สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ผมว่าคุณนั่นแหละคิดสั้น
มุมมองคับแคบแค่เรื่องอิจฉาริษยา
ผมและครอบครัวมีทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์พอสมควร
และส่วนตัวผมเกลียดรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร
แต่ผมก็วิจารณ์เฉพาะในส่วนของกฏหมายนี้
คนที่มีวิสัยทัศน์สั้น และมีที่คินเท่าแมวดิ้นตายทั้งหลายนั่นแหละที่คัดค้านกฏหมายนี้
โดยไม่คิดถึงลูกหลานเหลนโหลนในอนาคต
ผม copy ข้อความเก่ามาลงแล้วกัน
ที่มาของปัญหาคือ คนรวยๆโดยไม่ได้สร้างผลผลิตอะไรเลย
อาศัยเอาเงินซื้อที่ดินแล้วแช่ทิ้งไว้ ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร
สังเกตุจากคนรวยที่ดินเยอะมาก และรวยกว่าคนที่ประกอบอาชีพ
กลับมาดูคนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย และที่ดินเพื่อประกอบอาชีพ
พวกนี้เป็นคนส่วนใหญ่ และสร้างผลผลิต แต่ไม่สามารถหาที่ดินและที่อยู่อาศัยที่ประกอบกิจการได้
หรือหาได้ก็ในราคาที่แพงลิบลิ่ว เรียกว่าผ่อนจนตาย ให้ลูกหลานผ่อนต่อ
$$$$$$เรียนตามตรงว่าก็คือพวกท่านทั้งหลายที่กำลังโวยวายกันอยู่นี่แหละครับ@@@@@@
ทีนี้ภาษีนี้ช่วยอะไร คือมันจะลดการเก็งกำไรที่ดิน
ส่งผลดีต่อลูกหลานของท่านทั้งหลายในอนาคตนั่นแหละครับ
ผลดีทันทีเลย อาจเห็นไม่ชัด เพราะรากหญ้าจะคิดว่า " มันเอาอีกแล้ว ขูดรีดเงินตรูอีกแล้ว"
แต่ถ้า balance ดีๆ ภาษีนี้จะไม่มากกว่าภาษีโรงเรือนที่เก็บกันอยู่ไม่กี่มากน้อย
เฉพาะที่อยู่อาศัยเท่านั้น ที่อาจต้องเสียเพิ่ม แต่อัตราก็ต่ำ
ฉะนั้น ก่อนโวยวาย กรุณาคิดถึงคนรุ่นลูกหลานท่านเองด้วย
มุมมองคับแคบแค่เรื่องอิจฉาริษยา
ผมและครอบครัวมีทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์พอสมควร
และส่วนตัวผมเกลียดรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร
แต่ผมก็วิจารณ์เฉพาะในส่วนของกฏหมายนี้
คนที่มีวิสัยทัศน์สั้น และมีที่คินเท่าแมวดิ้นตายทั้งหลายนั่นแหละที่คัดค้านกฏหมายนี้
โดยไม่คิดถึงลูกหลานเหลนโหลนในอนาคต
ผม copy ข้อความเก่ามาลงแล้วกัน
ที่มาของปัญหาคือ คนรวยๆโดยไม่ได้สร้างผลผลิตอะไรเลย
อาศัยเอาเงินซื้อที่ดินแล้วแช่ทิ้งไว้ ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร
สังเกตุจากคนรวยที่ดินเยอะมาก และรวยกว่าคนที่ประกอบอาชีพ
กลับมาดูคนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย และที่ดินเพื่อประกอบอาชีพ
พวกนี้เป็นคนส่วนใหญ่ และสร้างผลผลิต แต่ไม่สามารถหาที่ดินและที่อยู่อาศัยที่ประกอบกิจการได้
หรือหาได้ก็ในราคาที่แพงลิบลิ่ว เรียกว่าผ่อนจนตาย ให้ลูกหลานผ่อนต่อ
$$$$$$เรียนตามตรงว่าก็คือพวกท่านทั้งหลายที่กำลังโวยวายกันอยู่นี่แหละครับ@@@@@@
ทีนี้ภาษีนี้ช่วยอะไร คือมันจะลดการเก็งกำไรที่ดิน
ส่งผลดีต่อลูกหลานของท่านทั้งหลายในอนาคตนั่นแหละครับ
ผลดีทันทีเลย อาจเห็นไม่ชัด เพราะรากหญ้าจะคิดว่า " มันเอาอีกแล้ว ขูดรีดเงินตรูอีกแล้ว"
แต่ถ้า balance ดีๆ ภาษีนี้จะไม่มากกว่าภาษีโรงเรือนที่เก็บกันอยู่ไม่กี่มากน้อย
เฉพาะที่อยู่อาศัยเท่านั้น ที่อาจต้องเสียเพิ่ม แต่อัตราก็ต่ำ
ฉะนั้น ก่อนโวยวาย กรุณาคิดถึงคนรุ่นลูกหลานท่านเองด้วย
ความคิดเห็นที่ 29
ภาษีเฮียเฮีย ( ใช้คำนี้แหละ ไม่แรงไปหรอก )
ผมค้านภาษีลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นครับ เพราะคนในเมืองโดยเฉพาะใน กทม. เดือดร้อนแน่นอน
คน กทม. ใครอยากรู้ว่าบ้านตัวเองต้องจ่ายเท่าไร ไปดู Rate ได้ในกระทู้เก่าผม
http://pantip.com/topic/33339378
และนี่ Rate เก่านะครับ ปีหน้า 2559 จะมีการประกาศราคาประเมินใหม่ แน่นอนราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะพวกที่อยู่ติดรถไฟฟ้า
คนอยู่มานาน มีบ้านเล็กๆ ไม่เกิน 50 ตารางวา แต่ถ้าไม่รวยก็เตรียมตัวย้ายออกไปได้ครับ ทำใจได้เลย
รู้ไหมครับถ้าเก็บภาษีแบบนี้จะเกิดอะไรบ้าง?
- อาคารแบ่งห้องให้เช่า , ที่ดินแบ่งให้เช่าปลูกบ้าน ค่าเช่าจะแพงขึ้นเพราะผู้ประกอบการจะผลักภาระไปให้ผู้เช่า ถามว่าคนเช่าเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่คนชั้นกลางกับคนจน
- สินค้าและบริการในเมืองจะแพงขึ้น เพราะอาคารต่างๆ ถูกเก็บภาษีแพง ก็ผลักภาระมายังผู้บริโภค ต่อไปอาจจะมีกะเพราจานละ 100 ตัดผมแบบพื้นๆ หัวละ 100 ฯลฯ
- เกิดย่านคนรวย-คนจน ที่แบ่งแยกกันชัดเจน ย่านคนรวยจะมีทุกอย่างพร้อม เกิดเรื่องขึ้นตำรวจมาไว ทำงานดี ส่วนย่านคนจนถูกละเลย ตำรวจไม่อยากเข้า ก็เป็นแหล่งรวมของบรรดาแกงสเตอร์กันไป เหมือนที่เกิดขึ้นในอเมริกา
- ทำลายวิถีชีวิตแบบพอเพียง เพราะทุกคนเมื่อเกิดมาจะต้องถูกกดดันให้ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาที่ซุกหัวนอน ผลคือคนจะมองเงินเป็นพระเจ้า จะบูชาเงินมากขึ้น จะคิดถึงการหาเงินมากกว่ามิติอื่นๆ ในชีวิต การแข่งขันแก่งแย่งจะทวีความรุนแรงขึ้น เพราะกลัวว่าถ้าไม่ร่ำรวยพอ ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน ก็อาจจะไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน
ถ้าอยากลดความเหลื่อมล้ำ คุณต้องเอา "จำนวนที่ดิน" เป็นตัวตั้งครับ เช่น ที่ดินเพื่ออยู่อาศัยควรมีไม่เกินกี่ตารางวา ที่ดินเพื่อการเกษตรควรมีไม่เกินกี่ไร่ ส่วนที่เกินออกมานี่ก็เก็บภาษีหนักๆ ใช้เรตเดียวกับที่ดินรกร้างไปเลยก็ได้
ไม่ใช่เอา "ราคาที่ดิน" เป็นตัวตั้ง เพราะยิ่งทำให้เหลื่อมล้ำหนักกว่าเดิม คนเกิดมาในเมือง อยู่ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ที่ดินราคาไม่เท่าไร อยู่ดีๆ ราคาทีดินพุ่งเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แต่ทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท มันใช่ความผิดเขาไหมที่จะต้องถูกไล่ที่เพราะไม่มีปัญญาจ่ายภาษี?
เงิน 2,400 บาท สำหรับคนเงินเดือน 15,000 กับคนเงินเดือน 50,000 คิดว่ามันเท่ากันหรือเปล่าละครับ? คนเงินเดือน 50,000 อาจจะบอกว่าจ่ายได้ แค่เศษเงินไม่เสียดาย แต่คนเงินเดือน 15,000 กว่าจะหักค่าครองชีพในเมืองจนหมดพอให้เหลือเก็บบ้างก็ยากแล้ว เงินแค่นี้สำหรับเขามีความหมายมากครับ
ปล.อยากให้ดูหนังเรื่องนี้ครับ In Time หนังปี 2011 ( จัสติน ทิมเบอเลค , อแมนดา ไซฟรีด ) ว่าด้วยโลกอนาคตที่ "เงิน" ถูกแทนค่าด้วย "เวลา" คนใช้เวลาใช้จ่ายแทนเงิน และเวลาจะนับถอยหลังตลอด ถ้านับถึง 0 ก็คือคนนั้นจะตายทันที คนก็เลยต้องขวนขวายดิ้นรน ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เวลามาต่ออายุชีวิตตัวเอง
ถ้าเก็บภาษีบ้านตามนี้เมื่อไหร่ สังคมไทยคงเป็นแบบในหนังเรื่องนี้แหละครับ
ผมค้านภาษีลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นครับ เพราะคนในเมืองโดยเฉพาะใน กทม. เดือดร้อนแน่นอน
คน กทม. ใครอยากรู้ว่าบ้านตัวเองต้องจ่ายเท่าไร ไปดู Rate ได้ในกระทู้เก่าผม
http://pantip.com/topic/33339378
และนี่ Rate เก่านะครับ ปีหน้า 2559 จะมีการประกาศราคาประเมินใหม่ แน่นอนราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะพวกที่อยู่ติดรถไฟฟ้า
คนอยู่มานาน มีบ้านเล็กๆ ไม่เกิน 50 ตารางวา แต่ถ้าไม่รวยก็เตรียมตัวย้ายออกไปได้ครับ ทำใจได้เลย
รู้ไหมครับถ้าเก็บภาษีแบบนี้จะเกิดอะไรบ้าง?
- อาคารแบ่งห้องให้เช่า , ที่ดินแบ่งให้เช่าปลูกบ้าน ค่าเช่าจะแพงขึ้นเพราะผู้ประกอบการจะผลักภาระไปให้ผู้เช่า ถามว่าคนเช่าเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่คนชั้นกลางกับคนจน
- สินค้าและบริการในเมืองจะแพงขึ้น เพราะอาคารต่างๆ ถูกเก็บภาษีแพง ก็ผลักภาระมายังผู้บริโภค ต่อไปอาจจะมีกะเพราจานละ 100 ตัดผมแบบพื้นๆ หัวละ 100 ฯลฯ
- เกิดย่านคนรวย-คนจน ที่แบ่งแยกกันชัดเจน ย่านคนรวยจะมีทุกอย่างพร้อม เกิดเรื่องขึ้นตำรวจมาไว ทำงานดี ส่วนย่านคนจนถูกละเลย ตำรวจไม่อยากเข้า ก็เป็นแหล่งรวมของบรรดาแกงสเตอร์กันไป เหมือนที่เกิดขึ้นในอเมริกา
- ทำลายวิถีชีวิตแบบพอเพียง เพราะทุกคนเมื่อเกิดมาจะต้องถูกกดดันให้ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาที่ซุกหัวนอน ผลคือคนจะมองเงินเป็นพระเจ้า จะบูชาเงินมากขึ้น จะคิดถึงการหาเงินมากกว่ามิติอื่นๆ ในชีวิต การแข่งขันแก่งแย่งจะทวีความรุนแรงขึ้น เพราะกลัวว่าถ้าไม่ร่ำรวยพอ ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน ก็อาจจะไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน
ถ้าอยากลดความเหลื่อมล้ำ คุณต้องเอา "จำนวนที่ดิน" เป็นตัวตั้งครับ เช่น ที่ดินเพื่ออยู่อาศัยควรมีไม่เกินกี่ตารางวา ที่ดินเพื่อการเกษตรควรมีไม่เกินกี่ไร่ ส่วนที่เกินออกมานี่ก็เก็บภาษีหนักๆ ใช้เรตเดียวกับที่ดินรกร้างไปเลยก็ได้
ไม่ใช่เอา "ราคาที่ดิน" เป็นตัวตั้ง เพราะยิ่งทำให้เหลื่อมล้ำหนักกว่าเดิม คนเกิดมาในเมือง อยู่ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ที่ดินราคาไม่เท่าไร อยู่ดีๆ ราคาทีดินพุ่งเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แต่ทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท มันใช่ความผิดเขาไหมที่จะต้องถูกไล่ที่เพราะไม่มีปัญญาจ่ายภาษี?
เงิน 2,400 บาท สำหรับคนเงินเดือน 15,000 กับคนเงินเดือน 50,000 คิดว่ามันเท่ากันหรือเปล่าละครับ? คนเงินเดือน 50,000 อาจจะบอกว่าจ่ายได้ แค่เศษเงินไม่เสียดาย แต่คนเงินเดือน 15,000 กว่าจะหักค่าครองชีพในเมืองจนหมดพอให้เหลือเก็บบ้างก็ยากแล้ว เงินแค่นี้สำหรับเขามีความหมายมากครับ
ปล.อยากให้ดูหนังเรื่องนี้ครับ In Time หนังปี 2011 ( จัสติน ทิมเบอเลค , อแมนดา ไซฟรีด ) ว่าด้วยโลกอนาคตที่ "เงิน" ถูกแทนค่าด้วย "เวลา" คนใช้เวลาใช้จ่ายแทนเงิน และเวลาจะนับถอยหลังตลอด ถ้านับถึง 0 ก็คือคนนั้นจะตายทันที คนก็เลยต้องขวนขวายดิ้นรน ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เวลามาต่ออายุชีวิตตัวเอง
ถ้าเก็บภาษีบ้านตามนี้เมื่อไหร่ สังคมไทยคงเป็นแบบในหนังเรื่องนี้แหละครับ

ความคิดเห็นที่ 9
เห็นด้วยครับ ที่คุณ veenews2004 พูดมาครับ
ตามความเป็นจริง คนที่เป็นเจ้าของที่ดินหลายล้านบาท ก็ไม่ได้มีเงินสดมากมายอะไร
เช่น คนที่ซื้อบ้านถนนสุขุมวิทเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว รายได้ประจำก็ไม่มีแล้ว
ค่าข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ต้องใช้อย่างประหยัดกันอยู่แล้ว
ราคาที่ดินสูงขึ้นหลายเท่าจากเมื่อ 30 ปีก่อนก็จริง แล้วผมจะทำยังไง ขายได้เหรอครับ มีใครซื้อ
บ้านหรือที่ดินไม่ได้ขายกันง่ายๆเหมือนทองคำ
สำหรับเกษตรกรส่วนใหญ่ก็ลำบากกันอยู่แล้ว บางคนมีที่ดินเยอะก็จริง แต่ผลผลิตก็ต้องพึ่งฟ้าพึ่งฝนที่ไม่มีอะไรแน่นอน บางปีดี บางปีไม่ดี
จะให้ทุกคนหั่นที่ดินมาขายเพื่อจ่ายภาษี ก็ไม่ใช่
พอจะมีวิธีการอื่นๆไหมครับ สำหรับการจัดเก็บภาษี
ท่านอาจจะมองว่าคนรวยมีที่ดินเยอะ ไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ แต่ผลที่ออกมาของการจัดเก็บภาษีแบบนี้ กลับมาทำร้ายคนมีรายได้น้อยครับ
ตามความเป็นจริง คนที่เป็นเจ้าของที่ดินหลายล้านบาท ก็ไม่ได้มีเงินสดมากมายอะไร
เช่น คนที่ซื้อบ้านถนนสุขุมวิทเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว รายได้ประจำก็ไม่มีแล้ว
ค่าข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ต้องใช้อย่างประหยัดกันอยู่แล้ว
ราคาที่ดินสูงขึ้นหลายเท่าจากเมื่อ 30 ปีก่อนก็จริง แล้วผมจะทำยังไง ขายได้เหรอครับ มีใครซื้อ
บ้านหรือที่ดินไม่ได้ขายกันง่ายๆเหมือนทองคำ
สำหรับเกษตรกรส่วนใหญ่ก็ลำบากกันอยู่แล้ว บางคนมีที่ดินเยอะก็จริง แต่ผลผลิตก็ต้องพึ่งฟ้าพึ่งฝนที่ไม่มีอะไรแน่นอน บางปีดี บางปีไม่ดี
จะให้ทุกคนหั่นที่ดินมาขายเพื่อจ่ายภาษี ก็ไม่ใช่
พอจะมีวิธีการอื่นๆไหมครับ สำหรับการจัดเก็บภาษี
ท่านอาจจะมองว่าคนรวยมีที่ดินเยอะ ไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ แต่ผลที่ออกมาของการจัดเก็บภาษีแบบนี้ กลับมาทำร้ายคนมีรายได้น้อยครับ
ความคิดเห็นที่ 2
" ส่วนเรื่องภาษีที่ดินถ้าอยากจะเก็บนัก ขอเสนออะไรที่ง่ายๆ แบบคนไม่ต่อต้าน หรือถ้ามีก็น้อยมาก คือภาษีที่จัดเก็บให้ยกเว้นบ้านหลังแรก ที่ดินผืนแรก และเกษตรกรไม่ต้องเก็บ(ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน แต่ให้ไปเก็บภาษีในรูปแบบอื่นแทนครับ) ทุกอย่างจบสวย "
^ ชอบตรงนี้นะ
ที่จริงก็จ่ายภาษีเป็นปกติอยู่แล้ว ภาษีโรงเรือน ภาษีการค้า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสีย แต่มันก็น่าจะมีเกณฑ์เพิ่มขึ้นมาเพื่อ สแกนคนที่เก็งกำไร
ออกจากคนที่ใช้อยู่อาศัย (เหมือนรถคันแรก อาจจะเพิ่มเกณฑ์อายุไม่ตำ่กว่า 25 , มีใบ
ขับขี่ ) ในกรณีนี้ก็เช่นกัน ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ควรสนับสนุนให้ทุกคนมี ก็อาจเพิ่ม
เกณฑ์ = เป็นเจ้าบ้านหลังเดียว ครอบครองที่ดินได้รวมกัน ไม่เกิน .... ไร่ หรือเหตุผลอื่นๆ
เราว่าก็จะช่วยสแกน คนที่เก็งกำไร เช่น มีบ้าน 3-4-5 หลัง ออกมาได้ ( คหสต )
ปล 1 แล้วถ้าทุกคนไปขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรกันหมดล่ะ ก็คงต้องเตรียมหาทางแก้ไว้
( เราเองก็อยากเป็นเกษตรกร ไม่ใช่เพื่อภาษีตัวนี้ แต่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สงบๆ)
คงต้องเลือกเกณฑ์จำกัดการถือครองทรัพย์ แต่ มันก็จะมีปัญหาอีกตรงที่ คนที่เค้ามีที่
เป็นหมื่นเป็นแสนไร่ โอนเป็นนิติบุคคลอีก
2 เก็บภาษี ชาวนา ชาวสวน เป็นไปได้ยาก ทุกวันนี้มีแต่ต้องช่วยเหลือเกษตกร
3 เห็นด้วยอย่างมากกับการเพิ่ม vat (เพิ่มสัก 1%) ตปท สูงกว่านี้ แต่ถ้าพูดถึงในประเทศ
มันครอบคลุมดี อยากใช้มาก จ่ายมาก บริโภคมาก เช่นก็อยู่ใน ค่านำ้ ค่าไฟ
ค่าโทรศัพท์ จะกินข้าวก็อยู่ใน นำ้ปลา ข้าวสาร นำ้มันพืช จะใช้ก็อยู่ใน สบู่
แชมพู หรือเวลาโอนที่ดินก็เสียมากอยู่แล้ว และที่ชอบมากๆๆๆๆคือ นิติบุคคล หลบ
ภาษีตัวนี้ไม่ได้ เพราะมันอยู่ในปัจจัยการผลิตทั้งหมด เลยทำให้รู้สึก เสมอภาคกับคนรวย 5555
อยากใช้ อยากกินข้าวแพง ใช้รถซุปเปอร์คาร์ ก็จ่ายภาษี vat ไป (ไม่เกี่ยวกับเรา)
ส่วนใครอยากประหยัด มีน้อยก็ใช้น้อย จ่ายน้อย ก็ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับเกินไป
4 ข้อความต่อไปนี้ ยืมมาจาก คห 66-2 ค่ะ ( ขอบคุณ จขขค )
" มันอาจจะดูต่างกันใช่มั้ยครับ โหแค่ .2 กับ 7% ต่างกันมาก Vat บางประเทศเก็บ 20% ด้วยซ้ำ ทำไมไม่โอดครวญ
เพราะ Vat มันคือภาษีเก็บกับสินค้าและบริการ ถ้าเกิดว่า คุณซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ถ้าไม่ซื้อไม่ใช้คุณก็ไม่เสียครับ มันคือความสมัครใจที่จะจ่าย และโดยทางสังคมแล้ว มันรวมอยู่กับสินค้า เป็นรากฐานมานานจนคนชินแล้ว การจะขึ้น VAT จะต้องขึ้นเมื่อประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น การขึ้น VAT ก่อให้เกิดเงินเฟ้อขึ้น ทุกอย่างมันคือวงจร ห่วงโซ่ต่อๆกัน และมันคือความเท่าเทียม สมมติว่า ถ้าคุณซื้อรถเฟอรารี่ คุณต้องจ่าย Vat มากกว่า คนซื้อจักรยานใช่ไหมครับ หรือถ้าไม่ซื้อ ขึ้นรถเมลล์เอา อาจจะเลือกรถเมลล์ฟรีด้วย ก็ไม่เสีย Vat ใช่ไหมครับ และจ่ายแค่ครั้งเดียวใช่ไหมครับ สมมติเลย Vat รถเฟอรรารี่คือ 3ล้าน
แต่ในทางกลับกัน บ้าน คุณซื้อมาแล้ว คุณเลือกไม่ได้นะครับ สมมติว่าคุณซื้อ ที่ดินผืนนึงที่ รังสิต ตอนนั้นซื้อมา 1แสนบาท 100ตารางเมตร ถูกมาก เป็นป่าไม่มีคนอยู่เลย ถนนไม่ตัดผ่าน อยู่มา20ปี อยู่ดีๆ มันมีรถไฟฟ้ารถใต้ดิน ศูนย์ราชการ ทางด่วน ออฟฟิศ ตึกระฟ้าขึ้นเต็มไปหมด 1แสนบาทในตอนนั้นมันจะกลายเป็น 10ล้านบาทในตอนนี้ แล้วภาษีที่ดินเป็นภาษีที่คุณต้องเสีย ยังไงก็ต้องเสีย จะอยู่ไม่อยู่ ถ้าถือครองก็ต้องเสีย และเสียจนกว่าจะเลิกถือครอง สมัยก่อนคุณอาจจะเสีย 600บาท ต่อปี เงินนิดเดียว แต่พอความเจริญมันมากขึ้น คุณอาจจะต้องเสียถึง 6หมื่นต่อปีก็เป็นไปได้นะครับ แล้วลองเอามารวมสิครับ 30ปีจะเป็นจนเท่าไหร่ 60ปีจะเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วถ้ามีลูกหลาน ก็ทิ้งภาระไว้ให้ลูกหลานเล่นๆอย่างนั้นหรอครับ และอย่าลืมว่า เมือง ความเจริญ มีแต่จะมากขึ้น เงินมีแต่จะเฟ้อขึ้น แต่ "คน" มีแต่จะแก่ลง ความสามารถจะน้อยลง สุขภาพจะแย่ลง "เงินมีแต่ใช้ สวนทางกลับรายได้ที่มีแต่น้อยลง" (อันนี้ในมุมมองคนฐานะปานกลาง-จนนะ คนรวยเค้าไม่ยี่หระเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว)
คนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ คือคนทั่วไป มนุษย์เงินเดือนและคนจนก่อนนะครับ ส่วนคนรวยจะได้รับผลกระทบหลังสุดครับ "
^ ชอบตรงนี้นะ
ที่จริงก็จ่ายภาษีเป็นปกติอยู่แล้ว ภาษีโรงเรือน ภาษีการค้า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสีย แต่มันก็น่าจะมีเกณฑ์เพิ่มขึ้นมาเพื่อ สแกนคนที่เก็งกำไร
ออกจากคนที่ใช้อยู่อาศัย (เหมือนรถคันแรก อาจจะเพิ่มเกณฑ์อายุไม่ตำ่กว่า 25 , มีใบ
ขับขี่ ) ในกรณีนี้ก็เช่นกัน ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ควรสนับสนุนให้ทุกคนมี ก็อาจเพิ่ม
เกณฑ์ = เป็นเจ้าบ้านหลังเดียว ครอบครองที่ดินได้รวมกัน ไม่เกิน .... ไร่ หรือเหตุผลอื่นๆ
เราว่าก็จะช่วยสแกน คนที่เก็งกำไร เช่น มีบ้าน 3-4-5 หลัง ออกมาได้ ( คหสต )
ปล 1 แล้วถ้าทุกคนไปขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรกันหมดล่ะ ก็คงต้องเตรียมหาทางแก้ไว้
( เราเองก็อยากเป็นเกษตรกร ไม่ใช่เพื่อภาษีตัวนี้ แต่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สงบๆ)
คงต้องเลือกเกณฑ์จำกัดการถือครองทรัพย์ แต่ มันก็จะมีปัญหาอีกตรงที่ คนที่เค้ามีที่
เป็นหมื่นเป็นแสนไร่ โอนเป็นนิติบุคคลอีก
2 เก็บภาษี ชาวนา ชาวสวน เป็นไปได้ยาก ทุกวันนี้มีแต่ต้องช่วยเหลือเกษตกร
3 เห็นด้วยอย่างมากกับการเพิ่ม vat (เพิ่มสัก 1%) ตปท สูงกว่านี้ แต่ถ้าพูดถึงในประเทศ
มันครอบคลุมดี อยากใช้มาก จ่ายมาก บริโภคมาก เช่นก็อยู่ใน ค่านำ้ ค่าไฟ
ค่าโทรศัพท์ จะกินข้าวก็อยู่ใน นำ้ปลา ข้าวสาร นำ้มันพืช จะใช้ก็อยู่ใน สบู่
แชมพู หรือเวลาโอนที่ดินก็เสียมากอยู่แล้ว และที่ชอบมากๆๆๆๆคือ นิติบุคคล หลบ
ภาษีตัวนี้ไม่ได้ เพราะมันอยู่ในปัจจัยการผลิตทั้งหมด เลยทำให้รู้สึก เสมอภาคกับคนรวย 5555
อยากใช้ อยากกินข้าวแพง ใช้รถซุปเปอร์คาร์ ก็จ่ายภาษี vat ไป (ไม่เกี่ยวกับเรา)
ส่วนใครอยากประหยัด มีน้อยก็ใช้น้อย จ่ายน้อย ก็ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับเกินไป
4 ข้อความต่อไปนี้ ยืมมาจาก คห 66-2 ค่ะ ( ขอบคุณ จขขค )
" มันอาจจะดูต่างกันใช่มั้ยครับ โหแค่ .2 กับ 7% ต่างกันมาก Vat บางประเทศเก็บ 20% ด้วยซ้ำ ทำไมไม่โอดครวญ
เพราะ Vat มันคือภาษีเก็บกับสินค้าและบริการ ถ้าเกิดว่า คุณซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ถ้าไม่ซื้อไม่ใช้คุณก็ไม่เสียครับ มันคือความสมัครใจที่จะจ่าย และโดยทางสังคมแล้ว มันรวมอยู่กับสินค้า เป็นรากฐานมานานจนคนชินแล้ว การจะขึ้น VAT จะต้องขึ้นเมื่อประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น การขึ้น VAT ก่อให้เกิดเงินเฟ้อขึ้น ทุกอย่างมันคือวงจร ห่วงโซ่ต่อๆกัน และมันคือความเท่าเทียม สมมติว่า ถ้าคุณซื้อรถเฟอรารี่ คุณต้องจ่าย Vat มากกว่า คนซื้อจักรยานใช่ไหมครับ หรือถ้าไม่ซื้อ ขึ้นรถเมลล์เอา อาจจะเลือกรถเมลล์ฟรีด้วย ก็ไม่เสีย Vat ใช่ไหมครับ และจ่ายแค่ครั้งเดียวใช่ไหมครับ สมมติเลย Vat รถเฟอรรารี่คือ 3ล้าน
แต่ในทางกลับกัน บ้าน คุณซื้อมาแล้ว คุณเลือกไม่ได้นะครับ สมมติว่าคุณซื้อ ที่ดินผืนนึงที่ รังสิต ตอนนั้นซื้อมา 1แสนบาท 100ตารางเมตร ถูกมาก เป็นป่าไม่มีคนอยู่เลย ถนนไม่ตัดผ่าน อยู่มา20ปี อยู่ดีๆ มันมีรถไฟฟ้ารถใต้ดิน ศูนย์ราชการ ทางด่วน ออฟฟิศ ตึกระฟ้าขึ้นเต็มไปหมด 1แสนบาทในตอนนั้นมันจะกลายเป็น 10ล้านบาทในตอนนี้ แล้วภาษีที่ดินเป็นภาษีที่คุณต้องเสีย ยังไงก็ต้องเสีย จะอยู่ไม่อยู่ ถ้าถือครองก็ต้องเสีย และเสียจนกว่าจะเลิกถือครอง สมัยก่อนคุณอาจจะเสีย 600บาท ต่อปี เงินนิดเดียว แต่พอความเจริญมันมากขึ้น คุณอาจจะต้องเสียถึง 6หมื่นต่อปีก็เป็นไปได้นะครับ แล้วลองเอามารวมสิครับ 30ปีจะเป็นจนเท่าไหร่ 60ปีจะเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วถ้ามีลูกหลาน ก็ทิ้งภาระไว้ให้ลูกหลานเล่นๆอย่างนั้นหรอครับ และอย่าลืมว่า เมือง ความเจริญ มีแต่จะมากขึ้น เงินมีแต่จะเฟ้อขึ้น แต่ "คน" มีแต่จะแก่ลง ความสามารถจะน้อยลง สุขภาพจะแย่ลง "เงินมีแต่ใช้ สวนทางกลับรายได้ที่มีแต่น้อยลง" (อันนี้ในมุมมองคนฐานะปานกลาง-จนนะ คนรวยเค้าไม่ยี่หระเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว)
คนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ คือคนทั่วไป มนุษย์เงินเดือนและคนจนก่อนนะครับ ส่วนคนรวยจะได้รับผลกระทบหลังสุดครับ "
แสดงความคิดเห็น
คนที่สนับสนุนการเก็บภาษีที่ดิน เขาคิดอะไรอยู่ คิดสั้น? คิดอิจฉา?
จนโดนประชาชนต่อต้านอย่างหนัก จนต้องล้มเลิกไป ตามรูป
แล้วอยู่ๆ ไม่ทันข้ามปีมันก็ย้อนกลับมา โดนเนื้อหาสาระมันแทบไม่เปลี่ยนแปลง ตามข่าวนี้
วันที่ 8 ตุลาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังสรุปร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง พิจารณาแล้ว เพื่อเตรียมส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โดยมีเนื้อหาคือ กำหนดเพดานภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้ ด้วยการจัดเก็บแบบขั้นบันได ได้แก่
1. ภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เริ่มต้นที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทจากราคาประเมิน เก็บ 0.01% หรือ 200 บาท/ปี ส่วนที่ดิน 100 ล้านบาทขึ้นไป เก็บภาษี 0.1% หรือ 5.63 หมื่นบาท/ปี
2. ภาษีที่ดินเพื่ออยู่อาศัย เริ่มต้นที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทจากราคาประเมิน เก็บ 0.03% หรือ 600 บาท/ปี ไล่ไปจนถึงบ้านราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป เก็บ 0.2% หรือ 6.39 หมื่นบาท/ปี
3. ภาษีที่ดินเพื่อการพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม เริ่มต้นที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทจากราคาประเมิน เก็บ 0.1% หรือ 2,000 บาท/ปี ไปจนถึงมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เก็บ 0.6% หรือ 4.35 ล้านบาท/ปี
4. ภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ จะเก็บภาษี 1% ช่วง 1-3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-6 เก็บเพิ่มเป็น 2% และปีที่ 7 เป็นต้นไป เก็บ 3% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560
ทั้งนี้ การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะจัดเก็บจริง 3 ประเภทแรก โดยกำหนดในพระราชกฤษฎีกา
นอกจากนี้กระทรวงการคลัง จะมีมาตรการบรรเทาภาษีกรณีที่เป็นที่อยู่อาศัย ด้วยการลดภาษีให้ครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 3 ปีในกรณีที่อยู่อาศัยมาเกิน 15 ปี และ เป็นผู้มีรายได้น้อยแต่ได้รับผลกระทบจากราคาประเมินที่ดินที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ
โดยกระทรวงการคลังคาดว่าการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ช่วง 3 ปีแรกจะเก็บภาษีได้ปีละ 82,000 ล้านบาท และปีที่ 4 เป็นต้นไป จะเก็บภาษีได้ 97,000 ล้านบาท ทั้งนี้การเก็บภาษีจะกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินมากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เพราะจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์, มติชนออนไลน์
หรือสรุปได้ตามรูปนี้
Ref เอามาจากใน pantip นี่แหละ
คือถ้าคิดจะเสนอใหม่ ขอให้มันแตกต่างจากเดิมได้ไหมครับ นี่ลองเอามาเทียบๆ ถ้าราคาประเมิน 5 ล้าน จ่ายภาษีต่างกันร้อยเดียว แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือ จะเก็บเพื่ออะไรครับ เข้าใจไหมครับว่าผ่อนบ้านยังมีวันหมด แต่ภาษีบ้านี้จ่ายยันตายเลยนะครับ
แล้วคนที่สนับสนุนนี้คิดว่าเงินแค่นี้จิ๊บๆ มีเงินซื้อบ้านได้ เงินภาษีแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
ใช่ครับ เพราะคุณคิดสั้นไงครับ หรือไม่บ้านคุณมันรวย แต่ทุกคนในประเทศคงไม่รวยเหมือนพวกคุณนะครับ
ลองคิดถึงคนที่ผ่อนบ้านเลือดตาแทบกระเด็น 30ปี ได้มีบ้านมีโฉนดมาเก็บไว้กับตัว
แต่ถึงวันนั้นคุณคิดไหมว่าว่าบ้านที่คุณอยู่ราคาประเมินจะขึ้นไปเท่าไหร่ ขนาดทุกวันนี้บางพื้นที่ขยับขึ้น 100% ยังมีเลย
ถ้าถึงวันที่คุณผ่อนหมดบ้านที่คุณซื้อมาราคาที่ดินพุ่งไปถึง 10-20ล้าน แถมภาษีที่ดินกว่าจะถึงตอนนั้นคงหมดโปรโมชั่นเรียบร้อยแล้ว
แล้วคุณคิดว่าคุณจะต้องจ่ายปีละกี่บาทคงไม่ใช่ 600 หรือ 2400บาท แน่นอนครับ เอาขี้หมามาป้ายหน้าได้เลยถ้าทายผิด อีก 30ปี ถ้าไม่ตายซะก่อน
แล้วอย่าบอกนะว่าขายบ้านแล้วย้ายไปที่อื่นสิ อันนี้เป็นคำตอบที่ เหยมาก ผมเห็นคนแก่มาหลายคนแล้ว ไม่มีใครอยากย้ายบ้านซักคน เพราะความเคยชินกับสิ่งแวดล้อม และเพื่อนบ้านที่คุ้นเคย จะให้เขาขายบ้าน แล้วย้ายไปอยู่ในที่ ที่เขาไม่รู้จักเหรอ เพื่อภาษีบ้านี่
ส่วนบางคนก็บ้าคนรวยจัง อะไรที่ทำให้คนรวยมันกระทบหรือเดือนร้อนเราจะเห็นด้วย เพราะจุดประสงค์ต้องการให้คนรวยมันจะจนลงบ้าง เพื่อมันจะขายที่ให้คนจนราคาถูกๆ หรือเพื่ออะไรก็ช่างมันขอให้มันเดือนร้อนบ้างเหอะ เราต้องสนับสนุน
แต่เดี๋ยวก่อน ลองตรองดูดีๆ ภาษีนี้มันเก็บตั้งแต่เกษตรกร มนุษย์เงินเดือน ยันมหาเศรษฐี โดนกันทั่วหน้าเฉลี่ยกันไป คนที่ได้นี่คือรัฐบาลคนเดียวกินรอบวง
คือมันใช่เหรอว แบบรัฐบาลถังแตก เรากำลังจะล้มละลายหรือป่าวเนี้ย ไถ่เงินทุกคนแล้วมาจ่ายตัวเอง เอาเงินไปทำอะไร แต่ก่อนไม่เห็นเก็บมันก็อยู่ของมันได้ หรือเราไปผ่อนอะไรมาเพิ่มอีก?
แล้วต้องมีคนมาบอกว่าแล้วทำไงให้ลดความเหลื่อมล้ํา ลดช่องว่างของคนรวยกับคนจน คิดแต่จะด่าไม่คิดนำเสนอ
เอาละสิ่งแรกง่ายๆ เลยถ้าคิดจะลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน แนวทางมันควรจะทำให้คนจนมันรวยขึ้น สนับสนุน ช่วยเหลือ นั้นเป็นวิธีที่คนปกติเขาคิดกัน พอคนจนมันรวยขึ้น มันก็มีปัญหาซื้อที่ดินมาทำกินเอง มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบ้านผมก็จน พ่อแม่ก็ไม่มีที่ดินทำกิน ก็ยังเลี้ยงผมมาจนโตมาเป็นมนุษย์เงินเดือนจนหาเงินผ่อนบ้านได้
ส่วนเรื่องภาษีที่ดินถ้าอยากจะเก็บนัก ขอเสนออะไรที่ง่ายๆ แบบคนไม่ต่อต้าน หรือถ้ามีก็น้อยมาก คือภาษีที่จัดเก็บให้ยกเว้นบ้านหลังแรก ที่ดินผืนแรก และเกษตรกรไม่ต้องเก็บ(ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน แต่ให้ไปเก็บภาษีในรูปแบบอื่นแทนครับ) ทุกอย่างจบสวย
สุดท้ายจะบอกว่า ภาษีตัวนี้ไม่กระทบคนรวยหรอกครับ ถ้าอยากให้กระทบคนรวย หรือคนที่รวยที่ดิน บ้านเราคงต้องเปลี่ยนระบบการปกครองเสียใหม่ครับ
เอาแบบ คอมมิวนิสต์ เอามารวมๆ กันแล้วก็มาแบ่งกันใหม่เท่าๆกันในทางอุดมคตินะครับ ชีวิตจริงคงไม่ใช่ 555