The Vampire powers. [บทที่24]

Hell pub
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ความรู้สึกเหมือนถูกปิดกั้นจากการมีชีวิต เหมือนพวกเขาถูกอำนาจมืดควบคุมจิตใจไปชั่วขณะ แอลอยู่ในสภาพถูกเถาวัลย์พันรอบตัวคล้ายกับเป็นดักแด้เกินครึ่งตัว และเป็นไปอย่างที่เขาคาดไว้ว่ามันถูกชโลมด้วยสมุนไพรตัวอันตรายนั่นด้วยแต่เขาเพิ่งจะสังเกตได้ว่าไรอันหายไป

เสียงดนตรีกระแทกบีตหนักๆดังสนั่นอยู่บริเวณข้างบนหัวของเขามีเสียงผู้คนที่ตะโกนเข่งเสียงกัน แอลพยายามขยับเขยื้อนอย่างสุดกำลังเถาวัลย์มันยืดออกเหมือนยางอ่อนๆชนิดหนึ่งแต่ภายในไม่กี่วินาทีมันกลับหดเข้ามาและรัดตัวเขาแน่นกว่า ควันลอยมากพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นระริกแต่เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เขาเม้มปากพลางตั้งใจฟังเสียงให้ดี

“ปล่อยข้านะ เอามันออกไปจากหัวข้า” แอลพยายามดิ้นอย่างสุดกำลังอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียง เถาวัลย์เหมือนมันจะทำงานเปรียบเสมือนมันมีจิตสำนึกมันทะลุมาจาพื้นดินแล้วเลื้อยมามัดเขาเกือบจนถึงต้นคอด้วยความสูงที่เกือบท่วมตัวเขามันค่อยๆเชื่อมตัวกันพลางเลื้อยคดเคี้ยวขึ้นมาบนตัวเขาอย่างช้าๆ “ไรอัน…” เขาเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้นก่อนที่มันจะรัดหมดทั้งตัว

ร่างของหญิงที่ซ่อนใบหน้าไว้โดยฮู้ดสีดำเธอยืนอยู่เบื้องหน้าไรอัน เนื้อตัวที่สั่นไหวจากการถูกเล่นงานตรงมาจากสมองของเขา อาการเจ็บเหมือนเอามีดมากรีดแทงเข้าที่สมองเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้าขัดขืนไปมันก็ไม่มีประโยชน์…ยอมคลายมันออกมาแค่นั้น มันก็จบ”

“ไม่ ข้าไม่มีทาง…จะ…” ร่างกายของไรอันปราศจากเครื่องพันธนาการแล้วพลางทรุดลงไปพ่นเลือดสีดำขุ่นออกมามือที่สั่นระริกยกขึ้นมาข้างหนึ่งและปาดเลือดออกจากริมฝีปากของตนพลางมองร่างของหญิงผู้นั้นที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่

ภาพความทรงจำตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นมนุษย์เหมือนถูกดูดออกไปจากหัวของเขาแทนด้วยความว่างเปล่าพวกนี้กำลังจะทำอะไรกับตัวเขากันแน่ เขากุมขมับเมื่อดูเหมือนพวกมันกำลังพยายามจะเข้ามาค้นหรือหาอะไรบางอย่าง เพียงชั่วขณะดูเหมือนเขาจะเห็นใบหน้าของชายคนหนึ่งที่สั่งให้เขาลืมมันแต่ไรอันไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคนนั้นคือใคร
เหล่าผู้สวมชุดสีดำยืนเป็นวงห่างจากตัวเขาไปประมาณครึ่งเมตร พร้อมกับยกแขนข้างหนึ่งที่ง้อผิดรูปปากส่งเสียงพึมพำแปลกๆ จนเขาต้องส่งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด

“เจ้าคงไม่อยากลิ้มรสของความเจ็บปวดมากไปกว่าหรอกนะ” หญิงคนนั้นยื่นมือออกมาพลางใช้เล็บที่ค่อยๆยืดออกกรีดเข้าที่ลำคอพลางดันคางเขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเหมือนหมอกกสีขาวขุ่นใบหน้ามีรอยแตกร้าวผ่าจนไปถึงตาอีกข้างราวกับปีศาจก็ไม่ปาน

“และเจ้าคงไม่อยากลิ้มรสพลังของข้าหรอกนะ” น้ำเสียงอันคุ้นหูทำให้ไรอันยิ้มอย่างมีความหวังก่อนจะปัดมือของเธอคนนั้นออกและผลักร่างเธอกระแทกผนังหินขณะนั้นมีหมอกสีดำขนาดหนาพุ่งเข้ากระแทกร่างข้ารับใช้ที่ยืนห้อมล้อมพวกเขาอยู่ด้วยความทรมานเมื่อแอลเดินเข้าดึงร่างของไรอันลุกขึ้น

“โซเฟีย” เสียงของผู้หญิงคนนั้นที่มีอำนาจมากที่สุดเอ่ยเรียกข้ารับใช้พลันพื้นก็สั่นสะเทือนแอลและไรอันต่างหยุดอยู่กับที่ก่อนจะถูกไรอันดึงตัวเข้ามาจากที่ที่เถาวัลย์ขนาดยักษ์พวยพุ่งขึ้นมาล้อมรอบพวกเขาไว้

แอลยกมือขึ้นพลางบังคับพลังของตัวเองให้ไปจู่โจมกับทาสรับใช้คนนั้นเธอทรุดตัวลงพลางส่งเสียงเหมือนสำลักอากาศเมื่อพลังของแอลในรูปหมอกดำทะลุเข้าไปผ่านทวารทั้ง9อย่างทรมานก่อนร่างของเธอจะเรืองแสงและจางหายไป

“ไม่!!! เจ้า!!!” ใบหน้าอันแสนโกรธเกรี้ยวของนางมีประกายแววตาอย่างเคียดแค้นเธอดึงฮู้ดลงพร้อมกับปากพึมพำเป็นภาษาบางอย่างก่อนจะมีสัตว์เลื้อยคลานแสนน่าเกลียดออกจากกร่างของเธอ

ไม่ว่าจะเป็นตะขาบ แมงป่อง ที่เมื่อหลุดออกมาแล้วมันก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและร่างของนางก็จางหายไป พวกเขาเหลือบตามองหน้ากันเพียงชั่วครู่ก่อนจะออกตัววิ่งอย่างสุดฝีเท้าราวกับรู้ใจกัน

“เราต้องออกไปจากที่นี่” แอลตะโกนสั่งไรอันที่วิ่งมาคละกันพอดี มันเหมือนเป็นอุโมงค์หรือท่อน้ำขนาดใหญ่จู่ๆตะขาบที่ตามไล่หลังพวกเขามาดันใช้ตรงที่เป็นส่วนหนวดของมันสะบัดและปัดให้พวกเขาแยกออกจากกัน แรงปัดอย่างรุนแรงส่งผลให้แอลหลบเลี่ยงไม่ได้จนลำตัวของเขาชนต้องส่วนระหว่างทางแยกแล้วล้มลงส่วนเจ้าตะขาบตัวยักษ์ตามไรอันไปอีกทาง

“โอ พระเจ้า ” แอลหอบหายใจก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเห็นเงาตะคุ่มบางอย่างวิ่งมา ทันทีทันใดที่ตรงปลายส่วนหางเขาจึงหันตัวหลบเมื่อมันฟาดลงมาดังโครม พื้นที่ภายในท่อมีขนาดที่พอดีตัวกับมันก่อนที่เขาจะออกกตัววิ่งอีกครั้งพลางพยายามเรียกใช้พลังแต่ไม่เป็นผลเมื่อเขาไม่สามารถจดจ่อกับสมาธิได้

เสียงกระแทกฝีเท้าหนักๆดังสะท้อนไปทั่วอุโมงค์ไรอันวิ่งมาจนสุดทางและพบทางตันเขาสอดสายตามองหาที่ไปก่อนจะเห็นทางแยกอีกทางหนึ่งแต่มันสายเกินไปเสียแล้วเพราะเจ้าตะขาบยักษ์ตัวนั้นเคลื่อนตัวมาด้วยขาที่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ไรอันเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นร่างของมันที่กระตุกพร้อมที่จะโฉบฟันอันแหลมคมลงมาไรอันรู้สึกแรงบางอย่างก่อนมันจะทะลุเนื้อด้านหลังเข้ามา

ปีกสีดำขนาดยักษ์ทะลุออกมาจากกตัวเขาเล็บของเขางอกมาเป็นปรายรับรู้ได้ถึงความแหลมคม สายตาเขาไปเห็นบางอย่างที่ม้วนไปมาข้างหลัง มันคือหาง หางที่มีหนามงอกออกมา ไรอันรู้สึกแปลกใหม่กับพลังของตัวเองก่อนจะใช้หางสะบัดหนามเข้าใส่บริเวณลำตัวเจ้าตะขาบยักษ์ก่อนจะโฉบขึ้นและโผเข้าใส่เพื่อต่อสู้กับมัน

ระหว่างที่มันเสียหลักเขาบินผ่านลอดช่องท้องของมันพร้อมกับกางกรงเล็บจิกแล้วลาไปเป็นทางยาว มันเอี้ยวตัวหมุนหลบและพยายามจะใช้ขาอันแสนน่าเกลียดของมันเกาะเขาไว้แต่ไม่สำเร็จ ไรอันบินหลบก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับมันและโผเข้าใส่อีกครั้งม้วนตัวหลบพิษขึ้นไปบนส่วนบนหัวและใช้เล็บมือฉีกหัวมันออก

ผลปรากฏว่าสำเร็จตัวของตะขาบล้มลงส่วนหัวของมันกลิ้งตกลง ไรอันใช้ปีกตัวเองบินขึ้นมองร่างของมันที่สลายเป็นผงธุลีก่อนจะหลับตาคอยฟังเสียงของแอลที่กำลังถูกเล่นงานอีกฟากหนึ่ง

ปีกสีดำที่ไร้ขนขนาดยักษ์ถูกดึงเข้ามาห่อร่างกายเขาไว้เมื่อเขาเตรียมที่จะกระโดดทะลุผนังท่อดังกล่าว เมื่อเขาออกมาข้างนอกเรียบร้อยเขาใช้เสียตาที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทามองทะลุท่อเพื่อสำรวจหาแอล สีตาของเขาจางหายไปเมื่อกำลังเห็นแอลพยายามใช้พลังยับยั้งแมงป่องที่ตามมาเล่นงานตั้งสองตัว

ไรอันรวบรวมสมาธิชั่วครู่ก่อนจะพุ่งตัวลงไปยังที่ที่แอลกำลังโดนเล่นงานทะลุหินลงไปพร้อมกับง้างกรงเล็บเฉือนหางที่เปรียบเสมือนอาวุธสำคัญทิ้ง แอลมีสีหน้าที่โล่งอกก่อนจะยื่นมือใช้พลังหมอกสีดำกระชากชิ้นส่วนแมงป่องอีกตัวออกเป็นชิ้นราวกับถูระเบิดอัดอยู่ในนั้น

เมื่อแอลหันมาอีกทีไรอันโจมตีมันจากบนหัวและใช้เล็บที่แหลมกรีดล้วงเข้าไปในตัวและกระชากมันแยกออกร่างของมันส่งเสียงแปลกเพียงชั่วครู่ก่อนจะล้มลงกับพื้นระหว่างที่ร่างมันจะทล่มลงมาทับแอล

ไรอันโผเข้าดึงตัวแอลแล้วม้วนตัวบนขึ้นเหนือทะลุขึ้นไปแล้วบินออกมาให้ไกลที่สุดก่อนจะหันไปมองที่ที่พวกเขาจากมาอีกครั้งและคงไม่อยากกจะกลับมาเหยียบอีกก่อนจะบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

เมื่อทั้งสองจากมันมาไลพอสมควรไรอันกก็เล็งหาที่ลงเพื่อที่จะขอพัก
“โห พลังของนาย มันเยี่ยมมากเลยจริงๆ” แอลที่กำลังนั่งกุมท้องจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยพูดขึ้นเมื่อเห็นไรอันได้รับรู้ถึงพลังของตัวเองว่าควรใช้ยังไง พวกเขาอยู่ห่างจากเมืองไปไม่ถึงไมล์แต่ก็ไกลโขสำหรับในสภาพแบบนี้

“ฉันดูเหมือน ตัวประหลาด…. แต่มันก็ดีที่สามารถทดแทนบุญคุณที่นายเคยช่วยฉันไว้”

สิ้นคำพูดจู่ๆทุกอย่างก็ค่อยๆจมเข้าไปใต้ผิวเขา ไรอันมองปีกของตัวเองที่แทรกเข้าลงใต้ผิวหนังและกรงเล็บที่หดสั้นเข้าไปพรอมกับหางที่หายไปด้วย

“นายทำมันอีกได้ไหม โทษทีนะฉันไม่อยากจะรบกวนแต่เราจะกลับกันยังไง” แอลถามด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

“เอ่อ โทษทีเพื่อน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง” ไรอันยังคงใหม่กับเรื่องพวกนี้ก่อนจะเห็นแอลถอนหายใจผุดขึ้นยืน

“งั้นเราต้องรีบแล้ว เราหายไปนานขนาดนี้ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นยังไงบ้าง” ไรอันเดินตามหลังแอลไปก่อนจะนึกถึงตอนที่ความทรงจำของเขาที่ถูกล้วงออกมาโดยฝีมือพวกมีคาถานั่นหรือจะเรียกว่าแม่มดก็เถอะ

ผู้ชายคนนั้นมีใบหน้าที่คุ้นเคยแต่เขากลับคิดอะไรไม่ออกเมื่อพยายามจะจำให้ได้จนในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความพยายามและเดินตามแอลไปที่นำหน้าเข้าไปมากโขแล้ว

“เออ ไม่ทราบว่าพวกเขาอยู่ไหมคะ” นิโคลถามให้กับผู้ที่มีหน้าที่คอยดูแลคนในทาวน์เฮาส์

“ผมไม่ทราบครับ พวกเขาไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายและไม่เคยมีใครไปเยี่ยมมาก่อน” เจ้าหน้าที่ตอบพลางเช็คข้อมูล

“พอดีเพื่อนของฉันเป็นแฟนของเขาน่ะ อยากจะมาเยี่ยมอะไรทำนองนั้น” โรสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆก่อนจะเห็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจดูอะไรซักอย่างแต่โรสดันยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เจ้าหน้าที่พูดว่าโอเคพลางรายงานว่าเขาอยู่ห้องไหน

“ขอบคุณ” นิโคลตอบพลางลากแขนโรสที่ชอบทำให้เธอไม่พอใจอยู่เรื่อย

“อะไรกัน ถ้าเธอยังมัวอ้ำๆอึ้งๆชาติหน้าก็คงได้เจอกันอยู่หรอกมั้ง” โรสทำท่าทางเซ็งก่อนจะเดินตามนิโคลขึ้นบันไดที่แสนเรียบหรูไปพลางสำรวจและตะลึงในความเป็นเศรษฐีของผู้ชายปริศนาที่มาเจ้าะแจ้ะกับเพื่อนสาวเธอ

“ฉันเปล่า แต่เธอน่ะเหมือน…ช่างมันเถอะ”

“แค่นั้นไม่เป็นไรหรอก ” นิโคลถอนหายใจเมื่อโรสตอบมาอย่างนั้นและเข้าใจว่าเพื่อนของเธอมีทรัพย์สินเงินทองแต่ทำไปอย่างนั้นมันเหมือนว่าเธอเป็นโจร นิโคลรีบวิ่งไปเมื่อเจอห้องที่เธอตามหา พลางเคาะประตู

“โอ ให้ตายนั่นเธอเหรอ” ไรอันที่กำลังกระดกกินเลือดอยู่แทบสำลักเมื่อได้ยินเสียงนิโคลเรียกจากข้างนอก

“ใช่” แอลขอร้องทางสายตาเพื่อให้ไรอันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไรอันทำหน้าเอือมระอาและหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาต้องทำให้ชีวิตตัวเองเป็นปรกติที่สุด

“เฮ้ ” ทันทีที่ประตูเปิดออกแอลเอ่ยทักทายเธอพลางรู้สึกแปลกใจกับคนที่เธอพามาด้วย ดูเหมือนนิโคลจะเข้าใจพลางแนะนำให้เขารู้จักกับโรส

“มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาข้างในก่อนไหม”  นิโคลสูดหายใจเข้าก่อนที่เธอจะพยักหน้า แอลจึงหลีกทางให้เธอเข้าไปก่อนตามด้วยโรสพลางยื่นหน้าออกมาข้างนอกเพื่อสำรวจว่ามีใครตามมาหรือเปล่า

เมื่อมาถึงโซฟาสำหรับนั่งเล่นนิโคลมีอาการประหม่าเล็กน้อยพลางมองตามร่างสูงที่เดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ

“คือฉันคิดว่าเราจะต้อง…”ระหว่างที่เธอเปิดปากพูดจู่ๆก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมา

“เฮ้ สาวๆ สวัสดี” โรสผงะเล็กน้อยตัวคนพูดอยู่ด้านหลังกับที่ที่เธอนั่งนั่นเองแถมเขายังเท้าแขนตรงโซฟาที่พวกเธอนั่งพลางยื่นมือมาจับ  “ฉันไรอัน ” สองสาวยิ้มให้ก่อนจะเห็นหน้าแอลที่แทบจะเซ็งโลกมองจ้องตอบกลับมาที่เขา

“โอเค” ไรอันดูเหมือนจะรู้ตัวพลางเดินปลีกตัวออกไปโรสมองตามเขาเล็กน้อยพลางหันมายังคนสองคนที่กำลังนั่งเงียบกันอยู่

“เออ จะให้ฉันออกไปหรือเปล่าหรือยังไง” โรสถามก่อนที่แอลจะดึงข้อมือนิโคลให้ลุกขึ้นพลางจูงกันไปยังอีกห้องหนึ่ง “โอเค ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ละกัน” โรสพึมพำขณะนั่งดูข้าวของไปเรื่อยๆและเธอเหมือนจะได้กลิ่นแปลกๆแต่เธอก็ไม่ใส่ใจพลางหยิบหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดอ่าน

นิโคลแปลกใจที่เห็นแอลล็อคกลอนประตูไว้เรียบร้อยมือของเขามีอาการสั่นแต่เธอเลือกที่จะมองหามุมที่จะนั่งจนเธอเพิ่งสังเกตได้ว่านี่เป็นส่วนของห้องนอนของเขา การตกแต่งเน้นที่โทนสีมืดๆไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีบุคลิกที่แตกต่าง เธอทรุดตัวนั่งลงตรงปลายเตียง

“นายหายไป”

“ก็แค่มีปัญหานิดหน่อย” แอลยืนกอดอกอยู่บริเวณหน้าต่างและมองออกไปยังวิวภายนอก

“อีกแล้วนะ คำนี้อีกแล้ว ทำไมนายต้องทำท่าทางหมางเมินกับฉันแบบนี้ด้วย” เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิดตลอดเวลาที่รู้จักเขามาเธอดูไม่มีค่าต่อเขาเลยกับท่าทีไม่แยแสอย่างนั้น

“ฉันก็เป็นของฉันอยู่แล้ว”
นิโคลไม่เข้าใจกับอากัปกิริยาที่เขาแสดงออกกมา เธอก้มหน้าลงบนข้อมือของตัวเอง ทำไมเขาต้องมีอิทธิพลต่อเธอขนาดนี้ ความรู้สึกที่อยากจะมีสิ่งนั้นของเธอมันปะทุอยู่ในใจกับเธอมานานมากพอที่จะรับรู้ได้ว่าเขาคือคนคนนั้น

“แล้วจูบของเราละ นายรู้สึกอะไรบ้างไหมหรือนายแค่…” ก่อนจะสิ้นประโยคเขาพูดแทรกขึ้นมาว่า

“ฉันไม่อยากจะให้เธอต้องมาเจ็บปวดเพราะฉัน”

“นายหมายถึงอะไร ก็นี่ไงเพราะฉันเชื่อใจนายแล้ว” นิโคลลุกขึ้นยืนพูด

“เรื่องมันซับซ้อน” แอลตอบเสียงเรียบๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่