Wish Us Luck @ KohLarn By kkunn
“เห้ยเอาไงดีล่ะทริปเร่งด่วนว่ะ ซื้อตั๋วดิรอไร” ผมบอกกับ “หน็อยแน่” เพื่อนร่วมเดินทางของผมที่กำลังจะออกเดินทางไปด้วยกันในทริปเร่งด่วนนี้ “ก็เอาดิไปกัน” คำตอบจากหน็อยแน่ทำให้ผมไม่รอช้ารีบจัดแจงหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและหาที่พัก
**เราเดินทางกันวันที่ 12 - 13 กันยายน 2558 ครับ**
ทริปนี้ถือเป็นโชคดีของเราสองคนมากที่กลับกันวันก่อนพายุจะเข้าพัทยาพอดีครับ หลังจากวันนั้นน้ำท่วมพัทยาทำให้การเดินทางออกจากเกาะเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ก่อนวันเดินทางเราได้เติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูน้ำใส ปากซอยรามอินทรา19 ขอขอบคุณพี่ขายก๋วยเตี๋ยวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้เราได้มีแรงเดินทางในครั้งนี้ ก่อนวันเดินทางเราได้พบกับเรื่องแปลกโดยการที่มีเครื่องบินอยู่ที่หน้าปากซอยบ้านเราเป็นการอวยพรให้โชคดีในการเดินทางครั้งนี้
Chapters 1 Day1
เราเริ่มออกจากกรุงเทพด้วยรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยข้างเซ็นจูรี่ ตอนเวลา 6 โมงตรง ค่ารถ 120 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาน3ชั่วโมง

รถตู้มีจอดแวะพักเติมก๊าซ ทำให้เราได้มีเวลาลงไปถ่ายรูปเล่นกันซักพัก หลังจากเริ่มออกเดินทางต่อเราก็นั่งฟังเพลงกันไป จนถึงที่หมาย แหลมบาลีฮาย เราจึงไม่รอช้ารีบเดินไปซื้อตั๋วเรือไปเกาะล้าน จอดที่ท่าเรือหน้าบ้าน ราคาคนละ30บาท
ภายในเรือมีชูชีพสำหรับแต่ละคน เราเลือกนั่งด้านหลังเพราะว่าอยากเก็บภาพมุมสวยๆ
ทะเลสวยงาม
ภาพที่เห็นในนาทีนี้คือสิ่งฉันนั้นฝันอยากเห็นมาตลอด

ใช้เวลาเดินทางประมาน40นาที เราก็มาถึงท่าเรือ เอ้ะ นั่นคือเวลาประมานที่คนอื่นเขาบอกมา แต่เรือลำที่เรานั่งมา เป็นเรือแว๊นครับ ใช้เวลา25นาทีเท่านั้น
น้องหน็อยแน่
และผมเอง

เรามาถึงท่าหน้าบ้านเราก็เดินไปเช็คอินที่บ้านรินรักษ์ซึ่งทริปเราเป็นทริปเร่งด่วนทำให้การจองที่พักเป็นเรื่องที่ลำบากมาก สุดท้ายเราก็มาลงเอยกันที่
บ้านรินรักษ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโชคดีของเรามาก พนักงานที่นี้ยิ้มแย้มบริการดีตลอดการเข้าพักของเราเลย
บ้านรินรักษ์

Chapters 2
เราเช่ามอเตอร์ไซค์ 300 บาท คืนเที่ยงวันรุ่งขึ้น รีบไปทะเลก่อนเลยครับ ไปหาดแสมก่อนเป็นหาดแรก และเป็นหาดเดียวที่เราได้ไป เพราะอะไรรออ่านต่อนะครับ
ทะเลน้ำใสมากครับ ลงไปลึกถึงเอวยังมองเห็นเท้าอยู่เลย ทรายนุ่มและขาวมากครับ
หลังจากเราเสร็จทะเลเราไปต่อกันที่จุดชมวิว ขับมอเตอร์ไซด์ไปต่อไม่ไกลครับ แต่หนทางชันมาก แนะนำถ้าใครขับรถไม่แข็งอย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ
วิวจากจุดแรกที่เราแวะถ่ายรูปกัน
และจุดที่สองครับ
หลังจากนั้นเราก็แวะถ่ายรูปกังหันตอนกำลังจะลงจากจุดชมวิวครับ
***หมายเหตุ*** เหตุการณ์ต่อจากนี้จะไม่มีภาพประกอบนะครับเนื่องจากไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะถ่ายรูป
Chapters 3
หลังจากที่เรากำลังขับลงจากเขานั้น ทางชันมากครับ พอถึงโค้งหักศอกตอนที่จะถึงทางราบแล้วตรงโค้งมีหินเม็ดเล็กๆอยู่เต็มไปหมด ผมมองไม่เห็นขับเลี้ยวตามปกติด้วยความเร็วที่ต่ำมากๆ ไม่ได้บิดเลยครับ ทันใดนั้น โคร้ม !! รถสไลด์ เราสองคนล้มลงไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับพื้นถนนแคบๆนั้น
ณ วินาทีนั้นตัวผมไม่มีความรู้สึกเจ็บใดๆครับ สิ่งแรกที่คิดคือหันไปมองหน็อยแน่แล้วถามว่าเป็นอะไรไหม นั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เธอทำครับ
หลังจากเราตั้งสติกันได้แล้วเราก็ขับรถกันออกมาทั้งๆที่ขาเราเป็นแผลและเลือดไหนโชกครับ เราออกมาถึงทางออกจุดชมวิว ผมก็จอดรถและดูอาหารให้หน็อยแน่ ที่ตอนนั้นเลือดออกมาจากแผลเยอะมากครับ จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “หนูๆ เป็นอะไรมากไหม ไปกับยายไหม เดี๋ยวยายพาไปทำแผล” ผมกับหน็อยแน่หันไปมองทางเดียวกับที่เสียงนั้นดังมา เป็นคุณยายชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาพอดี ที่ตอนแรกขับเลยไปแล้วแต่ยายเขาหยุดรถและตะโกนมาหาเราสองคนตอนแรกนั้นเราสองคนก็ลังเลครับว่าจะไปกันดีหรือเปล่า กลัวว่ายายจะมาหลอกไหม เหมือนคุณยายจะเห็นจากสีหน้าของเราสองคน
คุณยายเลยพูดขึ้นมาว่า “ยายพาไปทำแผลฟรีนะตามมาเถอะ”
สุดท้ายเราก็ตกลงขับรถตามคุณยายกลับไปที่หาดแสม คุณยายพาเราไปจอดรถที่หน้ารีสอร์ท ตอนแรกที่เจ้าของรีสอร์ทเดินออกมาดูเราสองคน เขาก็บอกเราว่า “ไปล้างแผลที่ห้องน้ำก่อนเลยนะ” ผมกำลังจะพาหน็อยแน่เดินอ้อมไปไม่อยากเดินผ่านล้อบบี้แต่ทางเจ้าของบอกว่า “เดินผ่านล้อบบี้ไปเลยนะ”
เขาบอกก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดอะไรซะอีกครับ ซื้อใจพวกผมไปได้เยอะมากจริงๆครับ คนบนเกาะนี้น่ารักมากๆเลยจริงๆ หลังจากที่เราล้างแผลเสร็จ
คุณยายก็พาเรามานั่งที่เก้าอี้ของทางรีสอร์ท ที่จริงๆเป็นโต๊ะที่เตรียมไว้รับแขกที่กำลังจะมาครับ จุดนี้เกรงใจมากจริงๆครับผมบอกไปว่า “ไม่เป็นไรครับไม่ต้องทำแผลก็ได้” แต่คุณยายก็ยังยืนยันที่จะทำแผลให้ ท่ามกลางพวกพี่ๆที่กำลังทำกับข้าวกันอยู่เลยครับ คนมองเต็มเลย ฮ่าๆ
หลังจากนั้นคุณยายก็ไก้จัดเตรียมอุปกรณ์ทำแผลที่ประกอบไปด้วย สำลีแอลกอฮอล เบตาดีน และยาหม่อง ตอนนั้นสีหน้าของหน็อยแน่เริ่มไม่สู้ดีแล้ว และแล้วเธอก็เป็นลม ในขณะที่คุณยายเริ่มใช้ยาหม่องทาไปที่จมูกของเธอ ทำให้เธอได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากนั้นคุณยายก็เริ่มปฏิบัติการทำแผลต่อครับ โดยเริ่มจากการเอาแอลกอฮอลเช็ดรอบๆแผล อีกซักพักเมื่อคุณยายเริ่มเช็ดรอบๆแผลดีแล้วนั้นเอง คุณยายก็จะเริ่มเข้าบุกตีเมืองกรุงแล้วครับ คุณยายจัดแจงเปลี่ยนสำลีอันใหม่ชุบแอลกอฮอลเน้นๆ เตรียมจะบุกเข้าตีแล้ว ทันใดนั้นหน็อยแน่ก็ได้ห้ามเอาไว้บอกว่า”เดี๋ยวก่อนค่ะคุณยาย” ในขณะที่ผมกำลังพยายามปลอบใจเธอก็มีพนักงานของรีสอร์ทคนหนึ่งที่มีหน้าตายิ้มแย้มเดินเข้ามาหาเราสองคนแล้วพูดแบบยิ้มๆว่า “นี่พี่ไม่ได้ทะลึ่งนะ เดี๋ยวพอแอลกอฮอลลงแผลปุ้บ ก็ให้น้องผู้ชายเป่าแรงๆเลยนะ มันจะเย็นนนน” ณวินาทีนั้นในใจผมคิดว่า “โถ่คุณพี่ ผมยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องทะลึ่งอะไรเลยครับ”
หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจคุณยายก็ไม่รอช้าเอาสำลีอันใหญ่ที่ชุบแอลกอฮอลเอาไว้ จิ้มลงไปที่แผลของหน็อยแน่ เธอร้องอุทานออกมาเสียงดังในขณะที่ผมก็ไม่รอช้าเป่าอย่างแรงโดยมีเสียงของคุณพี่พนักงานเชียดังๆว่า "เป่าอีกเป่าอีกเป่าอีก” หลังจากที่หมดรอบการทำแผลของหน่อยแน่ไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาของผมแล้วครับ ผมมัวแต่สนใจแผลของหน็อยแน่โดยที่ไม่ได้ดูว่าแผลตัวเองนั้นก็ใหญ่เหมือนกันและตอนนี้เลือดไหลไปถึงข้อเท้าแล้วครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คนที่ตกใจจริงๆคือหน็อยแน่ซะมากกว่าครับ พอคุณยายหันมาดูแผลของผม ผมก็ตอบไปว่า“ไม่เป็นไรครับผมไม่เจ็บหรอก ดูแลน้องเขาไปก่อน”
คุณยายตอบกลับมาเป็นประโยคสุดประทับใจของผมจนวันนี้ว่า “เป็นผู้ชายอย่าคิดว่าจะไม่เจ็บ”พร้อมกับใช้สำลีที่ชุบแอลกอฮอลไว้เต็มๆโปะลงมาที่แผลของผม ณ วินาทีนั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยครับ แต่ก็ต้องทำหน้ายิ้มแล้วบอกกับหน็อยแน่ว่าไม่เป็นไรออกไปเพราะว่าไม่อยากให้เขารู้สึก
เป็นห่วงไปมากกว่าตอนนี้ การทำแผลก็ดำเนินต่อไปอย่างเรียบร้อยดีครับ พอเสร็จจากผม คุณยายก็กลับไปดูหน็อยแน่อีกรอบครับ คราวนี้คุณยายใช้ยาหม่องนวดขาให้หน็อยแน่ด้วยครับ นวดไปคุณยายก็บ่นไปว่า “เส้นตึงนะหนูนะ อย่าเกร็งสิ” หลังจากนั้นคุณยายก็นวดต่อไปอีกซักพัก เมื่อน้องเขาเริ่มที่จะดีขึ้นแล้วจึงปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้นสักพัก พอเราสองคนเริ่มดีขึ้นแล้วจึงได้พากันเดินออกไปนอกร้านก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะถามคุณยายว่า
"แล้วนี่คุณยายขายของอยู่ที่ร้านไหนครับ?” คุณยายจึงชี้ไปที่ริมชายหาดเป็นร้านเล็กๆที่ขายน้ำขายขนมและมีให้เช่าห่วงยาง
เราจึงได้ซื้อน้ำจากร้านคุณยายและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ชายหาดกัน คุณยายเดินเข้ามาถามว่า "หนูอยากนวดต่อกันไหมล่ะ” พร้อมด้วยตระกร้าใส่อุปกรนวดมากมาย แต่ด้วยที่ตอนนั้นเราสองคนเจ็บแผลกันมากจึงได้ตอบปฏิเสธคุณยายไป แต่การเทคแคร์ของคุณยายต่อพวกเราสองคนยังไม่หมดแค่นี้คุณยายยังถามเราว่าถ้าอยากจะสั่งอะไรกินแถวนี้ก็อย่าลืมดูราคากันให้ดีๆด้วยนะ (เนื่องด้วยราคาของอาหารที่ขายริมหาดจะอัพราคาขึ้นมาหลายเท่าอยู่ครับ) หลังจากนั้นคุณยายก็เดินจากไปหายไปจากสายตาของพวกเรา (เสียดายมากครับที่ตอนนั้นลืมถามชื่อของคุณยายเอาไว้)
Chapters4
หลังจากที่เราเกิดอุบัติเหตุกันที่หาดแสมเราก็ได้ขับรถกลับไปที่พักแล้วไปนอนพักกัน บ้านพักนี้พนักงานน่ารักครับ ตอนที่ผมเดินเข้าห้อง
ขาเราทั้งสองมีแผล พี่พนักงานผู้หญิงสองคนพยายามจะบังคับถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง ไปโรงพยาบาลสิ ไปเย็บได้นะ หลายรอบเลยครับ แต่เราสองคนไม่ได้ไปเพราะว่าตอนนั้นเริ่มที่จะโอเคไม่เป็นอะไรมากกันแล้วครับ เมื่อได้เวลาแล้วเราก็ออกจากที่พัก ไปกันที่"บ้านเฉลียงลม" เราไปถึงกันเป็นโต็ะแรกๆ
จึงเลือกที่นั่งกันได้สะดวกนิดหน่อยครับ
บรรยากาศของร้าน
อาหารที่สั่งกินกันมี ปูนิ่มกระเทียบพริกไทย หอยนางรมสด กุ้งเผา ปลาหมึกนึ่งมะนาว ข้าวเปล่า เบียร์อีกสองขวด และตบท้ายด้วย บลูเลม่อนครับ

- ปูนิ่มกระเทียบพริกไทย อร่อยมากครับกินแล้วติดใจอยากกลับไปกินอีกมากๆ รสชาติเข้มข้นสุดๆไปเลย กระเทียมเจียวดีมากครับ
- กุ้งเผา หอมและกรอบอร่อยมากครับ แต่เนื่องด้วยว่า90%ของกุ้งในจานโดนรับประทานโดยหน็อยแน่ ผมจึงไม่สามารถบรรยายได้ดีพอ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
- ปลาหมึกนึ่งมะนาว จานนี้ผมชอบมากครับเพราะเป็นคนชอบกินรสจัด จานนี้เข้มข้นและจัดจ้านอร่อยหอมมากครับ
- หอยนางรมสด เสิร์ฟมาในจานใหญ่ เยอะมากๆครับ เกือบกินกันไม่หมดเลย
ก่อนกลับเรากินบลูเลม่อนครับ
Chapters5
หลังจากที่เราเสร็จภารกิจการกินของเราที่บ้านเฉลียงลม เราก็เดินกลับไปที่บ้านพัก (กินแอลกอฮอลไม่ขับรถนะคร้าบ) น้องหน็อยเกิดอาการอยากใช้เงินผมเลยต้องพาไปจัดการที่เซเว่นเพียงแห่งเดียวในเกาะ ซื้อของกันหลายอย่างเลย เหล้า1แบน ขนมอีกมากมาย ข้าวกล่องอีกสามกล่องที่ตอนนั้นอยากกินมากครับ แต่สุดท้ายแล้วด้วยความง่วงและความเหนื่อยทำให้เราทั้งสองคนหลับสนิทโดยที่ไม่ได้กินข้าวกล่องที่อยากกินทั้งสามกล่องนั้นเลยครับ ฮ่าๆ
Wish Us Luck @ KohLarn ขอให้เราโชคดีที่เกาะล้าน
“เห้ยเอาไงดีล่ะทริปเร่งด่วนว่ะ ซื้อตั๋วดิรอไร” ผมบอกกับ “หน็อยแน่” เพื่อนร่วมเดินทางของผมที่กำลังจะออกเดินทางไปด้วยกันในทริปเร่งด่วนนี้ “ก็เอาดิไปกัน” คำตอบจากหน็อยแน่ทำให้ผมไม่รอช้ารีบจัดแจงหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและหาที่พัก
ก่อนวันเดินทางเราได้เติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูน้ำใส ปากซอยรามอินทรา19 ขอขอบคุณพี่ขายก๋วยเตี๋ยวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้เราได้มีแรงเดินทางในครั้งนี้ ก่อนวันเดินทางเราได้พบกับเรื่องแปลกโดยการที่มีเครื่องบินอยู่ที่หน้าปากซอยบ้านเราเป็นการอวยพรให้โชคดีในการเดินทางครั้งนี้
Chapters 1 Day1
เราเริ่มออกจากกรุงเทพด้วยรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยข้างเซ็นจูรี่ ตอนเวลา 6 โมงตรง ค่ารถ 120 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาน3ชั่วโมง
รถตู้มีจอดแวะพักเติมก๊าซ ทำให้เราได้มีเวลาลงไปถ่ายรูปเล่นกันซักพัก หลังจากเริ่มออกเดินทางต่อเราก็นั่งฟังเพลงกันไป จนถึงที่หมาย แหลมบาลีฮาย เราจึงไม่รอช้ารีบเดินไปซื้อตั๋วเรือไปเกาะล้าน จอดที่ท่าเรือหน้าบ้าน ราคาคนละ30บาท
ใช้เวลาเดินทางประมาน40นาที เราก็มาถึงท่าเรือ เอ้ะ นั่นคือเวลาประมานที่คนอื่นเขาบอกมา แต่เรือลำที่เรานั่งมา เป็นเรือแว๊นครับ ใช้เวลา25นาทีเท่านั้น
เรามาถึงท่าหน้าบ้านเราก็เดินไปเช็คอินที่บ้านรินรักษ์ซึ่งทริปเราเป็นทริปเร่งด่วนทำให้การจองที่พักเป็นเรื่องที่ลำบากมาก สุดท้ายเราก็มาลงเอยกันที่
บ้านรินรักษ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโชคดีของเรามาก พนักงานที่นี้ยิ้มแย้มบริการดีตลอดการเข้าพักของเราเลย
Chapters 2
เราเช่ามอเตอร์ไซค์ 300 บาท คืนเที่ยงวันรุ่งขึ้น รีบไปทะเลก่อนเลยครับ ไปหาดแสมก่อนเป็นหาดแรก และเป็นหาดเดียวที่เราได้ไป เพราะอะไรรออ่านต่อนะครับ
ทะเลน้ำใสมากครับ ลงไปลึกถึงเอวยังมองเห็นเท้าอยู่เลย ทรายนุ่มและขาวมากครับ
หลังจากเราเสร็จทะเลเราไปต่อกันที่จุดชมวิว ขับมอเตอร์ไซด์ไปต่อไม่ไกลครับ แต่หนทางชันมาก แนะนำถ้าใครขับรถไม่แข็งอย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ
***หมายเหตุ*** เหตุการณ์ต่อจากนี้จะไม่มีภาพประกอบนะครับเนื่องจากไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะถ่ายรูป
Chapters 3
หลังจากที่เรากำลังขับลงจากเขานั้น ทางชันมากครับ พอถึงโค้งหักศอกตอนที่จะถึงทางราบแล้วตรงโค้งมีหินเม็ดเล็กๆอยู่เต็มไปหมด ผมมองไม่เห็นขับเลี้ยวตามปกติด้วยความเร็วที่ต่ำมากๆ ไม่ได้บิดเลยครับ ทันใดนั้น โคร้ม !! รถสไลด์ เราสองคนล้มลงไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับพื้นถนนแคบๆนั้น
ณ วินาทีนั้นตัวผมไม่มีความรู้สึกเจ็บใดๆครับ สิ่งแรกที่คิดคือหันไปมองหน็อยแน่แล้วถามว่าเป็นอะไรไหม นั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เธอทำครับ
หลังจากเราตั้งสติกันได้แล้วเราก็ขับรถกันออกมาทั้งๆที่ขาเราเป็นแผลและเลือดไหนโชกครับ เราออกมาถึงทางออกจุดชมวิว ผมก็จอดรถและดูอาหารให้หน็อยแน่ ที่ตอนนั้นเลือดออกมาจากแผลเยอะมากครับ จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “หนูๆ เป็นอะไรมากไหม ไปกับยายไหม เดี๋ยวยายพาไปทำแผล” ผมกับหน็อยแน่หันไปมองทางเดียวกับที่เสียงนั้นดังมา เป็นคุณยายชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาพอดี ที่ตอนแรกขับเลยไปแล้วแต่ยายเขาหยุดรถและตะโกนมาหาเราสองคนตอนแรกนั้นเราสองคนก็ลังเลครับว่าจะไปกันดีหรือเปล่า กลัวว่ายายจะมาหลอกไหม เหมือนคุณยายจะเห็นจากสีหน้าของเราสองคน
คุณยายเลยพูดขึ้นมาว่า “ยายพาไปทำแผลฟรีนะตามมาเถอะ”
สุดท้ายเราก็ตกลงขับรถตามคุณยายกลับไปที่หาดแสม คุณยายพาเราไปจอดรถที่หน้ารีสอร์ท ตอนแรกที่เจ้าของรีสอร์ทเดินออกมาดูเราสองคน เขาก็บอกเราว่า “ไปล้างแผลที่ห้องน้ำก่อนเลยนะ” ผมกำลังจะพาหน็อยแน่เดินอ้อมไปไม่อยากเดินผ่านล้อบบี้แต่ทางเจ้าของบอกว่า “เดินผ่านล้อบบี้ไปเลยนะ”
เขาบอกก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดอะไรซะอีกครับ ซื้อใจพวกผมไปได้เยอะมากจริงๆครับ คนบนเกาะนี้น่ารักมากๆเลยจริงๆ หลังจากที่เราล้างแผลเสร็จ
คุณยายก็พาเรามานั่งที่เก้าอี้ของทางรีสอร์ท ที่จริงๆเป็นโต๊ะที่เตรียมไว้รับแขกที่กำลังจะมาครับ จุดนี้เกรงใจมากจริงๆครับผมบอกไปว่า “ไม่เป็นไรครับไม่ต้องทำแผลก็ได้” แต่คุณยายก็ยังยืนยันที่จะทำแผลให้ ท่ามกลางพวกพี่ๆที่กำลังทำกับข้าวกันอยู่เลยครับ คนมองเต็มเลย ฮ่าๆ
หลังจากนั้นคุณยายก็ไก้จัดเตรียมอุปกรณ์ทำแผลที่ประกอบไปด้วย สำลีแอลกอฮอล เบตาดีน และยาหม่อง ตอนนั้นสีหน้าของหน็อยแน่เริ่มไม่สู้ดีแล้ว และแล้วเธอก็เป็นลม ในขณะที่คุณยายเริ่มใช้ยาหม่องทาไปที่จมูกของเธอ ทำให้เธอได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากนั้นคุณยายก็เริ่มปฏิบัติการทำแผลต่อครับ โดยเริ่มจากการเอาแอลกอฮอลเช็ดรอบๆแผล อีกซักพักเมื่อคุณยายเริ่มเช็ดรอบๆแผลดีแล้วนั้นเอง คุณยายก็จะเริ่มเข้าบุกตีเมืองกรุงแล้วครับ คุณยายจัดแจงเปลี่ยนสำลีอันใหม่ชุบแอลกอฮอลเน้นๆ เตรียมจะบุกเข้าตีแล้ว ทันใดนั้นหน็อยแน่ก็ได้ห้ามเอาไว้บอกว่า”เดี๋ยวก่อนค่ะคุณยาย” ในขณะที่ผมกำลังพยายามปลอบใจเธอก็มีพนักงานของรีสอร์ทคนหนึ่งที่มีหน้าตายิ้มแย้มเดินเข้ามาหาเราสองคนแล้วพูดแบบยิ้มๆว่า “นี่พี่ไม่ได้ทะลึ่งนะ เดี๋ยวพอแอลกอฮอลลงแผลปุ้บ ก็ให้น้องผู้ชายเป่าแรงๆเลยนะ มันจะเย็นนนน” ณวินาทีนั้นในใจผมคิดว่า “โถ่คุณพี่ ผมยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องทะลึ่งอะไรเลยครับ”
หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจคุณยายก็ไม่รอช้าเอาสำลีอันใหญ่ที่ชุบแอลกอฮอลเอาไว้ จิ้มลงไปที่แผลของหน็อยแน่ เธอร้องอุทานออกมาเสียงดังในขณะที่ผมก็ไม่รอช้าเป่าอย่างแรงโดยมีเสียงของคุณพี่พนักงานเชียดังๆว่า "เป่าอีกเป่าอีกเป่าอีก” หลังจากที่หมดรอบการทำแผลของหน่อยแน่ไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาของผมแล้วครับ ผมมัวแต่สนใจแผลของหน็อยแน่โดยที่ไม่ได้ดูว่าแผลตัวเองนั้นก็ใหญ่เหมือนกันและตอนนี้เลือดไหลไปถึงข้อเท้าแล้วครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คนที่ตกใจจริงๆคือหน็อยแน่ซะมากกว่าครับ พอคุณยายหันมาดูแผลของผม ผมก็ตอบไปว่า“ไม่เป็นไรครับผมไม่เจ็บหรอก ดูแลน้องเขาไปก่อน”
คุณยายตอบกลับมาเป็นประโยคสุดประทับใจของผมจนวันนี้ว่า “เป็นผู้ชายอย่าคิดว่าจะไม่เจ็บ”พร้อมกับใช้สำลีที่ชุบแอลกอฮอลไว้เต็มๆโปะลงมาที่แผลของผม ณ วินาทีนั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยครับ แต่ก็ต้องทำหน้ายิ้มแล้วบอกกับหน็อยแน่ว่าไม่เป็นไรออกไปเพราะว่าไม่อยากให้เขารู้สึก
เป็นห่วงไปมากกว่าตอนนี้ การทำแผลก็ดำเนินต่อไปอย่างเรียบร้อยดีครับ พอเสร็จจากผม คุณยายก็กลับไปดูหน็อยแน่อีกรอบครับ คราวนี้คุณยายใช้ยาหม่องนวดขาให้หน็อยแน่ด้วยครับ นวดไปคุณยายก็บ่นไปว่า “เส้นตึงนะหนูนะ อย่าเกร็งสิ” หลังจากนั้นคุณยายก็นวดต่อไปอีกซักพัก เมื่อน้องเขาเริ่มที่จะดีขึ้นแล้วจึงปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้นสักพัก พอเราสองคนเริ่มดีขึ้นแล้วจึงได้พากันเดินออกไปนอกร้านก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะถามคุณยายว่า
"แล้วนี่คุณยายขายของอยู่ที่ร้านไหนครับ?” คุณยายจึงชี้ไปที่ริมชายหาดเป็นร้านเล็กๆที่ขายน้ำขายขนมและมีให้เช่าห่วงยาง
เราจึงได้ซื้อน้ำจากร้านคุณยายและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ชายหาดกัน คุณยายเดินเข้ามาถามว่า "หนูอยากนวดต่อกันไหมล่ะ” พร้อมด้วยตระกร้าใส่อุปกรนวดมากมาย แต่ด้วยที่ตอนนั้นเราสองคนเจ็บแผลกันมากจึงได้ตอบปฏิเสธคุณยายไป แต่การเทคแคร์ของคุณยายต่อพวกเราสองคนยังไม่หมดแค่นี้คุณยายยังถามเราว่าถ้าอยากจะสั่งอะไรกินแถวนี้ก็อย่าลืมดูราคากันให้ดีๆด้วยนะ (เนื่องด้วยราคาของอาหารที่ขายริมหาดจะอัพราคาขึ้นมาหลายเท่าอยู่ครับ) หลังจากนั้นคุณยายก็เดินจากไปหายไปจากสายตาของพวกเรา (เสียดายมากครับที่ตอนนั้นลืมถามชื่อของคุณยายเอาไว้)
Chapters4
หลังจากที่เราเกิดอุบัติเหตุกันที่หาดแสมเราก็ได้ขับรถกลับไปที่พักแล้วไปนอนพักกัน บ้านพักนี้พนักงานน่ารักครับ ตอนที่ผมเดินเข้าห้อง
ขาเราทั้งสองมีแผล พี่พนักงานผู้หญิงสองคนพยายามจะบังคับถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง ไปโรงพยาบาลสิ ไปเย็บได้นะ หลายรอบเลยครับ แต่เราสองคนไม่ได้ไปเพราะว่าตอนนั้นเริ่มที่จะโอเคไม่เป็นอะไรมากกันแล้วครับ เมื่อได้เวลาแล้วเราก็ออกจากที่พัก ไปกันที่"บ้านเฉลียงลม" เราไปถึงกันเป็นโต็ะแรกๆ
จึงเลือกที่นั่งกันได้สะดวกนิดหน่อยครับ
อาหารที่สั่งกินกันมี ปูนิ่มกระเทียบพริกไทย หอยนางรมสด กุ้งเผา ปลาหมึกนึ่งมะนาว ข้าวเปล่า เบียร์อีกสองขวด และตบท้ายด้วย บลูเลม่อนครับ
- ปูนิ่มกระเทียบพริกไทย อร่อยมากครับกินแล้วติดใจอยากกลับไปกินอีกมากๆ รสชาติเข้มข้นสุดๆไปเลย กระเทียมเจียวดีมากครับ
- กุ้งเผา หอมและกรอบอร่อยมากครับ แต่เนื่องด้วยว่า90%ของกุ้งในจานโดนรับประทานโดยหน็อยแน่ ผมจึงไม่สามารถบรรยายได้ดีพอ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
- ปลาหมึกนึ่งมะนาว จานนี้ผมชอบมากครับเพราะเป็นคนชอบกินรสจัด จานนี้เข้มข้นและจัดจ้านอร่อยหอมมากครับ
- หอยนางรมสด เสิร์ฟมาในจานใหญ่ เยอะมากๆครับ เกือบกินกันไม่หมดเลย
Chapters5
หลังจากที่เราเสร็จภารกิจการกินของเราที่บ้านเฉลียงลม เราก็เดินกลับไปที่บ้านพัก (กินแอลกอฮอลไม่ขับรถนะคร้าบ) น้องหน็อยเกิดอาการอยากใช้เงินผมเลยต้องพาไปจัดการที่เซเว่นเพียงแห่งเดียวในเกาะ ซื้อของกันหลายอย่างเลย เหล้า1แบน ขนมอีกมากมาย ข้าวกล่องอีกสามกล่องที่ตอนนั้นอยากกินมากครับ แต่สุดท้ายแล้วด้วยความง่วงและความเหนื่อยทำให้เราทั้งสองคนหลับสนิทโดยที่ไม่ได้กินข้าวกล่องที่อยากกินทั้งสามกล่องนั้นเลยครับ ฮ่าๆ