สวัสดีค่ะวันนี้ขอมาแนะนำโฮสเทลนอกกระแสที่ยังไม่ค่อยมีคนไทยไปพักเพราะว่าอยู่นอก Taipei Main Station และจาก Ximen Station ค่ะ
ที่นี่คือ Taipei 1949 Hostel ตั้งอยู่ติดกับสถานี Dingxi ในไทเปค่ะ ที่นี่อาจจะไม่เหมือน โฮสเทลอื่นๆ มีจุดแต่งต่างอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ผิดแตกต่างกันออกไปมากค่ะ มีคอนเซปต์เก๋ๆ เดี๋ยวตามไปดูภาพกันได้เลยค่ะว่าที่แตกต่างนั้นแตกต่างไปอย่างไรนะ
การเดินทางรอบนี้เดินทางมาโดยสายการบินน้องหมี V AIR ค่ะไฟล์ทดีเลย์ทำให้มาถึงที่สนามบินเถาหยวนจากเวลาเดิม 6 โมงกว่ากลายเป้น 8 โมงกว่าค่ะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่โฮสเทลที่สถานี DingXi เลยค่ะ ไปดูวิธีการเดินทางกันเลยดีกว่า (จริงๆไปได้หลายทางนะ)

รถบัสของกั๋วกวงจะมาส่งเราลงที่ข้าง Taipei Main Station ถ้าให้พูดเปรียบกับไทยก็คงสถานีรถไฟหัวลำโพงค่ะ จากนั้นเข้าไปในสถานีแล้วลงไปที่สถานี MRT ค่ะ และเดินทางตามทางดังภาพได้เลยนะ

วิธีการเดินทางตามนี้ไม่มีหลงแน่นอนจากสถานี หลังจากนั้นพอมาถึงสถานี Dingxi แล้วนั้น

สามารถยืนรอหน้าสถานีได้เลยทางออก 1 นะคะ แล้วก็โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ (ตอนที่จองส่งอีเมล์หาทางสถานที่เค้าจะบอกเบอร์โทรศัพท์มาให้ค่ะ)

จากสถานีใช้เวลาเดินไปที่โฮสเทลไม่ถึง 5 นาทีเองค่ะ ติดเลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนจะเดินทางเข้ามายังไงนั้นไม่ต้องกลัวค่ะพนักงานสามารถมารับได้ค่ะ แล้วเดินออกมาเองรอบต่อไป

ถึงแล้วดีใจจังหลังจากเจอไฟลท์ดีเลย์อ่ะ ง่วงนอนมากอยากหาที่นั่ง

สิ่งที่แรกที่สะดุดเรามีอยู่สองสามจุดค่ะเริ่มจากตรงนี้ดีกว่า เป็นแผนที่ไต้หวันที่บ่งบอกว่าที่ไต้หวันมีอะไรบ้างค่ะแบบง่ายๆ

มีหนังสือต่างๆ รวมถึงผ้าปูที่นอนที่สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ลายตามที่เราต้องการค่ะ

กฏระเบียบต่างๆ

และที่สุะดดตาที่สุดเลยคงหนีไม่พ้นบันไดทางขึ้นของที่นี่ค่ะ (จะขึ้นไปไงเนี่ย) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับคนที่ชอบปีนเขา
ทางโฮสเทลได้รับแรงบรรดาลจากมาจากสภาพภูมิประเทศของบ้านเมืองเค้าเองที่มีภูเขาเยอะ มีคนชอบปีนเขาเยอะค่ะ
เลยออกแบบมาหน้าตาแบบนี้นี่เลยแหละ .....

ลืมไปได้เลยถ้าคุณอายุเยอะแล้ว !! ลืมไปได้เลยถ้าแบกกระเป๋าใบใหญ่มา
ลืมไปได้อีกถ้ากลัวความสูง แต่ !! ถ้ารักการผจญภัย อยากลองอะไรใหม่ๆ เป้ใบเดียวฉันก็อยู่ได้ !! ที่นี่คงจะตอบโจทย์สำหรับเพื่อนๆที่ไม่สนใจ
ว่าจะสูงแค่ไหน ถ้าชอบอะไรตื่นเต้นๆ ที่นี่ก็น่าจะตอบโจทย์ค่ะ และเดินทางไม่ยากด้วยแหละไปส่องกันต่อค่ะ

ก่อนขึ้นบันไดเจอนั่นนี่แปะไว้ข้างผนัง

หันมาอีกทางเป็นส่วนต้อนรับค่ะ ที่จะให้คนนั่งคุยเล่นพูดคุยกันไม่เหมือนการพักโรงแรมเสน่ห์อีกอย่างของการพักโฮสเทลคือการได้พูดคุยพบปะสังสรรค์คนอื่นๆที่นี่เป็นโฮสเทลไม่ใหญ่ค่ะเหมาะกับการมาคนเดียวสบายๆ หรือจะมาเป็นกลุ่มแล้วมาเมาท์มอยกันก็โอเคดี

ตรงทางขึ้นบันได ด้านขวาเป็นที่เก็บรองเท้าให้เรียบร้อยจ้ะ

แค่เห็นบันไดก็เริ่มเหนื่อยละ ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเลยแหละ ..... เหอๆ

ถึงเวลาต้องยอมรับความเป้นจริงแล้วแหละ T_T ขึ้นเลยจ้า ฮึบ

ผ่านชั้นที่ 2 ขึ้นไปค่ะ

ชั้นที่2 ประตูทางขวาเข้าไปจะเป็นห้องนอนรวมหญิงค่ะ มีห้องน้ำ 1 ห้องน้ำไม่ใหญ่มาก (เราไม่ได้นอนตรงชั้นนี้) มี 6 เตียง

กวิ้นใดที่สุดก็มาถึงชั้น 3 แวะพักเหนื่อยนิดนึงนะ....เดินต่อไปที่ชั้น 4

ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ยT_T ไม่ไปละชั้นไหนก็หน้าตาเหมือนกันหมดแหละค่ะ แค่วิวด้านนอกไม่เหมือนกัน
และชั้นที่ 4 จะเป็นชั้นที่ไม่มีประตูกั้นห้องค่ะคือ จากบันไดที่เห็นปีนขึ้นก็เจอเตียงสองชั้นเลยค่ะ นอนได้ทั้งหมด 6 เตียงเช่นกันเป็นห้องรวม

กลัวววตก >~<

เราลงมาที่ชั้น 3 ค่ะ ห้องที่เราจะได้ อยู่เป็นเตียงแบบนี้เนี่ยแหละค่ะ ยังไม่ปูด้วย ปลอกหมอน ผ้าคลุมผ้าห่มและผ้าคลุมเตียงไม่มีอ่ะ !!!
เฮ้ยไรเนี่ยเคยแต่ไปนอนโรงแรม กับโฮสเทลที่ปูเตรียมไว้ให้แล้ว
แต่.... คิดอีกที ทำเองก็ไม่เลวนะ เป็นคอนเซปต์ของที่นี่นั่นแหละค่ะที่อยากให้เรา DIY เอาเอง รวมถึงผ้าปูที่นอนที่สามารถเปลี่ยนแกะ ลายได้ทุกวัน เลือกได้ตามใจชอบที่อยู่ชั้นล่างเมื่อซักครู่มีหลายลายเลยนะ

เลือกลายนี้มาค่ะ ไม่ชมพู แดง สาวจ๋า

สำรวจก่อนจะปูผ้าว่ามีอะไรบ้างน้าที่ได้มาบ้าง มีแก้วน้ำ สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดหน้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าคลุมหมอนและคลุมผ้าห่ม

ที่หัวเตียงของแต่ละคนก็แตกต่งางกันด้วยค่ะเป็นแบบนี้ล่ะ

แต่นแต๊นนปูเสร็จแล้วเรียบร้อยพร้อมนอนแล้ว

คืนนี้ที่ห้องมีเรานอนแค่คนเดียวค่ะคนอื่นยังไม่มา และแต่ก่อนห้องนี้เป็นห้องนอนของผู้หญิงรวมค่ะ แต่ตอนนี้ก็เป็นแบบชาย หญิงแล้ว

มีม่านปิดค่ะ แบบว่าบ้านๆมากๆ แต่ก็นอนได้นะ (จริงๆเราแค่อยากได้ที่นอนเนอะ เหนื่อยก็นอน)

จริงๆต้องบอกว่าที่นี่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้านมากกว่าที่จะเป็นโรงแรมหรือโฮสเทลที่อื่นๆค่ะ
พอหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างก็เจอแบบนี้

Local มากๆ ใครอยากมาอยู่แบบคนในไทเปชุมชนก็ลองมาที่นี้ได้ถ้าไม่สนใจว่าจะต้องดีเลิศ

ห้องน้ำมีแค่ 1 ห้องค่ะ

ก่อนนอนอย่าลืมถามเพื่อนร่วมห้องเพื่อนกะเวลาในการอาบน้ำ เข้าห้องน้ำให้ถูกต้องนะคะ

มีไดร์เป่าผมให้ด้วยค่ะ กระจกและจุดล้างหน้าเช่นกัน อ้ะ !! ใครอยากจะซักผ้า มีเครื่องซักผ้าอยู่ชั้น 4 ค่ะสามารถไปใช้ได้เช่นกัน

กวิ้นมาถึงแล้วจ้า ^^

เดินออกมาด้านนอกค่ะ ก็จะเจอการประดับประดาตกแต่งโฮสเทลเป็นแนวนี้ค่ะ มีหนังสือเก่าๆอยู่เต็มไปหมด
ซึ่งของแต่ละอย่างจะแสดงถึงช่วงเวลาของปี 1949 ซึ่งเป็นปีที่สำคัญของชาวไต้หวันเค้า ซึ่งหากท่านใดสนใจลองไปพิมพ์หาใน Google ดูได้เลยค่ะ
ว่ามีที่มาความสำคัญอย่างไร

หนังสือเก่าๆเพียบ

เดินลงมากันจ้า

บันไดจากชั้น 2 ลงชั้น 1 มันดูน่ากลัวดีเนอะแต่ถ้าชินแล้วก็ไม่น่ากลัวค่ะมีที่จับ เป็นเชือกอยู่ขวามือนะ อึ๋ยยยย ~

ระหว่างชั้น 3 ลงชั้น 2 ที่มีหนังสือเยอะๆค่ะ

มีตุ๊กตาตัวเล็กๆแบบนี้ ชมประวัติศาสตร์ของไต้หวันในปี 1949 อยู่ด้วย !!!

Mascot ของที่โฮสเทลนี้ชื่อว่า Wagi ซึ่งแปลว่า เพลง ค่ะ ทำไมต้องเป็นเพลงทางเจ้าของเล่าให้ฟังว่า ที่นี่เป็นโฮสเทลเปิด 24 ชั่วโมง Check-in 3 โมงเป็นต้นไปก็จริง แต่อาจจะไม่มีสต๊าฟที่ดูแลตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเพราะจะปิดล็อคประตู (คนเข้ามาในนี้ได้ต้องมีรหัสผ่านเข้ามาค่ะ ไม่มีคีย์การ์ดใดๆทั้งสิ้น)
เจ้า Wagi จะคอยส่องแสงสว่างไว้ให้เพื่อนๆที่ไปเดินเล่นตลาดกลางคืนกลับมามืดๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนคอยให้ความสดใส และเอนเตอร์เทนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา (แต่เป็นเรานี่กลัวนะคะ หุ่นที่หัวเป็นโคมไฟเนี่ย)

วันแรกไม่ได้ไปไหนมากค่ะเพราะว่าไฟลท์น้องหมีวีแอร์แอบดีเลย์ ชั่วโมงกว่าๆ ไม่ได้นอนเลย อยู่บนเครื่องงีบไปหน่อย ทุ่มนึงก็กลับมาสลบเลย
ค่าบริการสำหรับการเข้าพักที่นี้นั้น 1 เตียงคิดอยู่ที่คนละ 650 เหรียญ หรือสามารถเช็คราคาได้จาก Facebook ของทางโฮสเทลได้โดยตรงค่ะ
https://www.facebook.com/Taiwanfrom1949
มาที่นี่อย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดตัวมานะคะ ที่นี่แอบไม่มีให้ค่ะ T w T เตียงนุ่มดีค่ะ รอบๆมีอาหารท้องถิ่นเยอะ มี MC ติดสถานีเลยค่ะ ถ้ากลัวจะไม่มีอะไรกิน รวมถึงมี Family Mart เดินไปได้ไม่ถึง 5 นาทีด้วยค่ะ
อยากลองฝากที่พักตรงนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่มาเที่ยวเองจริงๆ เน้นลุยๆนะคะก็สามารถมาพักที่นี่ได้เลยล่ะ ^^
ส่วนใครอยากจะนอนที่อื่นที่ดูสบายกว่านี้หน่อย สามารถลองติดตามเข้าไปได้ที่ไดอารี่ี่รัตน์เขียนไว้ที่
www.flymetotaiwan.com นั่นเองค่ะ เน้นกินคาเฟ่ต์ และเรื่องอืนๆในไต้หวันด้วยจ้ะ

[SR] ยกมือขึ้นใครรักการปีนเขา !! โฮสเทลในไทเปที่ตอบโจทย์ Backpacker ชอบเที่ยวเองจริงๆ
ที่นี่คือ Taipei 1949 Hostel ตั้งอยู่ติดกับสถานี Dingxi ในไทเปค่ะ ที่นี่อาจจะไม่เหมือน โฮสเทลอื่นๆ มีจุดแต่งต่างอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ผิดแตกต่างกันออกไปมากค่ะ มีคอนเซปต์เก๋ๆ เดี๋ยวตามไปดูภาพกันได้เลยค่ะว่าที่แตกต่างนั้นแตกต่างไปอย่างไรนะ
การเดินทางรอบนี้เดินทางมาโดยสายการบินน้องหมี V AIR ค่ะไฟล์ทดีเลย์ทำให้มาถึงที่สนามบินเถาหยวนจากเวลาเดิม 6 โมงกว่ากลายเป้น 8 โมงกว่าค่ะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่โฮสเทลที่สถานี DingXi เลยค่ะ ไปดูวิธีการเดินทางกันเลยดีกว่า (จริงๆไปได้หลายทางนะ)
รถบัสของกั๋วกวงจะมาส่งเราลงที่ข้าง Taipei Main Station ถ้าให้พูดเปรียบกับไทยก็คงสถานีรถไฟหัวลำโพงค่ะ จากนั้นเข้าไปในสถานีแล้วลงไปที่สถานี MRT ค่ะ และเดินทางตามทางดังภาพได้เลยนะ
วิธีการเดินทางตามนี้ไม่มีหลงแน่นอนจากสถานี หลังจากนั้นพอมาถึงสถานี Dingxi แล้วนั้น
สามารถยืนรอหน้าสถานีได้เลยทางออก 1 นะคะ แล้วก็โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ (ตอนที่จองส่งอีเมล์หาทางสถานที่เค้าจะบอกเบอร์โทรศัพท์มาให้ค่ะ)
จากสถานีใช้เวลาเดินไปที่โฮสเทลไม่ถึง 5 นาทีเองค่ะ ติดเลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนจะเดินทางเข้ามายังไงนั้นไม่ต้องกลัวค่ะพนักงานสามารถมารับได้ค่ะ แล้วเดินออกมาเองรอบต่อไป
ถึงแล้วดีใจจังหลังจากเจอไฟลท์ดีเลย์อ่ะ ง่วงนอนมากอยากหาที่นั่ง
สิ่งที่แรกที่สะดุดเรามีอยู่สองสามจุดค่ะเริ่มจากตรงนี้ดีกว่า เป็นแผนที่ไต้หวันที่บ่งบอกว่าที่ไต้หวันมีอะไรบ้างค่ะแบบง่ายๆ
มีหนังสือต่างๆ รวมถึงผ้าปูที่นอนที่สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ลายตามที่เราต้องการค่ะ
กฏระเบียบต่างๆ
และที่สุะดดตาที่สุดเลยคงหนีไม่พ้นบันไดทางขึ้นของที่นี่ค่ะ (จะขึ้นไปไงเนี่ย) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับคนที่ชอบปีนเขา
ทางโฮสเทลได้รับแรงบรรดาลจากมาจากสภาพภูมิประเทศของบ้านเมืองเค้าเองที่มีภูเขาเยอะ มีคนชอบปีนเขาเยอะค่ะ
เลยออกแบบมาหน้าตาแบบนี้นี่เลยแหละ .....
ลืมไปได้อีกถ้ากลัวความสูง แต่ !! ถ้ารักการผจญภัย อยากลองอะไรใหม่ๆ เป้ใบเดียวฉันก็อยู่ได้ !! ที่นี่คงจะตอบโจทย์สำหรับเพื่อนๆที่ไม่สนใจ
ว่าจะสูงแค่ไหน ถ้าชอบอะไรตื่นเต้นๆ ที่นี่ก็น่าจะตอบโจทย์ค่ะ และเดินทางไม่ยากด้วยแหละไปส่องกันต่อค่ะ
ก่อนขึ้นบันไดเจอนั่นนี่แปะไว้ข้างผนัง
หันมาอีกทางเป็นส่วนต้อนรับค่ะ ที่จะให้คนนั่งคุยเล่นพูดคุยกันไม่เหมือนการพักโรงแรมเสน่ห์อีกอย่างของการพักโฮสเทลคือการได้พูดคุยพบปะสังสรรค์คนอื่นๆที่นี่เป็นโฮสเทลไม่ใหญ่ค่ะเหมาะกับการมาคนเดียวสบายๆ หรือจะมาเป็นกลุ่มแล้วมาเมาท์มอยกันก็โอเคดี
ตรงทางขึ้นบันได ด้านขวาเป็นที่เก็บรองเท้าให้เรียบร้อยจ้ะ
แค่เห็นบันไดก็เริ่มเหนื่อยละ ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเลยแหละ ..... เหอๆ
ถึงเวลาต้องยอมรับความเป้นจริงแล้วแหละ T_T ขึ้นเลยจ้า ฮึบ
ผ่านชั้นที่ 2 ขึ้นไปค่ะ
ชั้นที่2 ประตูทางขวาเข้าไปจะเป็นห้องนอนรวมหญิงค่ะ มีห้องน้ำ 1 ห้องน้ำไม่ใหญ่มาก (เราไม่ได้นอนตรงชั้นนี้) มี 6 เตียง
กวิ้นใดที่สุดก็มาถึงชั้น 3 แวะพักเหนื่อยนิดนึงนะ....เดินต่อไปที่ชั้น 4
และชั้นที่ 4 จะเป็นชั้นที่ไม่มีประตูกั้นห้องค่ะคือ จากบันไดที่เห็นปีนขึ้นก็เจอเตียงสองชั้นเลยค่ะ นอนได้ทั้งหมด 6 เตียงเช่นกันเป็นห้องรวม
กลัวววตก >~<
เราลงมาที่ชั้น 3 ค่ะ ห้องที่เราจะได้ อยู่เป็นเตียงแบบนี้เนี่ยแหละค่ะ ยังไม่ปูด้วย ปลอกหมอน ผ้าคลุมผ้าห่มและผ้าคลุมเตียงไม่มีอ่ะ !!!
เฮ้ยไรเนี่ยเคยแต่ไปนอนโรงแรม กับโฮสเทลที่ปูเตรียมไว้ให้แล้ว
แต่.... คิดอีกที ทำเองก็ไม่เลวนะ เป็นคอนเซปต์ของที่นี่นั่นแหละค่ะที่อยากให้เรา DIY เอาเอง รวมถึงผ้าปูที่นอนที่สามารถเปลี่ยนแกะ ลายได้ทุกวัน เลือกได้ตามใจชอบที่อยู่ชั้นล่างเมื่อซักครู่มีหลายลายเลยนะ
เลือกลายนี้มาค่ะ ไม่ชมพู แดง สาวจ๋า
สำรวจก่อนจะปูผ้าว่ามีอะไรบ้างน้าที่ได้มาบ้าง มีแก้วน้ำ สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดหน้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าคลุมหมอนและคลุมผ้าห่ม
ที่หัวเตียงของแต่ละคนก็แตกต่งางกันด้วยค่ะเป็นแบบนี้ล่ะ
แต่นแต๊นนปูเสร็จแล้วเรียบร้อยพร้อมนอนแล้ว
มีม่านปิดค่ะ แบบว่าบ้านๆมากๆ แต่ก็นอนได้นะ (จริงๆเราแค่อยากได้ที่นอนเนอะ เหนื่อยก็นอน)
จริงๆต้องบอกว่าที่นี่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้านมากกว่าที่จะเป็นโรงแรมหรือโฮสเทลที่อื่นๆค่ะ
พอหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างก็เจอแบบนี้
Local มากๆ ใครอยากมาอยู่แบบคนในไทเปชุมชนก็ลองมาที่นี้ได้ถ้าไม่สนใจว่าจะต้องดีเลิศ
ห้องน้ำมีแค่ 1 ห้องค่ะ
ก่อนนอนอย่าลืมถามเพื่อนร่วมห้องเพื่อนกะเวลาในการอาบน้ำ เข้าห้องน้ำให้ถูกต้องนะคะ
มีไดร์เป่าผมให้ด้วยค่ะ กระจกและจุดล้างหน้าเช่นกัน อ้ะ !! ใครอยากจะซักผ้า มีเครื่องซักผ้าอยู่ชั้น 4 ค่ะสามารถไปใช้ได้เช่นกัน
กวิ้นมาถึงแล้วจ้า ^^
เดินออกมาด้านนอกค่ะ ก็จะเจอการประดับประดาตกแต่งโฮสเทลเป็นแนวนี้ค่ะ มีหนังสือเก่าๆอยู่เต็มไปหมด
ซึ่งของแต่ละอย่างจะแสดงถึงช่วงเวลาของปี 1949 ซึ่งเป็นปีที่สำคัญของชาวไต้หวันเค้า ซึ่งหากท่านใดสนใจลองไปพิมพ์หาใน Google ดูได้เลยค่ะ
ว่ามีที่มาความสำคัญอย่างไร
หนังสือเก่าๆเพียบ
เดินลงมากันจ้า
บันไดจากชั้น 2 ลงชั้น 1 มันดูน่ากลัวดีเนอะแต่ถ้าชินแล้วก็ไม่น่ากลัวค่ะมีที่จับ เป็นเชือกอยู่ขวามือนะ อึ๋ยยยย ~
ระหว่างชั้น 3 ลงชั้น 2 ที่มีหนังสือเยอะๆค่ะ
มีตุ๊กตาตัวเล็กๆแบบนี้ ชมประวัติศาสตร์ของไต้หวันในปี 1949 อยู่ด้วย !!!
Mascot ของที่โฮสเทลนี้ชื่อว่า Wagi ซึ่งแปลว่า เพลง ค่ะ ทำไมต้องเป็นเพลงทางเจ้าของเล่าให้ฟังว่า ที่นี่เป็นโฮสเทลเปิด 24 ชั่วโมง Check-in 3 โมงเป็นต้นไปก็จริง แต่อาจจะไม่มีสต๊าฟที่ดูแลตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเพราะจะปิดล็อคประตู (คนเข้ามาในนี้ได้ต้องมีรหัสผ่านเข้ามาค่ะ ไม่มีคีย์การ์ดใดๆทั้งสิ้น)
เจ้า Wagi จะคอยส่องแสงสว่างไว้ให้เพื่อนๆที่ไปเดินเล่นตลาดกลางคืนกลับมามืดๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนคอยให้ความสดใส และเอนเตอร์เทนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา (แต่เป็นเรานี่กลัวนะคะ หุ่นที่หัวเป็นโคมไฟเนี่ย)
ค่าบริการสำหรับการเข้าพักที่นี้นั้น 1 เตียงคิดอยู่ที่คนละ 650 เหรียญ หรือสามารถเช็คราคาได้จาก Facebook ของทางโฮสเทลได้โดยตรงค่ะ
https://www.facebook.com/Taiwanfrom1949
มาที่นี่อย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดตัวมานะคะ ที่นี่แอบไม่มีให้ค่ะ T w T เตียงนุ่มดีค่ะ รอบๆมีอาหารท้องถิ่นเยอะ มี MC ติดสถานีเลยค่ะ ถ้ากลัวจะไม่มีอะไรกิน รวมถึงมี Family Mart เดินไปได้ไม่ถึง 5 นาทีด้วยค่ะ
อยากลองฝากที่พักตรงนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่มาเที่ยวเองจริงๆ เน้นลุยๆนะคะก็สามารถมาพักที่นี่ได้เลยล่ะ ^^
ส่วนใครอยากจะนอนที่อื่นที่ดูสบายกว่านี้หน่อย สามารถลองติดตามเข้าไปได้ที่ไดอารี่ี่รัตน์เขียนไว้ที่ www.flymetotaiwan.com นั่นเองค่ะ เน้นกินคาเฟ่ต์ และเรื่องอืนๆในไต้หวันด้วยจ้ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น