สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนนะคะว่านี่เป็นกระทู้แรกของเรา เรื่องมันมีอยู่ว่าเรากับแฟนเราอยู่ไกลกันค่ะ ไม่ใช่แค่คนละจังหวัดนะคะ...แต่คนละประเทศเลย...
แฟนเราเป็นคนอังกฤษค่ะ รู้จักกันมาเกือบจะ 5 ปีแล้วปีแล้ว เรากับเขาห่างกัน 2 ปีค่ะ ปัจจุบัน จขกท. อายุ 19 ส่วนแฟนอายุ 21 ขอเท้าความเดิมนิดนึงนะคะ เราเจอกันที่ประเทศไทยค่ะ ที่เกาะเต่า ตอนนั้นเราไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนเค้าก็มาเที่ยวกับพ่อและพี่ชาย พอดีว่าเจอกันที่ร้านอาหาร โต๊ะเราอยู่ข้างกัน จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่แม่ของเราเองค่ะ แม่เราเป็นคนค่อนข้างเฟรนลี่ เห็นฝรั่งเลยเข้าไปทัก ตอนนั้นแม่เรากำลังส่งเราเรียนภาษาอังกฤษอยู่พอดี ป๊าก็เลยอยากลองภูมิเรา ยอกเราว่า "ไหนไปเรียนมาตั้งแพง ลองพูดให้ดูซิ" เราก็เกร็งๆ ค่ะ ช่วงนั้นเราพึ่งอยู่ม.3 กะโลกกะลามาก ก็เลยรวบรวมความกล้าคุยกับลูกชายคนเล็กของเขาซึ่งดูอายุไล่เลี่ยกัน ถามคำถามทั่วๆ ไป เขาฟังออกบ้ง ฟังไม่ออกบ้าง ตอนนั้นอายมากๆ พอตอนจะกลับเราก็เลยรวบรวมความกล้าถามออกไปว่า "Do you have Facebook?" 5555+ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเราค่ะ
หลัง จากตอนนั้นมาเรากับเขาก็คุยกันผ่านทาง Facebook ตลอดค่ะ คุยกันบ้างไม่คุยกันบ้าง นานๆ ทีจะคุยกัน เขาเป็นคนที่ภายนอกดูนิ่งๆ แต่ถ้าสนิทแล้วจะพูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยเปื่อย มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง เรากับเขาคุยกันเป็นช่วงๆ เหมือนเพื่อนทางเฟสบุ๊คทั่วไป รวมทั้งเราไม่รู้จะคุยอะไรด้วยเพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษเราก็พอถูๆ ไถๆ พึ่งกูเกิ้ลทรานสเลท สะส่วนใหญ่ จนสุดท้ายก็เลิกคุยกันไป ด้วยเหตุผล้างต้นและเรากำลังคุยกับแฟนคนไทยด้วย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนในเฟสอยู่ ผ่านตอนนั้นไปประมาณ 3 ปี เรากับเขาเริ่มกลับมาคุยกันอีกครั้งนึง ตอนนั้นเราอยู่ม.6 ภาษาอังกฤษค่อนข้างใช้ได้ คราวนี้คุยกันออกรสมากค่ะ เกือบจะทุกวัน ช่วงที่เราเลิกเรียนเขาก็จะตื่นนอนพอดี ตอนนั้นคุยกันยาวๆ เพราะเราก็อยากจะฝึกภาษาด้วย เขาช่วยสอนการบ้านภาษาอังกฤษด้วย 555 ช่วงนั้นยังไม่ได้คิดอะไรค่ะ คุยกันปกติแบบเป็นเพื่อนกัน จนมีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าคุยหยอกล้อกันมากเกินไป บวกทั้งเรามีคนคุยด้วยค่ะ เป็นลูกชายของเพื่อนของน้าที่เป็นหนุ่มฝรั่งเศส เราไปเที่ยวพัทยากัน ก็เลยถ่ายรูปลงเฟส เขาเห็นเขาก็เลยถามมาค่ะว่าใคร คุณมีแฟนแล้วหรอ? เราก็ตอบไปตามตรงค่ะว่าคุยๆ อยู่ ตอนนั้นใจเรามันหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เพราะเขาอ่านแล้วก็เงียบไปเลยสองสามวัน จากที่คุยกันทุกวัน เราหงุดหงิดมากเลยทักไปถามเขาว่า "เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย?" เขาก็ตอบว่า "ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน" เหมือนจะไม่คิดอะไรนะตอนนั้น แต่น้ำตาหยดติ๋งลงมาแบบไม่รู้ตัวเลย เราก็เลยดราม่าเลยค่ะ พิมไปสารพัดอย่าง ซึ่งเขาก็เหมือนจะไม่รู้สึกอะไร เขาบอกว่าเราไกลกันเกินไปมาตลอด แต่เรากลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษขึ้นทุกๆ วัแต่เราก็เก็บไว้ไม่บอกออกไปเพราะเขาพูดตลอดว่าเราไกลกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้... จนวันนึงเราทำท่าจะตกลงเป็นแฟนกับหนุ่มฝรั่งเศส เราก็บอกเขา แต่เขาไม่อ่านเลยทั้งวัน เรารอแล้วรออีกเขาก็ไม่อ่านสักทีจนประมานตี 3เราง่วงมากเลยหลับไปแบบไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีเกือบจะเที่ยงเห็นข้อความส่งมาเต็มเลย บอกว่า 'ขอโทษที่ตอบช้า พอดีไปงานวันเกิดเพื่อนมา ตอนนี้เมา , โทรศัพท์ตกจอแตกด้วยเมื่อกี๊ เรื่องที่คุณจะไปมีแฟน ความจริงมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณนะ แต่ผมไม่อยากให้คุณทำแบบนั้นเลย...ถ้าคุณมีแฟน เราะจะยังคุยกันเหมือนเดิมได้รึเปล่า?' เราก็เลยตอบไปว่าไม่รู้ เขาอ่านแล้วเงียบไปสักพัก ประมรนอีก 10 นาทีต่อมาเขาก็ส่งมาว่า"I like you, I like you but I don't want you to wait for me, I can't come to you right now" พอเราได้ยินคำนี้ใจเราเต้นแรงมากๆ เราก็เลยพ่นประโยคไปสารพัดเลยค่ะ สิ่งที่เรารู้สึกและคิดมาตลอด...เราบอกเขาว่าเรารอได้เราเต็มใจที่จะรอ รอจนกว่าเขาจะมา เราไม่แคร์ว่าเราจะไกลกันหรือไม่ไกล แต่ความรู้สึกของเรากับเขาสำคัญกว่า นับตั้งแต่นั้นมาเราก็เริ่มคบกันค่ะ... เดี๋ยวมาต่อนะคะ
คนที่มีแฟนอยู่ไกลกัน เคยคิดอยากจะเทบ้างมั้ยคะ?
แฟนเราเป็นคนอังกฤษค่ะ รู้จักกันมาเกือบจะ 5 ปีแล้วปีแล้ว เรากับเขาห่างกัน 2 ปีค่ะ ปัจจุบัน จขกท. อายุ 19 ส่วนแฟนอายุ 21 ขอเท้าความเดิมนิดนึงนะคะ เราเจอกันที่ประเทศไทยค่ะ ที่เกาะเต่า ตอนนั้นเราไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนเค้าก็มาเที่ยวกับพ่อและพี่ชาย พอดีว่าเจอกันที่ร้านอาหาร โต๊ะเราอยู่ข้างกัน จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่แม่ของเราเองค่ะ แม่เราเป็นคนค่อนข้างเฟรนลี่ เห็นฝรั่งเลยเข้าไปทัก ตอนนั้นแม่เรากำลังส่งเราเรียนภาษาอังกฤษอยู่พอดี ป๊าก็เลยอยากลองภูมิเรา ยอกเราว่า "ไหนไปเรียนมาตั้งแพง ลองพูดให้ดูซิ" เราก็เกร็งๆ ค่ะ ช่วงนั้นเราพึ่งอยู่ม.3 กะโลกกะลามาก ก็เลยรวบรวมความกล้าคุยกับลูกชายคนเล็กของเขาซึ่งดูอายุไล่เลี่ยกัน ถามคำถามทั่วๆ ไป เขาฟังออกบ้ง ฟังไม่ออกบ้าง ตอนนั้นอายมากๆ พอตอนจะกลับเราก็เลยรวบรวมความกล้าถามออกไปว่า "Do you have Facebook?" 5555+ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเราค่ะ
หลัง จากตอนนั้นมาเรากับเขาก็คุยกันผ่านทาง Facebook ตลอดค่ะ คุยกันบ้างไม่คุยกันบ้าง นานๆ ทีจะคุยกัน เขาเป็นคนที่ภายนอกดูนิ่งๆ แต่ถ้าสนิทแล้วจะพูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยเปื่อย มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง เรากับเขาคุยกันเป็นช่วงๆ เหมือนเพื่อนทางเฟสบุ๊คทั่วไป รวมทั้งเราไม่รู้จะคุยอะไรด้วยเพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษเราก็พอถูๆ ไถๆ พึ่งกูเกิ้ลทรานสเลท สะส่วนใหญ่ จนสุดท้ายก็เลิกคุยกันไป ด้วยเหตุผล้างต้นและเรากำลังคุยกับแฟนคนไทยด้วย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนในเฟสอยู่ ผ่านตอนนั้นไปประมาณ 3 ปี เรากับเขาเริ่มกลับมาคุยกันอีกครั้งนึง ตอนนั้นเราอยู่ม.6 ภาษาอังกฤษค่อนข้างใช้ได้ คราวนี้คุยกันออกรสมากค่ะ เกือบจะทุกวัน ช่วงที่เราเลิกเรียนเขาก็จะตื่นนอนพอดี ตอนนั้นคุยกันยาวๆ เพราะเราก็อยากจะฝึกภาษาด้วย เขาช่วยสอนการบ้านภาษาอังกฤษด้วย 555 ช่วงนั้นยังไม่ได้คิดอะไรค่ะ คุยกันปกติแบบเป็นเพื่อนกัน จนมีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าคุยหยอกล้อกันมากเกินไป บวกทั้งเรามีคนคุยด้วยค่ะ เป็นลูกชายของเพื่อนของน้าที่เป็นหนุ่มฝรั่งเศส เราไปเที่ยวพัทยากัน ก็เลยถ่ายรูปลงเฟส เขาเห็นเขาก็เลยถามมาค่ะว่าใคร คุณมีแฟนแล้วหรอ? เราก็ตอบไปตามตรงค่ะว่าคุยๆ อยู่ ตอนนั้นใจเรามันหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เพราะเขาอ่านแล้วก็เงียบไปเลยสองสามวัน จากที่คุยกันทุกวัน เราหงุดหงิดมากเลยทักไปถามเขาว่า "เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย?" เขาก็ตอบว่า "ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน" เหมือนจะไม่คิดอะไรนะตอนนั้น แต่น้ำตาหยดติ๋งลงมาแบบไม่รู้ตัวเลย เราก็เลยดราม่าเลยค่ะ พิมไปสารพัดอย่าง ซึ่งเขาก็เหมือนจะไม่รู้สึกอะไร เขาบอกว่าเราไกลกันเกินไปมาตลอด แต่เรากลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษขึ้นทุกๆ วัแต่เราก็เก็บไว้ไม่บอกออกไปเพราะเขาพูดตลอดว่าเราไกลกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้... จนวันนึงเราทำท่าจะตกลงเป็นแฟนกับหนุ่มฝรั่งเศส เราก็บอกเขา แต่เขาไม่อ่านเลยทั้งวัน เรารอแล้วรออีกเขาก็ไม่อ่านสักทีจนประมานตี 3เราง่วงมากเลยหลับไปแบบไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีเกือบจะเที่ยงเห็นข้อความส่งมาเต็มเลย บอกว่า 'ขอโทษที่ตอบช้า พอดีไปงานวันเกิดเพื่อนมา ตอนนี้เมา , โทรศัพท์ตกจอแตกด้วยเมื่อกี๊ เรื่องที่คุณจะไปมีแฟน ความจริงมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณนะ แต่ผมไม่อยากให้คุณทำแบบนั้นเลย...ถ้าคุณมีแฟน เราะจะยังคุยกันเหมือนเดิมได้รึเปล่า?' เราก็เลยตอบไปว่าไม่รู้ เขาอ่านแล้วเงียบไปสักพัก ประมรนอีก 10 นาทีต่อมาเขาก็ส่งมาว่า"I like you, I like you but I don't want you to wait for me, I can't come to you right now" พอเราได้ยินคำนี้ใจเราเต้นแรงมากๆ เราก็เลยพ่นประโยคไปสารพัดเลยค่ะ สิ่งที่เรารู้สึกและคิดมาตลอด...เราบอกเขาว่าเรารอได้เราเต็มใจที่จะรอ รอจนกว่าเขาจะมา เราไม่แคร์ว่าเราจะไกลกันหรือไม่ไกล แต่ความรู้สึกของเรากับเขาสำคัญกว่า นับตั้งแต่นั้นมาเราก็เริ่มคบกันค่ะ... เดี๋ยวมาต่อนะคะ