14 ต.ค.58 ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 09.00 น. ฯพณฯ Ning Fu Kui (นายหนิง ฟู่ขุย ) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย – จีน และนายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะอุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจไทย–จีน และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ผู้แทนองค์กรต่างๆ และภาคประชาสังคม กว่า 200 คน รับฟังการชี้แจงความคืบหน้า
สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน ราง 1.435 เมตร เส้นทาง หนองคาย –ขอนแก่น –โคราช –แก่งคอย –มาบตาพุด ความเร็วสูงสุดของขบวนรถโดยสาร 200 กม.ต่อชั่วโมง ขบวนรถสินค้า 120 กม.ต่อชั่วโมง และการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงนำเสนอข้อมูลการศึกษาความคิดเห็นความเป็นไปได้ในการก่อสร้างอย่างรอบด้านและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการค้าการลงทุนการสร้างทางรถไฟ การท่องเที่ยว และระบบโลจิสติกส์ ของยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจไทย และจีน ให้มีความสอดคล้องตามโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แนวเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เกิดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอาเซียน เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคอาเซียน
บรรยากาศช่วงสุดท้ายก่อนปิดการสัมมนา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แสดงความคิดเห็นและเปิดโอกาสให้ผู้แทนรัฐบาลไทยถามตอบผ่านล่ามคนไทย ได้ข้อสรุปเบื้องต้นถึงโครงการยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 และเหตุผลทำไมไม่ใช้แรงงานและวัสดุ อุปกรณ์ของไทย ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานและเงินหมุนเวียนในภูมิภาค รวมทั้งการเปรียบเทียบความร่วมมือกับประเทศอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เอื้อประโยชน์มากกว่าชัดเจน หากจะเริ่มดำเนินโครงการ ฯ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากกระบวนการสำคัญ โดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมาย และใช้เวลาพอสมควรยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเลย
ดร.โภคิน เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้นำเสนอผลการศึกษาโครงการและรายละเอียดให้รัฐบาลไทยรับทราบ และพิจารณาภายในเดือนตุลาคมนี้ สาเหตุที่ยังไม่ดำเนินการ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงอัตราดอกเบี้ยของเงินทุน งบประมาณก่อสร้างที่จะได้รับการสนับสนุนจากจีน เพื่อให้ได้สมประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสมเป็นธรรมกับทั้งสองประเทศ หากได้ข้อยุติ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการภายในปี พศ.2559 นี้
ที่มา มติชนออนไลน์
ทูตจีน แจงรถไฟทางคู่ไม่คืบ ติดเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ "โภคิน" เผยถ้าตกลง เริ่มปี 59
สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน ราง 1.435 เมตร เส้นทาง หนองคาย –ขอนแก่น –โคราช –แก่งคอย –มาบตาพุด ความเร็วสูงสุดของขบวนรถโดยสาร 200 กม.ต่อชั่วโมง ขบวนรถสินค้า 120 กม.ต่อชั่วโมง และการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงนำเสนอข้อมูลการศึกษาความคิดเห็นความเป็นไปได้ในการก่อสร้างอย่างรอบด้านและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการค้าการลงทุนการสร้างทางรถไฟ การท่องเที่ยว และระบบโลจิสติกส์ ของยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจไทย และจีน ให้มีความสอดคล้องตามโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แนวเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เกิดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอาเซียน เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคอาเซียน
บรรยากาศช่วงสุดท้ายก่อนปิดการสัมมนา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แสดงความคิดเห็นและเปิดโอกาสให้ผู้แทนรัฐบาลไทยถามตอบผ่านล่ามคนไทย ได้ข้อสรุปเบื้องต้นถึงโครงการยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 และเหตุผลทำไมไม่ใช้แรงงานและวัสดุ อุปกรณ์ของไทย ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานและเงินหมุนเวียนในภูมิภาค รวมทั้งการเปรียบเทียบความร่วมมือกับประเทศอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เอื้อประโยชน์มากกว่าชัดเจน หากจะเริ่มดำเนินโครงการ ฯ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากกระบวนการสำคัญ โดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมาย และใช้เวลาพอสมควรยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเลย
ดร.โภคิน เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้นำเสนอผลการศึกษาโครงการและรายละเอียดให้รัฐบาลไทยรับทราบ และพิจารณาภายในเดือนตุลาคมนี้ สาเหตุที่ยังไม่ดำเนินการ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงอัตราดอกเบี้ยของเงินทุน งบประมาณก่อสร้างที่จะได้รับการสนับสนุนจากจีน เพื่อให้ได้สมประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสมเป็นธรรมกับทั้งสองประเทศ หากได้ข้อยุติ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการภายในปี พศ.2559 นี้
ที่มา มติชนออนไลน์