สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ศิลปะมันต่างยุคกัน เทียบกันไม่ได้ครับ ที่ปารีสเป็นสมัยโกธิค เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกลาง จะโดดเด่นในเรื่องกระจกสีและเสาค้ำ
ส่วนดูโอโม่ที่อิตาลีเป็นศิลปะยุคหลังมาอีกหลายร้อยปีครับ ดังนั้น คนละยุค เปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ
ถ้าอยากดูโบสถ์อลังๆ ก็ต้องไปดูพวกแนวบารอคครับ ที่อิตาลีนี่เยอะสุดละ หรือแนวออโธดอกที่รัสเซีย นี่ก็อลังมาก
หรือถ้าจะกระจกสีอลังการใน 3 โลก ก็ต้องไปดูที่ La Sainte Chapelle อยู่ใกล้ๆกับ Notre-Dame ที่ปารีสครับ
เรื่องห้องน้ำ ในยุโรปค่อนข้างหายากจริงๆ ผิดกับญี่ปุ่นที่มีเยอะมาก
การบริการ ฝรั่งกับเอเชีย เนเจอร์มันต่างกัน ว่าเขาไม่ได้ว่าทำไมแข็งๆ ไม่คิกคุอาโนเนะแบบญี่ปุ่น มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ครับ บังเอิญว่าการบริการท่าทางอะโนเนะแบบยุ่นถูกจริตกับคนไทยก็เท่านั้นเอง
เรื่องผู้อพยพก็เช่นกัน ตะวันตกเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนมานาน รับผู้อพยพเข้าไปมาก ตอนนี้มากจนก่อปัญหาสังคม แต่น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้
ผิดกับญี่ปุ่น ด้วยภูมิประเทศเป็นเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเล การจะอพยพเข้าญี่ปุ่นจึงยากกว่ายุโรปที่มีแผ่นดินติดกับตะวันออกกลาง
เขาถึงบอกว่า "Because traveling is learning"
"เพราะการเดินทางคือการเรียนรู้ ไม่ใช่การไปแค่ถ่ายรูปซิลฟี่แล้วจบ" ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างกันบนโลกใบนี้ ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น โลกทัศน์กว้างขึ้นครับ
ส่วนดูโอโม่ที่อิตาลีเป็นศิลปะยุคหลังมาอีกหลายร้อยปีครับ ดังนั้น คนละยุค เปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ
ถ้าอยากดูโบสถ์อลังๆ ก็ต้องไปดูพวกแนวบารอคครับ ที่อิตาลีนี่เยอะสุดละ หรือแนวออโธดอกที่รัสเซีย นี่ก็อลังมาก
หรือถ้าจะกระจกสีอลังการใน 3 โลก ก็ต้องไปดูที่ La Sainte Chapelle อยู่ใกล้ๆกับ Notre-Dame ที่ปารีสครับ
เรื่องห้องน้ำ ในยุโรปค่อนข้างหายากจริงๆ ผิดกับญี่ปุ่นที่มีเยอะมาก
การบริการ ฝรั่งกับเอเชีย เนเจอร์มันต่างกัน ว่าเขาไม่ได้ว่าทำไมแข็งๆ ไม่คิกคุอาโนเนะแบบญี่ปุ่น มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ครับ บังเอิญว่าการบริการท่าทางอะโนเนะแบบยุ่นถูกจริตกับคนไทยก็เท่านั้นเอง
เรื่องผู้อพยพก็เช่นกัน ตะวันตกเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนมานาน รับผู้อพยพเข้าไปมาก ตอนนี้มากจนก่อปัญหาสังคม แต่น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้
ผิดกับญี่ปุ่น ด้วยภูมิประเทศเป็นเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเล การจะอพยพเข้าญี่ปุ่นจึงยากกว่ายุโรปที่มีแผ่นดินติดกับตะวันออกกลาง
เขาถึงบอกว่า "Because traveling is learning"
"เพราะการเดินทางคือการเรียนรู้ ไม่ใช่การไปแค่ถ่ายรูปซิลฟี่แล้วจบ" ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างกันบนโลกใบนี้ ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น โลกทัศน์กว้างขึ้นครับ
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส อิตาลีครับ ถามเซียนยุโรปเรืองทั่วๆไปหน่อยครับ
2. สถานีรถไฟธรรมดาเค้าทำไมไม่มีระบบปิดแบบญี่ปุ่นหรือรถไฟฟ้า ที่ต้องซื้อตั๋ว มีเครื่องกั้น เอาตั๋วสอด ถึงจะเข้าได้ครับ ที่เห็นๆ ซื้อตั๋ว เอาไป เข้าเครื่องเล็กๆ validate ก็จบ คือ ถ้าขบวนท้องถิ่นหรือข้ามเมือง ถ้าไม่ซื้อตั๋ว ก็แทบไม่เคยมีใครจะมาตรวจตั๋ว (ถ้าเป็นขบวนแพงๆ รถวิ่งเร็วๆ อันนั้นจะหลบยากมากๆ เพราะมีคนตรวจเกือบจะตลอด แต่บางทีก็ไม่มีเหมือนกัน) รู้สึกไม่สบายใจเลยเวลาขึ้น กลัวโจรขโมยของ ไหนจะพวกหนีไปเรือยๆก็แอบขึ้นรถไฟฟรีได้อีก
3. คนดำ คนเอเชีย คนแขก หรือจะฝรั่งก็ตามที่เดินขายของตามสถานที่ดังๆต่างๆ ไหนจะพวก ผูกข้อมือ ยิปซี ขอทาน สารพัดรูปแบบ ทางการ เค้าไม่จัดการหน่อยเหรอครับ มันทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวแย่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กังวลหวาดระแรง น่ารำคาญ อันตราย สารพัดอย่าง
4. อึ หมา เยอะมากๆๆๆ เคยไปปารีสสมัยเด็กๆ จำได้ว่า อึแทบจะทุกพื้นที่ แต่ตอนนี้เห็นน้อยลงไปมากๆ แต่เมืองอื่นๆในฝรั่งเศส หรือเมืองไหนๆในอิตาลี อึหมาเพียบ เยอะจนน่ารำคาญ งงว่าเค้าไม่เก็บกันบ้างรึ หรือทางการไม่จำกัดหรือมีวิธีดูแลตรงนี้เลยเหรอ อึหมาหน้าร้านแบรนหรูๆยังมีให้เห็นเลย (ผมเจออึคนข้างทางเดินริมแม่น้ำในฝรั่งเศส)
5. ห้องน้ำ อันนี้โหดร้ายที่สุด หายากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้ามีของฟรี ก็สภาพและกลิ่น สุดๆเลย รอคิวนาน มาก เคยเข้าไปอันนึง ข้างๆหอไอเฟล รอคิว คนเข้า ออก ปิด ล้างตัวเอง แล้วจึงจะเข้าใหม่ได้ เวลารอนานๆ จะบ้าตาย เข้าในห้าง ในสถานีรถไฟหลายๆแห่ง เก็บเงิน บางแห่งแพงมาก
6. ไปมาหลาย โบถส์ ผมว่า ที่มิลานอลังการสุด รองมาก็ที่ ฟรอเลน (แต่ผมยังไม่เคยเห็นกับตาที่บาเซโลน่า) มีที่ไหนอลังกว่านี้อีกป่ะครับ นอสเตอดามที่ปารีส ธรรมดาไปเลย
ขอบคุณครับ
สิ่งก่อสร้าง อลังการมาก สถาปัตยกรรมก็เทพเจ้ามาก แต่ผมไปญี่ปุ่นบ่อยๆ พอมายุโรป เจอเรืองอันตราย การบริการที่ไม่ดี ค่าครองชีพแพงมาก ห้องน้ำหายากและห่วยและแพง อาหารการกินที่แบบแป้งกับขนมปังเป็นหลัก (กินในร้านอาหาร ราคาก็แพงมากๆๆๆ) ทำให้ไม่ถูกใจเอาซะเลย คงต้องกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นเหม้ือนเดิม แหะๆๆ