นี่คือตัวอย่าง
ของการออกนโยบายที่คิดถึง "ผลประโยชน์" ของชาติ
โดยที่เขาไม่คิดจะเอามาตีเป็นตัวเงินว่ารัฐจะ "กำไร หรือ ขาดทุน" เท่าไร
เพราะนโยบายที่ว่าด้วยการ "อุดหนุน" นั้น
แม้จะเป็นการอุดหนุนแค่คนกลุ่มเดียว (ของไทยก็เช่นชาวนา)
แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมามันก่อให้เกิดประโยชน์ในระดับมหภาคกับประเทศนั้นๆ
ล่าสุดเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสครับ
รัฐบาลเมืองน้ำหอมประกาศลุยถั่วนโยบายที่ว่าด้วยการ "อุดหนุน"
เปล่าๆๆๆๆ.....ไม่ใช่ "จำนำข้าว" ครับ แต่เขาจะอุดหนุน "ชาวจักรยาน" ทั้งหลาย..!!
ต่อไปนี้ใครที่จะไปทำงาน
แล้วสมัครใจที่จะใช้จักรยานปั่นไปออฟฟิศ
โดยไม่พึ่งพา Mass transport system และ รถส่วนตัว
จะได้รับ "การอุดหนุน" จากรัฐบาลเมืองน้ำหอมคนละประมาณ 10 บาท (0.25 ยูโร) / กม.
แถมเงินอุดหนุนที่ว่านี้
เป็นการอุดหนุนกันแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย
ไม่ต้องเอามาเสียภาษี และ ไม่ถูกหัก Social security เข้าหลวงแม้แต่ยูโรเดียว...!!!
ฝรั่งเศสศึกษานโยบายนี้จากเบลเยี่ยม
เพราะเบลเยี่ยมทำแล้วประสบความสำเร็จมาก
โดยที่เบลเยี่ยมนั้น รัฐบาล "ปีศาจแดงยุโรป" เขาอุดหนุนจักรยานที่ 0.22 ยูโร / กม.
ลองอ่านดูกันนะครับ
แล้วจะรู้ว่าวิธีคิดในการออกนโยบายอะไรนั้น
คำว่า "กำไร หรือ ขาดทุน" มันไม่ควรนำมาเป็นปัจจัยเลย
เพราะท้ายที่สุดประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมันตกอยู่กับประเทศชาติล้วนๆ
ที่สำคัญ
ฝรั่งเศสเขาไม่มีม๊อบประเภทที่ว่า
"เงินอุดหนุนจักรยาน ต้องมาจาก โน่น นี่ นั่น.......บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
http://www.ecf.com/news/good-things-come-to-those-who-advocate-cycling-reimbursement-scheme-finally-adopted-in-france/
กว่าที่รัฐจะออกนโยบายนี้นักปั่นฝรั่งเศสต้องต่อสู้กันมายาวนาน
พวกเขาต่อสู้ผ่าน Fédération française des Usagers de la Bicyclette หรือ FUB
ซึ่งก็คือ "สหพันธ์ผู้ใช้จักรยานฝรั่งเศส" (ที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ผู้ใช้จักรยานยุโรป หรือ ECF)
แถมยังต้องไป lobby สมาชิกรัฐสภาที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน
เพื่อให้มาเป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์ให้รัฐเห็นความสำคัญในเรื่องนี้
จนท้ายที่สุด "เสียงข้างมาก" ของรัฐสภาผ่านญัตติแก้ไขกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการใช้จักรยาน
(นี่คือข้อดีของ "ระบอบประชาธิปไตย" ที่ใช้การตัดสินด้วยเสียงข้างมากครับ)
จริงๆก่อนหน้านี้รัฐบาลฝรั่งเศสก็ยอมแล้ว
แต่ติดปัญหาที่จำนวนเงินอุดหนุนที่ต้องจ่าย
เพราะแรกๆเลยจะอุดหนุนต่ำกว่า 0.25 ยูโร
พอถกกันไปถกกันมา รัฐบาลก็เลยยอมอุดหนุนที่ 0.25 ยูโร
โดยมองที่ประโยชน์ของชาติมากกว่า "ตัวเงิน" ที่ต้องใช้จ่ายในโครงการ
แหมมมมม.......
30 บาท ,จำนำข้าว และ ประกันราคายาง ของเรา
ลองไปศึกษาวิธีคิดของคนอื่นเขาดูหน่อยก็ดีนะครับ
ก่อนที่จะมาแหกปากกันว่า "ขาดทุนเป็นแสนล้าน.....!!!!!"
ไม่ว่ารัฐบาลไหน ประเทศไหน
จะออกนโยบายมาเพื่ออุดหนุนอะไร
ทุกอย่างที่ว่าด้วยการอุดหนุนมันล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น
(แล้วจะมานั่งพล่ามว่าขาดทุนเป็นแสนล้านทำหอกอะไร....... ???)
สมาชิกของสหพันธ์ผู้ใช้จักรยานยุโรป หรือ ECF เปิดเผยรายงานว่า
การเพิ่มแรงกระตุ้นทางการเงินด้วยการ "อุดหนุน" ชนชาวจักรยานนั้น
สรุปว่าจะเกิดผลดี "คุ้มค่ามากกว่าจำนวนเงินที่รัฐต้องใช้จ่าย" ในการอุดหนุน
เพราะคนที่ใช้จักรยานนั้น
มีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่าพวกใช้รถยนต์
ส่วนเรื่องสุขภาพนั้นก็ต้องดีกว่าพวกใช้รถยนต์แน่ๆ
เพราะได้ออกกำลังกายทุกวัน (ยุโรปอากาศดีด้วยแหละ)
เมื่อจิตใจดี เมื่อสุขภาพดี
ก็น่าที่จะสามารถทำงานได้ KPI ที่ดี
มลพิษก็ลดลงเพราะการปล่อยก๊าซมันน้อยลง
ธุรกิจต่างๆที่เชื่อมโยงกับจักรยานก็จะขยายตัว
ที่สำคัญ
หากเจ็บป่วยกันน้อยลง
ภาระด้านสาธารณะสุขของรัฐก็จะลดลงด้วย
ECF เขามองภาพกว้างครับ
ว่าการอุดหนุนนั้นมันคิดเป็นตัวเงินแล้วอาจจะ "เยอะ"
แต่หากคิดในแง่ประโยชน์แบบมหภาคแล้วมัน "คุ้ม" กว่ามากมาย
http://www.ecf.com/news/recent-studies-show-investing-in-cycling-pays-off-globally/
http://www.bike2work-project.eu/en/About/Partners/European-Cyclists-Federation/
เวลาที่ "รัฐบาลฉลาด" คิดนโยบายนั้น
มักจะมองไปที่ "ผลตอบแทนที่จะได้ในระบบเศรษฐกิจ"
หรือ Economic Interest Rate of Return (EIRR)
เพราะ EIRR มันคือตัวเลขที่ประเมินค่าไม่ได้ แถมได้ประโยชน์ในระดับ "มหภาค"
แต่เวลาที่ "รัฐบาลโง่" คิดนโยบาย
ก็มักจะมองไปที่ "ผลตอบแทนทางการเงินที่จะได้คืนมา"
หรือ Financial Interest Rate of Return (FIRR)
คิดแต่ในเง่ "ตัวเงิน"
ว่าจะขาดทุนมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งมันเป็นเรื่องของตัวเลขทางบัญชีล้วนๆ
โดยที่ "รัฐบาลโง่" จะไม่คิดเลยว่า คนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์แค่ไหน.......!!!!!!
ขอบคุณพี่ผุยแห่งห้องย่อยบีเทิ่ลส์ ที่สละล็อคอินมาให้จ่าลุยต่อครับ
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@-----เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......ปั่น ปั่น จักรยานนนนนนนนนน.......ไป....!!!!!!!-----@@@@@
ของการออกนโยบายที่คิดถึง "ผลประโยชน์" ของชาติ
โดยที่เขาไม่คิดจะเอามาตีเป็นตัวเงินว่ารัฐจะ "กำไร หรือ ขาดทุน" เท่าไร
เพราะนโยบายที่ว่าด้วยการ "อุดหนุน" นั้น
แม้จะเป็นการอุดหนุนแค่คนกลุ่มเดียว (ของไทยก็เช่นชาวนา)
แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมามันก่อให้เกิดประโยชน์ในระดับมหภาคกับประเทศนั้นๆ
ล่าสุดเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสครับ
รัฐบาลเมืองน้ำหอมประกาศลุยถั่วนโยบายที่ว่าด้วยการ "อุดหนุน"
เปล่าๆๆๆๆ.....ไม่ใช่ "จำนำข้าว" ครับ แต่เขาจะอุดหนุน "ชาวจักรยาน" ทั้งหลาย..!!
ต่อไปนี้ใครที่จะไปทำงาน
แล้วสมัครใจที่จะใช้จักรยานปั่นไปออฟฟิศ
โดยไม่พึ่งพา Mass transport system และ รถส่วนตัว
จะได้รับ "การอุดหนุน" จากรัฐบาลเมืองน้ำหอมคนละประมาณ 10 บาท (0.25 ยูโร) / กม.
แถมเงินอุดหนุนที่ว่านี้
เป็นการอุดหนุนกันแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย
ไม่ต้องเอามาเสียภาษี และ ไม่ถูกหัก Social security เข้าหลวงแม้แต่ยูโรเดียว...!!!
ฝรั่งเศสศึกษานโยบายนี้จากเบลเยี่ยม
เพราะเบลเยี่ยมทำแล้วประสบความสำเร็จมาก
โดยที่เบลเยี่ยมนั้น รัฐบาล "ปีศาจแดงยุโรป" เขาอุดหนุนจักรยานที่ 0.22 ยูโร / กม.
ลองอ่านดูกันนะครับ
แล้วจะรู้ว่าวิธีคิดในการออกนโยบายอะไรนั้น
คำว่า "กำไร หรือ ขาดทุน" มันไม่ควรนำมาเป็นปัจจัยเลย
เพราะท้ายที่สุดประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมันตกอยู่กับประเทศชาติล้วนๆ
ที่สำคัญ
ฝรั่งเศสเขาไม่มีม๊อบประเภทที่ว่า
"เงินอุดหนุนจักรยาน ต้องมาจาก โน่น นี่ นั่น.......บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
http://www.ecf.com/news/good-things-come-to-those-who-advocate-cycling-reimbursement-scheme-finally-adopted-in-france/
กว่าที่รัฐจะออกนโยบายนี้นักปั่นฝรั่งเศสต้องต่อสู้กันมายาวนาน
พวกเขาต่อสู้ผ่าน Fédération française des Usagers de la Bicyclette หรือ FUB
ซึ่งก็คือ "สหพันธ์ผู้ใช้จักรยานฝรั่งเศส" (ที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ผู้ใช้จักรยานยุโรป หรือ ECF)
แถมยังต้องไป lobby สมาชิกรัฐสภาที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน
เพื่อให้มาเป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์ให้รัฐเห็นความสำคัญในเรื่องนี้
จนท้ายที่สุด "เสียงข้างมาก" ของรัฐสภาผ่านญัตติแก้ไขกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการใช้จักรยาน
(นี่คือข้อดีของ "ระบอบประชาธิปไตย" ที่ใช้การตัดสินด้วยเสียงข้างมากครับ)
จริงๆก่อนหน้านี้รัฐบาลฝรั่งเศสก็ยอมแล้ว
แต่ติดปัญหาที่จำนวนเงินอุดหนุนที่ต้องจ่าย
เพราะแรกๆเลยจะอุดหนุนต่ำกว่า 0.25 ยูโร
พอถกกันไปถกกันมา รัฐบาลก็เลยยอมอุดหนุนที่ 0.25 ยูโร
โดยมองที่ประโยชน์ของชาติมากกว่า "ตัวเงิน" ที่ต้องใช้จ่ายในโครงการ
แหมมมมม.......
30 บาท ,จำนำข้าว และ ประกันราคายาง ของเรา
ลองไปศึกษาวิธีคิดของคนอื่นเขาดูหน่อยก็ดีนะครับ
ก่อนที่จะมาแหกปากกันว่า "ขาดทุนเป็นแสนล้าน.....!!!!!"
ไม่ว่ารัฐบาลไหน ประเทศไหน
จะออกนโยบายมาเพื่ออุดหนุนอะไร
ทุกอย่างที่ว่าด้วยการอุดหนุนมันล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น
(แล้วจะมานั่งพล่ามว่าขาดทุนเป็นแสนล้านทำหอกอะไร....... ???)
สมาชิกของสหพันธ์ผู้ใช้จักรยานยุโรป หรือ ECF เปิดเผยรายงานว่า
การเพิ่มแรงกระตุ้นทางการเงินด้วยการ "อุดหนุน" ชนชาวจักรยานนั้น
สรุปว่าจะเกิดผลดี "คุ้มค่ามากกว่าจำนวนเงินที่รัฐต้องใช้จ่าย" ในการอุดหนุน
เพราะคนที่ใช้จักรยานนั้น
มีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่าพวกใช้รถยนต์
ส่วนเรื่องสุขภาพนั้นก็ต้องดีกว่าพวกใช้รถยนต์แน่ๆ
เพราะได้ออกกำลังกายทุกวัน (ยุโรปอากาศดีด้วยแหละ)
เมื่อจิตใจดี เมื่อสุขภาพดี
ก็น่าที่จะสามารถทำงานได้ KPI ที่ดี
มลพิษก็ลดลงเพราะการปล่อยก๊าซมันน้อยลง
ธุรกิจต่างๆที่เชื่อมโยงกับจักรยานก็จะขยายตัว
ที่สำคัญ
หากเจ็บป่วยกันน้อยลง
ภาระด้านสาธารณะสุขของรัฐก็จะลดลงด้วย
ECF เขามองภาพกว้างครับ
ว่าการอุดหนุนนั้นมันคิดเป็นตัวเงินแล้วอาจจะ "เยอะ"
แต่หากคิดในแง่ประโยชน์แบบมหภาคแล้วมัน "คุ้ม" กว่ามากมาย
http://www.ecf.com/news/recent-studies-show-investing-in-cycling-pays-off-globally/
http://www.bike2work-project.eu/en/About/Partners/European-Cyclists-Federation/
เวลาที่ "รัฐบาลฉลาด" คิดนโยบายนั้น
มักจะมองไปที่ "ผลตอบแทนที่จะได้ในระบบเศรษฐกิจ"
หรือ Economic Interest Rate of Return (EIRR)
เพราะ EIRR มันคือตัวเลขที่ประเมินค่าไม่ได้ แถมได้ประโยชน์ในระดับ "มหภาค"
แต่เวลาที่ "รัฐบาลโง่" คิดนโยบาย
ก็มักจะมองไปที่ "ผลตอบแทนทางการเงินที่จะได้คืนมา"
หรือ Financial Interest Rate of Return (FIRR)
คิดแต่ในเง่ "ตัวเงิน"
ว่าจะขาดทุนมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งมันเป็นเรื่องของตัวเลขทางบัญชีล้วนๆ
โดยที่ "รัฐบาลโง่" จะไม่คิดเลยว่า คนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์แค่ไหน.......!!!!!!
ขอบคุณพี่ผุยแห่งห้องย่อยบีเทิ่ลส์ ที่สละล็อคอินมาให้จ่าลุยต่อครับ
จ่าพิเชษฐ์