New York ~ คอนกรีตที่มีชีวิต

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ผมพยายามที่จะรวบรวมประสบการณ์ชีวิตที่ได้ไปสัมผัสชีวิตต่างแดนคนเดียวเป็นเวลา 8 เดือนเต็มในมหานครนิวยอร์ก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านได้ประโยชน์แง่คิดผ่านมุมมองในแบบของผม ซึ่งได้เจอกับประเด็นต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ผมได้ใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา หากขาดตกบกพร่องประการใด ก็อย่าถล่มกระทู้ผมนะครับ Cheer up!! เยี่ยม





เข้าเรื่องเข้าราวครับผม เท่
ช่วงเตรียมการก่อนเดินทาง
มหากาพย์บทที่ 1 "บทแห่งการเริ่มต้น" เป็นจุดที่ผมเชื่อว่า เกือบทุกคนที่จะคิดจะไปเรียนต่างประเทศต้องผ่านจุดนี้ครับ จุดที่ตัวผมต้องออกโรงสู้กับพ่อแม่และครอบครัวของผม ในการขอท่านไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศด้วยทุนส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ ที่จะผ่านด่านอรหันต์ 8 ทิศไปได้ การจะเดินทางไปเรียนต่างประเทศไม่ใช่แค่คิด จัดกระเป๋า จองตั๋ว แล้วไปได้เลย ด่านครอบครัวผมนี่บอกเลยครับ เป็นอะไรที่หินมาก หินจนผมหมดหวังแล้วหมดหวังอีก เสียน้ำตาไปกับความผิดหวัง จนวินาทีนึงที่ก็ไม่ทราบว่า มีอะไรไปดนใจท่านๆในเวลาเดียวกัน อนุญาตให้ผมลองค้นหาเอเจนท์ไปต่างประเทศ เอาละครับ !! นี่ละครับที่เรียกว่า "จุดเริ่มต้นที่แท้จริง" คนมันอยากจะไป..ทำอย่างไงได้..ไม่กล้าก็ต้องกล้า..ลุยสิครับพี่น้อง!! ลูกฟุตบอล



โชคดีที่น้าผม เคยประสานงานกับเอเจนท์ของบริษัทฯนี้ ผมเลยได้มีโอกาสเข้าไปศึกษารร.และประเทศที่ต้องการจะไป ?? นี่ละครับ มหากาพย์ที่ 2 กำลังจะเปิดฉาก ผมยอมรับว่าผมลังเลที่จะเลือกประเทศระหว่างเมืองผู้ดีอังกฤษและเมืองผู้ไม่ดี ? อเมริกา !! เอาอย่างไรครับ ใจผมเลือกอเมริกา ครอบครัวอยากให้ไปอังกฤษ เมื่อสองสถาบันนี้มาเจอกันครับ เป็นอะไรที่เลือกยากพอสมควร ร้องไห้

Team A: อังกฤษสิ ปลอดภัยกว่าเยอะเลย
Team B: อเมกาสิ ไปทั้งที ต้องไปให้สุดๆ Cool !! เจริญกว่าเยอะ
Team A: อังกฤษสิ จะได้ข้ามไปยุโรป
Team B: อเมกาสิ ประเทศเดียวจะเที่ยวหมดหรอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อืมนะ !! ลำบากคนตัดสินใจสุดๆ ตามใจตัวเองจะได้ไปมั้ยเนี่ย?? จนได้พลังบวกจากไหนก็ไม่รู้ที่แนะผมว่า จงเลือกแบบที่อยากได้ เลือกเพราะชอบจริงๆ ไม่ใช่เพราะเลือกเพราะคนอื่น คนที่ไปคือตัวเราเอง ในเช้าวันนั้น พระอาทิตย์ หลังจากวิญญาณชาวอเมริกันที่มาเสียชีวิตในไทย (บระเจ้า !! ไม่ใช่เว้ยยยย) ผมก็ได้ยืนการณ์กับทางบ้าน "ผมเลือกได้แล้วอเมริกาครับ"



PS. ไม่รู้นะครับ แต่จุดนี้ผมอยากให้คนที่จะเลือกทางเดินหรือถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต เลือกทางที่คิดว่าเราสบายใจที่สุดครับ ตัวเราเองย่อมรู้ตัวเราเองมากกว่าใครๆครับ ถามความคิดเห็นคนรอบข้างเป็นเรื่องที่ดี ใช้ประกอบการตัดสินใจครับ อนึ่งเราต้องหนักแน่นและยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นครับ และจงจำไว้ว่าตัวเราเองที่จะต้องไปใช้ชีวิตตรงนั้นเอง ไม่ใช่คนอื่นคนไกล (บางบทก็ดูเป็นทางการ น่าจะเปิดกระทู้สอนธรรมะ หรือพลังเชิงบวก แต่ผมมิบังอาจไปเขียนสู้ท่านอาของผม) จุ๊บๆ

ถ้าคิดว่าเรื่องนี้จบแล้ว อาจจะคิดผิดครับ นี่คือสถาน~แห่งบ้านทรายทอง... (ในบางครั้งชีวติจริงก็ยิ่งกว่าในนิยายนะครับ) เลือกประเทศเสร็จแล้ว สิ่งที่ตามมาคืออะไร ฮ่าๆ หลายคนอาจจะเดาได้ เมืองอะไร โฮะๆๆๆ ประเทศนี้มิใช่เล็กๆนะครับ หุหุ ข้อมูลอ้างอิงจากวิกีพีเดีย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พื้นที่ขนาด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครอง 50 รัฐ ตามดาวบนธงชาติอเมริกาเลยละครัชท่านทั้งหลาย ผมเริ่มตัดตัวเลือกตามสไตล์ของผม (วิธีตัด Choices)



ปัจจัย (จงออกมา)
*ภูมิอากาศ: ตัดก่อนเลย เท่าที่รู้มาบางรัฐภัยพิบัติเยอะ ตัดไปก่อนเลย (ยังอยากมีชีวิตอยู่ และกลับมาไทยอย่างครบ 32 ถัดไป อาซิ่ม อาม่าที่บ้านนับวันรอให้กลับบ้านอยู่) ตัดไปเลยเมืองไหนร้อน อยู่ไทยแลนด์แดนสยามมา 20 กว่าปี ไม่เคยได้สัมผัสกับหิมะอย่างจริงจัง ใครว่าประเทศเรามี 3 ฤดู ประเทศเขตร้อน (หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว) ผมลดให้เหลือ 2 ฤดู ตัดฤดูหนาวออกไปเลย เชื่อหรือไม่ เพื่อนต่างชาติผมถามว่า มีฤดูหนาวด้วยหรอประเทศของยูอะ?? ผมก็ได้แต่ขำ และบอกไปว่า มีสิ ประเทศของไอนะ หน้าหนาวอะ มีปีละ 1-2 วัน คนไทยชอบหน้าหนาวมากๆ ถึงกับรื้อตู้เสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าหน้าหนาวออกมาใส่ มโนกันไป ให้หิมะตก แล้วอุณหภูมิละเท่าไร หน้าหนาวของยู? ประมาณ 18-20องศา น่าจะได้นะยู --? Really? Are you kidding me? บอกไปเลยผ่านสื่อกรูพูดจริงเว้ยยย !! จบข่าว ปัจจัยที่ 1 เรื่องภูมิอากาศ
PS. เตือนนะครับ เมืองหนาวของที่นั่นถือว่าหนาวจัดครับ ผมไปถึงที่นิวยอร์กต้นปี อุณหภูมิ -15 ถึง -20 องศาเซลเซียส ในตอนกลางคืน ถ้าไม่ไหวก็เลือกโซนที่อบอุ่นนะครับ แต่สำหรับผม ผมอยากไปสัมผัสอากาศหนาว ผมก็ได้สัมผัสจริงๆครับ เตรียมยารักษาโรคให้พร้อม ทำร่างกายให้อบอุ่นนะครับ



*ความเป็นอยู่ ไลฟ์สไตล์: ผมไม่ใช่คนเที่ยว หรือดื่มแอลฯ แต่ผมไม่ชอบเมืองเล็ก กลัวกับความเงียบเหงา หลายท่านที่เคยไปอยู่ต่างประเทศ เล่าให้ผมฟังว่า เมืองเล็กนี่ไม่ได้นะ ทุกคนต้องมีรถส่วนตัว ไม่งั้นเดินขาแหก เดินท่ามกลางหิมะที่สูงถึงหัวเข่าไปเรียน โอย ไม่ไหวนะ ประเด็นนี้ผมเลือกเมืองที่มีรถไฟฟ้าครับ ไม่ใช่ว่าขับรถไม่ได้แต่ไม่อยากไปดูแลรักษามันครับ การคมนาคมเลยเป็นปัจจัยที่ผมจัดไว้ในส่วนนี้ จบประเด็นที่ 2
PS. การเลือกเมือง ผมไม่แนะนำให้เลือกเมืองที่ต้องทรานเฟอร์หลายๆรอบนะครับ ผมเลือกนิวยอร์กด้วยสายการบิน Korean Air มาตรฐานดีถึงดีเยี่ยมครับ โดยรวมผมให้ 4.5/5.0 อาหารผมทานได้ พนง.ต้อนรับใจดี หน้าตาคัดมาแล้วว่าขึ้นเทวี K-POP ได้เลย ก็เลยทรานเฟอร์ครั้งเดียวที่เกาหลี ใช้เวลาจากไทย-เกาหลี 5 ชม.กว่าๆ รออีก 3 ชม.ที่นั่น แล้วนั่ง-ยืน-นอน-กลิ้ง อีก 14 ชม. จนถึง JFK (สนามบินนานาชาติที่นิวยอร์ก) ฉะนั้นถ้าเลือกเมืองที่ทรานเฟอร์มากกว่า 1 ครั้ง ก็เผื่อใจเอาไว้ด้วยนะครับ ยิ่งเป็นชั้นประหยัดแล้วถ้าโชคไม่ค่อยดี เจอกลิ่นไม่พึ่งประสงค์จากคนข้างๆด้วยแล้ว อาจจะได้รู้จักคำว่า นรกกลางอากาศ ครับ



*อาหารการกิน: ผมไม่รู้นะว่าคนอื่นคิดอย่างไร พอดีครอบครัวผมเป็นลูกผสม จีน ไทย เทศ นับถือกัน ชนิดที่เรียกว่า นานาชาติ เลยทีเดียว อากงของผมสีเชื้อสายจีน เติบโตที่นั้นแล้วมาพบรักกับอำม่าผมที่ไทย เช่นเดียวกับปู่ผม แต่ต่างกันตรงที่ปู่ผมเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนแม่ผมและญาติๆ เคร่งในพุทธศาสนา (ณ ปัจจุบัน ผมก็ยังสับสนว่าพุทธนิกายอะไร ครอบครัวผมเป็นคนจีน เชื้อสายพุทธ ที่เลี้ยงกุมารทอง ถ้าเอามารวมกันก็ตั้งทีมฟุตบอลได้) ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ในตอนเด็กผมก็เดินตามอำม่าเข้าไปรับศีลในศูนย์ธรรมะจีน จากนั้นผมก็ได้ออฟชั่นพิเศษเพิ่มขึ้น "เจ้าแม่กวนอิมครับ" จากนั้นผมก็ไม่เคยได้ทานเนื้อวัวหรือสัตว์ใหญ่ ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ดังนั้นผมรู้ตัวว่าเป็นเรื่องที่ลำบากพอตัวกับการที่จะต้องไปอาศัยอยู่ต่างแดน เลือกอาหารก็ค่อนข้างยาก หลายครั้งที่พลาดกัดเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเป็นเนื้อวัว เลยคิดว่ามีเมืองไหนบ้าง ที่มีอาหารให้เลือกเยอะๆหน่อย
PS. คนที่ไม่เคยทานเนื้อวัว บอกเลยครับ ประสาทรับรสของผม จับได้ตลอดว่านี่คือเนื้อวัว อะฮือ จะไปกินอะไร เพื่อนต่างชาติต้องคิดหนัก ไอ้ไทยคนนี้กินเนื้อวัวไม่ได้ ส่วนเพื่อนอิสลามกินเนื้อหมูไม่ได้ หลายๆมื้อที่อเมริกาเลยเป็นไก่เพื่อนยาก และซีฟู้ด (ถึงแม้ว่าผมจะแพ้กุ้งในบางที แต่ผมสู้)

*คนรู้จัก: บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่คนที่บ้านผมซีเรียส เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนก็ยังดีหวะ มีใครอยู่ไหนบ้าง!! เพื่อนของแม่อยู่นิวเจอซี่ พ่อของเพื่อนสนิทอยู่ซานฟรานฯ น้องของเพื่อนสนิทอยู่นิวยอร์ก จากจุดนี้ไปช่วยให้ผมและครอบครัวคลายกังวลไปได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวละครัช ตัวเลือกเริ่มสว่างขึ้นทีละนิด..ทีละนิด
PS. เหมือนจะง่ายนะครับ แต่สำหรับผมมันไม่ง่ายครับ คิดค่อนข้างเยอะ ไม่ได้มีโอกาสได้ไปแบบนี้บ่อยๆ เลือกทั้งทีต้องไม่เศร้า ไม่มีน้ำตาสินะ



*ความปลอดภัย: อันนี้ก็สำคัญนะครับ หนึ่งเลยเผ่าเราคือคนเอเชีย ไม่ว่าจะหน้าเหมือนเจ๊กหรือหน้าไทยแท้ คนที่นั้นก็ไม่สามารถแบ่งแยกเราได้ดีเท่ากับคนเอเชียด้วยกัน เขามักจะเหมารวมๆว่า "เป็งคนจีน" -*- ดังนั้นการที่เราไปอเมริกา บางคนก็โดนชาวผิวสีรุมที่นิสัยไม่ดีกลั่นแกล้งได้ ผมก็ได้แต่แนะนำว่าอย่าไปหาเรื่องกับคนพวกนี้ละกันครับ อนึ่ง ไม่ใช่ว่าคนผิวสีทุกคนจะน่ากลัวนะครับ โลกทางโน้น เขาให้เกียรติกับคนผิวสีครับ สิทธิอันเท่าเทียม ที่อาจจะไม่เท่าเทียม เอาเป็นว่าบางโซน(รัฐและเขตเมือง)มีคนผิวสีเยอะ ก็อยากให้ศึกษา-สอบถามข้อมูลก่อนลงหลักปักฐานทัพ ตัวผมโชคดีที่เอเจนท์เคยอาศัยอยู่นิวยอร์กก็เลยพอแนะนำโซนที่ปลอดภัย+น้องของเพื่อนสนิทยังอยู่ในนิวยอร์กเลยได้เป็นธุระจัดหาที่พักให้ผม (ทำบุญด้วยอะไร มีคนคล่ำจุน)



PS.ไม่ใช่คนจีนไม่ดีนะ แต่ผมเป็นคนไทยนะ หน้าจีน เพราะเชื้อสายทางบรรพบุรุษนั่งเรือมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ บอกเลยไม่ว่าผมจะไปเที่ยวไหน ทั้งในและต่างแดน มักจะมีทักท่องเที่ยวจีนและคนท้องถิ่นจีนวิ่งเข้ามาทักทายผม ไม่ใช่ว่าผมเป็นดารานะครับ ผมคงไม่เหมาะที่จะเป็นดารา หรือนักร้อง แม้แต่นิดเดียว แต่เหตุที่วิ่งเข้ามาคือ ถามทางผม (นี่ๆ กรูก็เป็นนักท่องเที่ยวนะ ไม่ได้เป็นคนจีน ถามมาเป็นภาษาอังกฤษก็ยังดี) ไม่ใช่ว่าผมกลัวเขานะ พอผมบอกเขาเป็นภาษาอังกฤษ บางคนก็เดินหนีไปเลย ก็ผมเรียนภาษาอังกฤษยังจะไม่รอดเลย ภาษาที่ 3 วางไว้ตรงนั้นก่อนนะ ถึงแม้ว่าหม่อมแม่จะมีแผนการให้เรียนภาษาจีน ถามว่ากี่ครั้งครับที่พนง.ในร้านอาหารจีนถามผมกับเพื่อนๆคนไทยว่า มากี่คน สั่งอะไร บลา..บลา..บลา เป็นภาษาจีน

PS.2 คนจีนเค้ามีทุกทีจริงๆครับ ผมต้องหยุดเรื่องคนจีนเท่านี้ก่อน ยังเล่าได้อีกยาวๆ เก็บไว้ในบท China Town ละกันครับ

ถึงจุดนี้ ทุกๆคนคงได้รู้กันละครับ ผมเลือกมหานครนิวยอร์ก นครแห่งคอนกรีต ที่ตัวผมถือว่าเป็นติ่งซีรี่ย์อเมกาและภาพยนตร์ แรงบันดาลใจมันเยอะ แปลกใจใครๆก็รู้จักนิวยอร์ก สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ อาเจ๊ Miss Liberty แห่งเกาะ Statue of Liberty บอกได้เลยว่าไม่ใช่เราชาวต่างชาติที่อยากไปซูฮกนางโลหะสีเขียวตะไคร่ที่ยืนได้ยืนดี สีทนได้ อันแสดงถึงวันชาติของอเมริกา "The Fourth July" ไม่ไปแล้วจะเรียกพี่บิ๊กอเมริกาหรอครับท่าน เยี่ยม


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่