สวัสดีครับ นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมทำขึ้นมา และสมัครมาเพื่ออัพแชร์ความรู้สึกของผม เม้นให้คำแนะนำได้ครับ หลังๆอาจจะเห็นแก่ตัว ด่าได้ครับไม่ว่า เพราะผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ทำตัวไม่ถูกครับ TT
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะทำให้ใครหลายๆคนมองว่าผมเห็นแก่ตัวหรือเป็นคนเลวหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งผมยอมรับครับว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ผมทำไป ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกตัวครับ รู้ทุกอย่างแต่ด้วยเหตุอะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมกลายเป็นแบบนั้นไป จนกระทั่งเรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่ ซึ่งผมก็รู้สึกผิดมากๆจนถึงวันนี้ และคิดอยากจะหนีไปไกลๆ ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีก คือมันเป็นเรื่องที่ตัวผมเองยังรับไม่ค่อยจะได้เลยที่ทำแบบนี้ ว่าแล้วก็มาเริ่มเลยละกันครับ อาจจะเยอะหน่อย เพราะจะขอเล่าตั้งแต่ช่วงที่ จขกท ยังเด็กๆ เพราะมันก็จุกพอๆกัน
คือต้องขอแนะนำตัวก่อนครับ ขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่า เอ ละกันครับ ผมเรียนอยู่ที่กทมครับ อยู่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง จะข้ามๆตอนเลยละกันครับ คือผมก็เคยมีแฟนมาบ้างครับ แต่ก็แบบคบกันได้ไม่เกิน 2 เดือนทุกคนไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะผมขี้วีน หรือนิสัยผมไม่ดีรึป่าวไม่รู้ แต่เวลาผมรักใครก็จะรักคนนั้นมากๆ แบบที่ว่าเวลาใครมาคุยผมก็จะตัดบทครับไม่คุย ถามคำตอบคำ คือคนเรามีเป็นแฟนกัน เวลาเขาอยากเช็คอะไร เราบริสุทธิ์ใจ เขาถามไรเราก็ตอบหมดว่าคนนี้เป็นใคร ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น แต่ด้วยหลายๆเหตุผล บางทีก็โดนให้ไปหาคนอื่นที่ดีกว่า หรือไม่ก็ผมทักไปไม่ตอบ จนทำให้ผมเป็นบ้า ดราม่าลงในเฟสบุ๊คเป็นสิบๆข้อความต่อวัน หรือลงเพลงเศร้าๆหลายๆเพลง (อันนี้หลายคนน่าจะเป็นนะครับ) สุดท้ายก็ลงเอยที่ผมก็จะถูกทิ้งตลอดครับ แต่ก่อนหน้านั้นด้วยการที่ผมยังเด็กมั้งครับ ตอนปี1-2 เจออะไรหลายๆอย่าง พอเจอคนดีๆเราก็กลับไล่เขา เหวี่ยงวีนเขา จนสุดท้ายเขาต้องยอมจากไป จนมาถึงตอนนี้เรารู้สึกเสียดาย ทุกวันนี้เรายังดูเฟสเขาอยู่บ่อยๆ เพราะคิดถึง แต่ก็นะมันอาจจะทำให้เป็นเวรกรรมก็ได้เนอะ ทำกับคนอื่นไว้มาก555555555
ต่อครับ โดยปกติแล้วผมเวลาคบใครผมจะเป็นคนเซฟมากๆ ถ้ามีไรกันผมก็มีข้างนอกครับ ไม่เคยมีข้างในกับใคร จนถึงทุกวันนี้ และผมก็จะไม่ไปหาใครก่อนครับ ซึ่งนับคนได้เลยคือน้อยมาก เพราะสิ่งแวดล้อมและเรื่องของเพื่อนๆที่มาระบาย มาเล่าให้ฟัง มันทำให้เรารู้สึกว่า ขนาดเรายังขยะแขยงกับการกระทำนั้นๆของแต่ละคน เราคงไม่ทำแบบนั้น หลายๆคนคงรู้ใช่มั้ยครับว่าการเป็นเกย์ คือแปปๆก็ได้เสียกันแล้ว คือพูดง่ายๆ หากินกันง่ายมาก จนเป็นโรคอะไรเยอะแยะ ยังไม่พอ แถมโดนเป็นขี้ปากชาวบ้านด้วย ผมเลยเลือกที่จะไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งผมก็เม้าพวกนั้นครับ555555 ผมเป็นคนที่เคยอ้วนดำ คือทุกอย่างน่าเกียจหมดตอนเด็กๆ แต่ด้วยตอนม.4-6 ผมได้คุยกับคนๆนึงทุกวัน จนเกิดความสับสนว่าตอนนั้น "เราเป็นเกย์หรือเปล่าวะ ไม่ๆเราเป็นผู้ชายสิ เราชอบผู้หญิง" ช่วงนั้นคือเป็นบ้าอีกครับ เกย์หรือใครแอด Hi5 มา คือไม่รับ ไม่ยอมรับครับ (สมัยนั้น hi5 ฮิตครับ) ไม่รับแอด คือผมจะแอดแต่ผู้หญิงน่ารักๆ แต่นานๆเข้าผมได้คุยกับเพื่อนคนนึง ซึ่งเขาก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงครับ ผมเลยเกิดความสับสนเยอะแยะไปหมดตอนนั้น ว่า ดี (ขอใช้เป็นนามสมมุติละกันครับ) "เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นเกย์ และเราก็เป็นผู้ชาย เป็นไปไม่ได้หรอก เราชอบผู้หญิง " คือไม่รู้ใครเคยเป็นแบบผมเปล่านะ แบบคิดไรไม่ออกแต่เราก็คุยกันมานานมากๆ ด้วยความที่เขาเป็นรักแรกของผมด้วย และผมกับเขาคุยกันนานสุด 3 ปี เราเริ่มคุยกันตั้งแต่ ม.4 เราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลย และเราแทบจะไม่เจอกันเลยที่โรงเรียน แม้จะเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่คนละห้อง เพราะเรียนคนละสายกัน จนกระทั่งม.6 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเจอกันจังๆตอนเปิดเทอม เราก็คุยกันมากขึ้น มันก็จิกผมนะว่า " เอ ตัวจริงดำเนอะ ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย" ต้องบอกก่อนว่าผมเก่ง photoshop มาก เพราะเมื่อก่อนที่บ้านเปิดร้านถ่ายรูป ต้องช่วยที่บ้านแต่งรูปลูกค้าบ่อย บีบหน้า ลบสิว ปรับแสงอะไรผมทำได้หมด รูปผมเลยเฟคมากๆ แต่ก่อน 555555 แต่อย่างว่าครับ พอผมเจอคำพูดแบบนั้นก็จุกไป จนกระทั่งเราเอาโปรไฟล์ของกันและกันขึ้น Top ของ hi5 ครับ 55555555 สมัยนั้นคือใครที่ขึ้น top จะต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆสนิทมากๆถึงจะได้ขึ้น ซึ่งเราก็สนิทกันมากๆขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่เคยคุยกันจริงๆต่อหน้าซักที จนกระทั่งสมัยนั้นเราฮิต กางเกงสั้น ถุงเท้าสั้น ไม่รู้สมัยนี้ยังจะฮิตหรือเปล่า แต่ช่วงนั้นเป็นเทรนที่เด็กในเมืองทำกัน ซึ่งเด็กชานเมืองอย่างผมก็ทำ เพราะรู้สึกว่ามันเท่ห์หรือไรสักอย่างไม่เข้าใจว่าทำ ทำไมเหมือนกัน55555555555 และการที่ทำแบบนั้นมันคือจุดที่เราสองคนเจอกันมากขึ้นครับ เพราะว่าผิดกฎระเบียบของที่โรงเรียน ต้องบอกว่าที่โรงเรียนผม จะมีประตูอยู่หลายทางและ อาจารย์ปกครองก็ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมากกกกกกกก แต่ผมก็แต่งตัวผิดระเบียบทุกสิ่งครับ เขาก็เช่นกัน ที่โรงเรียนเราจะมีโรงเรียนฝั่งประถมอยู่ด้วยซึ่งก็ไม่ค่อยมีเด็กที่จะมาฝั่งนั้นหรอก เพราะลำบาก นอกจากคนที่อยู่แถวๆนั้น โรงเรียนฝั่งประถม เรานะเรียกมันว่า "หลังโรงเรียน" ครับ ช่วงแรกๆเราก็บังเอิญมาเจอกันเป็นบางครั้งครับ แต่ก็ไม่คุยอะไรกัน จะกลับไปคุย msn ที่บ้านแทน แต่พอหลังๆ อาจารย์ที่ห้องปกครองเริ่มรู้เยอะ และเด็กที่ผิดระเบียบเยอะมากขึ้น เขาจึงมีอาจารย์มายืนตรวจทุกๆ 7 โมงเช้า ซึ่งแต่ก่อน จะประมาณ 7:20 เกือบๆเข้าแถวครับ แต่นี่เช้าขึ้น ทำให้เราต้องตื่นเช้าขึ้นอีก เราจึงมีโอกาสเจอกันมากขึ้นครับ พอมากขึ้นเรื่อยๆเราก็จะรอกันที่ป้ายรถเมล์ เพื่อเข้าโรงเรียนพร้อมกัน แต่เป็นเพื่อนกันครับ อย่างที่บอก ตอนนั้นคือผมสับสนอยู่ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ และผมเป็นอะไรกันแน่ พอเราคุยกันมากขึ้น เจอกันมากขึ้น เราก็เริ่มผูกพันธ์ใช่มั้ยครับ ผมนี่ละคิดไปไหนต่อไหนละ จนต้องเปิด hi5 ดูเขาทุกวัน เขาไม่ตอบก็นอย ตอบช้าก็นอย ออน msn ช้าก็นอย จนนี่ล่ะเป็นรักครั้งแรกของผมที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย55555
เดี๋ยวเลิกงานจะมาต่อครับ
แก้ไขคำผิดครับ ชาญเมือง >> เป็นชานเมือง
รักเธออยากเจอเขา ..TT
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะทำให้ใครหลายๆคนมองว่าผมเห็นแก่ตัวหรือเป็นคนเลวหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งผมยอมรับครับว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ผมทำไป ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกตัวครับ รู้ทุกอย่างแต่ด้วยเหตุอะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมกลายเป็นแบบนั้นไป จนกระทั่งเรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่ ซึ่งผมก็รู้สึกผิดมากๆจนถึงวันนี้ และคิดอยากจะหนีไปไกลๆ ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีก คือมันเป็นเรื่องที่ตัวผมเองยังรับไม่ค่อยจะได้เลยที่ทำแบบนี้ ว่าแล้วก็มาเริ่มเลยละกันครับ อาจจะเยอะหน่อย เพราะจะขอเล่าตั้งแต่ช่วงที่ จขกท ยังเด็กๆ เพราะมันก็จุกพอๆกัน
คือต้องขอแนะนำตัวก่อนครับ ขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่า เอ ละกันครับ ผมเรียนอยู่ที่กทมครับ อยู่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง จะข้ามๆตอนเลยละกันครับ คือผมก็เคยมีแฟนมาบ้างครับ แต่ก็แบบคบกันได้ไม่เกิน 2 เดือนทุกคนไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะผมขี้วีน หรือนิสัยผมไม่ดีรึป่าวไม่รู้ แต่เวลาผมรักใครก็จะรักคนนั้นมากๆ แบบที่ว่าเวลาใครมาคุยผมก็จะตัดบทครับไม่คุย ถามคำตอบคำ คือคนเรามีเป็นแฟนกัน เวลาเขาอยากเช็คอะไร เราบริสุทธิ์ใจ เขาถามไรเราก็ตอบหมดว่าคนนี้เป็นใคร ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น แต่ด้วยหลายๆเหตุผล บางทีก็โดนให้ไปหาคนอื่นที่ดีกว่า หรือไม่ก็ผมทักไปไม่ตอบ จนทำให้ผมเป็นบ้า ดราม่าลงในเฟสบุ๊คเป็นสิบๆข้อความต่อวัน หรือลงเพลงเศร้าๆหลายๆเพลง (อันนี้หลายคนน่าจะเป็นนะครับ) สุดท้ายก็ลงเอยที่ผมก็จะถูกทิ้งตลอดครับ แต่ก่อนหน้านั้นด้วยการที่ผมยังเด็กมั้งครับ ตอนปี1-2 เจออะไรหลายๆอย่าง พอเจอคนดีๆเราก็กลับไล่เขา เหวี่ยงวีนเขา จนสุดท้ายเขาต้องยอมจากไป จนมาถึงตอนนี้เรารู้สึกเสียดาย ทุกวันนี้เรายังดูเฟสเขาอยู่บ่อยๆ เพราะคิดถึง แต่ก็นะมันอาจจะทำให้เป็นเวรกรรมก็ได้เนอะ ทำกับคนอื่นไว้มาก555555555
ต่อครับ โดยปกติแล้วผมเวลาคบใครผมจะเป็นคนเซฟมากๆ ถ้ามีไรกันผมก็มีข้างนอกครับ ไม่เคยมีข้างในกับใคร จนถึงทุกวันนี้ และผมก็จะไม่ไปหาใครก่อนครับ ซึ่งนับคนได้เลยคือน้อยมาก เพราะสิ่งแวดล้อมและเรื่องของเพื่อนๆที่มาระบาย มาเล่าให้ฟัง มันทำให้เรารู้สึกว่า ขนาดเรายังขยะแขยงกับการกระทำนั้นๆของแต่ละคน เราคงไม่ทำแบบนั้น หลายๆคนคงรู้ใช่มั้ยครับว่าการเป็นเกย์ คือแปปๆก็ได้เสียกันแล้ว คือพูดง่ายๆ หากินกันง่ายมาก จนเป็นโรคอะไรเยอะแยะ ยังไม่พอ แถมโดนเป็นขี้ปากชาวบ้านด้วย ผมเลยเลือกที่จะไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งผมก็เม้าพวกนั้นครับ555555 ผมเป็นคนที่เคยอ้วนดำ คือทุกอย่างน่าเกียจหมดตอนเด็กๆ แต่ด้วยตอนม.4-6 ผมได้คุยกับคนๆนึงทุกวัน จนเกิดความสับสนว่าตอนนั้น "เราเป็นเกย์หรือเปล่าวะ ไม่ๆเราเป็นผู้ชายสิ เราชอบผู้หญิง" ช่วงนั้นคือเป็นบ้าอีกครับ เกย์หรือใครแอด Hi5 มา คือไม่รับ ไม่ยอมรับครับ (สมัยนั้น hi5 ฮิตครับ) ไม่รับแอด คือผมจะแอดแต่ผู้หญิงน่ารักๆ แต่นานๆเข้าผมได้คุยกับเพื่อนคนนึง ซึ่งเขาก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงครับ ผมเลยเกิดความสับสนเยอะแยะไปหมดตอนนั้น ว่า ดี (ขอใช้เป็นนามสมมุติละกันครับ) "เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นเกย์ และเราก็เป็นผู้ชาย เป็นไปไม่ได้หรอก เราชอบผู้หญิง " คือไม่รู้ใครเคยเป็นแบบผมเปล่านะ แบบคิดไรไม่ออกแต่เราก็คุยกันมานานมากๆ ด้วยความที่เขาเป็นรักแรกของผมด้วย และผมกับเขาคุยกันนานสุด 3 ปี เราเริ่มคุยกันตั้งแต่ ม.4 เราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลย และเราแทบจะไม่เจอกันเลยที่โรงเรียน แม้จะเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่คนละห้อง เพราะเรียนคนละสายกัน จนกระทั่งม.6 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเจอกันจังๆตอนเปิดเทอม เราก็คุยกันมากขึ้น มันก็จิกผมนะว่า " เอ ตัวจริงดำเนอะ ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย" ต้องบอกก่อนว่าผมเก่ง photoshop มาก เพราะเมื่อก่อนที่บ้านเปิดร้านถ่ายรูป ต้องช่วยที่บ้านแต่งรูปลูกค้าบ่อย บีบหน้า ลบสิว ปรับแสงอะไรผมทำได้หมด รูปผมเลยเฟคมากๆ แต่ก่อน 555555 แต่อย่างว่าครับ พอผมเจอคำพูดแบบนั้นก็จุกไป จนกระทั่งเราเอาโปรไฟล์ของกันและกันขึ้น Top ของ hi5 ครับ 55555555 สมัยนั้นคือใครที่ขึ้น top จะต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆสนิทมากๆถึงจะได้ขึ้น ซึ่งเราก็สนิทกันมากๆขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่เคยคุยกันจริงๆต่อหน้าซักที จนกระทั่งสมัยนั้นเราฮิต กางเกงสั้น ถุงเท้าสั้น ไม่รู้สมัยนี้ยังจะฮิตหรือเปล่า แต่ช่วงนั้นเป็นเทรนที่เด็กในเมืองทำกัน ซึ่งเด็กชานเมืองอย่างผมก็ทำ เพราะรู้สึกว่ามันเท่ห์หรือไรสักอย่างไม่เข้าใจว่าทำ ทำไมเหมือนกัน55555555555 และการที่ทำแบบนั้นมันคือจุดที่เราสองคนเจอกันมากขึ้นครับ เพราะว่าผิดกฎระเบียบของที่โรงเรียน ต้องบอกว่าที่โรงเรียนผม จะมีประตูอยู่หลายทางและ อาจารย์ปกครองก็ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมากกกกกกกก แต่ผมก็แต่งตัวผิดระเบียบทุกสิ่งครับ เขาก็เช่นกัน ที่โรงเรียนเราจะมีโรงเรียนฝั่งประถมอยู่ด้วยซึ่งก็ไม่ค่อยมีเด็กที่จะมาฝั่งนั้นหรอก เพราะลำบาก นอกจากคนที่อยู่แถวๆนั้น โรงเรียนฝั่งประถม เรานะเรียกมันว่า "หลังโรงเรียน" ครับ ช่วงแรกๆเราก็บังเอิญมาเจอกันเป็นบางครั้งครับ แต่ก็ไม่คุยอะไรกัน จะกลับไปคุย msn ที่บ้านแทน แต่พอหลังๆ อาจารย์ที่ห้องปกครองเริ่มรู้เยอะ และเด็กที่ผิดระเบียบเยอะมากขึ้น เขาจึงมีอาจารย์มายืนตรวจทุกๆ 7 โมงเช้า ซึ่งแต่ก่อน จะประมาณ 7:20 เกือบๆเข้าแถวครับ แต่นี่เช้าขึ้น ทำให้เราต้องตื่นเช้าขึ้นอีก เราจึงมีโอกาสเจอกันมากขึ้นครับ พอมากขึ้นเรื่อยๆเราก็จะรอกันที่ป้ายรถเมล์ เพื่อเข้าโรงเรียนพร้อมกัน แต่เป็นเพื่อนกันครับ อย่างที่บอก ตอนนั้นคือผมสับสนอยู่ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ และผมเป็นอะไรกันแน่ พอเราคุยกันมากขึ้น เจอกันมากขึ้น เราก็เริ่มผูกพันธ์ใช่มั้ยครับ ผมนี่ละคิดไปไหนต่อไหนละ จนต้องเปิด hi5 ดูเขาทุกวัน เขาไม่ตอบก็นอย ตอบช้าก็นอย ออน msn ช้าก็นอย จนนี่ล่ะเป็นรักครั้งแรกของผมที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย55555
เดี๋ยวเลิกงานจะมาต่อครับ
แก้ไขคำผิดครับ ชาญเมือง >> เป็นชานเมือง