แสนสังเวช ลีลาต่อยนอกเวที ของ ปูว์ ยิ่งลักษณ์ ...(สำหรับคนที่ชอบอ่านเกิน 3 บรรทัด) (โจ ขิง)



แสนสังเวช ลีลาต่อยนอกเวที

ทนายความส่วนตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางไปยื่นหนังสือเปิดผนึกของนางสาวยิ่งลักษณ์ ถึงพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

อ้างว่า การดำเนินการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตามคำสั่งที่ 448/2558 ลงวันที่ 3 เมษายน 2558 และกรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันจะใช้คำสั่งทางปกครองเรียกค่าสินไหมทดแทน สืบเนื่องจากกรณีโครงการจำนำข้าวนั้น ไม่ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย และหลักนิติธรรม

1) นี่เป็นกลวิธีการต่อสู้นอกศาลของฝ่ายนางสาวยิ่งลักษณ์

การทำจดหมายเปิดผนึก ส่วนหนึ่งก็เพื่อหวังโน้มน้าวมวลชนของตน ให้เชื่อตามที่ตนอยากจะให้เชื่อนั่นคือ เชื่อว่านางสาวยิ่งลักษณ์กำลังถูกกระทำจากฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน ไม่ได้รับความเป็นธรรม

2) ในความเป็นจริง ทุกประเด็นที่อ้างในจดหมายเปิดผนึกนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์สามารถหยิบยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะในศาลฎีกาฯ สำหรับคดีอาญา

หรือในศาลปกครอง สำหรับคดีความรับผิดทางละเมิด หรือการเรียกค่าสินไหมทดแทน

3) นึกเห็นภาพ นักมวยที่ถนัดต่อยนอกเวที ชกลม โชว์ฟุตเวิร์กเก่งมาก

ทั้งๆ ที่ เขาจัดให้ต่อยในเวทีแล้ว แต่ก็ยังพยายามจะต่อยนอกเวที

แถมส่วนใหญ่ ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาต่อย ก็มุ่งประเด็นแท็กติกข้อกฎหมาย มากกว่าจะมุ่งข้อเท็จจริงว่า โครงการจำนำข้าวไม่ได้ขาดทุนอย่างไร?ไม่ได้เสียหายต่อแผ่นดินอย่างไร? การระบายข้าวเป็นจีทูจีอย่างไร? ขายข้าวไปในราคาที่ไม่ทำให้รัฐเสียหายอย่างไร? ขายราคาเท่าไหร่? ใครขนข้าวออกไป?ทำไมไม่พูด? ฯลฯ

4) เอาแค่บางประเด็นที่ทนายไปยื่นหนังสือ เมื่อวานนี้

4.1 ไม้เด็ดฝ่ายยิ่งลักษณ์ ดิ้นอ้างว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง ในการที่จะออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

ใครฟังแค่นี้ ก็อาจตกใจ อ้าว แล้วไปสอบนายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้อย่างไร

แต่ไปดูระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นระเบียบที่ใช้ดำเนินการตามกฎหมายนี้ พบว่า

ข้อ 8 เมื่อเกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐแห่งใด และหัวหน้าหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น มีเหตุอันควรเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐดังกล่าว แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดขึ้นคณะหนึ่ง โดยไม่ชักช้าเพื่อพิจารณา เสนอความเห็นเกี่ยวกับผู้ต้องรับผิด และจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้นั้นต้องชดใช้...

ข้อ 9 ถ้าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอีกแห่งหนึ่ง ให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำให้เกิดความเสียหายแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา และให้มีการรายงานตามลำดับชั้นจนถึงหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่ตนสังกัดเว้นแต่

(1) ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นรัฐมนตรี ให้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรี

(2) ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐแห่งใด ให้แจ้งต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น

(3) ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นผู้ซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใด ให้แจ้งต่อกระทรวงการคลัง...

อ้าว... จากตัวบทกฎหมายข้างต้น มันก็ชัดเจนว่า ถ้าเป็นกรณีไม่ใช่ลูกน้องใคร ให้แจ้งกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด!

ถามจริงๆ จะดิ้นกันไปอย่างนี้ จริงๆ หรือ?

4.2 ไม้เด็ดฝ่ายยิ่งลักษณ์ ดิ้นอ้างว่า จะมาออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มิให้บังคับแก่ “...การพิจารณาของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงานทางนโยบายโดยตรง...” จำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ ถูกระบุว่าได้ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว แต่การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการทางนโยบายโดยตรงของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ประกาศไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งและต่อมาเมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามารับผิดชอบเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งลักษณ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลหรือในนามคณะรัฐมนตรีก็ได้แถลงนโยบายดังกล่าวต่อรัฐสภา อันเป็นความผูกพันตามรัฐธรรมนูญที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดโดยมิอาจปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของตนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ฝ่ายยิ่งลักษณ์ จึงรวบรัดสรุปเอาอย่างนั้นเลยเทียว!

ประเด็นนี้ อยากจะบอกว่า ถ้าคิดว่านี่คือไพ่เด็ด ไม้เด็ด ก็เตือนให้รีบจองตั๋วไปเมืองนอกไว้แต่เนิ่นๆ

ไม่ต้องถึงมือนักกฎหมายใหญ่ แค่ใช้สติปัญญาความรู้ระดับปานกลาง ไม่ใช่ต่อยมวยแบบว่ายน้ำ ตะกุยตะกาย ไปคว้าเอาหมาเน่ามาเกาะแทนขอนไม้

เพียงเท่านี้ ก็น่าจะแจกแจงได้ว่า พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. 2539 ไม่บังคับแก่นโยบายของรัฐบาลนั้นอาจจะใช่ แต่ประเด็นของคำสั่งทางปกครองในการเรียกค่าสินไหมทดแทนในกรณีนี้ ไม่ใช่การไปห้ามดำเนินนโยบาย หรือเพิกถอนนโยบาย แต่เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำประมาทเลินเล่อร้ายแรงของเจ้าหน้าที่รัฐในขณะที่ดำเนินนโยบาย

พูดง่ายๆ ว่า ไม่ใช่ไปเพิกถอนนโยบาย หรือเล่นงานนโยบาย แต่เรียกค่าสินไหมจากตัวเจ้าหน้าที่รัฐ

มันไม่ใช่จะไปตะแบงตีความเอาอย่างที่ฝ่ายยิ่งลักษณ์อ้าง มิฉะนั้นแล้ว นักการเมืองโกงก็ออกนโยบายโกงกันทั้งชาติ โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่ต้องรับผิดทางละเมิดเลย อยู่เหนือความรับผิดทางละเมิดทั้งปวง มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร... คิดสิ คิด!

ยังไม่นับว่า ที่ทนายพยายามไปอ้างว่าเป็นนโยบายของพรรคนั่น หมายความว่า พรรคมีนโยบายให้ยิ่งลักษณ์ประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้มีการทุจริตด้วย อย่างนั้นหรือ? ตกลงจะลากทั้งพรรคลงเหวไปหมดอย่างนั้นหรือ?

บอกแค่นี้พอ...

เอาเป็นว่า ถ้ายังจะฝากชีวิตไว้กับการต่อสู้ตามแนวทางนี้ ก็จองตั๋วไว้แต่เนิ่นๆ ก็แล้วกัน!

สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/20973

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่