****ออกตัวก่อนว่า จขกท. ร่างกระทู้ไว้ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยว คือ ช่วง 31 ม.ค.58-2 ก.พ.58 แต่ว่าไม่มีเวลาเลยไม่ได้เอาลง พอมาเขียนต่อ วันที่สามอาจมีลืมเลือนไปบ้างนะคะ และขอเตือนว่ากระทู้ยาวมากกกก****
จริงๆแล้ว มาเก๊าเป็นประเทศที่คนไทยไปเยอะมาก และเชื่อว่านักเดินทางหลายๆๆๆคน ในห้องนี้ ได้ไปสัมผัสมาแล้วแน่นอน แต่ที่ จขกท.อยากจะรีวิว เพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์ และขอบคุณนักรีวิวทั้งหลายที่ได้ให้ข้อมูล ทำให้การเดินทางนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี
ครั้งนี้จขกท.(ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ) เดินทางไปกับเพื่อนเบ็ดเสร็จสองคน เพื่อนจขกท.เคยไปมาเก๊ามาแล้ว แต่ครั้งนั้นไปแค่ 1 วัน ส่วน จขกท.ไม่เคยไป ส่วนใหญ่ คนมักจะเดินทางไปฮ่องกง และนั่งเรือข้ามเกาะมาเที่ยวมาเก๊า แต่เราทั้งคู่เคยไปฮ่องกงมาแล้ว ครั้งนี้ เลยขอมามาเก๊าที่เดียว จำนวน 3 วัน 2 คืนค่ะ(31 ม.ค.58-2 ก.พ.58) เล่าแบบละเอียดน่ะคะ
ปล.1 เราสองคนไม่ได้มีทักษะในการถ่ายภาพสูงส่ง ดังนั้นแล้ว อาจจะไม่ได้มีภาพสวยมากนะคะ เตือนแล้วนะคะ
ปล.2 ตอนที่ไปประมาณ 15 องศา สำหรับเราถือว่าหนาว ใส่เสื้อข้างใน และเสวตเตอร์ทับอีกที กำลังดีค่ะ
พวกเราเดินทางโดยสายการบิน แอร์เอเชีย คุณค่าที่พวกเราคู่ควร โดยจองตั๋วช่วงโปรโมชั่น ตกคนละ 3,950 บาท จองกันข้ามปีเลยทีเดียว(แต่หลังจากนั้น มีออกมาถูกกว่าอีก55) เนิ่นนานจนเตรียมตัวแล้วเตรียมตัวอีก
ครั้งนี้ จขกท.กับเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อของชอปปิ้งเลย เพราะเราทั้งสอง อยากไปชิลๆ แบบใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ และไปสัมผัสวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์(หรา..) ขาไปจึงจองน้ำหนักกระเป๋า 2 คน รวมกัน 20 โล แต่ขากลับ ด้วยความตั้งใจหิ้ว Bioderma มาใช้ เลยจองคนละ 20 กก. และเสียค่าจองที่นั่งติดกันอีก 140 บาท เนื่องจากเล็งเห็นว่า ลำนี้น่าจะมีคนจีนจำนวนมาก เราควรผนึกกำลังไว้
เป็นจริงดังที่คาด คนจีนเกือบทั้งลำ
เราออกเดินทางตามเวลา 10.45 ของวันเสาร์ ที่นั่งติดกันสามที่ เพื่อนเรานั่ง ติดริมหน้าต่าง ส่วน จขกท. นั่งตรงกลาง และแอบลุ้นว่า ใครจะมานั่งข้างตรูหว่า
ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวชาวจีนค่ะ เธอมากับเพื่อน และยิ้มให้เพื่อนเราตอนเครื่องกำลังจะออก เราก็นั่งแบบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนใกล้จะถึง หญิงสาวคนนั้น หันมาชวนเราคุย ถามว่าเป็นคนไทยไหม จะไปไหน บลาๆๆ สรุปได้ว่า เธอชื่อเจสสิก้า เธอมาจากจูไห่ ประเทศจีน ซึ่งอยู่ติดกับมาเก๊า แค่เดินข้ามชายแดนไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึง เธอขออีเมล์ไว้ และบอกชอบประเทศไทยมากกกกกกกกกกกกก เธอไปกทม. เกาะสมุย แล้วประทับใจเว่อออ เรากับเพื่อนยิ้มหน้าบานเลย แล้วก็สอนภาษาไทยให้
ส่วนเจสสิก้าก็สอนภาษาจีนให้ และคุยกันว่าถ้าเธอมาไทย หรือเราไปจีน ให้บอกกันน่ะ และเธอคิดว่าเราสองคนเป็นนักเรียนที่มาเที่ยวกันสองคน เราฟังแล้วยิ่งรักเธอเข้าไปอีก เพราะเรากับเพื่อนปีนี้ 28 แล้ว มีคนทักว่าเด็ก น้ำตาจะไหล หล่อนคงไม่เห็นตีนกาที่หางตากับมุมปากชั้นใช่ไหม สรุป แค่เริ่มทริปก็เจอคนดีๆ ประทับใจแล้ว
อีกเรื่องที่เราฟังเจสสิก้าถามแล้วแอบอาย เธอถามว่า แปลกใจมั่กมาก ทำไมคนไทยทั้งที่อยู่ในเมืองหลวง แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ตอนนั้นเรากับเพื่อนงุนงงมาก กรูจะตอบยังไงดี จะบอกเราว่าเป็นเอกราช หรือการศึกษาภาคบังคับไม่แข็งแรง ก็ไม่รู้จะพุดยังไง เลยบอกหล่อนไปว่า ยากที่จะอธิบาย จบ!!
และนี่คือเจสสิก้าค่ะ ขอเซนเซอร์หน้าสองสาวนะคะ
มาถึงแล้ววว มาเก๊า ประเทศของคนเก๋าๆ
เวลาที่นี้เร็วกว่าที่ไทย 1 ชม. ที่นี้ 14.00 น. แล้วค่ะ
แอบรู้สึกว่าสนามบินที่นี้เล็ก พอควร อ่อมีอีกเรื่องค่ะ คือที่นี้ไม่ต้องเขียนใบขาออกแล้วน่ะคะ เรากับเพื่อนไปยืนเสร่อตั้งนาน เค้าจะเขียนไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองว่าไม่ใช้แล้ว มีผลเมื่อไหร่ไม่แน่ใจ แบบว่า ตรวจเร็วมาก รุ้สึกที่นี้เข้าง่ายจุง
เรากับเพื่อนพักกันที่ รร.ฮิตของคนไทย Ole London ค่ะ โดยเราปริ้นท์ใบจองที่มีชื่อภาษาจีนให้คนขับแท็กซี่ดู เพราะเรามีกระเป๋าสองใบ เลยไม่อยากนั่งรถเมล์ เดินออกมาเรียกที่จุดเรียก ที่นี้คิดค่ากระเป๋าเพิ่มใบละ 3 MOP และมีค่าข้ามเกาะ 5 MOP ด้วย เบ็ดเสร็จถึง รร. ค่ารถ 90 MOP เราให้ไป 100 MOP ไม่เอาเงินทอน ใจป๋าจริงๆ
คันนี้แหละที่เราจะไป ฟิ้วว คนขับไม่แก่เว่อ แต่ดูใจดี ขับรถไม่น่ากลัวด้วยค่ะ
ใข้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาที มาถึง โรงแรม Ole London แท่นๆ ตอนนี้มี 2 ตึก พวกเราได้ตึกใหม่ ชั้น 6 ห้องแอบเล็ก แต่ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเราจะอาศัยข้างนอก ไม่ได้อยู่ในห้องนาน ห้องสะอาด และไม่มีกลิ่นควันบุหรี่ค่ะ (ค่าห้อง 2 คืน ตกคนละ 935 MOP~ 4,000 บาทค่ะ)
Save รูปนี้เก็บไปได้ เผื่อ เอาไว้ถามทาง หรือ บอกคนขับแท็กซี่เวลามาโรงแรมนะคะ
สองสาวเล่าเรื่อง ทริปตะลุยมาเก๊า แดร๊กกันทั้งวันยันเที่ยงคืน
จริงๆแล้ว มาเก๊าเป็นประเทศที่คนไทยไปเยอะมาก และเชื่อว่านักเดินทางหลายๆๆๆคน ในห้องนี้ ได้ไปสัมผัสมาแล้วแน่นอน แต่ที่ จขกท.อยากจะรีวิว เพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์ และขอบคุณนักรีวิวทั้งหลายที่ได้ให้ข้อมูล ทำให้การเดินทางนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี
ครั้งนี้จขกท.(ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ) เดินทางไปกับเพื่อนเบ็ดเสร็จสองคน เพื่อนจขกท.เคยไปมาเก๊ามาแล้ว แต่ครั้งนั้นไปแค่ 1 วัน ส่วน จขกท.ไม่เคยไป ส่วนใหญ่ คนมักจะเดินทางไปฮ่องกง และนั่งเรือข้ามเกาะมาเที่ยวมาเก๊า แต่เราทั้งคู่เคยไปฮ่องกงมาแล้ว ครั้งนี้ เลยขอมามาเก๊าที่เดียว จำนวน 3 วัน 2 คืนค่ะ(31 ม.ค.58-2 ก.พ.58) เล่าแบบละเอียดน่ะคะ
ปล.1 เราสองคนไม่ได้มีทักษะในการถ่ายภาพสูงส่ง ดังนั้นแล้ว อาจจะไม่ได้มีภาพสวยมากนะคะ เตือนแล้วนะคะ
ปล.2 ตอนที่ไปประมาณ 15 องศา สำหรับเราถือว่าหนาว ใส่เสื้อข้างใน และเสวตเตอร์ทับอีกที กำลังดีค่ะ
พวกเราเดินทางโดยสายการบิน แอร์เอเชีย คุณค่าที่พวกเราคู่ควร โดยจองตั๋วช่วงโปรโมชั่น ตกคนละ 3,950 บาท จองกันข้ามปีเลยทีเดียว(แต่หลังจากนั้น มีออกมาถูกกว่าอีก55) เนิ่นนานจนเตรียมตัวแล้วเตรียมตัวอีก
ครั้งนี้ จขกท.กับเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อของชอปปิ้งเลย เพราะเราทั้งสอง อยากไปชิลๆ แบบใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ และไปสัมผัสวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์(หรา..) ขาไปจึงจองน้ำหนักกระเป๋า 2 คน รวมกัน 20 โล แต่ขากลับ ด้วยความตั้งใจหิ้ว Bioderma มาใช้ เลยจองคนละ 20 กก. และเสียค่าจองที่นั่งติดกันอีก 140 บาท เนื่องจากเล็งเห็นว่า ลำนี้น่าจะมีคนจีนจำนวนมาก เราควรผนึกกำลังไว้
เป็นจริงดังที่คาด คนจีนเกือบทั้งลำ
เราออกเดินทางตามเวลา 10.45 ของวันเสาร์ ที่นั่งติดกันสามที่ เพื่อนเรานั่ง ติดริมหน้าต่าง ส่วน จขกท. นั่งตรงกลาง และแอบลุ้นว่า ใครจะมานั่งข้างตรูหว่า
ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวชาวจีนค่ะ เธอมากับเพื่อน และยิ้มให้เพื่อนเราตอนเครื่องกำลังจะออก เราก็นั่งแบบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนใกล้จะถึง หญิงสาวคนนั้น หันมาชวนเราคุย ถามว่าเป็นคนไทยไหม จะไปไหน บลาๆๆ สรุปได้ว่า เธอชื่อเจสสิก้า เธอมาจากจูไห่ ประเทศจีน ซึ่งอยู่ติดกับมาเก๊า แค่เดินข้ามชายแดนไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึง เธอขออีเมล์ไว้ และบอกชอบประเทศไทยมากกกกกกกกกกกกก เธอไปกทม. เกาะสมุย แล้วประทับใจเว่อออ เรากับเพื่อนยิ้มหน้าบานเลย แล้วก็สอนภาษาไทยให้
ส่วนเจสสิก้าก็สอนภาษาจีนให้ และคุยกันว่าถ้าเธอมาไทย หรือเราไปจีน ให้บอกกันน่ะ และเธอคิดว่าเราสองคนเป็นนักเรียนที่มาเที่ยวกันสองคน เราฟังแล้วยิ่งรักเธอเข้าไปอีก เพราะเรากับเพื่อนปีนี้ 28 แล้ว มีคนทักว่าเด็ก น้ำตาจะไหล หล่อนคงไม่เห็นตีนกาที่หางตากับมุมปากชั้นใช่ไหม สรุป แค่เริ่มทริปก็เจอคนดีๆ ประทับใจแล้ว
อีกเรื่องที่เราฟังเจสสิก้าถามแล้วแอบอาย เธอถามว่า แปลกใจมั่กมาก ทำไมคนไทยทั้งที่อยู่ในเมืองหลวง แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ตอนนั้นเรากับเพื่อนงุนงงมาก กรูจะตอบยังไงดี จะบอกเราว่าเป็นเอกราช หรือการศึกษาภาคบังคับไม่แข็งแรง ก็ไม่รู้จะพุดยังไง เลยบอกหล่อนไปว่า ยากที่จะอธิบาย จบ!!
และนี่คือเจสสิก้าค่ะ ขอเซนเซอร์หน้าสองสาวนะคะ
มาถึงแล้ววว มาเก๊า ประเทศของคนเก๋าๆ
เวลาที่นี้เร็วกว่าที่ไทย 1 ชม. ที่นี้ 14.00 น. แล้วค่ะ
แอบรู้สึกว่าสนามบินที่นี้เล็ก พอควร อ่อมีอีกเรื่องค่ะ คือที่นี้ไม่ต้องเขียนใบขาออกแล้วน่ะคะ เรากับเพื่อนไปยืนเสร่อตั้งนาน เค้าจะเขียนไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองว่าไม่ใช้แล้ว มีผลเมื่อไหร่ไม่แน่ใจ แบบว่า ตรวจเร็วมาก รุ้สึกที่นี้เข้าง่ายจุง
เรากับเพื่อนพักกันที่ รร.ฮิตของคนไทย Ole London ค่ะ โดยเราปริ้นท์ใบจองที่มีชื่อภาษาจีนให้คนขับแท็กซี่ดู เพราะเรามีกระเป๋าสองใบ เลยไม่อยากนั่งรถเมล์ เดินออกมาเรียกที่จุดเรียก ที่นี้คิดค่ากระเป๋าเพิ่มใบละ 3 MOP และมีค่าข้ามเกาะ 5 MOP ด้วย เบ็ดเสร็จถึง รร. ค่ารถ 90 MOP เราให้ไป 100 MOP ไม่เอาเงินทอน ใจป๋าจริงๆ
คันนี้แหละที่เราจะไป ฟิ้วว คนขับไม่แก่เว่อ แต่ดูใจดี ขับรถไม่น่ากลัวด้วยค่ะ
ใข้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาที มาถึง โรงแรม Ole London แท่นๆ ตอนนี้มี 2 ตึก พวกเราได้ตึกใหม่ ชั้น 6 ห้องแอบเล็ก แต่ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเราจะอาศัยข้างนอก ไม่ได้อยู่ในห้องนาน ห้องสะอาด และไม่มีกลิ่นควันบุหรี่ค่ะ (ค่าห้อง 2 คืน ตกคนละ 935 MOP~ 4,000 บาทค่ะ)
Save รูปนี้เก็บไปได้ เผื่อ เอาไว้ถามทาง หรือ บอกคนขับแท็กซี่เวลามาโรงแรมนะคะ