เขาสอนให้ผม เป็น เกย์ (ไดอารี่สีเล่มสีน้ำตาล)

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกๆท่าน  
นี่เป็นกระทู้แรกของผม ขอใช้แทนชื่อตัวผมเอง ว่า  พ.  ละกันนะครับ
เรื่องราวของผม ที่จะมา แชร์กับเพื่อนๆในวันนี้ค่อนข้างยาว ยืดเยื้อ  แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม มันได้เปลี่ยนมุมมองในการมองโลกของผมรวมไปถึง ทัศนะคติเกี่ยวกับความรักของผม ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันถูกต้องหรือไม่แล้วผมควรแก้ไขมันยังไง

ช่วงปี 50 ผมเรียนอยู่ ม.4 โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งของภาคเหนือเป็นช่วงที่ผมกำลังอยากรู้อยากลองผมขี้เหงา ติดเพื่อน  ติดการเล่นกีฬา อย่างหนักเลยก็ว่าได้ ผมซ้อมกีฬากับเพื่อนๆ วิถีชีวิตดำเนินอยู่แบบนั้นเรื่อยมาตั้งแต่ ม.ต้น จน ม.ปลาย ปลายเทอมของภาคเรียนแรก มีเพื่อนใหม่ย้ายมาเรียนห้องเดียวกับผม 1คนเป็นผู้ชายย้ายมาจากโรงเรียนชายล้วนในกรุงเทพ ซึ่งผมเองเป็นหัวหน้าชั้น จะต้องมีหน้าที่ดูแลในฐานะของผู้นำห้อง แรกๆก็ยังไม่ค่อยสนิทกันครับ เพื่อนคนนี้มันชื่อ บาส เป็นคนตัว สูง รูปร่างก็ สมส่วนครับซึ่งผมตัวเล็กกว่า มัน  บาสจะชอบ เล่า เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับโรงเรียนเก่า เพื่อนเก่า สถานที่ที่เขาได้ย้ายจากมาให้ฟังอยู่บ่อยๆจนเราสองคนสนิทกัน แบบเร็วมากๆ ผมรู้สึกว่า ผมถูกชะตากับมันมากมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟังมัน เล่าเรื่องราวต่างๆขำบ้าง เศร้าบ้าง ปะปนกันไป  
ผมชวนบาสให้เข้าชมรมกีฬากับผมซึ่งตัวมันเองก็บอกว่าไม่ถนัด เท่าไหร่ เพราะชมรมกีฬาต้องเล่นกีฬาทุกประเภทของโรงเรียน เวลาโรงเรียนมีแข่งอะไร จะต้องเข้าค่าย ฝึกซ้อม โดยที่ครูจะคัด ตัวนักกีฬา เพื่อเล่นกีฬาแต่ละประเภทอยู่ตลอด กีฬาไหนผู้เล่นขาดคนที่อยู่ก็จะถูกคัดไปใส่ไว้ เป็นสำรองไปก่อน ผมเล่นเปตอง แบตมินตัน เพราะมันเข้ากับตัวผมสุดละ ส่วนบาส โดนคัดไปสำรองฟุตบอล และทีมบาส ทุกครั้งที่ซ้อม ก็คือต่างคนต่างอยู่คนละสนาม ซ้อมเสร็จกว่าจะเลิกก็เย็น บางทีดึกเลย
พ่อแม่บาส เป็นข้าราชการ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลบาสเท่าไหร่ บาส จึงชอบไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่ประจำ  ส่วนพ่อแม่ผม แยกทางกัน ผมอยู่กับตากับยาย มาแต่เด็กเพราะแม่ต้องไปทำงานในกรุงเทพ นานๆทีผมจะมีโอกาสเข้ากรุงเทพมาหาแม่ ผมรู้สึกชินแล้วแหละกับการอยู่โดยที่ไม่มีเค้า คำถามที่ผมเจอประจำจนเบื่อ จนชิน ก็คือ พ่อแม่ก็ไปทาง ลูกกำพร้า หรือแม้แต่ ลูกเขาเก็บมาเลี้ยง และก็นั่นแหละครับมันทำให้ผมยิ่งต้องเข้มแข็งกับการดูแลตัวเองอย่างมาก ไม่เคยคิดน้อยใจ ว่าทำไมเราเกิดมาไม่มีแบบคนอื่นเขา ผมเชื่อนะครับว่าอาจจะมีใครหลายๆคนที่ประสบปัญหาแบบเดียวกับผม หรือกำลังคิดน้อยใจตัวเองว่าทำไมพ่อแม่ต้องเลิกกัน ตอนผมเรียนประถมผมต้องไหว้ ครู แทนแม่บ่อยๆ จากอายก็กลายเป็น ชิน ไปเลยหละครับ
กลับมาที่เรื่อง บาส ต่อนะครับ พอเริ่มสนิทกันสักพัก ผมเอง ก็ชักไม่แน่ใจละว่า ผมคิดกับ มันแบบไหนกันแน่ บางครั้งผมมีความรู้สึกว่า  มันก็มองผมแปลกๆหรืออาจจะเป็นเพราะว่า มันเป็นเด็กใหม่ ไม่ค่อยมีเพื่อน มันจึงตัวติดกับผมตลอด กินข้าว ไปห้องน้ำ หรือไปไหนก็แล้วแต่มันต้องไปกับผม คือตอนนั้นผมยังเด็กก็ไม่ได้คิดว่า ความสัมพันธ์แบบแฟนมันเป็นยังไง หรือการหึงหวงมันเป็นแบบไหน ผมคิดแค่ว่า บาสเป็นเพื่อน สนิทที่ผมขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว
      แล้ววันที่จุดเปลี่ยน ของเราสองคนมาถึง วันนั้นเป็นวันที่เข้าค่ายกีฬา ผมกับบาส อยู่คนละตึกคือนอนคนละตึกกันเลย แล้วสมัยนั้น โทรศัพท์ก็ยังไม่ มี ไลน์ มีเฟสบุ๊ก หรือ โซเชียลอะไร จะมีก็แต่ โทร แบบวีนาที // เมื่อก่อนการโทรจะคิดเป็น นาที ส่วนถ้าไม่ถึง 5วินาที มันจะไม่ คิดตังค์ //ไอ้บาสมันก็เล่นโทรกวน ตลอดเลย คือโทรมาแล้ว ก็พูดประโยคสั้นๆ แล้วก็วาง หลายรอบ คุยกันอยู่แบบนั้นจนเพื่อนที่อยู่ค่ายด้วยกันเขารำคาน  สุดท้ายก็นอนไม่หลับกันทั้งสองคน ผมเลยชวนมันไปนั่งเล่นที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึก2 (โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนใหญ่ จะมีตึกซ้อนกัน 5ตึก บาสอยู่ตึก 2 ผมอยู่ ตึก5) พอลงไปผมก็เจอพวกรุ่นพี่ ทั้งผู้ชายผู้หญิง ที่ผมรู้จัก กำลังนั่งกินขนมจับกลุ่ม คุยกัน เขาก็ชวนผมไปร่วมวงด้วย ความที่ว่า ผมสนิทกับพี่ๆกลุ่มนี้ทุกคนผมเลยนั่งคุยยาวจนลืมว่าชวนไอ้บาสลงมาหา ผมนึกขึ้นได้ เลยรีบไป หาไอ้บาสตามที่บอกมันไว้ พลันคิดในใจว่า ถ้ามันไม่รอมันคงไปนอนละแหละ ไปถึงบาสยังนั่งรอผมอยู่ พอเห็นหน้าผม มันก็จัดให้ฉากใหญ่เลย “ใจคอจะให้กูรอถึงสว่างเลยหรือไง ”ผมนี่นิ่งไปสักครู่
“รู้ไหม กูนั่งให้ยุงกัดอยู่ตรงนี้ ตั้งเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย”มันแสดงสีหน้าจริงจังมาก เหมือนว่าจะโกรธจริงๆเสียด้วย
ผมรีบขอโทษมันแล้วสารภาพตามตรงเลยว่า แวะคุยกับพวกรุ่นพี่ระหว่างทางมา จนสีหน้ามันเริ่ม ดีขึ้น และผมคิดว่า มันคงหายโกรธผมแล้ว ผมนั่งคุยกับมันไปเรื่อยๆเพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องซ้อมกีฬาแล้ว พอจะมีเวลาพัก บาสเริ่มปรึกษาปัญหาครอบครัวว่าพ่อมันจะต้องย้าย ไปประจำที่อื่นอยู่บ่อยๆ นี่ตัวมันเองก็ย้ายโรงเรียนมาตั้งหลายที่แล้วจริงๆปีนี้มันต้อง เรียน ม.5 ไม่ใช่ม.4 ที่มันต้องหยุดเรียนเพราะพ่อมันย้ายกลางครั้น ตอนมันไม่ทันจบ ม. 4 เลยต้องมาเรียนไหม่ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะอยู่โรงเรียนนี้ได้นานแค่ไหน มันเหนื่อยที่จะต้องปรับตัวเข้ากับ เพื่อนใหม่ รวมถึงสถานที่ใหม่ ผมเองก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไม มันไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะไอ้บาสมันเป็นคนค่อนข้าง ดูเหมือนหยิ่ง มันนิ่งๆ พูดน้อยๆ ถ้าไม่สนิทกัน แต่แรกผมเองก็คงคิดแบบนั้น ผมปลอบใจบาส ด้วยการยกตัวอย่างเรื่องราวของครอบครัวผมให้มันฟัง ผมบอกมันว่า ยังโชคดีที่มีทั้งพ่อ ทั้งแม่ กูสิ พ่อไปทางแม่ไปทาง ชีวิตกูไม่รู้จะเดินตามแบบใคร กูยังอยู่ของกูได้เลย อย่าคิดมาก กูนี่ไงเพื่อน ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็เป็นคนที่กู สนิทสุดนะในห้องเรียน  ต่อไปนี้คุยกับกูได้ทุกเรื่องเลย

        คืนนั้นผมจำรอยยิ้มของมันได้ มันยิ้มจนผมนี่ รู้สึกว่า ผมชอบยิ้มของมัน จังเลย ผมคุยกับบาสตั้งแต่  สามทุ่ม จนตอนนี้ ตีหนึ่ง ผมก็ยังคุยกับมันอยู่ ในตอนดึกๆโรงเรียนผมมันเป็นโรงเรียนมีต้นไม้เยอะ ก็ไม่แปลกที่จะมี นก ออกหากินกลางคืนเยอะเหมือนกัน ผมได้ยินเสียงนกร้อง ใกล้ๆผมตกใจมาก ลุกขึ้นยืน จนไอ้บาสตกใจตาม ผมเลยจะขอตัวขึ้นตึกไปนอนเพราะตึกผมต้องเดินข้ามไปอีก สองตึก มันบอกว่า ให้อยู่เป็นเพื่อนมันก่อนมันนอนไม่หลับ ผมก็จำใจต้องอยู่  ยังพูดอีกว่า ถ้ากลัว มานั่งใกล้ๆกูก็ได้ ผมจึงขยับไปนั่งข้างๆมัน มันก็นั่งมองดาวของมันไปเรื่อยผมก็ง่วงของผมเรื่อยๆ จนผมเผลอไปซบไหล่มัน แต่มันไม่ได้ ว่าอะไร แถมยังช้อนมือมาข้างหลังโอบไหล่ผมแล้ว เอาหัวผมซบไหล่มันไว้ ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกแก้มร้อนๆ หัวใจเต้นแรงมาก เหมือนจะทะลุออกมาเลย แต่ผมยังไม่ทันพูดอะไร บาสมันก็พูดออกมาก่อนว่า “รู้สึกแบบกูไหม กูรู้สึกว่า เวลากูอยู่กับแล้ว กูมีความสุขหว่ะ สุข แบบบอกไม่ถูกเลย ถ้ากูจะบอกว่ากูชอบ  จะยังเป็นเพื่อนกับกูอยู่ไหม ”ผมเหมือนอยู่ในความฝันหรือเหมือนอยู่ในเทพนิยาย เลยอะ อารมณ์แบบ พุ่งมากๆ ไม่นึกไม่ฝันว่า ผมจะโดน บอกชอบ จากผู้ชายด้วยกัน รู้สึกตื้นเต้นแปลกๆนิ่งไปจนบาสมันเขย่าไหล่ของมันที่ผมซบอยู่ “อื๊อ อื้อ กูก็ชอบ”
ผมก็ตอบบาสไปบ้าง มันเองก็คงลุ้นเหมือนกันว่า ผมจะตอบแบบไหน
       เรื่องราวคืนนั้นก็ผ่านไปต่างฝ่ายต่างรู้แล้ว ว่า ชอบ ผมกับบาส ก็ ไปไหนมาไหนด้วยกันปรกติ มีเพิ่มเติมมาคือ เวลาที่ผม เผลอ หรือ ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ บาสจะชอบจับมือผม ผมก็รู้สึกดีทุกๆครั้ง ด้วยเมื่อก่อนการเปิดตัวว่าเป็นเกย์หรือชอบเพศเดียวกัน คนหลายๆคนอาจจะมองว่า มันเป็นเรื่องแปลก ผมจึงไม่อยากเป็นขี้ปากคนในโรงเรียน ได้แต่ แอบรู้กันเองสองคน
ล่วงเลยมาจนถึงต้นเทอมสอง ความสัมพันธ์ของผมกับบาสเริ่มเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ ที่ผมรู้จัก หลายๆคน เพราะช่วงนี้ ผมตัวติดกันกับบาส มากๆจากที่ปิดภาคเรียนแรกไป ไม่ได้เจอกัน 16วัน เพราะพ่อกับแม่ไอ้บาสส่งมันไป อยู่บ้านยาย ที่กรุงเทพ กลับมาคราวนี้บาสดูตัวสูงขึ้นตัวใหญ่ขึ้น ดูแปลกตาไป แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือ มันแอบไปใส่เหล็กจัดฟันมา เลยทำให้รอยยิ้มของมันดู เย้ายวนยิ่งขึ้น กว่าที่เป็นอยู่ มันวิ่งมาทักผมเบาๆ
เอ้ย!!!! สูงขึ้นมานิดนึงละนี่แฟนกู แก้มใสเชียวนะคิดถึงกันปะเนี่ย
ผมยิ้ม เขิลยืน บิดสายกระเป๋า ตอบมันกลับ"" พ่องสิ ใครแฟน มั่วละ""
มันไม่ว่าไรได้แต่ยิ้ม พลันยื่นพวงกุญแจที่มันซื้อมาฝากผม หนึ่งอัน เป็นไม้สลัก ตัวอักษร B ผมถามมันว่าทำไมต้อง บี มันบอกว่า  บี บาสไง ผมนี่เขิลจนเยี่ยวแทบเล็ด เข้าใจแล้วหละว่า ป๊อบปี้เลิฟ มันแบบนี้นี่เอง บาสติดพวงกุญแจไว้ที่ซิปกระเป๋าเรียนของผม ผมยิ่งรู้สึกว่า มันอบอุ่นมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก วันถัดมาพ่อกับแม่บาส ไม่มารับมาส่งแล้ว แต่ซื้อ รถมอเตอร์ไซร์ ให้แทน กลายเป็นช่องทางให้ บาส เริ่ม อยู่กับผมหลังเลิกเรียนมากขึ้น พักหลังๆบาสไม่ให้ผม เอารถไปโรงเรียนเลย เพราะบ้านผมเป็นทางผ่านบ้านมันพอดี บ้านผมห่างจากโรงเรียน 5 กม. ส่วนบ้านมันห่างจาก โรงเรียน 12กม. กิจวัตหลังจากผมตื่น คือต้องโทรปลุกมัน ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัว ถ้าช่วงหน้าหนาวจะเป็น หน้าที่ทรมารที่สุด คือต้องตื่น อาบน้ำ เย็นๆบางที ต้องทำใจอาบน้ำจนมาโรงเรียน สายทั้งคู่เลยก็มี
     ผมเริ่มรู้สึกว่า มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง จับตามอง บาส มากขึ้นๆ จนผมเองทนไม่ไหว เลยถามบาสว่า “ รู้สึกไหมว่าเวลา เราไปไหนด้วยกัน มีคนมองเยอะขึ้น เยอะจนกูไม่รู้ว่าเขามองอะไร ”มันตอบหน้าตาเฉย กูหล่อขึ้นมั่ง สาวๆเลยกรี๊ด  ผมรู้สึกเหมือนโดนมีดบาด ตรงหน้าอกมันแสบ ไปถึงข้างในเลย รู้สึกได้เลยว่าเลือดขึ้น หน้า โมโหมากๆ ไม่รู้ว่า โมโหเพราะอะไร แค่มันพูดว่า สาวๆกรี๊ดแค่นั้น จากที่ผมเดินอยู่กับมัน ผมก็หันหน้าเดินกลับ ไม่ไปกับมันต่อซ่ะงั้น ระหว่างทางที่ผมเดินกลับ มีกลุ่มเด็กหญิง มอสาม เดินผ่านมาผมได้ยินเขา ซุบซิบกันว่า  พี่บาส แก พี่บาส พร้องท่าทาง กระดี๋กระด๋า นั้นยิ่งย้ำ สิ่งที่ผมคิด อยู่ให้มันเจ็บขึ้นมาอีก ในใจผมคิดว่า  บาสของผมคงไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าเขาไม่มีผมเขาก็คงไม่เดือดร้อนอะไร เพราะเดี๋ยวนี้เขากลายเป็น ตัวท๊อปของโรงเรียนไปแล้ว ผมยิ่งคิดยิ่งจุกอก มันเหมือนอยากร้องไห้ ออกมา ตรงนั้นเลย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่า ทำไมยิ่งใกล้บาส ผมก็ยิ่งหวงมันมากขึ้น วันนั้นผมไม่คุยกับบาสเลย ทั้งคาบเรียนบ่ายจนถึงเวลาจะกลับบ้าน ซึ่งบาสต้องไปส่งผม แต่ผมไม่ไม่ได้รอบาสหน้าห้องเรียนเหมือนเคย ผมเดิน ออกจากห้องเรียน เดินมุ่งหน้าไปยังถนนหน้าโรงเรียน เพื่อจะไปขึ้นรถประจำทาง โดยที่ไม่ให้บาสไปส่ง  ผมเดินใกล้ถึงหน้าโรงเรียน  มันก็ขับรถมาจอด ชิดข้างๆทาง
“กูนึกว่าไปห้องน้ำ กูนั่งรอที่โรงรถตั้งนาน ทำไมไม่ มาหากู วันนี้เป็นไรตั้งแต่คาบบ่ายมา ยิ้ม ไม่คุยกับกู เป็นเชี่ยไรก็พูดดิว่ะ โกรธกู หรือเป็นไร ก็พูดดิ ”บาสพูด
กูไม่ได้เป็นไร กูจะกลับบ้าน วันนี้ไม่ต้องไปส่งกูก็ได้  กูจะไปรถสองแถว เอง
ผมตอบบาสไปแบบไม่ได้มองหน้า
ไอ้ พ. เป็นเชี่ยไร โกรธกูเรื่อง ที่คนมองกู  อย่างที่พูดอะหรา ยิ้มไร้สาระหว่ะคิดอะไร ปัญญาอ่อนมากอะ
บาสขึ้นเสียง ใส่ผม นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นบาส อารมณ์ร้อน บาสพูดสุดเสียงจน คนเริ่มมองและจับกลุ่มยืนดู
เออ !!!!กูมันไร้สาระ กูมันปัญญาอ่อน งั้นก็ไม่ต้องมีกูเป็นเพื่อน แล้วก็ได้ ตอนนี้ไม่โดดเดียวแล้ว หล่ะ ทุกๆคนเขาอยากรู้จัก ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ใครๆก็ แอบปลื้ม กูยิ้ม..ไม่มีความหมายอะไรกับมากไปกว่านี้หรอก  ผมตอบไปบ้าง
ผมเดินถอย แล้วก้าวเท้าวิ่งไปจากตรงนั้นเพราะคนเริ่มจับกลุ่มมองมากขึ้น ผมเห็นสีหน้าบาส มันก็คงโมโหเหมือนกัน
บาสมันจอดรถ แล้ววิ่งตาม มาดึงแขนผมแรงมาก ดึงจนผมแขนแทบหลุด พร้อมกับพูดเสียงดัง
:จะไม่ได้หนีกูไปไหนทั้งนั้น ต้องกลับบ้านกับกู กูเป็นคนไปรับมา กูต้องไปส่ง ที่สำคัญคือคนที่กูแคร์มากในตอนนี้   กู แคร์ มากกว่าเพื่อน เหมือนที่ตัวเองคิดอยู่ รักกูกูก็รู้  แล้ว ทำไมกูจะไม่รัก  ก็กูบอกแล้ว ว่า กูรักแบบแฟน
บาสพูดดังมาก จนทุกคนที่ยืนดูอยู่ คงได้รู้ความจริงกันหมดแล้ว ว่าผมกับบาส อยู่ในสถาณะไหน ผมเลยต้องก้มหน้าแล้วเดินตามแรงกระชากของบาส ไปขึ้นรถและขับออกไปจากตรงนั้น  //ยังไม่จบมีต่อนะครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
รอๆนะครับ  อารมณ์คล้ายๆกันตอนผมเรียนมอต้นเลย แตของผมเป็นฝ่ายแอบบรักมากกว่า รอนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่