คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขอยกมาตอบเลยครับ
ธนาคารโดยทั่วไปจะกำหนดเกณฑ์ของผู้กู้ร่วมไว้ว่าต้องเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หรือเป็นคู่สมรสกัน แต่ถ้าคุณสามารถหาธนาคารที่ยอมให้กู้ร่วมโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ (ธนาคารรัฐบางแห่ง) ก็จะขอตอบปัญหาดังนี้
1.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์คนเดียว >> ผ่อนสองคน จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายมีกรรมสิทธิ์ร่วมได้ไหมครับ นอกจากหลังการผ่อนหมด
ตอบ กรณีนี้ไม่ควรทำครับ จะมีปัญหายุ่งยาก หากสามารถหาธนาคารที่ให้กู้ร่วมระหว่างคุณกับเพื่อนได้ ข้ามข้อนี้ไปเลยครับ
2.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์ 2 คน >> ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่
ตอบ การกู้หากกรรมสิทธิ 1 คน จะสามารถกู้ร่วมได้หลายคนแต่คนที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิต้องมีชื่อกู้ร่วมด้วย แต่กรณีกรรมสิทธิ 2 คน จะไม่สามารถให้กู้คนเดียวได้ครับ เพราะคนที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิทุกคนต้องกู้ด้วยทั้งหมด
3.หากกู้ร่วม >> กรรมสิทธิ์ร่วม >> อันนี้น่าจะแล้วแต่ธนาคารถ้าได้ก็จบไป...
ตอบ ถูกต้องครับ ลองติดต่อธนาคารของรัฐ มีนโยบายให้กู้ได้ครับ
A.หากเข้ากรณีที่ 1 ผ่อนสองคน แต่ชื่อกรรมสิทธิ์คนเดียว เราสามารถทำสัญญาอะไร ที่ระบุถึงการมีส่วนในทรัพย์สินที่ผ่อน ในอัตราเท่าๆ กันไหมครับ
เช่น สัญญาหุ้นส่วน / หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ ทำสัญญายืมเงิน เป็นอัตราเท่ากับที่ อีกคนร่วมผ่อน >> และเมื่อผ่อนครบก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมได้ถูกไหมครับ
ตอบ ไม่แนะนำให้กู้ร่วม แต่มีชื่อกรรมสิทธิคนเดียวครับ มันมีปัญหายุ่งยากตามหลายอย่าง
B.ทั้ง 3 กรณี เกิดใครคนใดคนนึง ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อน หลักฐานจากบัญชีที่เปิดร่วมกัน จะสามารถนำมาใช้อ้างอิง เพื่อแบ่งทรัพย์สินให้กับ ผู้สืบสันดาน ของคนที่ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อนไหมครับ
ตอบ กรณีที่แนะนำให้ทำ และธนาคารต้องการให้ผู้กู้ทำคือ กู้ร่วมและมีกรรมสิทธิในโฉนดที่ดินและบ้านร่วมกัน ซึ่งกรณีนี้เป็นสาเหตุธนาคารส่วนใหญ่มีเงื่อนไขที่ต้องเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพราะถ้ามีเคสกรณีนี้ก็จะไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่หากเป็นกรณีที่ไม่ใช่พี่น้อง ก็จะใชัหลักกฎหมายหนี้ร่วม คือ ผู้กู้มีหนี้เต็มจำนวนหนี้เท่ากัน(ไม่ใช่คนละครึ่ง) หากอีกคนไม่ชำระหนี้ คนที่เหลือก็จะรับผิดชอบเต็มจำนวน ส่วนอีกคนผ่อนชำระมาแล้วเท่าใด ก็ต้องมีหลักฐานให้แน่ชัด เพราะอาจต้องเคลียหนี้กับทายาทของผู้กู้ร่วมอีกคนหนึ่งว่าจะรับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเท่าใดพร้อมเอาชื่อผู้ตายออกจากโฉนด และยกเลิกทำเรื่องกู้ใหม่เป็นกู้คนเดียว เว้นแต่ผู้ตายจะทำหนังสือเป็นพินัยกรรมไว้ว่าอย่างใดก็เป็นอีกเรื่องหนี่ง แต่มีวิธีแก้ไข คือ ให้ผู้ร่วมทำประกันคุ้มครองหนี้ หากคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป ประกันก็จะชำระหนี้ทั้งหมดให้ธนาคาร ส่วนทรัพย์สินก็ไปแบ่งกันตามส่วนหรือตามพินัยกรรมครับ
ธนาคารโดยทั่วไปจะกำหนดเกณฑ์ของผู้กู้ร่วมไว้ว่าต้องเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หรือเป็นคู่สมรสกัน แต่ถ้าคุณสามารถหาธนาคารที่ยอมให้กู้ร่วมโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ (ธนาคารรัฐบางแห่ง) ก็จะขอตอบปัญหาดังนี้
1.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์คนเดียว >> ผ่อนสองคน จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายมีกรรมสิทธิ์ร่วมได้ไหมครับ นอกจากหลังการผ่อนหมด
ตอบ กรณีนี้ไม่ควรทำครับ จะมีปัญหายุ่งยาก หากสามารถหาธนาคารที่ให้กู้ร่วมระหว่างคุณกับเพื่อนได้ ข้ามข้อนี้ไปเลยครับ
2.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์ 2 คน >> ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่
ตอบ การกู้หากกรรมสิทธิ 1 คน จะสามารถกู้ร่วมได้หลายคนแต่คนที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิต้องมีชื่อกู้ร่วมด้วย แต่กรณีกรรมสิทธิ 2 คน จะไม่สามารถให้กู้คนเดียวได้ครับ เพราะคนที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิทุกคนต้องกู้ด้วยทั้งหมด
3.หากกู้ร่วม >> กรรมสิทธิ์ร่วม >> อันนี้น่าจะแล้วแต่ธนาคารถ้าได้ก็จบไป...
ตอบ ถูกต้องครับ ลองติดต่อธนาคารของรัฐ มีนโยบายให้กู้ได้ครับ
A.หากเข้ากรณีที่ 1 ผ่อนสองคน แต่ชื่อกรรมสิทธิ์คนเดียว เราสามารถทำสัญญาอะไร ที่ระบุถึงการมีส่วนในทรัพย์สินที่ผ่อน ในอัตราเท่าๆ กันไหมครับ
เช่น สัญญาหุ้นส่วน / หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ ทำสัญญายืมเงิน เป็นอัตราเท่ากับที่ อีกคนร่วมผ่อน >> และเมื่อผ่อนครบก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมได้ถูกไหมครับ
ตอบ ไม่แนะนำให้กู้ร่วม แต่มีชื่อกรรมสิทธิคนเดียวครับ มันมีปัญหายุ่งยากตามหลายอย่าง
B.ทั้ง 3 กรณี เกิดใครคนใดคนนึง ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อน หลักฐานจากบัญชีที่เปิดร่วมกัน จะสามารถนำมาใช้อ้างอิง เพื่อแบ่งทรัพย์สินให้กับ ผู้สืบสันดาน ของคนที่ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อนไหมครับ
ตอบ กรณีที่แนะนำให้ทำ และธนาคารต้องการให้ผู้กู้ทำคือ กู้ร่วมและมีกรรมสิทธิในโฉนดที่ดินและบ้านร่วมกัน ซึ่งกรณีนี้เป็นสาเหตุธนาคารส่วนใหญ่มีเงื่อนไขที่ต้องเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพราะถ้ามีเคสกรณีนี้ก็จะไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่หากเป็นกรณีที่ไม่ใช่พี่น้อง ก็จะใชัหลักกฎหมายหนี้ร่วม คือ ผู้กู้มีหนี้เต็มจำนวนหนี้เท่ากัน(ไม่ใช่คนละครึ่ง) หากอีกคนไม่ชำระหนี้ คนที่เหลือก็จะรับผิดชอบเต็มจำนวน ส่วนอีกคนผ่อนชำระมาแล้วเท่าใด ก็ต้องมีหลักฐานให้แน่ชัด เพราะอาจต้องเคลียหนี้กับทายาทของผู้กู้ร่วมอีกคนหนึ่งว่าจะรับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเท่าใดพร้อมเอาชื่อผู้ตายออกจากโฉนด และยกเลิกทำเรื่องกู้ใหม่เป็นกู้คนเดียว เว้นแต่ผู้ตายจะทำหนังสือเป็นพินัยกรรมไว้ว่าอย่างใดก็เป็นอีกเรื่องหนี่ง แต่มีวิธีแก้ไข คือ ให้ผู้ร่วมทำประกันคุ้มครองหนี้ หากคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป ประกันก็จะชำระหนี้ทั้งหมดให้ธนาคาร ส่วนทรัพย์สินก็ไปแบ่งกันตามส่วนหรือตามพินัยกรรมครับ

แสดงความคิดเห็น
รบกวนขอความรู้เรื่อง ผ่อนคอนโด 2 คน แต่ชื่อตามโฉนด มีคนเดียว สามารถทำนิติกรรมใดๆ เพื่อเพิ่มความสบายใจได้ไหมครับ
1.จะซื้อคอนโดครับ โดยเริ่มจากการผ่อนดาวน์ 2 ปี กับเพื่อนอีกคน (เพศเดียวกัน)
2.ตกลงดำเนินการกันไว้ว่า จะเปิดบัญชีเงินฝากร่วม 1 บัญชี และโอนเงินเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละเดือน เพื่อเข้าบัญชีนี้ และตั้งใจจะสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ตามที่เกิดจากคอนโด จะสั่งจ่ายออกจากบัญชีนี้ทั้งหมด
นั่งหาความรู้พบว่า
1.เพศเดียวกันกู้ร่วมไม่ได้ (หรือได้แค่บางที่) กรณีที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
2.กรรมสิทธิ์หลังโฉนดจะระบุผู้กู้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
เลยลองไล่เรียงความเป็นไปได้ทั้งหมดคือ (ไม่รู้ว่าเป็นไปได้จริงในข้อไหนหรือไม่)
1.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์คนเดียว >> ผ่อนสองคน จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายมีกรรมสิทธิ์ร่วมได้ไหมครับ นอกจากหลังการผ่อนหมด
2.หากกู้คนเดียว >> กรรมสิทธิ์ 2 คน >> ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่
3.หากกู้ร่วม >> กรรมสิทธิ์ร่วม >> อันนี้น่าจะแล้วแต่ธนาคารถ้าได้ก็จบไป...
รบกวนสอบถามดังนี้ครับ
A.หากเข้ากรณีที่ 1 ผ่อนสองคน แต่ชื่อกรรมสิทธิ์คนเดียว เราสามารถทำสัญญาอะไร ที่ระบุถึงการมีส่วนในทรัพย์สินที่ผ่อน ในอัตราเท่าๆ กันไหมครับ
เช่น สัญญาหุ้นส่วน / หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ ทำสัญญายืมเงิน เป็นอัตราเท่ากับที่ อีกคนร่วมผ่อน >> และเมื่อผ่อนครบก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมได้ถูกไหมครับ
B.ทั้ง 3 กรณี เกิดใครคนใดคนนึง ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อน หลักฐานจากบัญชีที่เปิดร่วมกัน จะสามารถนำมาใช้อ้างอิง เพื่อแบ่งทรัพย์สินให้กับ ผู้สืบสันดาน ของคนที่ชิงหนีขึ้นสวรรค์ก่อนไหมครับ
ยังไม่ได้ตกลงกันครับว่า ใครจะเป็นผู้กู้หรือถือกรรมสิทธิ์ ใจจริงอยากใช้ กรณีที่ 3 มากๆ
แต่หากต้องเป็นกรณีที่ 1 จริงๆ ก็ตกลงกันว่า ทำเอกสารอะไรซักอย่าง เพื่อให้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย (เผื่อต้องบอกญาติๆ ที่บ้าน จะได้ไม่งอแงกันด้วย)
รบกวนขอคำแนะนำและความเห็นครับ ^^ ขอบคุณครับ