เนื่องด้วยเหตุผลในการห้ามฉายของกระทรวงวัฒนธรรมและศูนย์ส่งเสริมพุทธศาสนาอ้างว่า
อาจทำให้คนที่ดูหนังเรื่องนี้มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาน้อยลง
แล้วถ้าผู้บริโภคจะอ้างว่า เป็นการริดรอนสิทธิของคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ เช่น เป็นคริสต์, มุสลิม หรือเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด
เพราะฉะนั้น ไม่มีผลให้เลื่อมใสน้อยลง เพราะไม่ได้เลื่อมใสอยู่แล้ว แบบนี้จะมีโอกาสชนะคดีไม๊?
และให้เหตุผลอีกว่า คณะกรรมการพิจารณาที่มีไม่กี่คน ไม่มีสิทธิมาคิดแทนผู้บริโภคที่เป็นคนส่วนใหญ่
เพราะผู้บริโภคไม่ได้ยินยอมมอบสิทธิของเราให้เค้าตัดสินใจแทนเราตั้งแต่ต้น
(ไม่เหมือนกับนักการเมือง, ส.ส., รัฐมนตรีนะครับ เพราะนั่นประชานชนมอบสิทธิการตัดสินใจให้เค้า)
เหตุผลประมาณนี้คิดว่าศาลจะรับฟังไม๊ครับ?
ถ้าผู้บริโภครวมตัวกันฟ้องศาล ว่าคำสั่งห้ามฉายหนังอาบัติของก.วัฒนธรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายการริดรอนสิทธิของ ปชช. มีโอกาสชนะไม๊
อาจทำให้คนที่ดูหนังเรื่องนี้มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาน้อยลง
แล้วถ้าผู้บริโภคจะอ้างว่า เป็นการริดรอนสิทธิของคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ เช่น เป็นคริสต์, มุสลิม หรือเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด
เพราะฉะนั้น ไม่มีผลให้เลื่อมใสน้อยลง เพราะไม่ได้เลื่อมใสอยู่แล้ว แบบนี้จะมีโอกาสชนะคดีไม๊?
และให้เหตุผลอีกว่า คณะกรรมการพิจารณาที่มีไม่กี่คน ไม่มีสิทธิมาคิดแทนผู้บริโภคที่เป็นคนส่วนใหญ่
เพราะผู้บริโภคไม่ได้ยินยอมมอบสิทธิของเราให้เค้าตัดสินใจแทนเราตั้งแต่ต้น
(ไม่เหมือนกับนักการเมือง, ส.ส., รัฐมนตรีนะครับ เพราะนั่นประชานชนมอบสิทธิการตัดสินใจให้เค้า)
เหตุผลประมาณนี้คิดว่าศาลจะรับฟังไม๊ครับ?