[CR] 9 Days : Leh - Ladakh

9 Days : Leh - Ladakh 


            02 - 10 OCT 2015

      เมื่อนึกถึงประเทศอินเดียหลาย ๆ คน คงนึกถึง  หมองู ฤาษี อาหารการกิน หรือสภาพบ้านเมืองที่ดูจะวุ่นวาย

  
      แต่คราวนี้ลองมาดูสภาพบ้านเมืองทางตอนเหนือของอินเดีย ที่ชื่อว่า เลห์ (LEH) มีชายแดนติดปากีสถาน  และจีน กันว่าสภาพบ้านเมืองจะแตกต่างจากอินเดียในความคิดหรืออุดมคติของหลายคนกัน
อย่างไรบ้าง

      สำหรับผมรู้จักเมืองนี้เมื่อตอนเกือบ ๆ สี่ปีที่แล้ว จากเวปไซท์ภาพถ่ายแห่งหนึ่งในประเทศไทย และคิดว่าต้องมาเยือนสักครั้งสักครา แล้วก็ลากเพื่อนไปด้วยอีกหนึ่งคนเพื่อหารค่าห้องพัก ค่ารถ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ 

                
                                                                                
                                                                                                                               สรุปค่าใช้จ่ายตอนสุดท้ายนะครับ ยิ้ม



                                          
  


   



Dreamliner to Delhi
   
     


     การเดินทางไป เลห์-ลาดักห์ ผมเลือกที่จะเดินทางโดยนั่งเครื่องบินจาก กรุงเทพฯ - นิวเดลี ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง
และ นิวเดลี - เลห์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  หรือว่าหากใครมีเวลามากพอที่จะนั่งรถจากนิวเดลี ไปยัง เลห์ ก็ไม่ว่ากัน  
***เวลาที่นู้นช้ากว่าไทย 1:30 ชั่วโมงนะครับ

สายการบินที่จะบิน กรุงเทพ - นิวเดลี      

1. IndiGO  
2. Jet Airways  
3. Air India  
4. การบินไทย

5. Airasia

   สายการบินที่จะบิน นิวเดลี - เลห์ 

1. Go Air  
2. Jet Airways  
3. Air India  
*** สำหรับการขอวีซ่า ผมใช้ e-Tousist VISA สามารถกรอกทางออนไลน์ล่วงหน้าได้ 4-34 วัน วีซ่ามีอายุ 30 วันหลังจากเข้าประเทศ โดยจะต้องเข้าประเทศทางสนามบินที่กำหนดไว้เท่านั้น เสียค่าธรรมเนียมสำหรับขอวีซ่าประมาณ 2000 บาท   วีซ่าออกประมาณ  2-4 วันหลังการกรอก
***เมื่อวีซ่าออกจะส่งมาทางอีเมลอย่าลืมปริ้นท์อีเมลทั้งหมดและติดรูปถ่าย 2”x2”  พร้อมเซ็นชื่อให้เรียบร้อยและพกติดตัวไปด้วย

 ***สำหรับที่สนามบินที่นิวเดลีจะมีช่องสำหรับตรวจพาสปอร์ตของ e-Tourist VISA โดยเฉพาะ

***http://pantip.com/topic/32955885 หรือ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=honeynut&month=27-12-2014&group=20&gblog=1




  สายการบินที่ผมจองได้นั้นคือ Air India จองได้ในราคา  13005 บาท/คน  ซึ่งจากที่หาๆมาหลายเดือน ผมว่าเป็นราคาที่ถูกใช้ได้เลยที่เดียว


***หากจองผ่านบัตรเครดิตและเจ้าของบัรเครดิตไม่ได้เดินทางไปด้วย ผมแนะนำให้นำบัตรประชาชนแและบัตรเครดิตของเจ้าของบัตรด้านหน้าและด้านหลัง (ปิดรหัส CVT 3 ตัว) ถ่ายเอกสารและเซ็นต์รับรองว่าใช้ไปซื้อตั๋วให้ผู้เดินทางและเซ็นต์กำกับให้เรียบร้อย



   หลังจากที่เดินทางออกจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 9 โมงเช้า ก็มาถึงนิวเดลีประมาณเที่ยงหน่อย ตามแผนคือหาที่ฝากกระเป๋าแล้ว นั่งรถไฟฟ้าเข้าไปเดินเที่ยวในเมืองนิวเดลี
    สำหรับที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ตรงทางลง Metro เราเดินตามป้าย Metro ไปได้เลย ค่าฝากจะคิดตามน้ำหนักและเวลา  ผมฝาก 2 ใบน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม 3 ชั่วโมง โดนไป 300 Rs.
   




แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าเข้าไปในเมือง

   



    ตั๋วรถไฟฟ้าราคา 60 Rs./เที่ยว ผมนั่งไปลงสถานี New Delhi ไปขอแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวเมืองที่ไหนก็ไม่มี ที่ไหนๆ ก็ไม่มี สุดท้ายนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก ที่แถวนั้นเรียกว่า ออโต้ ริ๊กซอว์ (Auto Rickshaw) ไปมัสยิดจามา
   จ่ายค่าธรรมเนียมไป 300 Rs. แพงชะมัด !!!   แล้วก็หาที่เก็บรองเท้าดี ทางที่ดีคือฝากคนเก็บค่าธรรมเนียมเลย

   


   



เด็กๆมาให้ถ่ายรูปให้  ถ่ายเสร็จขอตังค์อีก แต่ก็นะ !!!  เด็กๆไม่ได้สัมผัสเงินรูปีที่ผมเเลกไปจากไทยหรอก
***การเเลกเงินผมแนะนำให้เเลกที่ไทยไปนะครับ แลกเป็นรูปีไปแค่พอใช้ หากต้องการสำรองแลกเป็นดอลล่าห์ไปก็ได้ครับ  

  


แล้วเราก็ไป RED FORT  เมื่อไปถึง RED  FORT คนขับริ๊กชอว์บอกว่าไม่จอด ๆ  ผมขอห้านาทีก็ไม่ได้   

งั้นโอเค !!!  ถ่ายมันตรงนี้แหละ   


  


  ด้วยความที่ตอนนี้ประมาณบ่ายหน่อย ๆ อากาศประมาณ 30’ และค่าริ๊กชอว์ก็กดไป 600 Rs. เลยตัดสินใจยกเลิกการตะลุยนิวเดลี  เปลี่ยนแผนให้คนขับพาไปกิน KFC แล้วไปส่งที่สถานี METRO NEW DELHI กลับไปนอนสนามบินดีกว่า

  

  ที่สนามบิน Indhara Ghandhi International Airport มีที่นอนพักสำหรับผู้โดยสารถ้าผจำไม่ผิดป้ายน่าจะเขียนว่า Visitor’s Lounge ที่นี้มีร้านกาแฟ ขายกาแฟ ขายน้ำ ขายขนม และมาม่า มีปลี๊กไฟ มีเก้าอี้นอน  มี WIFI นะ แต่ไปขอพาสวิร์ดไม่ได้สักกะอัน 


   สำหรับผมกับเพื่อนเราสองคนสิงสถิตอยู่ที่นี้ตั้งแต่ บ่ายสามโมงกว่าๆ ถึงตีสามกว่า ๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เคาเตอร์เช็คอินเปิด


    เห้ย ๆ ถ่ายรูปกัน !!!  เอากล้องไปตั้งที่เก้าอี้ตรงข้าม เเล้วรีบวิ่งมานอน  ใช้หน่วงเวลาถ่ายนะครับ  ยิ้ม 



***เราสามารถลงไปเข้าห้องน้ำได้แต่ทุกครั้งที่เข้าออกอย่าลืมเอาพาสปอร์ตและเอกสารการจองตั๋วไปด้วยนะ
*** ที่สนามมีที่อาบน้ำด้วยนะ แต่ต้องเสียคนละ 500 Rs. แต่ไม่ได้กินตังค์ผมหรอก  เก็บไว้ไปอาบที่เกสเฮ้าท์ที่เลห์ ดีกว่า




   พนักงานขายกาแฟมาขอให้ถ่ายรูปให้ !!!   
   ผมถามไปว่าจะเอารูปมั๊ย   เขาตอบมาทันควัน ไม่ ๆ   อ่าว !!! แล้วจะให้ผมถ่ายทำไมเนี้ยยย


To Leh : To + 3.5 Kilometer

  เมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้าไปหลับต่อที่เกทท์  ที่นอนในเกทท์นี้วิวดีนะ ยิ้ม



เครื่องออกประมาณ 6 โมงหน่อย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหน่อย ๆ ก็ถึงเลห์





***การจองที่นั่งสำหรับไปเลห์ผมแนะนำ หรือจะออกแนวบังคับ ให้นั่งฝั่งซ้ายของตัวเครื่องเพื่อเราะจะได้เห็นวิวภูเขาที่สุดลูกหูลูกตา  หรือใครบอว่าไม่เอาอะ ผมอยากนั่งฝั่งขวา อยากนั่งให้แดดส่องหน้าก็ไม่ว่ากัน
*** เนื่องจากที่นี้สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเป็นอย่างมาก อาจทำให้เราเกิดอาการ Altitude Sickness เราควรไปซื้อยา Diamox มากินแก้ล่วงหน้า 1-2 วันก่อนไป โดยหาซื้อได้ที่ โอสถศาลา ของจุฬา - ตรงข้ามมาบุญครอง เบอร์โทร 02 218 8428-9  เม็ดละประมาณ​ 6 บาท 


สำหรับเรื่องสภาพอากาศที่นี้เดือน ตุลาคมคงจะเป็นต้นฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็น จนถึงเย็นมาก สำหรับคนไทยอย่างผม 




เมื่อเดินทางมาถึงเห์ก็นั่งรถแท๊กซี่เข้าไปในเมืองในราคา 250 Rs



สำหรับเรื่องที่พักผมก็ให้พี่คนขับแท๊กซี่พาไปหา บอกไปว่าเราอยากได้ราคาเท่าไหร่ อะไรยังไง เดี๋ยวเขาพาไปดู  โอเคไม่โอเคว่ากันอีกที 
  ผมเลือกราคาไม่เกิน 1000 Rs./คืน ห้องพักดูสะอาด  มีน้ำอุ่น มี WIFI ที่เล่นได้บ้างไม่ได้บ้างตามดวงชะตา แต่ก็ถือว่าโอเค และห่างจาก Main Barzaa ประมาณ 10 นาทีโดยการเดิน  




เกสท์เฮ้าท์ชื่อ Yountan Guesthouse , Fort Rd. , Leh


คุณป้าเจ้าของที่นี้ใจดีมากพอดึก ๆ หรือตอนเช้า ๆ มักจะเอา Milk tea (ที่นู้นออกเสียง มิล-ลิค-ที) รสชาติคล้ายชานมบ้านเรา มาให้เรากิน และบางวันมีคุกกี้มาด้วย  




บางวันผมก็ให้คุณป้าต้มมาม่าให้ ไม่ใช่ไม่มีตังค์นะครับ  ยิ้ม 
  การที่ไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารเสร็จสองสามทุ่มแล้วเดินกลับที่พัก ภายใต้อากาศเย็นมากๆไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับ หลังจากที่รอบแรกจัดมาทดลอง 2 ซอง รอบเราเลยจัดซื้อมา 4 ซอง ได้มาครึ่งหม้อ !!!  มาม่ารส มาซาร่า นะ   ใช้ได้เลยทีเดียวว ยิ้ม





Lamayuru Monastery  : 120 Kilometer

   
  หลังจากเก็บของ อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว คนขับเเท๊กซี่ก็มาเสนอโรดทริประยะสั้นให้ ในราคา 5200 Rs. ผมต่อราคาเหลือ 5000 Rs.
*** ที่นี้มีราคาแท๊กซี่สำหรับการเดินทางไปสถานที่ต่างๆที่ถูกกำหนดดดยรัฐบาลครับไม่ต้องห่วงที่จะโดนโก่งราคา http://devilonwheels.com/leh-ladakh-taxi-rates-2015-16/comment-page-3/#comment-351893  ลองเข้าไปเช็คกันดูคร่าวๆนะครับ (1 Rs.= 0.56 THB โดยประมาณ)
     

คนขับรถชื่อ  TASHI


พยามยามจะแอบถ่ายลุงแกตอนเท่ห์ ๆ  แต่ไม่ได้เลย .... ลุงแกหลบตลอด เศร้า


วันแรกที่ เลห์ เป้าหมายเรามี Lamayuru Monastery
   ที่นี้เสียค่าธรรมเนียมประมาณ 30 หรือ 50 Rs. ผมจำไม่ได้ เศร้า และปิดให้เข้าชมประมาณ​ 13:30 น.









แล้วก็ต่อด้วยมูนแลนด์ (Moon land)






กลับมาพักกินข้าวเที่ยง
   
   Mo Mo (โม โม่ ) คืออาหารมื้อแรกที่เลห์ เป็นแป้งห่อไส้ข้างในเป็นผัก จิ้มกับซอสมะเขือเทศและซอสพริก และมีน้ำซุปร้อน ๆ ตามมา   รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ราคา 80 Rs./จาน 




หลังจากเติมพลังงานเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ
  เดินทางต่อไปยังวัดอีกหนึ่งวัด แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปเลยเพราะรู้สึกว่าเหนื่อยจากเมื่อคืนที่นอนหลับๆตื่นๆ และยังต้องตื่นมาตีสามกว่า ๆ
   และลุงคนขับถามว่าจะแวะอีกวัดหรือเปล่า ... ด้วยความเหนื่อยล้าผมตอบไปทันควันเลยว่า ไม่  ผมเหนื่อยยยยยย เศร้า   

   

  ลืมบอกไปว่าตอนขาไปเราผ่านจุดที่แม่น้ำสองเม่น้ำมาบรรจบกันด้วย



ชื่อสินค้า:   Let - Ladakh : INDIA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่