เที่ยว น่าน ไหว้พระ 9 วัด



นี้เป็นกระทู้แรกในพันทิป หลังจากที่ได้ตามอ่านของหลายท่านมานาน จนกลับมาจากเที่ยวน่าน อัพรูปลงเฟส คุณภรรยาได้พูดขึ้นว่า เราก็ไปเที่ยวกันเยอะ  ทำไมเราไม่เขียนกระทู้ของตัวเองบ้าง เลยได้สมัคร และขอเปิดกระทู้ท่องเที่ยว “เมืองต้องห้ามพลาด” นันทบุรีศรีนคร น่าน

น่าน คุณต้องตั้งใจจริงๆ ที่จะไปเที่ยวน่าน เพราะน่านไม่ใช่เมืองทางผ่าน ที่จะแวะเพื่อจะไปเมืองต่อไป ด้วยช่วงเวลาที่ไปไม่ใช่ช่วงที่ดอกชมพูภูคา และพญาเสือโครงบาน แถมเป็นช่วงพายุฝนเข้า เลยทำให้ไม่ได้แวะชมไฮไลท์ของจังหวัดน่านหลายที่คือ ขุนสถาน ดอยเสมอดาว และ อ.ปัว และยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา บ่อเกลือปิด จึงได้พาคุณเธอเที่ยวแค่ตัวเมืองน่าน ไหว้พระ ขอพร เท่านี้ก็สุขใจ


เริ่มต้นด้วยผมทำงานอยู่พิษณุโลก นัดกับคุณเธอว่าจะนั่งรถมาหาผม แล้วจะขับรถกันไปเที่ยวน่าน นอนน่าน 1 คืน แล้วจะไปเชียงใหม่ต่อ
รถนครชัยแอร์มาถึงพิษณุโลกก็เกือบ 05.00 น. รับเธอเสร็จก็ขับรถออกทันที กะว่าไปถึงน่านก็หาโรงแรม และให้คุณเธอได้อาบน้ำ ก่อนออกเที่ยวในตัวเมืองน่าน

ถึงน่าน ตามกำหนดเวลา 09.00 น. มุ่งหน้าเข้าหาที่พักให้คุณเธอได้แวะอาบน้ำก่อน


โรงแรมที่คุณเธออยากพักคือ คุ้มเมืองมินทร์ แต่จองไม่ทัน เลยมาพักแถวหน้าสนามบินน่าน (เพราะผมมาทำงานที่น่านบ่อย และพักที่นี้ประจำ)
กะว่าจะปั่นจักรยานเที่ยวเลย ก็จะหมดแรงเสียก่อน และแดดก็ออกมาทักทายกันแล้ว คงไว้ตอนเย็นๆ ดีกว่า


ที่หมายแรก วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเถาะ


เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต
องค์พระเจดีย์เป็นแบบล้านนา ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก กรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง

(ภาพนี้ผมถ่ายเมื่อ 23 สิงหาคม 2557)

พระเจ้าล้านทองเป็นพระประธาน พุทธลักษณะปาง มารศรีวิชัยศิลปะล้านนา ประทับนั่งบนฐาน เป็นพระพุทธรูปองค์ที่สวยงามในจังหวัดน่านองค์หนึ่งและ เป็นพระพุทธรูป คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน


วิหารพุทธไสยาศ
อยู่ทางด้านหน้านอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุแช่แห้ง


องค์พระนอนในวิหารพุทธไสยาศ


วัดที่สอง วัดภูมินทร์


แต่ก่อนจะเข้าวัด ก็ต้องมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน




จะพามานั่งรถรางชมเมืองเก่า และสัมผัสวิถึชุมชน แต่มาไม่ทันรอบเช้า รอบต่อไปคือ 15.00 น.

(ภาพนี้ สมัยมานั่งเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2556)

วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่านได้สร้างขึ้นหลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี มีปรากฏในคัมภีร์เมือง เหนือว่าเดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหม มินทร์ผู้สร้างวัด แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็น วัดภูมินทร์ ดังกล่าว


สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในประเทศก็คือ “พระอุโบสถจัตุรมุข” ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน


ได้รับรางวัลด้วย


พระพุทธมหาพรหมอุดมสักยมุนี


ภาพจิตกรรมฝาผนัง จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่แสดงถึงเรื่องราวและวิถีชีวิตตำนานพื้นบ้าน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพระเตมีราชชาดก และส่วนที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต


ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพจิตรกรรมกระซิบรักนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองน่านไปโดยปริยาย

“คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…”

ต่อด้วยวัดที่สาม วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร


เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949


ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้


วัดที่สี่ วัดมิ่งเมือง


เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ พบที่ซากวิหาร ในราวปี 2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่านสถาปนาวัดใหม่ ตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่งเมือง ต่อมาปี 2527 ได้มีการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยแบบในปัจจุบัน


เสาหลักเมืองน่าน
ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า “เสามิ่งเมือง” เดิมเป็น ไม้สักทองขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓ ฟุต สูง ประมาณ ๓ เมตร ลักษณะเป็นเสาทรงกลมส่วนหัวเสาเกลาเป็น ดอกบัวตูมฝังไว้กับพื้นที่ดินโดยตรง ไม่มีศาลหรืออาคารครอบ แต่อย่างใด




จิตกรรมภายในวัดมิ่งเมือง

จิตกรรมภายในวัดมิ่งเมือง

จิตกรรมภายในวัดมิ่งเมือง



ที่เด่นชัดของวิหารวัดมิ่งเมือง ก็คือ ลวดลายศิลปะปูนปั้น ที่ประดับตกแต่งตัววิหาร มีความสวยงาม วิจิตรบรรจงมาก


วัดที่ห้า วัดพระธาตุเขาน้อย

องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกัน

มุมภาพมหาชนที่แทบจะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำจังหวัดน่านไปแล้วก็ว่าได้


ที่สุดแห่งวิวล้านนาตะวันออก


พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน


ไม่ค่อยได้เห็นภาพด้านหน้าเท่าไหร่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่