติอาหารก็ถือว่าไม่แย่เลยทีเดียว แต่หลายๆคนอาจจะดูว่ามันไม่เหมาะสมกับราคา แต่ ณ สนามบิน อาจจะเป็นร้านเดียวที่ราคาถูกที่สุดก็ได้ เท่าที่จำได้คือ อาหารจานหลักราคาประมานเกือบๆ200บาท และ น้ำที่มีรสชาติราคาประมาน100บาทกว่าๆ
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาที่จะบินไปโตเกียวกันนนนนนนนนนน ชินนั่งสายการบิน แอร์เอเชียเอ็กซ์นะครับ ชั้นประหยัด
ระหว่างเที่ยวบิน
แนะนำ ถ้านั่งด้านซ้ายจะไม่เห็นวิวตอนพระอาทิตขึ้นเลย แต่ถ้านั่งขวา จะได้เห็นวิวตามอย่างภาพ
และแล้วเราก็มาถึง สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย หลังจากลงมาจากเครื่องจะบอกว่าหนาวมาก หนาวโครตๆเลย เพราะด้วยความที่สนามบินเเป็นพื้นที่ราบเลยทำให้ได้รับลมเต็มๆ และหลังจากนั้นก็จะมีรถมารับเพื่อเข้าไปสู่ด่านตรวจของสนามบิน
พอเสร็จพิธีทุกอย่างหมดแล้ว ก็ถึงเวลาของการเที่ยววันแรกแล้ววววว โดยสถานที่แรกในวันนี้คือ ภูเขาไฟฟูจิ นั่นเอง
ระหว่างเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิ โดยต้องผ่านเมืองต่างๆ
โดยระยะทางระหว่าง สนามบินนาริตะไป ภูเขาไฟฟูจิใช้เวลาไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง เลยทำให้ต้องมีการพักรถ โดยกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ถ้ามีการเดินทางโดยรถโดยสาร เกิน2 ชมแล้ว ชั่วโมงที่2ของการเดินทาง จะต้องให้คนขับรถ แวะที่พักรถเพื่อทำธุระส่วนตัวและพักผ่อน สักแปปนึงงก่อนที่จะเดินทางสู่จุดมายต่อ
โดยที่แรกที่แวะพัก ชินไม่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เป็นเหมือนกับจุดพักรถปกติธรรมดา แต่บรรยากาศโดยรอบ สุดยอดเลยทีเดียวว
หลังจากพักกันเสร็จก็เดินทางต่อ เราใกล้มาถึงจุดหมายกันแล้ววววว
โดยเวลาก็ใกล้จะเที่ยงของประเทศญี่ปุ่นแล้ว หรือประเทศไทย ประมาณ10โมง น่นเอง พอเข้ามาถึงในส่วนของตัวภูเขาไฟ ก็ได้เวลาทานข้าวมื้อแรก เป็นมื้อแบบ หมูย่าง แต่ไม่ใช่หมูย่างธรรมดา เป็นหมูย่าง โดยใช้ กระทะจากหินภูเขาไฟย่าง อะโหยยย ซึ่ง ตัวลายมันของเนื้อหมูแล้ว พูดได้คำเดียววว สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ร้าน Makigari ร้านอยู่ทางขวาในบริเวณ Ryokan Yogan Onsen
หลังจากกินกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่ภูเขาไฟกัน
ภูเขาไฟฟูจิเนี่ยมี10ชั้นน่ะครับ แต่สามารถนำรถขึ้นไปได้แค่ชั้นที่5 ซึ่งชั้นนี้ก็เห็นยอดภูเขาไฟใกล้แล้ว ส่วนอีก5ชั้นที่เเหลือต้องเดินขึ้นไปครับ เค้าว่ากันว่า ครั้งนึงนชีวิตของคนญี่ปุ่นจะต้องมีขึ้นภูเขาไฟให้ได้ถึงยอดชั้นที่10 ให้ได้ ซึ่งในชั้นที่5นี้ ตอนแรกที่คิดนึกว่จะเป็นที่ชมวิวปล่าวๆ แต่พอขึ้นนมาแล้ว มีทั้งวัด มีทั้งร้านขายของ เพียบเลยยยย จะบอกว่าที่นี่ ทาโกะยากิ อร่อยมากก ถ้ามาแล้วอย่าพลาดน้ะ
ชั้นที่5ของภูเขาไฟฟูจิ
หลังจากขึ้นเสร็จแล้ว จริงๆของก็ไม่ค่อยนน่าซื้อเท่าไหร่ครับมีแต่วัดน่าจะไป สักการะ
ระหว่างทางลง ไกด์ก้จอดให้ถ่ายรูปอีกทีแบบชัดๆ
ถีงแล้วคร้าบบบบบบ ทะเลสาบคาวากุจิ พอลงมาจากรถก็เห็นภูเขาไฟฟูจิสวยๆแบบนี้เลย ดีงามมากก
มาที่อาหารเลยดีกว่าาาา อันนี้เป็น โมจิย่างครับ รสชาเขียว รสชาติค่อนไปทางเหนียวๆหนึบๆ แต่เคี้ยวไม่ยากครับ โดนส่วนตัว เฉยๆครับ
และหลังจากเสร็จที่นี่ ก็ได้เวลาเข้าโรงแรมครับ โรงแรมคืนนี้เป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆครับ ซึ่งมื้อเย็น ตามที่เพื่อนๆได้เคยไปมา บุฟเฟ่ขาปูยักษ์
โรงแรมชื่อ KAWAGUJIGO KORYU 4ดาวครับ