สวัสดีค่ะ

เนื่องจากเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวพักผ่อนตามประสาสาวโสดกันที่ จ.กาญจนบุรี
ก็เป็นทริปที่เราตั้งใจกันว่า "อยากโดดน้ำ อยากนอนแพ" ก็เล็ง ๆ ไว้นานแล้วแต่ก็ไม่ได้จองที่พัก สรุปว่าใกล้ถึงวันที่เราจะจองที่พักดันเต็มซะงั้น เลยได้หาที่พักใหม่ตามโจทย์ของเราจนตาลาย สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Jungle Rafts Resort แห่งนี้

ประโยคแรกที่ได้ยินจากเพื่อน คือ  "แก รีสอร์ทนี้น่าสนใจ ....แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้นะ มีแต่ตะเกียง"

สะตั๊นไป 3 วิ !!! ในใจคิดว่า เอิ่มมมมันจะดีเหรอแก เราไปเที่ยวหาความสำราญ จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ

ในสมองมโนไปว่า รีสอร์ทจะมืด ๆ ร้อน หรือ เข้าห้องน้ำใช้ชีวิตไม่สะดวกสบายหรือเปล่า และประเด็นหลังที่สำคัญอีกอย่าง สำหรับชีวิตคนเมืองสมัยนี้คือ  "บรรดาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย" และสิ่งสำคัญที่ชีวิตดูจะขาดไม่ได้ไปเสียแล้วก็คงจะเป็น "โทรศัพท์มือถือ" กับ "สัญญาณอินเทอร์เน็ต" ฉันจะมีใช้หรือเปล่า หรือแบตฯ จะพอใช้มั้ย???  พร้อมคำถามอีกมากมายบลา ๆ  ๆ ๆ

แต่ก็มั่นใจว่าเพื่อนต้องแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ (ฮา)  

"ตามใจแกละกัน แต่เช็คให้ชัวร์นะว่ามันโอเค ถามเรื่องที่ชาร์ทแบตฯ โทรศัพท์ กับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยนะ ว่ามีใช้หรือเปล่า "

คิดว่านางคงดีใจที่เราตอบตกลงเห็นดีเห็นงามกับที่พักตรงนี้ ก็ด้วยเราไม่เคยอ่านรีวิว หรือหาข้อมูลสำหรับที่นี่เลย ก็เลยไม่เห็นภาพว่าบรรยากาศมันโอเคมากแค่ไหน เพื่อนสาวคนงามของฉันจึงหลงไหล รีสอร์ทที่ที่ไร้ไฟฟ้าแห่งนี้

โอ้ววววววว แม่เจ้า รีวิวรีสอร์ทนี้ ที่ใคร ๆ แชร์กัน ทำไมช่างดูซิล ๆ ชวนฝันได้ขนาดนี้ อยากไปแล้วอ่าแก!!!!  แล้วเราก็นั่งนับวันรอเวลา ให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ

วันที่ 5 กันยายน 2558

ตื่นแต่เช้าเลยเรา ก็เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย ตื่นทุก 2 ชั่วโมง ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา เห็นว่าต้องนั่งรถ ลงเรือ ใช้ชีวิตแบบ slow life ก็เลยจัดหนัก ด้วยกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมมากมาย ที่ขาดไม่ได้คือแบตฯ 2 ก้อนที่ชาร์ทไฟเต็ม ๆ ไม่ให้พร่องเลยสักนิด เพราะกลัวว่าจะเมามันกับการลั่นชัตเตอร์ แล้วไม่มีแบตฯ สำรองเอาไว้ใช้  
นัดเจอเพื่อนสาวแสนสวย แล้วเติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูเชียงฮายยย ที่ตุนมาเป็นเสบียงยามเช้า กินคู่กับชอคโแลตเย็นปั่น อเมซอน (เข้ากันหรา) ก็มุ่งหน้าไป อ.ไทรโยค เราใช้เส้นทางนครปฐม บ้านโป่ง แล้วผ่าน อ.เมืองกาญจนบุรี มุ่งสู่ อ.ไทรโยค จุดนัดพบที่ 2 ของเรา

เส้นทางที่เราผ่านไป ท้องฟ้าสดใสมากกก วิวข้างทางส๊วยสวย บางช่วงก็เห็นต้นไม้เป็นทิวแถว 2 ข้างทาง เรามีความสุขกันมาก





พอถึงจุดนัดพบ เราก็ออกเดินทางไปเที่ยวจุดแรก จุดแรกที่เราเปิดประตู่สู่โลกกว้างก็คือ “ปางช้างไทรโยค” ที่นี่เราได้พบกับ “น้องลำไย” เป็นช้างที่ใจดี และน่ารักมาก ๆ แต่เราก็แอบเสียวว่าน้องจะเล่นอะไรพิเรนให้เราตกใจหรือเปล่า





แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ^^

จุดต่อไปเราไปตะลุยกันต่อที่ทางรถไฟสายมรณะ - ถ้ำกระแซ  ที่นี่เราถ่ายรูปกันด้วยความเมามัน แล้วรีบจากจุดนี้ไปด้วยความเร็ว เพราะต้องรีบไปเข้าที่พัก




เราออกจากเดินทางกันต่อ ระหว่างทางแวะกินข้าวมือกลางวันแถวน้ำตกไทรโยค กับข้าวที่นี่รสชาติดีทีเดียว โดยเฉพาะอาหารป่า หรืออาหารบ้าน ๆ อย่างกะเพราไข่ดาว เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราก็เริ่มเดินทางต่อ ตอนนี้สายฝนเริ่มโปรยปรายมาแล้ว


ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ ท่าเรือรีโซเทล สำหรับต่อเรือไป Jungle Rafts Resort





เรือลำนี้มีเราไปกันแค่ 3 คนเอง VIP สุด ๆ (ก็คนอื่นเขาเข้าที่พักกันหมดแล้วมั้ย มัวแต่แวะโน่นนี่กันอยู่)

ระหว่างนั่งเรือ สายฝนก็เทกระหน่ำมาที่พวกเรา ในใจคิดว่า จะเอาชีวิตมาทิ้งมั้ย ว่างน้ำก็ไม่เป็น ตอนนี้ที่ทำได้ดีที่สุดคือชูชีพที่ติดอยู่ที่เรือเท่านั้น ที่ทำให้เราอุ่นใจขึ้น

สองข้างทางที่ล่องเรือไป วิวสวยมาก มีต้นไม้หน้าผา และฝูงควายที่แช่น้ำเล่นอย่างสบายใจ น่ารัก เสียดายที่เก็บภาพไม่ได้ เพราะฝนก็ตกแรงมากเช่นกัน  ระหว่างทางได้เจอกับรีสอร์ทอื่น ๆ ล้วนแต่ก็น่าพักเช่นเดียวกัน
อึดใจใหญ่ ๆ เราถึงที่พักที่เราตั้งตารอจนได้ มันสวยกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก ถึงที่พักแล้ว เราไม่รอช้า รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า สำหรับเล่นน้ำ (ไหน ๆ ก็เปียกฝนละเนี่ยจะรออะไร)
















ทริปนี้มีนางเดียวเท่านั้นที่ว่ายน้ำเป็น  เราสลับกันเกาะ กันเล่นระยะสั้นคนละรอบ สองรอบ คนแถวนั้นคงสงสาร ฮ่า ๆ ๆ เลยอาสาพาเล่นน้ำระยะไกล (หน้าพี่เขาแอบคล้ายพี่ป้างเวอร์ชั่นบวมน้ำ อิอิ หนูแซวเล่นน๊ษ)  บอกเลยว่าสนุกมากมาย แต่แอบเกรงใจพี่เขาอ่า  เลยปล่อยให้เพื่อนได้ลอยคอกะพี่ๆ  เขาดีกว่า


แล้วเวลาแห่งความสนุกท้าทายก็หมดไป พี่ป้างแกบอกว่า ไหน ๆ มาแล้ว เดี๋ยวไม่คุ้ม มันก็จริงของพี่แก  แต่เราว่าถ้าได้โดดจะดีมาก วันหน้าละกัน ต้องพาฝูงเพื่อนของเรามา มันน่าจะสนุกสนานมากกว่า สาว ๆ มากันเอง

ค่ำคืนนี้กินข้าวใต้แสงตะเกียง รสชาติอาหารไม่ขี้เหร่ เติมได้ไม่อั้น เราก้ฟิน กันมาก ๆ นะ อิ่มแล้ว มานั่งเล่น นั่งคุยกันหน้าบ้าน มันฟินมากก








คืนนี้อากาศดี๊ดี หลับฝันดีนะ พรุ่งนี้ยังต้องเที่ยวต่อกันอีก ^^


วันที่ 6 กันยายน 2558
ตื่นเช้ามา เราไม่รีรอ รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปกินข้าวเช้ากัน อาหารเช้าก็เหมือนเดิม จัดเป็นโต๊ะเอาไว้รอ เติมได้ไม่อั้น พนักงานเสริฟที่นี่น่ารัก เป็นเด็กมอญ ประแป้งที่แก้มกันมาน่ารักเชียว


เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็ขึ้นไปเดินเล่นในหมู่บ้านมอญกัน ที่นี่บรรยากาศดีมาก ดูชีวิตดี๊ดี ฟิ๊นฟิน





















ถ่ายรูปกันจนหนำใจ เราก็เตรียมตัวกลับขึ้นฝั่งกันดีกว่า

ขากลับถ่ายรูปกับพี่ป้างเป็นที่ระลึกสักหน่อย ขอบคุณพี่ป้างและแฟนนะคะ ที่ทำให้พวกหนูได้ลอยน้ำพร้อมกันอย่างไร้กังวล ถ้าทริปหน้าชะตาเราต้องกัน คงได้เจอกพี่และแฟนอีก ฮ่า ๆ ๆ (ขอทริปหน้าไม่ต้องโดนน้ำเนอะ)



กลับขึ้นฝั่งแล้ว เราก็แวะเที่ยวกันตลอดทาง  (ร้านกาแฟ 12 ราศี)







มาปิดท้ายทริปที่ปราสาทเมืองสิงห์  ร่มรื่นกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก ถ่ายรุปกันฟินอีกเช่นเดิม เมื่อถ่ายรูปกันหนำใจแล้วก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ กทม.












ทริปนี้ต้องขอบใจเพื่อนและน้องสาวที่น่ารัก มาก ๆ สำหรับรอยยิ้ม และความทรงจำในการเดินทางที่แสนดีครั้งนี้ แล้วทริปหน้าเราเจอกันใหม่นะ ^^