คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
อันนี้เป็นเรื่องในอดีต ก่อนที่จะแต่งงานหลายปีนะคะ
แฟนเคยไปเรียนต่อ ตปท.5ปี ค่ะ ตอนนั้นการสื่อสารก็ไม่ทันสมัยเท่าไร พ.ญ.2547-2552
แรกๆก็ส่งจ.ม. นานๆจะได้ 1-2เดือน /1ฉบับ มีโทรมาบ้าง2-3เดือน/ครั้ง ได้คุยกันก็แค่ " หนูตั้งใจเรียนนะ อย่าดื้อกับแม่" ไม่ก็ "อ่านหนังสือด้วย พี่รักหนูนะ " ประมาณนี้แหละ คือคุยสั้นๆ ค่าโทรแพง เวลาไม่ตรงกัน
ต่อมาเริ่มใช้อีเมล์
ต่อมา msn แต่ถ้าออนไม่ตรงกันก็ไม่ได้คุยอีก
วิธีแก้ปัญหาของเราในตอนนั้น มาทุ่มเทกับการเรียน (ช่วงนั้นเรากำลังเรียนมัธยม-มหาลัย)
ยิ่งปี50 เป็นช่วงเราเข้าปี1 ก็ยิ่งเน้นไปที่การเรียนมาก นอกจากนี้คือ เน้นที่ครอบครัวของทั้งคู่
เราดูแลแม่ตัวเอง เเบ่งเบาภาระแม่แล้ว เราก็แบ่งเวลาไปทำคะแนนกับบ้านแฟนด้วย คือตอนนั้นนี่พ่อกับน้องๆของแฟน ยังแอนตี้เราอยู่ แต่พอแฟนกลับมา พวกเค้าเปิดใจยอมรับเราได้นะ
แล้วเราก็แบ่งเวลาไปให้เพื่อน ไปทำกิจกรรมที่เราชอบ ไปเที่ยว ช่วงนั้นเราแบกแพคบ่อย ถ้ามีวันหยุดติดกันซัก3วันก็ไปแล้ว บางทีไปกับแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ บางทีไปกับเพื่อน บางทีไปคนเดียว
ทำหลายอย่างมาก ๆ พอเรียนมหาลัยปี2 ไปลงเรียนรามอีก
คือสรุปง่ายๆ วิธีของเราคือ การไม่ทำให้ตัวเองว่าง มีอะไรที่ต้องทำ ก็ทำให้ดีที่สุด เมื่อมีเวลาที่สะดวกก็ติดต่อกัน สมัยนี้ติดต่อกัน
ง่ายมากๆ พวกคุณแค่อยู่คนละจังหสัด และทำงานแล้ว วันหยุดเทศกาลก็สามารถเจอกันได้
หรือจะลาพักร้อน หาช่วงที่ตรงกัน จะได้ไปเที่ยวกันบ้างก็ได้
สำคัญคือควรจะมีศีลเสมอกัน มีความซื่อสัตย์และการให้เกียรติกัน
ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ให้เกียรติคนรัก คิดว่าอยู่ไกล จะนอกใจคงไม่รู้ แต่อีกฝ่ายเป็นคนซื่อสัตย์ ไว้ใจ เชื่อใจทุกอย่างก็หมดความหมาย
แต่สำหรับเรา ถามว่า เรามั่นใจได้ยังไงว่า 5 ปี ที่แฟนอยู่ตปท. หรือแม้แต่ตอนนี้ เรามั่นใจในตัวเค้าได้ เราวัดจากการที่คบกันมาจนถึงวันนี้13ปี แต่งงานกันมีลูกกันแล้ว ก็ยังไม่มีใครมาระรานเรานะ และนิสัยเราก็เป็นคนไม่ชอบขุดคุ้ย ไม่เคยที่จะควบคุมแฟน ไม่เคยห้ามอะไร
คนที่เราควบคุม คือตัวเราและใจเราเอง แต่สิ่งที่เราได้มาคือ แฟนที่ซื่อสัตย์และให้เกียรติเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง
แฟนเคยไปเรียนต่อ ตปท.5ปี ค่ะ ตอนนั้นการสื่อสารก็ไม่ทันสมัยเท่าไร พ.ญ.2547-2552
แรกๆก็ส่งจ.ม. นานๆจะได้ 1-2เดือน /1ฉบับ มีโทรมาบ้าง2-3เดือน/ครั้ง ได้คุยกันก็แค่ " หนูตั้งใจเรียนนะ อย่าดื้อกับแม่" ไม่ก็ "อ่านหนังสือด้วย พี่รักหนูนะ " ประมาณนี้แหละ คือคุยสั้นๆ ค่าโทรแพง เวลาไม่ตรงกัน
ต่อมาเริ่มใช้อีเมล์
ต่อมา msn แต่ถ้าออนไม่ตรงกันก็ไม่ได้คุยอีก
วิธีแก้ปัญหาของเราในตอนนั้น มาทุ่มเทกับการเรียน (ช่วงนั้นเรากำลังเรียนมัธยม-มหาลัย)
ยิ่งปี50 เป็นช่วงเราเข้าปี1 ก็ยิ่งเน้นไปที่การเรียนมาก นอกจากนี้คือ เน้นที่ครอบครัวของทั้งคู่
เราดูแลแม่ตัวเอง เเบ่งเบาภาระแม่แล้ว เราก็แบ่งเวลาไปทำคะแนนกับบ้านแฟนด้วย คือตอนนั้นนี่พ่อกับน้องๆของแฟน ยังแอนตี้เราอยู่ แต่พอแฟนกลับมา พวกเค้าเปิดใจยอมรับเราได้นะ
แล้วเราก็แบ่งเวลาไปให้เพื่อน ไปทำกิจกรรมที่เราชอบ ไปเที่ยว ช่วงนั้นเราแบกแพคบ่อย ถ้ามีวันหยุดติดกันซัก3วันก็ไปแล้ว บางทีไปกับแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ บางทีไปกับเพื่อน บางทีไปคนเดียว
ทำหลายอย่างมาก ๆ พอเรียนมหาลัยปี2 ไปลงเรียนรามอีก
คือสรุปง่ายๆ วิธีของเราคือ การไม่ทำให้ตัวเองว่าง มีอะไรที่ต้องทำ ก็ทำให้ดีที่สุด เมื่อมีเวลาที่สะดวกก็ติดต่อกัน สมัยนี้ติดต่อกัน
ง่ายมากๆ พวกคุณแค่อยู่คนละจังหสัด และทำงานแล้ว วันหยุดเทศกาลก็สามารถเจอกันได้
หรือจะลาพักร้อน หาช่วงที่ตรงกัน จะได้ไปเที่ยวกันบ้างก็ได้
สำคัญคือควรจะมีศีลเสมอกัน มีความซื่อสัตย์และการให้เกียรติกัน
ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ให้เกียรติคนรัก คิดว่าอยู่ไกล จะนอกใจคงไม่รู้ แต่อีกฝ่ายเป็นคนซื่อสัตย์ ไว้ใจ เชื่อใจทุกอย่างก็หมดความหมาย
แต่สำหรับเรา ถามว่า เรามั่นใจได้ยังไงว่า 5 ปี ที่แฟนอยู่ตปท. หรือแม้แต่ตอนนี้ เรามั่นใจในตัวเค้าได้ เราวัดจากการที่คบกันมาจนถึงวันนี้13ปี แต่งงานกันมีลูกกันแล้ว ก็ยังไม่มีใครมาระรานเรานะ และนิสัยเราก็เป็นคนไม่ชอบขุดคุ้ย ไม่เคยที่จะควบคุมแฟน ไม่เคยห้ามอะไร
คนที่เราควบคุม คือตัวเราและใจเราเอง แต่สิ่งที่เราได้มาคือ แฟนที่ซื่อสัตย์และให้เกียรติเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง
แสดงความคิดเห็น
ไม่เจอกับแฟนติดต่อกันนานสุดกี่เดือน/ปีค่ะ
แล้วทำไงเวลาคิดถึงกันมากๆ
เรากะแฟนต่างคนต่างทำงานอยู่ไกลกันด้วย ไม่ค่อยมีเวลามาเจอกัน
ใครมีวิธีกระชับความสัมพันธ์ มาแนะนำบ้าง ช่วยหน่อยค่ะ