3 เดือนหลังจากที่เราเลือกเดินจากเค้ามา
เรื่องราวที่เรากําลังจะแชร์ต่อไปนี้ เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2012 ยาวหน่อยนะคะ ถ้าตาลายก็ขอโทษด้วยเด้อ แฮ่ะๆ
แนะนําตัวเลยนะคะ จขกท เรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ อยู่มาเข้าปีที่ 10 แล้ว มาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 เลยค่ะ
ส่วน เจอเค้าได้ยังไงน่ะเหรอ....
คือเมื่อปี 2012 จขกท ได้เริ่มทำงาน part time เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แล้วก็รู้จักกับลูกสาวเจ้าของร้าน เจ๊แกเป็นคนน่ารักค่ะ นิสัยดี
แล้วกลางๆปีนั้น รู้สึกเจ๊บินกลับไปเที่ยวไทยกะสามี พอกลับมา เราก็ได้รับ Friend Request จากผู้ชายคนนึง...

ปกติ ไม่ค่อยรับแอดคนแปลกหน้า แต่พอลองกด Mutual Friends แล้วเจอเฟสของเจ๊ พอเจอเจ๊อีกที ก็เลยไปถามว่า ยูวรู้จักคนนี้มั้ย?
เจ๊ผู้น่ารักก็ตอบว่า อ๋อออออ พี่ N เป็นลูกพี่ลูกน้องของไอเอง ไอให้เฟสบุ๊คของยูวไปเองงงง (ตอนคุยกัน จะพูดอังกฤษ พอดีเจ๊แกเกิดที่นี่ค่ะ 5555)
เจ๊บอกว่า พี่ N อยากรู้จัก เพราะเจ๊ไปโม้ คุยเล่นๆ ขําๆไว้ว่าเราน่ารักนะ ไรงี้ >//< อุ๊ยเขิน 555555555
อ่ะๆ แอดมาก็รับหน่อยละกันจะได้ไม่เสียนํ้าใจ เพิ่มเพื่อนในเฟสอีก 1 หน่อ คงไม่มีอะไรสะเทือน แล้วตอนนั้น เราเองก็ยังคบกะแฟนอยู่
จนกระทั่งปลายปี 2012 เราโดนผู้ใหญ่ และ คนรอบข้างกดดันเรื่องแฟนคนนี้มาก ที่จริงเค้าพยายามพูดให้คิดมานานแล้วนะคะ แต่ก็ตามประสาวัยรุ่นอ่ะค่ะ อารมณ์มาก่อนเหตุผล ไหนจะเรื่องที่แฟนคนนี้ไม่ยอมเรียน ดูใช้ชีวิตไม่ค่อยนึกถึงอนาคต ซิ่งรถไปวันๆ หลายๆเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดเริ่มทําให้เราเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้มากขึ้น คิดถึงอนาคตมากขึ้น เพราะเราเองก็เคยทะเลาะเรื่องที่จะให้เค้าไปเรียนต่อ นับครั้งไม่ถ้วน จะชักชวนยังไง ก็ยังดื้อ ดึงดัน ไม่ยอมเรียน และนิสัยนึงที่เกลียดที่สุดคือ ไม่ยอมรับโทรศัพท์เวลาเราโทรไป เพราะมันมัวเล่นแต่เกมส์ -.- ติดเกมส์หนักมากกกกกก เล่นจนฟ้าสว่างอ่ะค่ะ งงกะมันอยู่จนทุกวันนี้ อะไรมันจะเล่นได้มาราทอนซะขนาดนั้น และในที่สุด ความสัมพันธ์ก็เริ่มเข้าสู่โหมดร่อแร่และรอวันเดี้ยง จนกระทั่ง เลิกรา Say Goodbye กันไปในที่สุด ....
หลังจากที่เลิกกันไป เริ่มปีใหม่ 2013 พี่ N ซึ่งคอยไลค์รูป ไลค์โพสเราในเฟส ก็เริ่มทัก เริ่มไลน์มาหาบ่อยขึ้น เค้าจะเป็นฝ่ายทักมาก่อนตลอด แต่ตอนเราคบกะแฟนเรา ก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ เพราะหน้าตาของพี่ N ก็ใช่ว่าหล่ออะไรนัก ยอมรับว่าไม่ใช่สเป็คเราเลยสักกะติ้ดนึงเลย ออกจะธรรมดา ในรูปโปรไฟล์เค้าก็ดูรูปร่างผอมสูง หน้ายาว ตอบๆ ผิวสองสีค่อนไปทางดํา คิ้วเข้มๆ ตาตี๋ คือ ไม่มีความรู้สึกที่ว่า จะหลงรักคนๆนี้ได้เลย หน้าตา เฉยๆมากกกกกกกก
แต่มาโดนตรงที่อายุค่ะ พอดีสเป็คเราชอบคนแก่กว่าค่ะ
พี่ N อายุมากกว่าเราถึง 7 ปี อื้อหือออ กะลังดี 20 ปลายๆ ใกล้ 30 งี้ >//<
ถ้ามีแฟนแก่กว่า รู้สึกว่ามันอบอุ่น ฟินๆ รู้สึกอยากอ้อน (ชะนีขี้มโนมาแล้วค่ะ จุดนี้ 5555555)
พอเริ่มได้คุยกัน แชทกัน เริ่มทําความรู้จักกัน ก็เริ่มหวั่นไหว ตามประสาคนที่หัวใจกําลังอ่อนแอ ง่ายต่อการไปหลงรักใคร เพราะมันก็เหงานะ ยิ่งตอนนี้โสดแล้วด้วย ปกติจะอยู่กะแฟนบ่อยมาก เมืองที่เราอยู่นี่ก็โคตรบ้านนอกเลย ไม่ค่อยมีไรทํา มีแต่เรียน กับ งาน ชีวิตก็ เบื่อๆสิ.... มา!! แกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเหาใส่หัวกันเถอะ 55555 เอาวะ พี่แกเองก็เพิ่งอกหักมา แถมโดนหนักซะด้วย พี่แกเล่าว่าถูกแฟนสาวนอกใจ แล้วนางก็ใช้มือถือพี่แกโทรนัดแฟนเก่าของนาง (หา?!) แล้วพอพี่แกสะกดรอยตามไปดู ก็ได้พบว่านางไปนอนกับแฟนเก่าเลยจ้า OMG!!! แล้วพี่แกก็โดนนางทิ้ง คือเท่าที่เค้าเล่าให้ฟัง ประมาณแบบไล่ทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมาเลยอ่ะค่ะ.....โถถัง อนิจจัง..... น่าสงสารว่ะ เข้าใจถึงความรู้สึกของพี่แกเลยนะตอนนั้น งั้นไม่เป็นไรนะตัวเอง เดี๋ยวเค้าอาสาดามใจให้ เลยทุ่มเทใจให้คนที่ในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนไปเต็มๆ เพราะในใจก็คิดได้ว่า เห้ย อย่างน้อยเค้าก็เป็นญาติของเจ๊ ถ้าเจ๊นําเหนอมาขนาดนี้ เค้าคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกมั้ง คงไม่มาร้าย คิดร้ายแน่ๆ เพราะครอบครัวเค้าก็ดี หน้าที่การงานเค้าก็โอ (เห้อ ควายล้วนๆ ไม่มีวัวผสมเลย) ในเมื่อคิดด้วยสติปัญญาอันเพรียบพร้อมที่สุดในตอนนั้นแล้ว ก็เลยตัดสินใจ ลองเปิดประตูหัวใจให้เข้ามา อยากจะศึกษาลองคบกันดู คือรู้สึกสงสารอ่ะ รู้สึกอยากดูแล จากหน้าที่ยาวๆ ตี๋บ้านๆ ก็เริ่มดูหล่อขึ้น มีเสน่ห์ขึ้น จากไลน์เป็นตัวหนังสือ ก็อยากได้ยินเสียง เริ่มคุยกันทาง Line Call หรือไม่ก็ Skype แล้วพัฒนามาใช้ Face Time คุยกัน เห็นหน้ามากขึ้น พอไม่มีคิว ว่างๆที่ทํางานพี่แกก็จะวีดีโอคอลมา ออกแนวมาแซวมากวนตีนบ้าง เพราะงานที่เค้าทําบางทีก็กะดึก มันก็คือเวลาตอนเช้าของอีกซีกโลกนึง บางทีก็เช้า คือเวลาก่อนนอนของเรา โรแมนติคชะมัดเลย ช่วงเวลานั้น คุยกันก่อนนอน คุยทุกเรื่องสัพเพเหระ เรื่องใสๆ ยันทะลึ่งตึงตังเข้าขั้นเรทอาร์ แอบหื่นนิดๆ
มีประโยคทองที่ยังจําได้จนถึงทุกวันนี้ เช่น
" เนี่ย วันนี้วันเด็ก เราจูงลูก เดี๋ยวพี่ถือของเอง"
กรี้ดดดดด >//< เราก็อึนไปสิ พี่แกหยอดมาแต่ละคํา ทํามาแต่ละอย่าง คือ คารมณ์ดีอ่ะค่ะ
ถ้าเป็นชะนีที่มีจิตใจสมดุล ปรกติ คงจะแบบอะไรของเมิงวะ มา Theme จูงลูกเวิ่นเว้ออะไร
แต่พอดีตอนนั้น อินี่มันไม่ปรกติค่ะ 555555555
แล้วมีอยู่ครั้งนึง เป็น moment ที่แบบได้ใจเราไปเลยคือ พี่แก Face Time กะเราอยู่แล้วเหมือนพี่แกกะลังขับรถพาแม่ไปไหนสักที่เนี่ยแหละ
แล้วขุ่นพี่แกก็ยื่นโทรศัพท์ให้คุยกะแม่!!!
อุ๊ยยยยตั้ยยยยยยยย เข้าข้างตัวเองได้เต็มที่เลยนะเนี่ย จุดนี้ 555555555555555555
ทุกอย่างทําเป็นกิจวัตร ทุกวัน สมํ่าเสมอ จนกระทั่งวันที่โปรหมด... คือช่วงกลางปี 2013
ตอนนั้น พี่ N แกไปสอบเป็นนักบิน แล้วดูช่วงนั้นพี่แกก็ยุ่งๆ ก็เข้าใจ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จากที่คุยกันบ่อยขึ้น เริ่มจะหายๆไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร จนเวลาผ่านไป ก็เงียบหาย ไปไหน ทําไรไม่ค่อยบอกแล้ว จนเราเริ่มนอยด์ และเริ่มมีลางสังหรณ์แบบที่พวกผู้หญิงเค้าเป็นๆกันนี่แหละ
แล้วเหมือนระแคะระคายว่า คงจะเจอคนที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าเราแล้วแน่ๆเลย
ยังไงน่ะเหรอคะ.... คือเริ่มเห็นว่าคุยกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งน่าจะเรียนบินด้วยกัน มาเม้นแบบคล้ายเหมือนกําลังจีบกันอยู่ เห็นพี่แกไปกดไลค์รูปผู้หญิงคนนั้นหลายรูปเหมือนกัน เคยถึงขนาดลองตั้งให้พี่แกเป็น Close Friend ดูเพื่อจะส่อง activity ของพี่แก ซึ่งในชีวิตนี้ไม่คิดจะทํา แต่เพราะเริ่มมีลางสังหรณ์อย่างว่านี่แหละค่ะ เลยทําให้มีความรู้สึกที่ไม่ไว้ใจเกิดขึ้น พอโทรมาคุยกัน ก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น
แล้วสิ่งที่เรากลัวก็เกิดขึ้น วันนึงในรอบหลายสัปดาห์ พี่แกก็โทรมาหาเรา พูดคล้ายๆว่าอยากจะยุติความสัมพันธ์ที่มีระยะทางนี้แล้ว เริ่มหาข้ออ้างที่แบบ เข้ากันไม่ได้บ้าง ความชอบ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน บลาๆๆ แต่ก็อยากจะประคองความสัมพันธ์ (งงมั้ยล่ะคะ) ตัวเราเองก็โคตรจะงงต่อความต้องการของพี่แกจริงๆจุดนี้ อยากเลิก แต่อยากจะประคอง อะไรของมึ๊งงงงงงงงงงงง -____________-''
ไอ้เรื่องที่อ้างๆเรื่องบางเรื่องเนี่ย มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆเลยนะ เช่นรสนิยมการฟังเพลง ชอบเวิ่นอะไรผ่านเฟสบ้าง (คนเรามีความรู้สึกนะโว้ย ฉันเองก็ไม่ได้เวิ่นพรํ่าเพื่อซะเมื่อไหร่)
จําได้ลางๆตอนนั้นว่าประโยคที่พี่แกพูดมาเด็ดสุดคือ "กับเรา พี่มีแค่จินตนาการ" โอ้โห..... เป๊ะปังเลยค่ะ อย่างงี้.... ต้องการอยากเลิกแน่ๆ ชัวร์ๆ โชะเด๊ะ!!
แต่เราก็ยังไม่ยอมปล่อยไปนะคะ หนีความจริงจนถึงที่สุด -__-
จนกระทั่ง....ความจริงมันโผล่มาจ๊ะเอ๋ตรงหน้า วันที่ไปได้ยินญาติผู้ใหญ่เค้ามาเล่าให้พวกกันเองบนรถระหว่างทางกลับบ้านให้ฟังว่า:
" เห็นแม่ N โทรมาเล่าให้ฟังว่า N มันกําลังคุยๆ คบๆกับผู้หญิงคนนึง ที่บ้านเป็นคนภูเก็ต มีฐานะดี เรียนเป็นนักบินด้วยกัน เห็นว่าวันนั้นแม่ N เล่าว่า นางเอาของมาฝากจากภูเก็ตให้นะ.... "
ยังไม่ทันจะสาธยายต่อ โอ้โห..... คุณเอ๊ยยยยย ตอนนั้นคือหลุดเลยอ่ะ ร้องไห้ออกมาเหมือนผีบ้า จนญาติเค้าตกใจว่าเราเป็นอะไรไปวะ O.O อยู่ดีๆก็มาฟูมฟายอย่างกะญาติเราเสีย คือจุดนั้นมันทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ต้องแหกปากร้องไห้ให้หยุด ก็เลยรู้กันไปหมดเลยว่า พี่ N ก็มาคุยกับเราด้วย (เราไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปบอกญาติเค้าอยู่แล้ว) เค้าก็ช่วยกันปลอบเรากันยกใหญ่ และเราก็ขอร้องเค้าว่าอย่าบอกใครได้มั้ยเรื่องนี้
พวกเค้าก็สัญญาด้วยเกียรติของผู้ใหญ่ว่า โอเค จะไม่บอกใครแน่นอน สบายใจได้
คืนนั้น...เป็นอะไรที่ หลับยากที่สุดในชีวิตอ่ะค่ะ ร้องไห้จนปวดหัวปวดตา วันรุ่งขึ้นสภาพน้องๆซอมบี้ ทำงานเหมือนคนเอ๋อ นั่งเหม่อ แล้วก็ร้องไห้
เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก และเป็นช่วงเวลาที่เอาแต่นั่งโทษตัวเองจนแทบคลั่ง เงียบหง๋อยเศร้าสร้อยไปหลายวัน
นํ้าหนักก็ลดลงไปตามระเบียบ
และคืนนั้นเอง Facebook Instagram Line ทุกอย่างก็ลบหมด แต่ไม่ได้บล็อคนะ คือเอานิสัยประเภทแบบ อยากรู้ว่าเค้ายังจะอยากตามหาเรามั้ย ถ้าเราหายไป (นํ้าเน่าจริงๆ นึกแล้วก็ขํา 555555)
แล้วเราก็หายไปจากชีวิตเค้าไปเป็นเวลาร่วม 3 เดือน
....
อุ้ย จะตีสามแล้วเหรอเนี่ย เล่าเพลินเลย ขอพาสังขารไปพักผ่อนเอาแรงเพื่องานกรรมกรพรุ่งนี้ก่อนนะค้าาา
เดี๋ยวจะมาต่อ As soon as possible ค้า ;))
(18+) "ความรัก" ที่เกิดขึ้น คนละซีกโลก // Distance Relationship
เรื่องราวที่เรากําลังจะแชร์ต่อไปนี้ เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2012 ยาวหน่อยนะคะ ถ้าตาลายก็ขอโทษด้วยเด้อ แฮ่ะๆ
แนะนําตัวเลยนะคะ จขกท เรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ อยู่มาเข้าปีที่ 10 แล้ว มาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 เลยค่ะ
ส่วน เจอเค้าได้ยังไงน่ะเหรอ....
คือเมื่อปี 2012 จขกท ได้เริ่มทำงาน part time เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แล้วก็รู้จักกับลูกสาวเจ้าของร้าน เจ๊แกเป็นคนน่ารักค่ะ นิสัยดี
แล้วกลางๆปีนั้น รู้สึกเจ๊บินกลับไปเที่ยวไทยกะสามี พอกลับมา เราก็ได้รับ Friend Request จากผู้ชายคนนึง...
ปกติ ไม่ค่อยรับแอดคนแปลกหน้า แต่พอลองกด Mutual Friends แล้วเจอเฟสของเจ๊ พอเจอเจ๊อีกที ก็เลยไปถามว่า ยูวรู้จักคนนี้มั้ย?
เจ๊ผู้น่ารักก็ตอบว่า อ๋อออออ พี่ N เป็นลูกพี่ลูกน้องของไอเอง ไอให้เฟสบุ๊คของยูวไปเองงงง (ตอนคุยกัน จะพูดอังกฤษ พอดีเจ๊แกเกิดที่นี่ค่ะ 5555)
เจ๊บอกว่า พี่ N อยากรู้จัก เพราะเจ๊ไปโม้ คุยเล่นๆ ขําๆไว้ว่าเราน่ารักนะ ไรงี้ >//< อุ๊ยเขิน 555555555
อ่ะๆ แอดมาก็รับหน่อยละกันจะได้ไม่เสียนํ้าใจ เพิ่มเพื่อนในเฟสอีก 1 หน่อ คงไม่มีอะไรสะเทือน แล้วตอนนั้น เราเองก็ยังคบกะแฟนอยู่
จนกระทั่งปลายปี 2012 เราโดนผู้ใหญ่ และ คนรอบข้างกดดันเรื่องแฟนคนนี้มาก ที่จริงเค้าพยายามพูดให้คิดมานานแล้วนะคะ แต่ก็ตามประสาวัยรุ่นอ่ะค่ะ อารมณ์มาก่อนเหตุผล ไหนจะเรื่องที่แฟนคนนี้ไม่ยอมเรียน ดูใช้ชีวิตไม่ค่อยนึกถึงอนาคต ซิ่งรถไปวันๆ หลายๆเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดเริ่มทําให้เราเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้มากขึ้น คิดถึงอนาคตมากขึ้น เพราะเราเองก็เคยทะเลาะเรื่องที่จะให้เค้าไปเรียนต่อ นับครั้งไม่ถ้วน จะชักชวนยังไง ก็ยังดื้อ ดึงดัน ไม่ยอมเรียน และนิสัยนึงที่เกลียดที่สุดคือ ไม่ยอมรับโทรศัพท์เวลาเราโทรไป เพราะมันมัวเล่นแต่เกมส์ -.- ติดเกมส์หนักมากกกกกก เล่นจนฟ้าสว่างอ่ะค่ะ งงกะมันอยู่จนทุกวันนี้ อะไรมันจะเล่นได้มาราทอนซะขนาดนั้น และในที่สุด ความสัมพันธ์ก็เริ่มเข้าสู่โหมดร่อแร่และรอวันเดี้ยง จนกระทั่ง เลิกรา Say Goodbye กันไปในที่สุด ....
หลังจากที่เลิกกันไป เริ่มปีใหม่ 2013 พี่ N ซึ่งคอยไลค์รูป ไลค์โพสเราในเฟส ก็เริ่มทัก เริ่มไลน์มาหาบ่อยขึ้น เค้าจะเป็นฝ่ายทักมาก่อนตลอด แต่ตอนเราคบกะแฟนเรา ก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ เพราะหน้าตาของพี่ N ก็ใช่ว่าหล่ออะไรนัก ยอมรับว่าไม่ใช่สเป็คเราเลยสักกะติ้ดนึงเลย ออกจะธรรมดา ในรูปโปรไฟล์เค้าก็ดูรูปร่างผอมสูง หน้ายาว ตอบๆ ผิวสองสีค่อนไปทางดํา คิ้วเข้มๆ ตาตี๋ คือ ไม่มีความรู้สึกที่ว่า จะหลงรักคนๆนี้ได้เลย หน้าตา เฉยๆมากกกกกกกก
แต่มาโดนตรงที่อายุค่ะ พอดีสเป็คเราชอบคนแก่กว่าค่ะ
พี่ N อายุมากกว่าเราถึง 7 ปี อื้อหือออ กะลังดี 20 ปลายๆ ใกล้ 30 งี้ >//<
ถ้ามีแฟนแก่กว่า รู้สึกว่ามันอบอุ่น ฟินๆ รู้สึกอยากอ้อน (ชะนีขี้มโนมาแล้วค่ะ จุดนี้ 5555555)
พอเริ่มได้คุยกัน แชทกัน เริ่มทําความรู้จักกัน ก็เริ่มหวั่นไหว ตามประสาคนที่หัวใจกําลังอ่อนแอ ง่ายต่อการไปหลงรักใคร เพราะมันก็เหงานะ ยิ่งตอนนี้โสดแล้วด้วย ปกติจะอยู่กะแฟนบ่อยมาก เมืองที่เราอยู่นี่ก็โคตรบ้านนอกเลย ไม่ค่อยมีไรทํา มีแต่เรียน กับ งาน ชีวิตก็ เบื่อๆสิ.... มา!! แกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเหาใส่หัวกันเถอะ 55555 เอาวะ พี่แกเองก็เพิ่งอกหักมา แถมโดนหนักซะด้วย พี่แกเล่าว่าถูกแฟนสาวนอกใจ แล้วนางก็ใช้มือถือพี่แกโทรนัดแฟนเก่าของนาง (หา?!) แล้วพอพี่แกสะกดรอยตามไปดู ก็ได้พบว่านางไปนอนกับแฟนเก่าเลยจ้า OMG!!! แล้วพี่แกก็โดนนางทิ้ง คือเท่าที่เค้าเล่าให้ฟัง ประมาณแบบไล่ทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมาเลยอ่ะค่ะ.....โถถัง อนิจจัง..... น่าสงสารว่ะ เข้าใจถึงความรู้สึกของพี่แกเลยนะตอนนั้น งั้นไม่เป็นไรนะตัวเอง เดี๋ยวเค้าอาสาดามใจให้ เลยทุ่มเทใจให้คนที่ในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนไปเต็มๆ เพราะในใจก็คิดได้ว่า เห้ย อย่างน้อยเค้าก็เป็นญาติของเจ๊ ถ้าเจ๊นําเหนอมาขนาดนี้ เค้าคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกมั้ง คงไม่มาร้าย คิดร้ายแน่ๆ เพราะครอบครัวเค้าก็ดี หน้าที่การงานเค้าก็โอ (เห้อ ควายล้วนๆ ไม่มีวัวผสมเลย) ในเมื่อคิดด้วยสติปัญญาอันเพรียบพร้อมที่สุดในตอนนั้นแล้ว ก็เลยตัดสินใจ ลองเปิดประตูหัวใจให้เข้ามา อยากจะศึกษาลองคบกันดู คือรู้สึกสงสารอ่ะ รู้สึกอยากดูแล จากหน้าที่ยาวๆ ตี๋บ้านๆ ก็เริ่มดูหล่อขึ้น มีเสน่ห์ขึ้น จากไลน์เป็นตัวหนังสือ ก็อยากได้ยินเสียง เริ่มคุยกันทาง Line Call หรือไม่ก็ Skype แล้วพัฒนามาใช้ Face Time คุยกัน เห็นหน้ามากขึ้น พอไม่มีคิว ว่างๆที่ทํางานพี่แกก็จะวีดีโอคอลมา ออกแนวมาแซวมากวนตีนบ้าง เพราะงานที่เค้าทําบางทีก็กะดึก มันก็คือเวลาตอนเช้าของอีกซีกโลกนึง บางทีก็เช้า คือเวลาก่อนนอนของเรา โรแมนติคชะมัดเลย ช่วงเวลานั้น คุยกันก่อนนอน คุยทุกเรื่องสัพเพเหระ เรื่องใสๆ ยันทะลึ่งตึงตังเข้าขั้นเรทอาร์ แอบหื่นนิดๆ
มีประโยคทองที่ยังจําได้จนถึงทุกวันนี้ เช่น
" เนี่ย วันนี้วันเด็ก เราจูงลูก เดี๋ยวพี่ถือของเอง"
กรี้ดดดดด >//< เราก็อึนไปสิ พี่แกหยอดมาแต่ละคํา ทํามาแต่ละอย่าง คือ คารมณ์ดีอ่ะค่ะ
ถ้าเป็นชะนีที่มีจิตใจสมดุล ปรกติ คงจะแบบอะไรของเมิงวะ มา Theme จูงลูกเวิ่นเว้ออะไร
แต่พอดีตอนนั้น อินี่มันไม่ปรกติค่ะ 555555555
แล้วมีอยู่ครั้งนึง เป็น moment ที่แบบได้ใจเราไปเลยคือ พี่แก Face Time กะเราอยู่แล้วเหมือนพี่แกกะลังขับรถพาแม่ไปไหนสักที่เนี่ยแหละ
แล้วขุ่นพี่แกก็ยื่นโทรศัพท์ให้คุยกะแม่!!!
อุ๊ยยยยตั้ยยยยยยยย เข้าข้างตัวเองได้เต็มที่เลยนะเนี่ย จุดนี้ 555555555555555555
ทุกอย่างทําเป็นกิจวัตร ทุกวัน สมํ่าเสมอ จนกระทั่งวันที่โปรหมด... คือช่วงกลางปี 2013
ตอนนั้น พี่ N แกไปสอบเป็นนักบิน แล้วดูช่วงนั้นพี่แกก็ยุ่งๆ ก็เข้าใจ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จากที่คุยกันบ่อยขึ้น เริ่มจะหายๆไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร จนเวลาผ่านไป ก็เงียบหาย ไปไหน ทําไรไม่ค่อยบอกแล้ว จนเราเริ่มนอยด์ และเริ่มมีลางสังหรณ์แบบที่พวกผู้หญิงเค้าเป็นๆกันนี่แหละ
แล้วเหมือนระแคะระคายว่า คงจะเจอคนที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าเราแล้วแน่ๆเลย
ยังไงน่ะเหรอคะ.... คือเริ่มเห็นว่าคุยกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งน่าจะเรียนบินด้วยกัน มาเม้นแบบคล้ายเหมือนกําลังจีบกันอยู่ เห็นพี่แกไปกดไลค์รูปผู้หญิงคนนั้นหลายรูปเหมือนกัน เคยถึงขนาดลองตั้งให้พี่แกเป็น Close Friend ดูเพื่อจะส่อง activity ของพี่แก ซึ่งในชีวิตนี้ไม่คิดจะทํา แต่เพราะเริ่มมีลางสังหรณ์อย่างว่านี่แหละค่ะ เลยทําให้มีความรู้สึกที่ไม่ไว้ใจเกิดขึ้น พอโทรมาคุยกัน ก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น
แล้วสิ่งที่เรากลัวก็เกิดขึ้น วันนึงในรอบหลายสัปดาห์ พี่แกก็โทรมาหาเรา พูดคล้ายๆว่าอยากจะยุติความสัมพันธ์ที่มีระยะทางนี้แล้ว เริ่มหาข้ออ้างที่แบบ เข้ากันไม่ได้บ้าง ความชอบ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน บลาๆๆ แต่ก็อยากจะประคองความสัมพันธ์ (งงมั้ยล่ะคะ) ตัวเราเองก็โคตรจะงงต่อความต้องการของพี่แกจริงๆจุดนี้ อยากเลิก แต่อยากจะประคอง อะไรของมึ๊งงงงงงงงงงงง -____________-''
ไอ้เรื่องที่อ้างๆเรื่องบางเรื่องเนี่ย มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆเลยนะ เช่นรสนิยมการฟังเพลง ชอบเวิ่นอะไรผ่านเฟสบ้าง (คนเรามีความรู้สึกนะโว้ย ฉันเองก็ไม่ได้เวิ่นพรํ่าเพื่อซะเมื่อไหร่)
จําได้ลางๆตอนนั้นว่าประโยคที่พี่แกพูดมาเด็ดสุดคือ "กับเรา พี่มีแค่จินตนาการ" โอ้โห..... เป๊ะปังเลยค่ะ อย่างงี้.... ต้องการอยากเลิกแน่ๆ ชัวร์ๆ โชะเด๊ะ!!
แต่เราก็ยังไม่ยอมปล่อยไปนะคะ หนีความจริงจนถึงที่สุด -__-
จนกระทั่ง....ความจริงมันโผล่มาจ๊ะเอ๋ตรงหน้า วันที่ไปได้ยินญาติผู้ใหญ่เค้ามาเล่าให้พวกกันเองบนรถระหว่างทางกลับบ้านให้ฟังว่า:
" เห็นแม่ N โทรมาเล่าให้ฟังว่า N มันกําลังคุยๆ คบๆกับผู้หญิงคนนึง ที่บ้านเป็นคนภูเก็ต มีฐานะดี เรียนเป็นนักบินด้วยกัน เห็นว่าวันนั้นแม่ N เล่าว่า นางเอาของมาฝากจากภูเก็ตให้นะ.... "
ยังไม่ทันจะสาธยายต่อ โอ้โห..... คุณเอ๊ยยยยย ตอนนั้นคือหลุดเลยอ่ะ ร้องไห้ออกมาเหมือนผีบ้า จนญาติเค้าตกใจว่าเราเป็นอะไรไปวะ O.O อยู่ดีๆก็มาฟูมฟายอย่างกะญาติเราเสีย คือจุดนั้นมันทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ต้องแหกปากร้องไห้ให้หยุด ก็เลยรู้กันไปหมดเลยว่า พี่ N ก็มาคุยกับเราด้วย (เราไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปบอกญาติเค้าอยู่แล้ว) เค้าก็ช่วยกันปลอบเรากันยกใหญ่ และเราก็ขอร้องเค้าว่าอย่าบอกใครได้มั้ยเรื่องนี้
พวกเค้าก็สัญญาด้วยเกียรติของผู้ใหญ่ว่า โอเค จะไม่บอกใครแน่นอน สบายใจได้
คืนนั้น...เป็นอะไรที่ หลับยากที่สุดในชีวิตอ่ะค่ะ ร้องไห้จนปวดหัวปวดตา วันรุ่งขึ้นสภาพน้องๆซอมบี้ ทำงานเหมือนคนเอ๋อ นั่งเหม่อ แล้วก็ร้องไห้
เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก และเป็นช่วงเวลาที่เอาแต่นั่งโทษตัวเองจนแทบคลั่ง เงียบหง๋อยเศร้าสร้อยไปหลายวัน
นํ้าหนักก็ลดลงไปตามระเบียบ
และคืนนั้นเอง Facebook Instagram Line ทุกอย่างก็ลบหมด แต่ไม่ได้บล็อคนะ คือเอานิสัยประเภทแบบ อยากรู้ว่าเค้ายังจะอยากตามหาเรามั้ย ถ้าเราหายไป (นํ้าเน่าจริงๆ นึกแล้วก็ขํา 555555)
แล้วเราก็หายไปจากชีวิตเค้าไปเป็นเวลาร่วม 3 เดือน
....
อุ้ย จะตีสามแล้วเหรอเนี่ย เล่าเพลินเลย ขอพาสังขารไปพักผ่อนเอาแรงเพื่องานกรรมกรพรุ่งนี้ก่อนนะค้าาา
เดี๋ยวจะมาต่อ As soon as possible ค้า ;))