จาก การทู้นี้นะครับ
http://pantip.com/topic/34323929/comment12-7
สงสัยครับ?? ทำไมอาชีพเกษตรกร ถึงไม่ปรับตัวตามกลไกตลาด
**ผมว่าเราน่าจะช่วยกันออกไอเดีย แก้ไขปัญหากันดีกว่าผมเห็นไอเดียดีๆเจ็งๆเยอะเลย ผมว่าบางที่ความคิดที่เราคิดกันเล่นอาจเปลี่ยนประเทศให้น่าอยู่ขึ้นก็ได้
ข้อความจากกระทู้เก่าที่มีคนมาตั้งไว้
สังเกตุนะครับ
เกษตรกรปลูกอะไรก็จะปลูกเป็นอยู่อย่างเดียว ราคาตกผลผลิตล้นตลาด ก็ปลูกแม่-อยู่นั่นแหละ ไม่เดือดร้อนเพราะ รัฐบาลต้องคอยประกันราคา
ราคาตกไม่ได้นะ ชุมนุม ปิดถนน ที่ประท้วงบ่อยๆก็มีข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา นี่แหละ
เกษตรกรทำไมจึงไม่ปรับตัว หาความรู้ เช่นปลูกอย่างอื่น หรือแปรรูปผลผลิต เมื่อผลผลิตมันล้นตลาดราคาตกต่ำ
ทำเหมือนเด็กอมมือ เรียกร้องโน่นนี่ สบายจนเคยตัว ไม่สนกลไกตลาด จะส่งออกได้ไม่ได้รัฐบาลขาดทุนเท่าไหร่ กรูไม่รู้เรื่องกรูจะขายราคาเท่านี้
รัฐบาลเก็บภาษีจากคนเหล่านี้ได้สักเท่าไหร่กันเชียว คุ้มค่าหรือไม่
**ผมเข้ามาอ่าน จนถึง ตรงนี้
ความคิดเห็นที่ 12
เกษตรอำเภอ น่าจะมีฐานข้อมูลออนไลน์ เชื่อมกันเนอะ
จะได้รู้ว่าพื้นที่เกษตรทังหมด กำลังปลูกอะไรบ้าง อะไรกำลังล้นตลาด
ความคิดเห็นที่ 12-2
คิดว่าเกษตรอำเภอบอก แล้วเกษตรกรเชื่อหรือครับ? ข้างบ้านปลูกข้าวขาย ออกวีโก้ใหม่ ก็แห่ทำตามกันแล้ว ไม่สนหรอก
**ผมคิดว่าเป็นความคิดที่เจ๋งดีครับ น่าจะต่อยอดได้ ก็เลยลองเสนอวิธีแก้ปัญหาดูบ้าง ตามนี้ครับ
งันเอางี้ครับเกษตรอำเภอไม่สามารถตามไปดูได้ทุกทีหลอกครับอันนี้เรารู้ๆอยู่ เราแก้ปัญหาแบบ one for all ไม่ได้งันเปลี่ยนมาเป็นแบบ all for one ให้เกษตรมารายงานตัวทุก 3 หรือ 6 เดือนต่อผู้ใหญ่บ้าน ว่าช่วงนี้เขาปลูกอะไรเท่าไหร่ประโยชน์ที่ได้คือ
1. รู้ปริมาณการปลูก
2.รู้ปริมาณการใช้น้ำ ขาดน้ำในแต่ละโซน สำหรับแจ้งล่วงหน้า
3. รู้โซนที่ปลูกว่าปลุกอะไรกัน พันธุ์อะไร
4.คาดการณ์ราคาตลาดในอานาคตได้ (บางส่วน)
5.เตรียมช่องทางการกระจายสินค้าล่วงหน้าหากผลผลิตมีทีท่าว่าจะล้นตลาด
6.จัดนักวิจัยเกษตรให้ลงพื้นที่ได้ถูกต้องเพื่อแนะนำการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
7.แนะนำในแต่ละโซนได้ว่าแหมาะหรือไม่เหมาะกับพืชแบบไหนพันธุ์ไหน
8.หากเกิดอุทกภัย แมลงศัตรูพืช จะได้คาดการณ์ความเสียหายและเงินช่วยเหลือ
.... หลายคนอาจกังวลว่าเกษตรอาจไม่ให้เความร่วมมือเข้ามารายงานตัวใช่ไหมครับผมมี 2 วิธีคือ ไม้อ่อนกับไม้แข็งครับ
1 ไม้แข็ง
ไม้แข็งคือเก็บภาษีเกษตรเพิ่มครับ แบบมนุษย์เงินเดือนครับ (<< ไม่แน่ใจว่ามีฐานข้อมูลรายชื่อเกษตรหรือป่าว) แล้วเว้นภาษีให้สำหรับคนที่มารายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน(รายงานว่าชื่ออะไรอยู่ปลูกอะไรพันธุ์ไหนเท่าไรกี่ไร่ เจอแมลงศัตรูพืชแบบไหน ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง 3 เดือนมาบ้านผู้ใหญ่บ้านครึ่งชัวโมงผมว่าไม่มากไปนะครับ แล้วจากนั้นให้ผู้ใหญ่บ้านรวมรายงานส่งไปที่ เกษตรอำเภอ จะได้หมดปัญหาเรื่องพื้นที่ห่างไกลเกษตรกร ติดต่อที่ผู้ใหญ่บ้านที่เดียวจบ) ใครไม่มารายงานตัวต้องจ่ายภาษีเพราะถือว่าทำให้เกษตรส่วนใหญ่เสี่ยงต่อการคาดการผลผลิตล้นตลาด
จุดอ่อน
จุดอ่อนคือเราการเก็บข้อมูล อาจต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลการใช้งานให้ได้จริงหลายปี กว่าจะได้ข้อมูลที่ครบถ่วน และเรื่องการทุจริตในการคือเงินภาษีเกษตร
2 ไม้อ่อน
ให้ธนาคารเกษตรและสหกรช่วยครับ โดยใช้เป็นฐานข้อมูลใครไม่มารายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้านไม่มีข้อมูล หากกู้เงินเพื่อการเกษตร ให้คิดดอกเบี้ยเท่าธนาคารทั่วไป และใครมารายตัวให้คิดดอกเบี้ยราคาถูก
จุดอ่อน
จุดอ่อนคือเกษตรบางรายที่ไม่ได้กู้เงินหรือเกษตรกรรายใหญ่ จะไม่ได้รับการขึ้นบันชี
-------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. สมองน้อยๆของผมก็คิดได้แค่นี้แหละครับ เพ้อเจ้อไปวันแต่ผมก็หวังว่าบางที่มันอาจจะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้นได้ด้วยความคิดนี้
บางที่หากมีคนแชร์โพสนี้ผู้มีอำนาจได้เข้ามาอ่าน แล้วนำไปใช้จริงก็คงจะดีไม่น้อยเลยละครับ ใครมีความคิดดีๆอย่าเก็บไว้คนเดียวครับ แชร์กันหน่อย
ผมว่าคนธรรมดาอย่างเราก็น่าจะเปลี่ยน ประเทศให้ดีขี้นได้นะครับ
ทำไมอาชีพเกษตรกร ถึงไม่ปรับตัวตามกลไกตลาด ภาคช่วยกันคิดแก้ไขปัญหากันดีกว่า โอมความเจ๋งๆจงเข้ามา..
สงสัยครับ?? ทำไมอาชีพเกษตรกร ถึงไม่ปรับตัวตามกลไกตลาด
**ผมว่าเราน่าจะช่วยกันออกไอเดีย แก้ไขปัญหากันดีกว่าผมเห็นไอเดียดีๆเจ็งๆเยอะเลย ผมว่าบางที่ความคิดที่เราคิดกันเล่นอาจเปลี่ยนประเทศให้น่าอยู่ขึ้นก็ได้
ข้อความจากกระทู้เก่าที่มีคนมาตั้งไว้
สังเกตุนะครับ
เกษตรกรปลูกอะไรก็จะปลูกเป็นอยู่อย่างเดียว ราคาตกผลผลิตล้นตลาด ก็ปลูกแม่-อยู่นั่นแหละ ไม่เดือดร้อนเพราะ รัฐบาลต้องคอยประกันราคา
ราคาตกไม่ได้นะ ชุมนุม ปิดถนน ที่ประท้วงบ่อยๆก็มีข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา นี่แหละ
เกษตรกรทำไมจึงไม่ปรับตัว หาความรู้ เช่นปลูกอย่างอื่น หรือแปรรูปผลผลิต เมื่อผลผลิตมันล้นตลาดราคาตกต่ำ
ทำเหมือนเด็กอมมือ เรียกร้องโน่นนี่ สบายจนเคยตัว ไม่สนกลไกตลาด จะส่งออกได้ไม่ได้รัฐบาลขาดทุนเท่าไหร่ กรูไม่รู้เรื่องกรูจะขายราคาเท่านี้
รัฐบาลเก็บภาษีจากคนเหล่านี้ได้สักเท่าไหร่กันเชียว คุ้มค่าหรือไม่
**ผมเข้ามาอ่าน จนถึง ตรงนี้
ความคิดเห็นที่ 12
เกษตรอำเภอ น่าจะมีฐานข้อมูลออนไลน์ เชื่อมกันเนอะ
จะได้รู้ว่าพื้นที่เกษตรทังหมด กำลังปลูกอะไรบ้าง อะไรกำลังล้นตลาด
ความคิดเห็นที่ 12-2
คิดว่าเกษตรอำเภอบอก แล้วเกษตรกรเชื่อหรือครับ? ข้างบ้านปลูกข้าวขาย ออกวีโก้ใหม่ ก็แห่ทำตามกันแล้ว ไม่สนหรอก
**ผมคิดว่าเป็นความคิดที่เจ๋งดีครับ น่าจะต่อยอดได้ ก็เลยลองเสนอวิธีแก้ปัญหาดูบ้าง ตามนี้ครับ
งันเอางี้ครับเกษตรอำเภอไม่สามารถตามไปดูได้ทุกทีหลอกครับอันนี้เรารู้ๆอยู่ เราแก้ปัญหาแบบ one for all ไม่ได้งันเปลี่ยนมาเป็นแบบ all for one ให้เกษตรมารายงานตัวทุก 3 หรือ 6 เดือนต่อผู้ใหญ่บ้าน ว่าช่วงนี้เขาปลูกอะไรเท่าไหร่ประโยชน์ที่ได้คือ
1. รู้ปริมาณการปลูก
2.รู้ปริมาณการใช้น้ำ ขาดน้ำในแต่ละโซน สำหรับแจ้งล่วงหน้า
3. รู้โซนที่ปลูกว่าปลุกอะไรกัน พันธุ์อะไร
4.คาดการณ์ราคาตลาดในอานาคตได้ (บางส่วน)
5.เตรียมช่องทางการกระจายสินค้าล่วงหน้าหากผลผลิตมีทีท่าว่าจะล้นตลาด
6.จัดนักวิจัยเกษตรให้ลงพื้นที่ได้ถูกต้องเพื่อแนะนำการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
7.แนะนำในแต่ละโซนได้ว่าแหมาะหรือไม่เหมาะกับพืชแบบไหนพันธุ์ไหน
8.หากเกิดอุทกภัย แมลงศัตรูพืช จะได้คาดการณ์ความเสียหายและเงินช่วยเหลือ
.... หลายคนอาจกังวลว่าเกษตรอาจไม่ให้เความร่วมมือเข้ามารายงานตัวใช่ไหมครับผมมี 2 วิธีคือ ไม้อ่อนกับไม้แข็งครับ
1 ไม้แข็ง
ไม้แข็งคือเก็บภาษีเกษตรเพิ่มครับ แบบมนุษย์เงินเดือนครับ (<< ไม่แน่ใจว่ามีฐานข้อมูลรายชื่อเกษตรหรือป่าว) แล้วเว้นภาษีให้สำหรับคนที่มารายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน(รายงานว่าชื่ออะไรอยู่ปลูกอะไรพันธุ์ไหนเท่าไรกี่ไร่ เจอแมลงศัตรูพืชแบบไหน ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง 3 เดือนมาบ้านผู้ใหญ่บ้านครึ่งชัวโมงผมว่าไม่มากไปนะครับ แล้วจากนั้นให้ผู้ใหญ่บ้านรวมรายงานส่งไปที่ เกษตรอำเภอ จะได้หมดปัญหาเรื่องพื้นที่ห่างไกลเกษตรกร ติดต่อที่ผู้ใหญ่บ้านที่เดียวจบ) ใครไม่มารายงานตัวต้องจ่ายภาษีเพราะถือว่าทำให้เกษตรส่วนใหญ่เสี่ยงต่อการคาดการผลผลิตล้นตลาด
จุดอ่อน
จุดอ่อนคือเราการเก็บข้อมูล อาจต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลการใช้งานให้ได้จริงหลายปี กว่าจะได้ข้อมูลที่ครบถ่วน และเรื่องการทุจริตในการคือเงินภาษีเกษตร
2 ไม้อ่อน
ให้ธนาคารเกษตรและสหกรช่วยครับ โดยใช้เป็นฐานข้อมูลใครไม่มารายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้านไม่มีข้อมูล หากกู้เงินเพื่อการเกษตร ให้คิดดอกเบี้ยเท่าธนาคารทั่วไป และใครมารายตัวให้คิดดอกเบี้ยราคาถูก
จุดอ่อน
จุดอ่อนคือเกษตรบางรายที่ไม่ได้กู้เงินหรือเกษตรกรรายใหญ่ จะไม่ได้รับการขึ้นบันชี
-------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. สมองน้อยๆของผมก็คิดได้แค่นี้แหละครับ เพ้อเจ้อไปวันแต่ผมก็หวังว่าบางที่มันอาจจะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้นได้ด้วยความคิดนี้
บางที่หากมีคนแชร์โพสนี้ผู้มีอำนาจได้เข้ามาอ่าน แล้วนำไปใช้จริงก็คงจะดีไม่น้อยเลยละครับ ใครมีความคิดดีๆอย่าเก็บไว้คนเดียวครับ แชร์กันหน่อย
ผมว่าคนธรรมดาอย่างเราก็น่าจะเปลี่ยน ประเทศให้ดีขี้นได้นะครับ