กสทช. ย้ำเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือปลอดภัยสำหรับทุกคน


          สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)จัดเสวนา "คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานของระบบโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสุขภาพจริงหรือไม่" ให้ความรู้และตอบข้อซักถามประชาชน เรื่องการติดตั้งสถานีฐานของระบบโทรศัพท์มือถือและผลกระทบต่อสุขภาพ ณ โรงแรมเทพนคร จ.บุรีรัมย์ โดย นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดงาน  มีประชาชนจาก 3 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ เข้าร่วมการเสวนาประมาณ 220 คน

          นายดำรงค์ วัสโสทก ผู้อำนวยการสำนักการอนุญาตและกำกับวิทยุคมนาคม กสทช. กล่าวว่า ปัจจุบันโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิ่งจำเป็นในการติดต่อสื่อสารและในชีวิตประจำวัน อัตราผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการติดตั้งสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่อาศัยอยู่ในชุมชนสามารถรับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้อย่างต่อเนื่องและชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้บริการสื่อสารไร้สายและโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนกันอย่างแพร่หลาย การให้บริการสื่อสารไร้สายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้มีความจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่ตามมาคือคำถามและความกังวลของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสคลื่นวิทยุที่สถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือปล่อยออกมา

          เนื่องจากเสาส่งสัญญาณมือถือโดยทั่วไปเป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กหรือคอนกรีต ซึ่งถูกออกแบบและสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการติดตั้งสายอากาศ สาเหตุที่ต้องตั้งเสาส่งสัญญาณมือถือใกล้ที่อยู่อาศัยและชุมชน เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่อาศัยอยู่ในชุมชนสามารถรับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้อย่างชัดเจน ซึ่งระยะห่างระหว่างเสาส่งและชุมชนควรเป็นเท่าไร ยังไม่มีข้อกำหนดจากหน่วยงานของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนข้อมูลที่ระบุว่าเสาส่งสัญญาณมือถือควรตั้งให้ห่างจากบ้านไม่น้อยกว่า 400 เมตร ก็ยังไม่มีข้อกำหนดจากหน่วยงานของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศเช่นกัน ดังนั้นตัวเลขนี้จึงไม่ควรนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดระยะห่าง อย่างไรก็ตาม  กสทช.ได้ตรวจวัดคลื่นวิทยุในรัศมี 500 เมตรจากเสาส่งสัญญาณมือถือ พบว่าระดับความแรงของคลื่นวิทยุไม่ได้เปลี่ยนแปลงกับระยะทางมากนัก แต่จากการที่ประชาชนบางคนได้รับข้อมูลจากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดียทั้งที่ผ่านการกลั่นกรองและไม่ผ่านการกลั่นกรอง ระบุว่าคลื่นวิทยุจากเสาส่งสัญญาณมือถือทำให้เกิดอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งนั้น กสทช.ขอยืนยันว่าคลื่นวิทยุที่แผ่มาจากสายอากาศบนเสาส่งสัญญาณมือถือนั้นเป็นคลื่นที่มีระดับความแรงต่ำมาก หลายร้อยหลายพันเท่า เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยสากลที่ใช้กันในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งความเห็นทางวิทยาศาสตร์ในระดับสากลส่วนใหญ่ รวมทั้งข้อสรุปขององค์การอนามัยโลก ต่างระบุว่าคลื่นที่มีระดับความแรงต่ำมากเช่นนี้ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุว่าเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั่วโลก มีการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ประเภทคลื่นความถี่ต่ำ หรือ Nonionizing radiation โดยมีการทดสอบแล้ว ไม่พบหลักฐานว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เช่นเดียวกัน คลื่นวิทยุ โทรทัศน์ คลื่นไมโครเวฟ


          นายพรเทพ จันทร์คุณาภาส นักฟิสิกส์รังสีชำนาญการพิเศษ สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า คลื่นวิทยุจากเสาส่งสัญญาณมือถือเป็นคลื่นที่มีระดับความแรงต่ำมาก การที่ประชาชนเข้าใจว่าคลื่นวิทยุจากเสาส่งสัญญาณมือถือทำให้เกิดอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น  อาเจียน ปวดหัว นอนไม่หลับ คลื่นไส้  หูอื้อ จากผลการวิจัยที่เชื่อถือได้ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าอาการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคลื่นวิทยุจากแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือและเสาส่งสัญญาณมือถือ ส่วนข้อกังวลเรื่องคลื่นวิทยุจากเสาส่งสัญญาณมือถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง หน่วยงานวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลกได้ศึกษาว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่วิทยุ (คลื่นวิทยุ) จากแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น เรดาร์ โทรศัพท์มือถือ สถานีวิทยุกระจายเสียงสถานีวิทยุโทรทัศน์ และเสาส่งสัญญาณมือถือ ฯลฯ ผลการศึกษาดังกล่าวปรากฏว่า การสัมผัสคลื่นวิทยุดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง รวมทั้งไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็ง

          นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า โครงข่ายมือถือมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพราะเป็นสาธารณูปโภคที่สำคัญอย่างหนึ่ง เหมือนต้นทุนของประเทศที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตทุกแง่มุม ตั้งแต่ในเมืองถึงชุมชนที่ห่างไกลสู่การพัฒนาประเทศชาติในด้านต่างๆ ดังนั้นเทคโนโลยีมือถือจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันผ่านอุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ส่วนใหญ่เป็นการใช้งานการสื่อสารด้วยข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุค 4G และ 3G ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ชาวประมงชาวบ้านธรรมดาสามารถมีช่องทางการขายอาหารทะเลผ่านโซเชียลมีเดีย ออนไลน์ ด้วยมือถือง่ายๆ สร้างรายได้ต่อเดือนอย่างมากมาย ประชาชนมีความมั่นคงกว่าการขายแบบเดิม

          ในฐานะที่ดีแทคเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต้องมีการขออนุญาตเปิดใช้เสาส่งสัญญาณมือถือ และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่ง กสทช. กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องยื่นคำขออนุญาตพร้อมเอกสารประกอบคำขอต่อ กสทช. ก่อนที่จะตั้งและเปิดใช้เสาส่งสัญญาณมือถือ ตามมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพจะต้องมีเอกสารเพิ่มเติม คือ หลักฐานการทำความเข้าใจกับประชาชนที่พิสูจน์ได้ว่าบริเวณที่เสนอตั้งเสาส่งสัญญาณมือถือนั้น ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ กสทช.มีการตรวจสอบเพื่อประเมินความแรงของคลื่นวิทยุจากเสาส่งสัญญาณมือถือ เพื่อให้แน่ใจว่ามีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรฐานสากล อีกทั้งข้อสรุปจากองค์การอนามัยโลกก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าคลื่นวิทยุที่เกิดจากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดมะเร็งหรือมีผลต่อสุขภาพร่างกาย ประชาชนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (หน้า 4)
คอลัมน์ เครือข่ายบางนา: กสทช.ย้ำเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือปลอดภัยสำหรับทุกคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่